ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 1095 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
181 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่การปลูกพืชให้เหมาะสมภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี 2560/61 (ด้านการผลิต) | กษ | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่การปลูกพืชให้เหมาะสม ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี ๒๕๖๐/๖๑ (ด้านการผลิต) จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ (กรมส่งเสริมการเกษตร) และ (๒) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ (กรมพัฒนาที่ดิน) ๑.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว กรอบวงเงิน ๔๘๘.๑๕ ล้านบาท แยกเป็น (๑) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ วงเงิน ๓๐๐ ล้านบาท และ (๒) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ วงเงิน ๑๘๘.๑๕ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของสำนักงบประมาณ รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ส่งเสริมความรู้ทางวิชาการด้านการเกษตรผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร เครือข่ายหมอดินอาสา ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการพัฒนาที่ดิน และศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กำหนดให้มีคู่มือ หลักเกณฑ์ ขั้นตอนในการขอรับการจัดสรรงบประมาณและเบิกจ่ายเงิน มีการติดตามผลการดำเนินโครงการฯ ให้เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการผลิตได้อย่างแท้จริง และดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ และส่งเสริมองค์ความรู้เพื่อจูงใจให้เกษตรกรหันมาปรับเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๖๑ ให้บรรลุตามเป้าหมายภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจรอย่างมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมสอดคล้องกับปริมาณความต้องการของตลาด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ และรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
182 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดนิทรรศการหลังงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร | วธ | 31/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมศิลปากรเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ แล้ว จำนวน ๑๒๔,๖๘๔,๓๖๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดนิทรรศการหลังงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยให้เบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ลักษณะค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
183 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กษ | 17/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน พ.ศ. ๒๕๒๘ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยยกเลิกอำนาจการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน รวมถึงอำนาจและหน้าที่ของคณะอนุกรรมการดังกล่าว ปรับปรุงบทบาทภารกิจของคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนเพื่อให้มีอำนาจและหน้าที่หลักในการกำหนดนโยบายและแผนงานในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากจน โดยการกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจนเพื่อทำหน้าที่บริหารและขับเคลื่อนกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการตรวจสอบหลักการและเนื้อหาสาระของการกำหนดร่างระเบียบทั้ง ๒ ฉบับ ให้มีความชัดเจนและเหมาะสม และสร้างความรับรู้และความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจนและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรมีการประสานและเชื่อมโยงข้อมูลรายชื่อเกษตรกรที่ได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้สินแล้วกับหน่วยงานทั้งในสังกัดและนอกสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อขอรับการสนับสนุนเพื่อเร่งฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพและรายได้ตามความสนใจให้กับเกษตรกรและผู้ยากจน โดยนำแนวทางตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกษตรกรรายย่อยและผู้ยากจนกลับมาประสบปัญหาหนี้สินที่ไม่สามารถชำระคืนได้อีก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
184 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | นร10 | 17/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะกรรมการและเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาสรรหาบุคลากรจากผู้ที่ได้รับทุนรัฐบาลเพื่อดึงดูดผู้มีศักยภาพสูงที่กำลังศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาภายในประเทศ (Undergraduate Intelligence Scholarship Program : UIS) ให้เข้ามาบรรจุเป็นข้าราชการตามที่ได้รับการอนุมัติอัตรากำลังในครั้งนี้ด้วย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้เป็นองค์กรคลังสมอง (Excellent Think Tank) ของรัฐบาลในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและเป็นองค์กรที่มีบุคลากรที่มีศักยภาพสูงต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเพื่อการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เห็นควรให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้เสนอขอรับการสนับสนุนจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามระเบียบและขั้นตอน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินการเสนอร่างพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ฉบับใหม่) ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
185 | ข้อเสนอการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) | นร12 | 10/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการข้อเสนอการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท และให้สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการคลัง และสำนักงาน ก.พ.ร. ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงแผนการดำเนินการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) โดยให้กำหนดกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ รวมทั้งระยะเวลาดำเนินการให้เหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีกิจกรรม/โครงการที่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมในระยะที่ ๑ (ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑) ให้มากยิ่งขึ้น แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณที่จะขอรับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ภายในกรอบวงเงินงบประมาณจำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีความชัดเจนด้านการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ดี เพื่อให้ภาคประชาชนเกิดความมั่นใจและเข้าใช้ระบบดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งควรเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความเข้าใจให้กับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องตามเป้าหมาย ซึ่งต้องปรับกระบวนการทำงานใหม่ตามกรอบ Doing Business Portal เพื่อให้เกิดความชัดเจนในแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง และสามารถบรรลุผลตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้ ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้ภาคเอกชนเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
186 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ที่เผาดอกไม้จันทน์ฯ) | มท | 10/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง และกรุงเทพมหานคร เบิกจ่ายจากงบประมาณในกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ จำนวน ๒๐๓,๗๓๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่เผาดอกไม้จันทน์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวน ๘๕๒ แห่ง ค่าอุปกรณ์ตกแต่งที่เผาดอกไม้จันทน์ สำหรับ ๘๗๘ อำเภอ และค่าถุงบรรจุเถ้าดอกไม้จันทน์ พร้อมค่าขนส่ง จำนวน ๕,๐๐๐ ใบ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
187 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ 1/2560 | นร11 | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่ประธานที่ประชุมได้มอบนโยบาย ดังนี้ (๑) ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนน้อมนำพระราชดำรัส สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ไปเป็นแนวทางในการพัฒนาการศึกษาให้เกิดผลเป็นรูปธรรม (๒) การดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ควรขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างน้อยภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ (๓) การจัดทำโครงการที่ขอใช้งบประมาณผูกพันในระยะยาว ขอให้ทุกส่วนราชการยึดหลักสำคัญ ได้แก่ การเชื่อมโยงทิศทางการพัฒนาประเทศตามร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี และการตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ และ (๔) ประเด็นที่ต้องขับเคลื่อนสำคัญ เช่น การสื่อสารกับสังคมในเรื่องการจัดทำแผนกำลังคนให้ตรงกับความต้องการของประเทศ การพัฒนาระบบ E-Learning เพื่อสร้างระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับคนไทยทุกกลุ่ม และการร่วมมือกับสถานประกอบการเพื่อแปลภาษาที่ใช้ในการปฏิบัติงานให้เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาที่จำเป็นอื่น ๆ ในทุกโรงงานภายในสิ้นปีนี้ ๒. รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๘/๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๐ โดยมีองค์ประกอบคณะกรรมการฯ จำนวน ๑๒ ท่าน ๓. รับทราบความคืบหน้าการปฏิรูปการศึกษา และมอบหมายกระทรวงแรงงานประสานความร่วมมือกับสถานประกอบการในการส่งเสริมการพัฒนาทักษะภาษา และมอบหมายกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงแรงงานรวบรวมและจัดทำข้อมูลการผลิตและความต้องการกำลังคนให้ชัดเจน ๔. รับทราบการศึกษารูปแบบการจัดการศึกษาของบรูไนดารุสซาลาม ที่กำหนดจุดเน้นในการปฏิรูปการศึกษาใน ๖ เรื่องสำคัญ ได้แก่ (๑) การพัฒนาโครงสร้างหลักสูตร (๒) การขยายขอบข่ายการฝึกงาน (๓) การจัดระบบการให้บริการใหม่ (๔) การสร้างความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน (๕) การพัฒนาการสื่อสารและสร้างภาพลักษณ์ และ (๖) การยกระดับสภาพแวดล้อมในการฝึกอบรม ๕. เห็นชอบในหลักการของยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาพรวมของประเทศในระยะยาว (๕-๑๐ ปี) ของกระทรวงสาธารณสุข และให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำแผนการดำเนินงานในระยะ ๓ ปีแรก รวมทั้งให้รับความเห็นจากที่ประชุมไปปรับปรุงยุทธศาสตร์ฯ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๖. เห็นชอบในหลักการโครงการสนับสนุนนักเรียนทุนรัฐบาลทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระยะที่ ๔ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นจากที่ประชุมไปพิจารณาปรับปรุง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวบรวมข้อมูลนักเรียนทุนโครงการฯ ที่สำเร็จการศึกษาแล้ว จำนวน ๒,๙๐๐ ราย ที่มีรายละเอียดสาขาวิชาที่สำเร็จการศึกษา สถานที่ทำงาน และผู้ที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาอีกประมาณ ๗๐๐ ราย เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากผู้รับทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้สำนักงาน ก.พ. รวบรวมข้อมูลแหล่งทุน ผู้รับทุนในภาพรวมของประเทศอย่างเป็นระบบ และพิจารณาเกี่ยวกับค่าตอบแทนนักวิจัยที่เหมาะสม และแนวทางการให้นักวิจัยสามารถไปทำงานวิจัยในภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับบุคลากรภาครัฐสร้างนวัตกรรมและผลงานวิจัยให้กับประเทศและสนับสนุนงานวิจัยในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น และสรุปผลการดำเนินการดังกล่าว แล้วนำเสนอคณะกรรมการฯ เพื่อทราบ ๗. เห็นชอบในหลักการของโครงการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในอุดมศึกษา เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก (ทุนพัฒนาอาจารย์) พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการจัดลำดับความสำคัญและจัดทำกรอบการจัดสรรในระยะ ๓ ปี และให้สำนักงาน ก.พ. ดำเนินการร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาของหน่วยงานต่าง ๆ ในภาพรวมให้เป็นระบบ รวมทั้งสังเคราะห์ข้อมูลสาขาวิชาที่ผู้รับทุนสำเร็จการศึกษากับสาขาวิชาที่เป็นความต้องการของประเทศ โดยกำหนดรูปแบบการจ้างในระบบราชการให้ชัดเจน และกำหนดคุณวุฒิที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้การผลิตกำลังคนส่งผลกระทบต่ออัตรากำลังภาครัฐและเป็นภาระงบประมาณภาครัฐ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๑ ๘. เห็นชอบในหลักการของโครงการผลิตทันตแพทย์เพิ่มของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ระยะที่ ๒ เพื่อพัฒนาทันตสุขภาวะของประชาชน (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนขอรับการสนับสนุนระยะเวลา ๓ ปี รวมทั้งให้พิจารณาร่วมกับสำนักงาน ก.พ. ในการกำหนดกรอบอัตรากำลังของข้าราชการที่เหมาะสมให้ได้ข้อยุติ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการว่า ผลิตแล้ว ต้องรักษาไว้ในสถานพยาบาลของรัฐให้ได้ ไม่ใช่ไปเอกชนหมด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
188 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม | กห | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๐๑๓,๐๘๗,๐๐๐ บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพบก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการซ่อมปรับปรุงถนนเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๑๒๙ เส้นทาง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้กระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพบก) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
189 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 1 | ทส | 19/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๑ ในระหว่างวันที่ ๒๔-๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส รวมทั้งสิ้น ๓๗ คน ประกอบด้วย (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย (๒) ประธานอนุกรรมการอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท (๓) ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๔) ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม (๕) ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข (๖) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ (๗) ผู้แทนกระทรวงการคลัง และ (๘) ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ๑.๒ เห็นชอบต่อท่าทีของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๑ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการและจุดมุ่งหมายของอนุสัญญามินามาตะฯ ในการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยสู่บรรยากาศและการปล่อยสู่ดินหรือน้ำของปรอทและสารประกอบปรอทจากกิจกรรมของมนุษย์ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ และความต้องการจำเพาะของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถในระดับประเทศและภูมิภาคด้านการจัดการสารเคมีอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจร โดยผ่านการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคและทางด้านการเงิน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคีต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนความร่วมมือและการบูรณาการร่วมกันในการดำเนินงานตามพันธกรณีข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีของไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะฯ สมัยที่ ๑ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับท่าทีของไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะฯ สมัยที่ ๑ ในข้อ ๔.๒ ประเด็นด้านเทคนิควิชาการและวิทยาศาสตร์ และข้อ ๔.๔ ประเด็นความช่วยเหลือด้านเทคนิควิชาการ ควรเพิ่มการกำหนดค่ามาตรฐานของปริมาณ และมาตรฐานวิธีการทดสอบเมทิลเมอร์คิวรี่ (Methyl Mercury) และขอรับการสนับสนุนการถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์ และเครื่องมือในการตรวจวัดสารประกอบเมทิลเมอร์คิวรี่ และอนุพันธุ์ของสารดังกล่าวที่เกิดจากกระบวนการ Methylation ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมินามาตะ รวมทั้งประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
190 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ) | กห | 19/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๓๕,๓๖๑,๓๐๐ บาท ให้กองทัพบกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้ำ (มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๒๒ โครงการ ในพื้นที่ ๑๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แพร่ สุโขทัย ขอนแก่น บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี นครปฐม กรุงเทพมหานคร เพชรบุรี หนองคาย สุรินทร์ พะเยา เชียงราย พิษณุโลก และพัทลุง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในช่วงน้ำหลาก บรรเทาความเสียหายและความเดือดร้อนจากน้ำท่วมและน้ำแล้งให้กับประชาชน รวมทั้งกระจายน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรและเพิ่มปริมาณน้ำเพื่อสำรองไว้ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้ง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงกลาโหมส่งรายละเอียดโครงการฯ ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาแผนงานโครงการตามการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยและภัยแล้งทั้งประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
191 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และข้อเสนอแผนงานโครงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | ทส | 22/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (เลขานุการ กนช.) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุม กนช. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๐ โดยที่ประชุมมีมติสำคัญ เช่น (๑) ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำจัดทำรายละเอียดแผนงาน โครงการ และงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ และแผนงานเร่งด่วนเพิ่มเติม และให้ฝ่ายเลขานุการ กนช. นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ เดือน (๒) ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบสิ่งกีดขวางทางน้ำเร่งรัดการดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำ (๓) เห็นชอบการหาพื้นที่บริเวณเนินเขาเพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำไม่ให้น้ำไหลลงสู่พื้นที่ราบ (๔) รับทราบแผนการเติมน้ำลงสู่ใต้ดิน และ (๕) รับทราบการโอนกรมทรัพยากรน้ำไป สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี เป็นต้น ๑.๒ รับทราบและเห็นชอบการกำหนดพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งอย่างเป็นระบบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Area-based) จำนวน ๘ พื้นที่ ประกอบด้วย (๑) ลุ่มน้ำเลยตอนล่าง (๒) ลุ่มน้ำห้วยหลวง (๓) ลุ่มน้ำแม่น้ำสงคราม (๔) ลุ่มน้ำพุง-น้ำก่ำ (๕) ลุ่มน้ำชีตอนบน (๖) ลุ่มแม่น้ำชีตอนล่าง (๗) ลุ่มน้ำมูลตอนบน และ (๘) ลุ่มน้ำมูลตอนล่าง เพื่อให้มีความชัดเจนในการบูรณาการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ๑.๓ เห็นชอบให้กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรมทรัพยากรน้ำเสนอโครงการที่มีความพร้อมเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพิ่มเติม รวม ๓๔๘ โครงการ งบประมาณทั้งสิ้น ๘,๘๒๐ ล้านบาท มีพื้นที่ได้รับประโยชน์รวม ๕๔๙,๗๐๐ ไร่ คิดเป็นปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ๑๐๗ ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือใน ๘ พื้นที่ โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กนช. รวบรวมพิจารณาและวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการและงบประมาณเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป ๑.๔ เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการ กนช. รวบรวมแผนงานโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในระยะยาว (ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๙) ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยแผนงานดังกล่าวจะต้องสามารถแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ของพื้นที่เสี่ยงรุนแรง และร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ทั้งหมด ๑.๕ รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำตามที่ฝ่ายเลขานุการ กนช. เสนอ และให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการดำเนินการแก้ไข จัดการสิ่งกีดขวางทางน้ำ หรือกำหนดมาตรการรองรับกรณีเกิดอุทกภัย หากสิ่งกีดขวางดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยกำหนดให้การแก้ไขสิ่งกีดขวางลำน้ำทั้งหมดต้องแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ สำหรับสิ่งกีดขวางทางน้ำ จำนวน ๑๒ แห่ง ที่ไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบ กรมทรัพยากรน้ำจะได้ประสานกับทางจังหวัดเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ฝ่ายเลขานุการ กนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรรวบรวมโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามพื้นที่บริหารจัดการน้ำ ๘ พื้นที่ ที่มิได้อยู่ในแผนฯ ที่เสนอในครั้งนี้ โดยจัดเตรียมรายละเอียดโครงการ งบประมาณ และความพร้อมต่าง ๆ รวมถึงจัดลำดับความสำคัญของโครงการ สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำ เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการในเชิงบูรณาการเพื่อแก้ไขจัดการสิ่งกีดขวางทางน้ำ หรือกำหนดมาตรการรองรับกรณีเกิดอุทกภัยในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำ) ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนช. รับไปประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในระยะยาว ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๐ ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
192 | ขออนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการ พัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1 ปี 2558 | พม | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๘ ตามสัดส่วนของแหล่งเงิน โดยใช้เงินอุดหนุนจากรัฐบาล วงเงิน ๘๙๓,๓๒๔,๙๐๐ บาท หรือร้อยละ ๑๖.๒๙ ซึ่งได้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘ ไปดำเนินการแล้ว จำนวน ๙๗,๒๑๑,๐๐๐ บาท และให้การเคหะแห่งชาติเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๑๒,๓๒๕,๑๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๘ โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน รายการค่าก่อสร้างที่อยู่อาศัย โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง สำหรับวงเงินที่เหลือ จำนวน ๕๘๓,๗๘๘,๘๐๐ บาท ให้การเคหะแห่งชาติเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (การเคหะแห่งชาติ) รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การเคหะแห่งชาติควรมีแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับแผนดำเนินงานในโครงการดังกล่าว และควรเร่งดำเนินการลงทุนโครงการที่ได้รับอนุมัติให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยเป็นไปตามเป้าหมายและสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้ตามสัญญา รวมทั้งเพิ่มมาตรการด้านการตลาดและส่งเสริมการขาย เพื่อลดความเสี่ยงจากอาคารคงเหลือ และผลกระทบต่อฐานะการเงินขององค์กร ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
193 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/2560 | กษ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ระยะเวลา ๒ ปี (ปีละ ๗๖๗.๙๐๘ ล้านบาท) กรอบวงเงินงบประมาณรวม ๑,๕๓๕.๘๑๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบความซ้ำซ้อนในส่วนของลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรกับสมาชิกของสหกรณ์และสมาชิกของกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งความซ้ำซ้อนในการได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการหรือโครงการในลักษณะเดียวกันของภาครัฐด้วย โดยยึดหลักการให้ความช่วยเหลือ ๑ สัญญา ๑ ครัวเรือน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือระดับครัวเรือนอย่างแท้จริง และควรให้ความสำคัญกับการติดตามและปรับปรุงระบบข้อมูลของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรให้มีความทันสมัย และมีการบูรณาการข้อมูลและเป้าหมายการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
194 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม [ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงและการดูแลรักษาพื้นที่สงวนหวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน พ.ศ. 2481 ของกองทัพบก (มณฑลทหารบกที่ 17)] | กห | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๑๓,๐๑๗,๔๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการด้านการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงและการดูแลรักษาพื้นที่สงวนหวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน พ.ศ. ๒๔๘๑ ของกองทัพบก (มณฑลทหารบกที่ ๑๗) ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
195 | ข้อเสนอการปฏิรูปกิจการตำรวจของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) | ยธ | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอการปฏิรูปกิจการตำรวจของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) ตามมติ กพยช. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ ซึ่งได้มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการสอบสวน งานนิติวิทยาศาสตร์ อำนาจหน้าที่และภารกิจของตำรวจ ระบบการบริหารงานบุคคล และระบบค่าตอบแทน ตามที่ประธาน กพยช. เสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งข้อเสนอการปฏิรูปกิจการตำรวจดังกล่าวและความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีความเห็น ดังนี้ ๒.๑ การพัฒนาระบบค่าตอบแทนควรพิจารณาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง สำหรับข้อเสนอในเรื่องการพัฒนาความร่วมมือในการบริหารจัดการภารกิจและการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าตอบแทนแก่ข้าราชการตำรวจที่ได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับชุมชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีข้อเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปฏิบัติงานของตำรวจจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เห็นควรพิจารณาให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่และความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒.๒ ควรเน้นให้สถานีตำรวจเป็นศูนย์กลางในการบริการประชาชน และให้ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการปฏิบัติภารกิจของตำรวจ รวมทั้งลดภาระงานที่ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตำรวจโดยตรง ซึ่งจะช่วยให้สามารถพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและระบบค่าตอบแทนได้สอดคล้องกัน นอกจากนี้ ควรมุ่งเน้นการสร้างธรรมาภิบาลและระบบคุณธรรมในการบริหารราชการและการบริหารงานบุคคลเพื่อให้เกิดความเชื่อถือไว้วางใจต่อสาธารณชนมากขึ้น ๒.๓ ควรปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม และควรโอนภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหรือถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
196 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม (ค่าใช้จ่ายตามแผนการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ กองทัพเรือ) | กห | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗๖๐.๗๗๓๒ ล้านบาท ให้กองทัพเรือเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ-กองทัพเรือ รองรับโครงการสำคัญภายใต้แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
197 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา | ยธ | 18/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๐๐ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
198 | ความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน | กษ | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ๑.๑ การศึกษาความเป็นนิติบุคคลและความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมและพัฒนากิจการวิสาหกิจชุมชน ได้มีการจัดทำยกร่างเพื่อปรับปรุงแก้ไขในเรื่องที่กำหนด รวมทั้งจัดทำ (ร่าง) แบบสอบถามเพื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประกอบการจัดทำร่างกฎหมาย โดยจะจัดส่งให้ดำเนินการในระดับจังหวัด และนำขึ้นสู่เว็บไซต์รับฟังความคิดเห็นด้านกฎหมายไทยต่อไป ๑.๒ ปรับปรุงประกาศแนบท้ายระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนว่าด้วยการรับจดทะเบียนและการเพิกถอนทะเบียนวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนได้ลงนามในประกาศฯ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติต่อไป ๑.๓ รวบรวมแผนงาน/โครงการของหน่วยงานต่าง ๆ โดยคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนรับทราบภาพรวมแผนงาน/โครงการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และเห็นชอบองค์ประกอบและบทบาทหน้าที่คณะทำงานจัดทำยุทธศาสตร์ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เพื่อฝ่ายเลขานุการจะได้เสนอประธานกรรมการฯ ลงนามแต่งตั้งต่อไป ๒. ผลการดำเนินงานของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการ ได้แก่ (๑) จัดทำระบบทะเบียนและสารสนเทศวิสาหกิจชุมชน (๒) ส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนจัดทำแผนพัฒนากิจการเพื่อขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ (๓) สนับสนุนการเพิ่มศักยภาพวิสาหกิจชุมชน (๔) ส่งเสริมการแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (๕) ส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และ (๖) ส่งเสริมการตลาดวิสาหกิจชุมชน ผ่าน e-catalogue ภายใต้ระบบสารสนเทศวิสาหกิจชุมชน ๓. ปัญหาในการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชน เช่น (๑) วิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพระดับปานกลาง และยังต้องปรับปรุง ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงการสนับสนุนของหน่วยงานต่าง ๆ เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือกองทุนต่าง ๆ ซึ่งมีเงื่อนไขเฉพาะ (๒) การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนยังไม่สามารถดำเนินการตามยุทธศาสตร์ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และแนวทางการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๙ เนื่องจากไม่มีภาระผูกพันงบประมาณเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการส่งเสริมได้ตามบทบาทภารกิจ และ (๓) โครงสร้างองค์กรที่ทำหน้าที่บริหารงานในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการและทำหน้าที่ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ยังอยู่ระหว่างการจัดตั้งให้เป็นหน่วยงานที่เป็นทางการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
199 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | ปง | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๖ ด้าน ประกอบด้วย (๑) ผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามการฟอกเงิน (๒) ผลการปฏิบัติงานด้านการป้องกันการฟอกเงิน (๓) ผลการดำเนินงานด้านการกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน (๔) ผลการปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (๕) ผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ๔ คณะ ได้แก่ คณะกรรมการ ปปง. คณะกรรมการธุรกรรม คณะอนุกรรมการในคณะกรรมการ ปปง. และคณะกรรมการเปรียบเทียบ และ (๖) ผลการปฏิบัติงานด้านการแก้ไขกฎหมายและออกระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน ตามที่สำนักงาน ปปง. เสนอ ๒. เห็นชอบให้นำความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน เป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ได้แก่ ปัญหาฯ ด้านการขอใช้ที่ราชพัสดุในการก่อสร้างสำนักงาน ปปง. แห่งใหม่ เห็นว่าสามารถแจ้งขอรับการสนับสนุนจากกรมธนารักษ์ได้โดยตรง ส่วนปัญหาฯ ด้านกรอบกฎหมายในการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย เห็นว่าปัจจุบันกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบซึ่งต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลดังกล่าวนั้น ได้มีผลใช้บังคับแล้ว เช่น พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ รวมทั้งกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องด้วย สำหรับปัญหฯ ด้านการปรับปรุงจัดเก็บข้อมูลสถิติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นว่าควรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปและแนวทางการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมต่อไป และให้นำรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน ปปง. พร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
200 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรา 78 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) | ลต | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบในหลักการให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนตามมาตรา ๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ เพื่อให้ประชาชนรวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ทราบรายละเอียดของรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จำเป็นเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เหมาะสมเห็นควรดำเนินการ ในวงเงิน ๑๑๔,๖๐๓,๖๐๐ บาท โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือใช้เงินเหลือจ่ายสะสมของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน หากมีงบประมาณไม่เพียงพอหรือไม่สามารถปรับแผนฯ มาดำเนินการได้ ก็เห็นสมควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๑๑๔,๖๐๓,๖๐๐ บาท โดยขอตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ๒. ในการดำเนินการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง รัฐธรรมนูญ และการเลือกตั้งตามภารกิจต่าง ๆ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ นั้น ขอให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาและให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างให้ประชาชนและผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักการและแนวคิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาและปฏิรูปประเทศเพื่อให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติตามมาตรา ๒๕๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วย
|
.....