ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 1095 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21 | โครงการจัดทำรายงานความโปร่งใสรายสองปี ฉบับที่ 1 และรายงานแห่งชาติ ฉบับที่ 5 รวมกับรายงานความโปร่งใสรายสองปี ฉบับที่ 2 [Thailand's First Biennial Transparency Report (BTR1) and combined Fifth National Communication and Second Biennial Transparency Report (NC5/BTR2)] | ทส. | 22/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความตกลงระหว่างโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติและหน่วยดำเนินงาน
และร่างเอกสารโครงการภายใต้โครงการจัดทำรายงานความโปร่งใสรายสองปี ฉบับที่ ๑ และรายงานแห่งชาติ
ฉบับที่ ๕ รวมกับรายงานความโปร่งใสรายสองปี ฉบับที่ ๒ [Thailand’s First Biennial Transparency Report (BTR1) and combined Fifth National Communication and
Second Biennial Transparency Report (NC5/BTR2)] และให้เลขาธิการสำนักงานโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความตกลงฯ โดยร่างความตกลงฯ เป็นข้อตกลงที่จะขอรับการสนับสนุน
จาก UNDP เพื่อให้อำนวยความสะดวกในการดำเนินโครงการจัดทำรายงาน
BTR/NC โดย UNDP จะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือในกิจกรรมต่าง
ๆ ของโครงการฯ (เช่น สรรหาบุคลากรอำนวยความสะดวกในกิจกรรมการฝึกอบรม
ส่งรายงานความก้าวหน้าในการสนับสนุนการดำเนินโครงการ) ตามคำขอของประเทศไทย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้ความสำคัญกับการให้ความรู้และสร้างความร่วมมือในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
22 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการควบคุม ดูแลผู้ต้องขัง | ยธ. | 24/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการควบคุม ดูแลผู้ต้องขัง จำนวน ๙๙๙,๕๐๓,๙๐๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้ทันภายในปีงบประมาณ
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณและการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
23 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานเฝ้าระวัง สอบสวน ป้องกัน ควบคุมและรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | สธ. | 24/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓,๘๔๙,๒๙๗,๑๑๘.๓๒ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานเฝ้าระวัง
สอบสวน ป้องกัน ควบคุมและรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
ค้างจ่ายของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
ที่ปฏิบัติงานระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๖๔ - เดือนกันยายน ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้ทันภายในปีงบประมาณ
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณและการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค และค่าใช้สอยและค่าวัสดุประจำปี พ.ศ. 2566 | ยธ. | 24/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค และค่าใช้สอยและค่าวัสดุประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖
จำนวน ๓๓๒,๑๐๙,๒๐๐ บาท และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีค่าสาธารณูปโภค ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้ทันภายในปีงบประมาณ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการยกระดับและพัฒนาระบบบริการสุขภาพหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข | สธ. | 17/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมวงเงินทั้งสิ้น ๖๒๔,๘๐๐,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการยกระดับและพัฒนาระบบบริการสุขภาพ
หน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรพิจารณาจัดทำกรอบทิศทางและแนวทางการลงทุนในการขยายศักยภาพของสถานพยาบาลแต่ละระดับของเขตสุขภาพในภาพรวมของประเทศ
เพื่อให้มีการจัดลำดับความสำคัญและเป็นทิศทางในการจัดสรรงบประมาณที่สอดคล้องกับความจำเป็นและความคุ้มค่าในการดำเนินการในแต่ละเขตสุขภาพ
โดยคำนึงถึงรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคส่วนต่าง ๆ
ที่จะเข้ามาร่วมจัดบริการสุขภาพในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26 | ผลการประชุมสมัชชากองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่ 7 และการรับรองข้อเสนอโครงการที่เสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุน Global Biodiversity Framework Fund (GBFF) | ทส. | 13/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑
รับทราบผลการประชุมสมัชชากองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF
Assembly) ครั้งที่ ๗ ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ สิงหาคม
๒๕๖๖ ณ นครแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา โดยผลการประชุม GEF Assembly ครั้งที่ ๗ มีสาระสำคัญ เช่น
ที่ประชุมให้การรับรองข้อมติเรื่องการจัดตั้งกองทุน Global Biodiversity
Framework Fund (GBFF) เพื่อเป็นกลไกทางการเงินสนับสนุนการดำเนินงานตามเป้าหมายของกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
โดยประเทศแคนาดาจะบริจาคเงินเข้ากองทุน GBFF จำนวน ๒๐๐
ล้านดอลลาร์แคนาดา และสหราชอาณาจักรจะบริจาคเงินเข้ากองทุน GBFF จำนวน ๑๐ ล้านปอนด์สเตอร์ลิง นอกจากนี้ ธนาคารโลก (World Bank) ในฐานะผู้จัดการดูแล (Trustee) ของกองทุน GBFF
จะเร่งจัดตั้งและระดมเงินเข้ากองทุนดังกล่าว ในเดือนมกราคม ๒๕๖๗
เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบข้อเสนอโครงการที่จะขอรับการสนับสนุนจากกองทุน GBFF ๑.๒
มอบหมายให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปฏิบัติหน้าที่หน่วยงานกลางประสานการดำเนินงานของกองทุน
GBFF ของประเทศไทย มีอำนาจในการพิจารณาให้การรับรองข้อเสนอโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุน
GBFF ๑.๓
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุน GBFF นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนการลงนามในข้อตกลงทางการเงินสำหรับกรณีที่โครงการได้รับอนุมัติสนับสนุนทางการเงินจากกองทุน
GBFF และมีข้อผูกพันทางการเงินที่เป็นตัวเงิน (In
Cash) ร่วมสนับสนุนในการดำเนินโครงการ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย
รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบเกี่ยวกับการขอรับการสนับสนุน
รวมทั้งควรมีการสื่อสารและประสานงานให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงช่องทางระดมทุน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
การขอรับการสนับสนุนจากกองทุน GBFF ในเรื่องใด ๆ
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียด
ความจำเป็นเหมาะสม และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างรอบคอบและรอบด้าน
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (เรื่อง การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ)
อย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
27 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม | กห. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๖๗๐,๐๕๘,๔๐๐ บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างอาคารที่พักอาศัย ครอบครัวนายทหารชั้นประทวน
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกผู้มีสิทธิได้รับอาคารที่พักอาศัยดังกล่าวอย่างเหมาะสม
โปร่งใส เป็นธรรม และการดำเนินโครงการในลักษณะเดียวกันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตกระทรวงกลาโหมอาจพิจารณาจัดหาโครงการก่อสร้างที่พักอาศัยของการเคหะแห่งชาติที่ประสบปัญหาในการจัดจำหน่ายเนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในระยะที่ผ่านมา
และตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของกำลังพลมากเกินความจำเป็น
ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยส่วนกลาง ขนาด 68 ครอบครัว จำนวน 2 อาคาร และอาคารที่จอดรถ สูง 8 ชั้น จำนวน 1 หลัง แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร | ตช. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนเงิน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยส่วนกลาง ขนาด ๖๘ ครอบครัว จำนวน ๒ อาคาร
และอาคารที่จอดรถ สูง ๘ ชั้น จำนวน ๑ หลัง แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต สวัสดิการ และบรรเทาความเดือดร้อน ด้านค่าใช้จ่าย รวมทั้ง
เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจต่อไป ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เห็นควรต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสนอในขั้นขออนุญาตก่อสร้างหรือหากใช้วิธีการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารโดยไม่ยื่นขอรับใบอนุญาตให้เสนอในขั้นการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี
และจะต้องจัดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตามประกาศสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชน
ในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๓๕ รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญกับการจัดสวัสดิการที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อยที่ได้รับความเดือดร้อนเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจในกลุ่มนี้เป็นลำดับแรก
และกำกับดูแลการจัดสรรที่พักอาศัยให้เป็นไปตามระเบียบ
หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักอาศัยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง
โดยเฉพาะกรณีการนำสิทธิการเข้าพักอาศัยไปให้บุคคลภายนอกเช่าหรือเข้าพักอาศัยแทน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
29 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการมอบหมายหน่วยงานให้ปฏิบัติหน้าที่หน่วยประสานงานหลัก (National Designated Authority : NDA) ของกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund : GCF) | ทส. | 04/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการมอบหมายหน่วยงานให้ปฏิบัติหน้าที่หน่วยประสานงานหลัก
(National Designated Authority : NDA) ของกองทุนภูมิอากาศสีเขียว
(Green Climate Fund : GCF) ดังนี้ ๑)
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘ เรื่อง
สรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๐ และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๐ ณ กรุงลิมา
สาธารณรัฐเปรู จากเดิม “สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะหน่วยประสานงานกลาง (National Focal Point) ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เป็นหน่วยประสานงานหลัก ของกองทุนภูมิอากาศสีเขียว” เป็น “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เป็นหน่วยประสานงานหลักของกองทุนภูมิอากาศสีเขียว” และ ๒) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ เรื่อง การแต่งตั้งผู้มีอำนาจ (Designated Authority) สำหรับกองทุน Green Climate Fund ของประเทศไทย
จากเดิม “มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นผู้จัดทำกฎหมาย กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ ตลอดจนรูปแบบวิธีการอื่น ๆ
ที่จำเป็นต้องกำหนดหรือบัญญัติขึ้นภายในประเทศเพื่อรองรับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
พร้อมทั้งเป็นผู้พิจารณาโครงการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่ต้องการขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนภูมิอากาศสีเขียวให้ถูกต้องตามระเบียบราชการต่อไป”
เป็น “มอบหมายกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้จัดทำกฎหมาย
กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ ตลอดจนรูปแบบวิธีการอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องกำหนดหรือบัญญัติขึ้นภายในประเทศเพื่อรองรับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
พร้อมทั้งเป็นผู้พิจารณโครงการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่ต้องการขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนภูมิอากาศสีเขียวให้ถูกต้องตามระเบียบราชการต่อไป”
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
30 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา | ลต. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงินทั้งสิ้น ๒๒๗,๑๐๕,๕๐๐ บาท
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งขอรับการสนับสนุนงบประมาณ
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ตามนัยข้อ ๘ วรรคสองของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้
ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
31 | ผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 29 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค. | 18/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีของส่งอาเซียน
(ASEAN Transport Ministers Meeting : ATM) ครั้งที่ ๒๙ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๙-๑๐ พฤศจิกายน
๒๕๖๖ ณ เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ)
ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑. การประชุม
ATM ครั้งที่ ๒๙
มีผลลัพธ์การประชุม เช่น การพิจารณาผลการดำเนินความร่วมมือด้านการขนส่งกับประเทศคู่เจรจาของอาเซียน
การรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุม ATM ครั้งที่ ๒๙ และการรับรองแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการบินที่ยั่งยืน
เป็นต้น (๑) การประชุม ATM-จีน ครั้งที่ ๒๒
มีผลลัพธ์การประชุม เช่น รับทราบผลสำเร็จของการดำเนินความร่วมมือด้านการขนส่งทางน้ำและการดำเนินโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง
ๆ และการรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุม ATM-จีน ครั้งที่ ๒๒
เป็นต้น (๒) การประชุม ATM-ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๒๑
มีผลลัพธ์การประชุม เช่น การรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุม ATM-ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๒๑ และการรับรองแผนปฏิบัติการหลวงพระบาง เป็นต้น (๓)
การประชุม ATM-เกาหลี ครั้งที่ ๑๔ มีผลลัพธ์การประชุม เช่น การพิจารณาผลการประชุม
ATM-เกาหลี ครั้งที่ ๑๓ การรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุม ATM-เกาหลี ครั้งที่ ๑๔ และการรับรองยุทธศาสตร์อาเซียนว่าด้วยการเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ
เป็นต้น และ (๔) การประชุมร่วมระดับรัฐมนตรีอาเซียนสาขาการขนส่ง-สาขาการท่องเที่ยว
(ASEAN Interface Meeting on Transport and Tourism Ministers Meeting) มีผลลัพธ์การประชุม เช่น การจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อพิจารณาแนวทางการบูรณาการความร่วมมือทั้งสองสาขา
และเพื่อพัฒนาการขนส่งและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน รวมทั้งเห็นชอบการกระชับความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง
และการรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนสาขาการขนส่ง-สาขาการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ที่ประชุม ATM ครั้งที่ ๒๙
และที่ประชุมที่เกี่ยวข้องได้มีการปรับปรุงเนื้อหาและถ้อยคำของร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม
จำนวน ๕ ฉบับ ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงมากขึ้นในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่
๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ๒.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่งของ
สปป.ลาว ได้หารือทวิภาคีในประเด็นสำคัญ เช่น (๑) การดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขง
(หนองคาย-เวียงจันทน์) แห่งที่ ๒ และ (๒)
การขอรับการสนับสนุนจากไทยในการพัฒนาบุคลากรด้านการขนส่งของ สปป.ลาว เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
32 | แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (Thailand's National Adaptation Plan : NAP) | ทส. | 02/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ
(Thailand’s National Adaptation Plan : NAP) และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม จัดส่งแผนการปรับตัวฯ
ต่อสำนักเลขาธิการกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยแผ่นแม่บทรองรับการปรับตัวฯ มีสาระสำคัญเป็นกรอบแนวทางระยะยาวของประเทศที่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในทุกด้าน
ได้แก่ ๑) การลดก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการเติบโตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำลง ๒)
การปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ ๓)
การสร้างขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย
และความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เช่น ควรพิจารณาจัดการทบทวนแผน NAP เป็นระยะเพื่อประเมินผลการดำเนินงาน
ความเสี่ยงและความเปราะบางต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในรายสาขาและคนกลุ่มต่าง
ๆ เพื่อปรับปรุงแนวทางการดำเนินงาน ประเภทหรือรูปแบบความร่วมมือ
รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศที่ประสงค์จะขอรับการสนับสนุน เพื่อให้แผน NAP
สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ หากมีประเด็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำในแผน
NAP ให้คำนึงถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องตลอดจนผลประโยชน์และบริบทของประเทศเป็นสำคัญ
ควรพิจารณาการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการตามแผน NAP ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายต่อไป ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
33 | ขออนุมัติและขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน (ภาคใต้) | พม. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน
(ภาคใต้) โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ๑๔ จังหวัด ๑๕๑ อำเภอในภาคใต้
ผู้สูงอายุที่ได้รับการดูแลในชุมชนจำนวน ๑,๖๑๙,๕๒๙ คน วงเงินงบประมาณ ๑๖๓,๒๓๑,๐๐๐ บาท รวมทั้งขอให้พิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พศ. ๒๕๖๑
และมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับแผนงานบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย
และหน่วยงานเจ้าภาพแผนงานบูรณาการดังกล่าวพิจารณาภาพรวมในการส่งเสริม
สนับสนุนบริบาล และคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน รวมทั้งพิจารณาอัตราค่าใช้จ่าย
กรอบระยะเวลาดำเนินโครงการ ตลอดจนพิจารณาขั้นตอน วิธีการ กลุ่มเป้าหมาย
โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม
สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศต่อไป ทั้งนี้
ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
กรมกิจการผู้สูงอายุได้รับการเสนอตั้งงบประมาณโครงการดังกล่าวไว้แล้ว จำนวน ๘,๘๕๐,๐๐๐ บาท ในลักษณะโครงการนำร่อง
จึงควรให้มีการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงาน
หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการในระยะต่อไป
ก็ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ภายใต้แผนงานบูรณาการดังกล่าว
ตามภารกิจ ความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานดำเนินการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ควรพิจารณาบูรณาการความร่วมมือและการใช้จ่ายงบประมาณกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมสนับสนุนการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุซึ่งจะเกิดประโยชน์ให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
และจะทำให้การใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ควรพิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๖ ที่ให้มีการพิจารณาภาพรวมในการส่งเสริม
สนับสนุนบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน
โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ที่ได้มีการเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ในการดำเนินการด้วยแล้ว
เพื่อยกระดับการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34 | สรุปผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในกลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก โครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร สำหรับบ่อบาดาล | พน. | 27/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต
กรณีโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
(กองทุนฯ) ในกลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก
โครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร สำหรับบ่อบาดาล ซึ่งกระทรวงพลังงานได้พิจารณาข้อเสนอแนะฯ
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว มีผลการดำเนินงานในภาพรวม เช่น (๑) การจัดสรรงบประมาณ
เช่น องค์ประกอบของคณะทำงานบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน
ควรมีนักวิชาการในแต่ละสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมพิจารณาจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยกระทรวงพลังงานชี้แจงว่า ได้แต่งตั้งคณะทำงานบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านพลังงานเชิงพื้นที่
เมื่อปี ๒๕๖๔ มีองค์ประกอบ เช่น พลังงานจังหวัด เกษตรจังหวัด
และผู้แทนจากทุกภาคส่วน และหากพื้นที่ใดขาดนักวิชาการในแต่ละสาขาสามารถเชิญบุคลากรจากหน่วยงานอื่นนอกพื้นที่มาร่วมเป็นคณะทำงานฯ
เพิ่มเติมได้ (๒) กรรมสิทธิ์ในการบำรุงรักษา กองทุนฯ
ควรมีตัวอย่างแผนบริหารจัดการการใช้งานร่วมกันและแผนบำรุงรักษาเพื่อให้ทรัพย์สินของโครงการได้รับการดูแลบำรุงรักษาและสามารถใช้ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ในระยะยาว
โดยกองทุนฯ จะจัดทำแนวทางและแผนบริหารจัดการการใช้งานร่วมกันและแผนบำรุงรักษาให้แก่ผู้รับเงินสนับสนุน
(๓) การเปิดเผยข้อมูลโครงการเพื่อให้เกิดความโปร่งใส กองทุนฯ ควรเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนต่อสาธารณะ
โดยกองทุนฯ ชี้แจงว่า จะปรับรูปแบบการแจ้งผลการดำเนินงาน โดยจะแจ้งผลของผู้ที่ผ่านและไม่ผ่านการพิจารณาพร้อมเหตุผลประกอบไปยังสำนักงานพลังงานจังหวัดและหน่วยงานที่ยื่นขอรับการสนับสนุน
รวมทั้งจะประกาศผลการพิจารณาผ่านเว็บไซต์ของกองทุนฯ โดยเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ
๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | สพร. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗๙,๒๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการพัฒนาและให้บริการระบบการสื่อสารแบบรวมศูนย์
ตามที่สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เสนอ
และให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาและให้บริการระบบสื่อสารแบบรวมศูนย์
ให้พิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มค่า
และผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้งบประมาณอย่างรอบคอบ
รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36 | ขอรับการสนับสนุนการจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดิน เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 | สขค | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ วงเงินรวม ๕๑๑.๗๐๕๗ ล้านบาท เพื่อบรรจุไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้ารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำกับติดตามสถานการณ์การแข่งขันและพฤติกรรมการประกอบธุรกิจอย่างใกล้ชิด
ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของรูปแบบธุรกิจและตลาด
โดยเฉพาะธุรกิจการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดน (Cross-border e-Commerce) รวมถึงพัฒนาเครื่องมือตรวจจับพฤติกรรมการตกลงร่วมกันผูกขาด
ลด และจำกัดการแข่งขัน
เพื่อนำไปใช้กำหนดมาตรการและแนวปฏิบัติทางธุรกิจที่เหมาะสมและเป็นธรรม
ตลอดจนควรประสานและเชื่อมโยงข้อมูลผู้ประกอบการและข้อมูลโครงสร้างตลาดที่มีผลกระทบต่อการกีดกันหรือจำกัดการแข่งขัน
กับหน่วยงานกำกับรายสาขาและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเป็นฐานข้อมูลด้านการแข่งขันของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37 | รายงานความก้าวหน้าการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 และขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน | กษ. | 04/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี
พ.ศ. ๒๕๖๙ และขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน เพื่อให้การดำเนินการเตรียมการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นไปตามแผนงานและกรอบระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อสามารถดำเนินงานในพื้นที่ พร้อมส่งมอบพื้นที่ให้แก่สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH) ตามกำหนดกรอบระยะเวลาก่อน
๖ เดือน ในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๙ และพิธีเปิดงาน ในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๙ ซึ่งเกิดประโยชน์กับการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี
พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
38 | ข้อเสนอการกระจายอำนาจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานเชิงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด | นร.11 สศช | 04/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอการกระจายอำนาจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานเชิงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด
เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติสำหรับการดำเนินงานและจัดทำคำของบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้จังหวัดเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาคุณภาพในการจัดทำเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด
๒๐ ปี แผนพัฒนาจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด
เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในจังหวัดได้ ๒. ให้กระทรวง/กรม
ให้ความสำคัญกับการจัดทำข้อเสนอโครงการและงบประมาณเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาตามแผนพัฒนาจังหวัด ๓. ให้สำนักงบประมาณใช้แผนพัฒนาจังหวัดเป็นแนวทางในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณของทุกหน่วยงานที่มีการดำเนินการในพื้นที่จังหวัด
รวมทั้งรายงานผลการจัดสรรงบประมาณที่มีการดำเนินการในพื้นที่จังหวัดตามแผนพัฒนาจังหวัด
ให้คณะรัฐมนตรีทราบ หลังจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีมีผลใช้บังคับ ๔.
ให้กระทรวงมหาดไทยรวบรวมข้อเสนอแผนงานโครงการที่จังหวัดขอรับการสนับสนุนจากกระทรวง/กรม
(แบบ จ.๓) แจ้งให้กระทรวง/กรมรับทราบ และพิจารณาบรรจุข้อเสนอแผนงานโครงการดังกล่าว
ไว้ในคำของบประมาณของกระทรวง/กรม และส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ไว้ในคำของบประมาณของกระทรวง/กรม
และส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๕. ให้กระทรวง/กรม แจ้งแผนปฏิบัติราชการประจำปี
หรือแผนปฏิบัติงานประจำปีของหน่วยงานในส่วนที่ดำเนินการในพื้นที่จังหวัด
พร้อมทั้งระบุเวลาที่จะเริ่มดำเนินโครงการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ ทั้งนี้
ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่เห็นด้วยกับแผนปฏิบัติราชการประจำปี
หรือแผนปฏิบัติงานประจำปี ของหน่วยงาน
หรือระยะเวลาที่จะเริ่มดำเนินโครงการตามแผนดังกล่าว ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งให้
หัวหน้าหน่วยงานของรัฐทราบเพื่อปรับแผนหรือระยะเวลาให้เหมาะสมต่อไป ๖. ให้สำนักงาน ก.พ. เร่งกำหนดแนวปฏิบัติตามมาตรา ๕๓
ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๖๕
ที่กำหนดให้ปลัดกระทรวงหรืออธิบดีมอบอำนาจในการประเมินผลการปฏิบัติราชการ
การเลื่อนเงินเดือน การให้บำเหน็จความชอบ
และการดำเนินการทางวินัยข้าราชการส่วนภูมิภาคในจังหวัดซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการและตำแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ๗. ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
พิจารณาความเหมาะสมของตัวชี้วัดการพัฒนาจังหวัด (KPIs) ของแต่ละจังหวัด
ให้สามารถวัดผลการพัฒนาได้จริงและสอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร เพื่อให้การติดตามและประเมินผลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๘. ให้กระทรวงมหาดไทยชี้แจงและทำความเข้าใจกับผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจ
และขั้นตอนการดำเนินงานตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ
พ.ศ. ๒๕๖๕
รวมทั้งจัดหลักสูตรฝึกอบรมพัฒนาสมรรถนะและองค์ความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ของจังหวัดเกี่ยวกับการจัดทำแผน
การขับเคลื่อนแผน การจัดทำโครงการและบริหารงบประมาณ และหลักสูตรอื่นที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
39 | ขออนุมัติและขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) | พม. | 04/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับแผนงานบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย
และหน่วยงานเจ้าภาพแผนงานบูรณาการดังกล่าวพิจารณาภาพรวมในการส่งเสริม
สนับสนุนบริบาล และคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน ตลอดจนพิจารณาขั้นตอน วิธีการ
กลุ่มเป้าหมาย โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตลอดจนภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการบูรณาการ
และการดูแลผู้สูงอายุเกิดประโยชน์สูงสุด
โดยคำนึงถึงภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม
สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศต่อไป และในขั้นตอนการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณโครงการดังกล่าวไว้แล้ว
จำนวน ๘,๘๕๐,๐๐๐ บาท ในลักษณะโครงการนำร่อง และให้มีการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงาน
หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการในระยะต่อไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ภายใต้แผนงานบูรณาการดังกล่าวตามภารกิจ ความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมีการสำรวจผู้ดูแลผู้สูงอายุประเภทต่าง
ๆ ที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ ตามลักษณะของกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มติดสังคม
กลุ่มติดบ้าน และกลุ่มติดเตียง เนื่องจากมีความจำเป็นในการใช้ผู้ดูแลที่ต่างกัน ค่าใช้จ่ายที่เสนอขอเป็นงบดำเนินงานในส่วนของค่าจัดอบรมที่เป็นการอบรมในเชิงทฤษฎี
หรือเรื่องเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ
ซึ่งอาจพิจารณาใช้รูปแบบการอบรมแบบออนไลน์ งบลงทุนที่เสนอขอซื้ออุปกรณ์/ครุภัณฑ์สำหรับการดูแลผู้สูงอายุ
ควรมีการสำรวจความต้องการเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
40 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 | สธ. | 07/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกไปอีก ๑ ปี นับแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ จำนวน ๔ ฉบับ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.
ร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติว่าด้วยการเลือกและการแต่งตั้งที่ปรึกษา
พ.ศ. .... ๒. ร่างระเบียบคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่าด้วยหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับการสนับสนุนเพื่อการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
พ.ศ. .... ๓. ร่างประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
พ.ศ. ....
|