ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 159 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3161 - 3180 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3161 | การขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร | กค | 22/12/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา ร่างกฎกระทรวง และเห็นชอบในหลักการร่าง
ประกาศ รวม 5 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา เป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. อนุมัติหลักการ 1.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ผู้ ประกอบกิจการ ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทจำกัดที่มีความสัมพันธ์กัน สำหรับมูลค่าของฐานภาษี ราย รับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องมาจากการที่ผู้ประกอบกิจการดังกล่าวโอนกิจการบางส่วนให้แก่กัน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ทั้งนี้ เฉพาะการโอนกิจการที่ได้กระทำ ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 1.2 ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่าย หนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ มีสาระสำคัญคือ ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ ของเจ้าหนี้ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินหรือของเจ้าหนี้อื่นที่เจรจาและตกลงปรับปรุงโครงสร้างหนี้ร่วมกับสถาบันการ เงินออกไปอีก สำหรับส่วนของหนี้ที่ได้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 2. เห็นชอบในหลักการ 2.1 ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดินสำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (ฉบับที่ ..) 2.2 ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดสำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (ฉบับที่ ..) 2.3 ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดินสำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร (ฉบับที่ ..)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3162 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากการสัมมนาเรื่อง บทบาทสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ ต่อการป้องกันแก้ไขปัญหาแรงงานในปัจจุบัน | รง | 08/12/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอรายงานผลการดำเนินการตามข้อคิดเห็นและข้อ
เสนอแนะจากการสัมมนาเรื่อง บทบาทสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ ต่อการป้องกันแก้ไขปัญหาแรง งานในปัจจุบัน ของกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของกระทรวงแรงงานมีผลการ ดำเนินการใน 8 ประเด็น 1. ประเด็นปัญหาแรงงานประมงต่างด้าว 2. ประเด็นการแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างและการว่างงาน 3. ประเด็นการส่งเสริมแรงงานสัมพันธ์ระบบทวิภาคี 4. ประเด็นการส่งเสริมการออมเพื่อการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสมในวัยสูงอายุ 5. ประเด็นการส่งเสริมให้มีผู้แทนของผู้ใช้แรงงานที่มาจากการเลือกตั้งเข้าร่วมในคณะกรรม การไตรภาคี 6. ประเด็นการขาดแคลนแรงงานและการผลิตและพัฒนากำลังของประเทศให้สอดคล้องกับ ความต้องการของตลาดแรงงาน 7. ประเด็นการดำเนินงานด้านมาตรฐานฝีมือแรงงาน 8. ประเด็นการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและส่งเสริมการพัฒนากำลังคน ให้มีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3163 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (จำนวน 5 ราย 1. นายสมศักดิ์ สุริยวงศ์ ฯลฯ) | กต | 08/12/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 5 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการ ต่างประเทศเสนอ ดังนี้ 1. นายสมศักดิ์ สุริยวงศ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี สืบแทนนายประดาป พิบูลสงคราม ซึ่งเกษียณ อายุราชการ 2. นายบรรสาน บุนนาค ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมพิธีการทูต สืบแทนนายสมศักดิ์ สุริยวงศ์ 3. นายอภิรัฐ เหวียนระวี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง สหภาพพม่า สืบแทนนายบรรสาน บุนนาค 4. นางรัชฎา ถาวรเวช ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัด กระทรวงการต่างประเทศ สืบแทนนางสาวสิรี บุนนาค ที่ขอ ลาออกจากราชการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วน ราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) 5. นางสาวจันทร์ทิพา ภู่ตระกูล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคา เรสต์ โรมาเนีย สืบแทนนางรัชฎา ถาวรเวช
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3164 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 8/2552 | นร | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ กรอ. ครั้งที่ 8/2552 เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552 โดย ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องต่าง ๆ และมีมติ ดังนี้ 1.1 เรื่อง ยุทธศาสตร์ยางและไม้ยางพารา ที่ประชุมมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลง ทุนจัดเวทีสำหรับผู้ประกอบการเพื่อทำ Business Matching และพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมใน การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการลงทุน เพื่อสร้างอุตสาหกรรมแปรรูปยางในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ โดยมีกรอบ ระยะเวลาทำงาน 1 เดือน รวมทั้งให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเร่งรัดและติดตามการดำเนินการตามขั้นตอน การเพิ่มผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ และ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมยางในขั้นกลางน้ำและปลายน้ำ โดยให้เชื่อม โยงกับการพัฒนายางต้นน้ำตามยุทธศาสตร์การพัฒนายาง พ.ศ. 2552-2556 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งรับหลักการให้มีการจัดตั้งสถาบันพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพารา 1.2 เรื่อง การขอปรับลดค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนความเป็นไปได้ในการปรับปรุงอัตราค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยให้มีการศึกษาในรายละเอียดเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องอัตราการสูบน้ำ แบบปลอดภัย (Safe Yield) อัตราการทรุดตัวของแผ่นดิน และปัญหาการปนเปื้อนของสารเคมีในน้ำบาดาลซึ่ง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์จากเงินกองทุนอนุรักษ์น้ำดาบาลเพื่อช่วยเหลือ และพัฒนาขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรม และจัดทำแผนพัฒนาน้ำเพื่อภาคอุตสาหกรรม 1.3 เรื่อง การพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศไทย ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสถาบันพัฒนา การขนส่งทางราง และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องของประเทศไทย และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาห กิจ กระทรวงการคลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการศึกษาแนวทางการกำหนดเงื่อนไขการจัดหาระบบรถ ไฟฟ้าและรถไฟ โดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีทั้งในด้านการผลิต การเดินรถและซ่อมบำรุง ตลอดจนการพัฒนา บุคลากรไว้ในขอบเขตการดำเนินงาน (Term of Reference : TOR) นอกจากนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำรวจศักยภาพและขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมไทยในการรองรับ การพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศไทย เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลประกอบการ จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาต่อไป 1.4 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 เรื่อง การทำสัญญาระหว่าง รัฐกับเอกชน (อนุญาโตตุลาการ) ที่ประชุมมีมติรับทราบความเห็นชอบของที่ประชุมถึงข้อจำกัดในการใช้วิธีการ อนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และชี้แจงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจถึงมติคณะ รัฐมนตรีดังกล่าวไม่ได้เป็นข้อห้ามต่อหน่วยงานภาครัฐในการใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาท และ ให้ประธานผู้แทนการค้าไทยประมวลเรื่องการใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาท และให้นำเสนอคณะ รัฐมนตรีต่อไป 1.5 เรื่อง นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (กากถั่วเหลือง) ที่ประชุมมีมติเห็นควร ให้กระทรวงพาณิชย์หาข้อสรุปอัตราอากรขาเข้ากากถั่วเหลือง และให้เสนอนโยบายและมาตรการนำเข้ากากถั่ว เหลืองปี 2553 ต่อคณะรัฐมนตรี ก่อนการประชุมคณะกรรมการ กรอ. ครั้งต่อไปในวันที่ 23 ธันวาคม 2552 1.6 เรื่อง ความคืบหน้าข้อเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ที่ประชุมมีมติให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการทบทวนและหาแนวทางปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าว ให้สอด คล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและมีประสิทธิภาพมากขึ้นภายในกรอบระยะเวลา 2 เดือน และรายงานต่อคณะ กรรมการ กรอ. ต่อไป 2. เห็นชอบมติคณะกรรมการ กรอ. และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการ กรอ. ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ แล้วรายงานให้คณะกรรมการ กรอ. และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3165 | การขออนุมัติเปลี่ยนแปลงการดำเนินการและหลักเกณฑ์ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 1.1 อนุมัติการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานดำเนินโครงการและแนวทางการปรับปรุงเพิ่มเติมโครงการใหม่ ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติ การไทยเข้มแข็ง 2555 (คณะกรรมการ ฯ) 1.2 อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ โครงการศูนย์ 3 วัยสาน สายใยรักแห่งครอบครัว ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 1.3 รับทราบแนวทางการดำเนินงานกรณีหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินกู้ภายใต้แผน ปฏิบัติการ ฯ ไม่สามารถดำเนินการเองได้ต้องมอบหมายให้หน่วยงานอื่นดำเนินการและเบิกเงินกู้แทน 1.4 รับทราบหลักเกณฑ์ข้อกำหนดการใช้จ่ายเงินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ และหลักเกณฑ์ และวิธีปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำหรับโครงการที่ได้รับอนุมัติภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ 2. กรณีของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว) และกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ (กรมชลประทาน) ซึ่งเป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินกู้ภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ แต่ไม่ สามารถดำเนินการเองได้ และมีความประสงค์จะมอบหมายให้หน่วยงานอื่นเข้ามาดำเนินการและเบิกเงินกู้แทน นั้น โดยที่คณะรัฐมนตรีมีนโยบายให้โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์โดยรวด เร็ว ประกอบกับโครงการดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงเฉพาะหน่วยงานที่จะเข้ามาดำเนินโครงการเท่านั้น จึงให้ดำเนิน การต่อไปได้ 3. ให้คณะกรรมการ ฯ ถือเป็นหลักการว่าหากมีโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ ในลักษณะดังกล่าว ตามข้อ 2. ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้เช่นเดียวกัน แล้วให้นำผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เสนอคณะ รัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3166 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่องการเปลี่ยนแปลงการกู้เงินเป็นขอใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2553 (โครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปี 2551/52) | พณ | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 (เรื่อง ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการรับ จำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/2552) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้โอนเปลี่ยนแปลงงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) แผนงานปรับโครงสร้างเศรษฐ กิจภาคเกษตร จากงบรายจ่ายอื่น รายการชำระหนี้ต้นเงินกู้ของ อคส. ที่กู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพื่อเป็นค่าใช้ จ่ายในการรับฝากและเก็บรักษาสินค้า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551-มีนาคม 2552 ตามโครงการ ฯ จำนวน 4,318.94 ล้านบาท ไปเป็นงบเงินอุดหนุนประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ รายการค่าใช้จ่ายในการรับฝากและเก็บ รักษาสินค้า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551-มีนาคม 2552 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลการดำเนินงานโครงการ ฯ และการใช้จ่ายงบประมาณโครงการ รับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปี 2551/2552 ในภาพรวม รวมทั้งการศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับมาตรการ รักษาเสถียรภาพและช่วยเหลือเกษตรกรในปี 2552/2553 เช่น โครงการประกันรายได้เกษตรกร โครงการรับ ฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกร และโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกนาปี เป็นต้น เพื่อใช้เป็นแนวทาง ในการปรับปรุงการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3167 | การดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์พิจารณาร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (จัดตั้งกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) | กษ | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเรื่อง การดำเนินการตามข้อสังเกต
ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์พิจารณาร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (จัดตั้งกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ของวุฒิสภา โดยมีข้อสังเกตว่าภายใน 10 ปี นับแต่วัน ที่ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับให้กรมหม่อนไหมดำเนินการปรับปรุงอำนาจหน้าที่ให้ครอบคลุมเส้นใยธรรม ชาติอื่นด้วย ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ฯ แล้ว แจ้งว่าสามารถดำเนิน การตามข้อสังเกตดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3168 | การเร่งรัดการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร | นร | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร ณ วันที่ 19
พฤศจิกายน 2552 และเห็นชอบเร่งรัดหน่วยงานดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรเสนอ ดังนี้ 1. หลักเกณฑ์การใช้สิทธิชดเชยของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ให้ใช้แนวทางเดียวกันกับการใช้สิทธิของเกษตร กรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ปี 2552/53 ที่กำหนดให้ใช้สิทธิได้ทันทีนับถัดจากวันทำสัญญา โดย ให้ระยะเวลาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตรวจสอบก่อนจ่ายเงินได้ไม่เกิน 15 วัน และ ให้สิ้นสุดการใช้สิทธิในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ยกเว้นภาคใต้สิ้นสุดเดือนพฤษภาคม 2553 2. ให้ ธ.ก.ส. เร่งดำเนินงานโครงการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกรเพื่อรอการจำหน่าย ปีการ ผลิต 2552/53 ของ ธ.ก.ส. ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 โดยเร็ว ซึ่งควรเริ่มดำเนินการให้ได้ ภายในเดือนพฤศจิกายน 2552 3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอนการปฏิบัติ และกรอบระยะเวลาการ ดำเนินงานกรณีข้าวรอบ 2 เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติพิจารณาภายในเดือนพฤศจิกายน 2552 เพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติในพื้นที่มีความพร้อมเมื่อถึงกำหนดเวลา 4. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่ง ขณะนี้ล่าช้ากว่ากำหนดการที่ได้ตั้งไว้ให้ได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด 5. ให้กรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รวมทั้งกรมพัฒนาที่ดินเร่งทบทวนข้อมูล ทบก. ทพศ. กับฐานข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ฐานข้อมูลด้านกายภาพของกรมพัฒนาที่ดิน และ ฐานข้อมูลที่ ธ.ก.ส. ใช้ทำสัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่เพาะปลูกที่แจ้งจดทะเบียนมากกว่าพื้นที่ที่มีอยู่จริง โดยควร มีระบบการเรียงลำดับข้อมูลตามประเภทของเอกสารสิทธิที่ใช้จดทะเบียน และลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดิน และ ทบทวนข้อมูลชนิดของพืช และปฏิทินการเพาะปลูกที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม อันเนื่องมาจากการใช้เครื่องจักร กลในการเก็บเกี่ยวมากขึ้น รูปแบบการผลิตที่เปลี่ยนจากการดำเป็นการหว่านในกรณีของข้าว รวมทั้งการเปลี่ยน แปลงสภาพภูมิอากาศ ฯลฯ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการปรับปรุงปฏิทินการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้นเพื่อให้การดำเนินการของโครงการในปี พ.ศ. 2553/54 มีความถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น 6. ให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียนพืชเศรษฐกิจที่มีพื้นที่ที่ มีความแตกต่างอย่างต่อเนื่อง และรายงานต่อคณะกรรมการประสาน ฯ ทุกสัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3169 | มาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | ศธ | 17/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการการจัดสรรเงินงบประมาณเพิ่มเติมจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 174,102,400 บาท นอกเหนือจากงบประมาณที่จัดสรรให้กระทรวงศึกษาธิการ สำนัก งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามปกติในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เพื่อสนับสนุนผู้สมัครเข้าร่วม มาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) ที่เหลือจำนวน 1,312 ราย ให้ ได้เข้าร่วมมาตรการ ฯ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 (1 ตุลาคม 2552) ต่อไป ตาม ที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ 2. สำหรับงบประมาณที่ต้องใช้เพื่อการนี้ให้กระทรวงศึกษาธิการบริหารจัดการภายในวงเงินงบประมาณ ที่ได้รับการจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ หากไม่เพียงพอ ให้ กระทรวงศึกษาธิการแบ่งจ่ายเงินให้แก่ผู้เข้าร่วมมาตรการดังกล่าวบางส่วนในจำนวน 9 เท่า ก่อน ส่วนที่เหลือให้จ่าย ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3170 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการในกระทรวงสาธารณสุข รวม 9 ฉบับ | นร | 17/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราช
การในกระทรวงสาธารณสุข รวม 9 ฉบับ ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ เป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราช การและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวง กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมสุขภาพจิต กรมอนามัย และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยร่างกฎกระทรวงทั้ง 9 ฉบับ มีดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... 2. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... 3. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... 4. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวง สาธารณสุข พ.ศ. .... 5. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... 6. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... 7. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... 8. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... 9. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3171 | ผลการตรวจสภาพพื้นที่เพื่อรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมบริเวณมาบตาพุด จังหวัดระยอง และผลการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด ครั้งที่ 1/2552 | นร | 17/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผลการ
ตรวจสภาพพื้นที่เพื่อรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมบริเวณมาบ ตาพุด จังหวัดระยอง ของคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด ซึ่งได้เดินทางไปตรวจสภาพพื้นที่เพื่อรับฟัง ความเดือดร้อนของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมบริเวณมาบตาพุด ได้แก่ ชุมชนวัดหนอง แฟบ ตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง ชุมชนบริเวณคลองซากหมาก และชุมชนบ้านแลง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง รวมทั้งผลการประชุมคณะทำงาน ฯ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ 1. มอบหมายเทศบาลเมืองมาบตาพุดเร่งจัดทำข้อกำหนดงาน (TOR) โครงการจัดการขยะมูลฝอยเทศ บาลเมืองมาบตาพุด โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้การสนับสนุนด้านเทคนิคเพื่อว่าจ้างผู้มี ความชำนาญมาดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยมีการประมูลที่โปร่งใส 2. มอบหมายจังหวัดระยองประสานการประปาส่วนภูมิภาค เพื่อจัดทำโครงการให้บริการน้ำประปา ทั้ง การปรับปรุงคุณภาพและการขยายเขตระบบจำหน่ายประปาในพื้นที่มาบตาพุดและชุมชนเมืองในจังหวัดระยองเป็น แผนงานที่สมบูรณ์ครบถ้วนภายใน 1 สัปดาห์ โดยให้ประสานสำนักงบประมาณเพื่อเสนอขอใช้งบกลาง ภายใน 2 สัปดาห์ 3. มอบหมายกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการจัดทำแผนพัฒนาบริการด้านสาธารณสุขให้แล้วเสร็จภาย ใน 1 สัปดาห์ และจัดส่งสำนักงบประมาณเพื่อจัดหาแหล่งเงินมาดำเนินการโดยด่วนต่อไป 4. มอบหมายกรมโรงงานอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หารือกับจังหวัดระยอง ในการกำหนดตำแหน่งที่เหมาะสม และเร่งรัดติดตั้งป้ายรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ (Display Board) ให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2552 5. มอบหมายฝ่ายเลขานุการ ฯ ติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ตามข้อ 1. ถึง 4. เพื่อ ประกอบการจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ฯ และรายงานในการประชุมครั้งต่อไป (ในวันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2552)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3172 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 4/2552 | นร | 17/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการพัฒนาพื้นที่
บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ กพอ. ครั้งที่ 4/2552 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งได้ พิจารณาเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหามาบตาพุดในระยะเร่งด่วน และความก้าวหน้าการดำเนินงานแก้ไขปัญหามล พิษและคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะที่ผ่านมา (การแก้ปัญหาด้านมลพิษ การแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข การ แก้ปัญหาด้านคุณภาพชีวิตในชุมชนมาบตาพุด การแก้ปัญหาประปามาบตาพุด และการศึกษาเปรียบเทียบเมือง อุตสาหกรรมเชิงนิเวศประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (บริษัท BASF) เมือง Kitakyushu ประเทศญี่ปุ่น) 2. เห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการ กพอ. ดังนี้ 2.1 มอบหมายฝ่ายเลขานุการจัดทำรายชื่อโครงการแก้ปัญหามาบตาพุด เพื่อจัดลำดับความสำคัญ โครงการร่วมกับจังหวัดระยองและภาคประชาชน เพื่อนำไปจัดทำแผนปฏิบัติการต่อไป ประกอบด้วย (1) โครงการ ตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง พ.ศ. 2553-2556 (2) กลุ่มโครงการ แก้ปัญหาของกรมควบคุมมลพิษ (3) กลุ่มโครงการพัฒนาศักยภาพการให้บริการของโรงพยาบาลในพื้นที่เขตควบ คุมมลพิษ จังหวัดระยอง (4) โครงการปรับปรุงเส้นท่อและขยายเขตจ่ายน้ำของการประปาส่วนภูมิภาค และ (5) โครงการอื่นที่สำคัญ เช่น ป้ายอัจฉริยะบอกตัวชี้วัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม โครงการขุดลอกตะกอนคลองซากหมาก เป็นต้น 2.2 จัดตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เป็นประธาน ทำหน้าที่จัดทำแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุดร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อเสนอ ต่อคณะกรรมการ กพอ. และคณะรัฐมนตรี รวมทั้งประสานและเร่งรัดการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการ ฯ ให้มี ประสิทธิผลโดยเร็ว โดยให้ฝ่ายเลขานุการประสานกระทรวงขอรายชื่อผู้แทนหน่วยงานเพื่อแต่งตั้งเป็นผู้แทนถาวร ในคณะทำงาน ทั้งนี้ ในระยะเร่งด่วนจะเน้นการแก้ไขปัญหามลพิษ (อากาศ ขยะ น้ำเสีย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3173 | การแก้ไขปัญหาพนักงานหยุดงานของแรงงานในภาคอุตสาหกรรม | นร | 17/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) รับเรื่องการแก้ไขปัญหา
พนักงานหยุดงานของแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีผลทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความลังเลและขาดความเชื่อมั่น ในการตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิต หรือขยายฐานการผลิตในประเทศไทย ประกอบกับพระราชบัญญัติ แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการร้องเรียนว่า เมื่อได้มีการแจ้งข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ของลูกจ้างแล้ว ถ้าข้อเรียกร้องนั้นยังอยู่ระหว่างการเจรจาการไกล่เกลี่ยหรือการชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน ห้ามมิให้นาย จ้างเลิกจ้าง หรือโยกย้ายหน้าที่การงานลูกจ้าง ผู้แทนลูกจ้าง กรรมการ อนุกรรมการ หรือสมาชิกสหภาพแรงงาน หรือกรรมการ หรืออนุกรรมการสหพันธ์แรงงานซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องโดยมีข้อยกเว้นเพียงบางกรณีเท่านั้น อาจ ทำให้ฝ่ายผู้ประกอบการเกิดความรู้สึกว่าไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเท่าที่ควรในกรณีผู้ประกอบการเห็นว่าลูก จ้างได้กระทำการให้เกิดความเสียหายแก่ธุรกิจของตน โดยพิจารณาร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมทั้งความจำเป็นและเหมาะสมในการปรับปรุงแก้ ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3174 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... | รง | 10/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราช
การกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... ของกระทรวงแรงงาน ที่ตรวจพิจารณาแล้ว โดย สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง ฯ เป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของกรมสวัสดิการและ คุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน โดยรวมภารกิจของกองตรวจความปลอดภัยและสถาบันความปลอดภัยในการ ทำงาน เป็นสำนักความปลอดภัยแรงงาน เพื่อให้การบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพ แวดล้อมในการทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3175 | โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบจำหน่าย | มท | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินงานตามโครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบ จำหน่าย (คปจ.) (Distribution System Efficiency Improvement Project) ระยะเวลาดำเนินการ ปี พ.ศ. 2552 -2553 มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพของระบบจำหน่ายให้สามารถรองรับความต้อง การใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการก่อสร้างเสริมระบบจำหน่ายสายย่อย รวมทั้งปรับปรุงระบบจำหน่าย และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทรุดโทรมหรือเสื่อมสภาพในพื้นที่บริการของ กฟภ. ทั่วประเทศ วงเงินลงทุน 12,690 ล้าน บาท (โดยใช้เงินกู้ในประเทศ 9,510 ล้านบาท และเงินรายได้ กฟภ. 3,180 ล้านบาท) ตามที่กระทรวงมหาด ไทยเสนอ 2. ให้กระทรวงมหาดไทย (กฟภ.) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการกำกับกิจ การพลังงาน และประธานกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ที่ให้ กฟภ. สรุปรายงานผลการดำเนินงานทราบเป็น ระยะ ๆ และในการดำเนินโครงการ คปจ. ควรมีการวางแผนป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่อาจเกิดขึ้น ในช่วงการก่อสร้างโครงการเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเนื่องจากประมาณการผลตอบแทนทางการ เงินสุทธิ (NPV) ของโครงการติดลบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ กฟภ. ในอนาคต จึงเห็นควร ให้ กฟภ. พิจารณามาตรการรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเพื่อให้มีสภาพคล่องทางการเงินที่เหมาะสมกับภาระเงินกู้ รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลการดำเนินงาน และการเบิกจ่ายงบลงทุนของโครงการให้เป็นไปตามแผน การดำเนินงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3176 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 สิงหาคม 2543 เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ | ทส | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 4 พฤษภา คม 2552 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2543 เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความ สำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ ที่เห็นควรศึกษาและพัฒนาปรับปรุงกฎหมายด้าน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งระบบโดยบูรณาการเรื่องที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน เช่น ทรัพยากรป่าไม้ การจัด การพื้นที่ชุ่มน้ำ การจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำ และการควบคุมมลพิษ เป็นต้น การสร้างความรู้ความเข้าใจถึงประโยชน์ จากการขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต การติดตามประเมินผลการดำเนินการ ตามมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางการปรับปรุงเพิ่มเติม ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำ รวมทั้งมีมาตรการด้านการฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำที่ถูกบุกรุกทำลายทั้งระบบเพื่อให้เกิดการ ใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำอย่างยั่งยืนโดยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานระดับท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ และการ กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบตามมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ นอกจากนี้ ควรศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวด ล้อมกับความมั่นคงของรัฐ และความไม่มั่นคงของประชาชน ความขัดแย้งจากการแย่งชิงและการใช้สอยทรัพยากรสิ่ง แวดล้อมต่าง ๆ ในพื้นที่ในสภาวะของการมีทรัพยากรจำกัด ขาดแคลน และมีสภาพเสื่อมโทรมลง รวมถึงการรณรงค์ ให้ความรู้ ทำความเข้าใจ และสร้างจิตสำนึกของประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนในพื้นที่เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ในการฟื้นฟู เฝ้าระวัง มีการประเมินความรู้สึกและความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการดำเนินการตามมติดังกล่าว ไปพิจารณา หากสมควรปรับปรุงมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำประการใดให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3177 | รายงานผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2010) | นร | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ 1.1 รับทราบรายงานผลการดำเนินการปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ ของหน่วยงานต่าง ๆ และผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจในประเทศต่าง ๆ ของธนาคารโลก (Doing Business 2010) ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 12 จาก 183 ประเทศ 1.2 เห็นชอบให้สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ประสานการดำเนินการกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจให้เกิดผลสำเร็จต่อเนื่องต่อไป 2. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรให้สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงระบบการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ ในการอำนวยความสะดวกและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนที่ จะเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย และความเห็นของกระทรวงแรงงานที่เห็นควรปรับเปลี่ยนข้อความในรายงาน เอกสารแนบ 1 หน้า 3 ข้อ 3 ด้านการจ้างงาน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 3. เห็นชอบให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลัก โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติเข้าไปร่วมศึกษาวิเคราะห์เรื่องตัวชี้วัดที่มีผลต่อการจัดอันดับ และประสานการดำเนินการกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างต่อเนื่องต่อไป ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3178 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2553 ครั้งที่ 1 | กค | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1 ที่มีวงเงิน ดำเนินการสุทธิเพิ่มขึ้น 50,819.83 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 1,637,896.68 ล้านบาท เป็น 1,688,716.51 ล้าน บาท 2. อนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2553 ปรับปรุงครั้งที่ 1 3. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข ตลอดจนรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้ง ได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ปรับปรุงครั้งที่ 1 แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถ ดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ 4. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง 5. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1 ของ รัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งเป็นการปรับปรุงแผนงาน ย่อย จำนวน 2 แผน ได้แก่ 5.1 แผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ วงเงินเดิม 288,531.92 ล้านบาท ปรับเพิ่ม 49,124.27 ล้านบาท วงเงินหลังการปรับปรุง 337,656.19 ล้านบาท โดยการปรับเพิ่มวงเงินดังกล่าว ประกอบด้วยการกู้เงินใหม่ในแผนเงินกู้เพื่อลงทุน จำนวน 819.04 ล้านบาท แผนเงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและ อื่น ๆ จำนวน 41.565 ล้านบาท และการบริหารและจัดการหนี้เดิมอีก จำนวน 6,740.23 ล้านบาท 5.2 แผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ วงเงินเดิม 118,662.30 ล้านบาท ปรับเพิ่ม 1,695.56 ล้าน บาท วงเงินหลังการปรับปรุ ง 120,357.86 ล้านบาท เนื่องจากการประปานครหลวงได้ขอบรรจุเพิ่มโครงการใน แผน ฯ จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 วงเงินกู้ 1,695.56 ล้านบาท ที่กำหนดจะกู้เงินจาก JICA แต่เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังไม่ได้รับการพิจารณาจากรัฐสภา จึงไม่สามารถลงนาม ในสัญญาเงินกู้ได้ทันตามที่กำหนดไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จึงต้องเลื่อนการดำเนินการมาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3179 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่อง การให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ (Tsunami) | ตช | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2548 [เรื่อง สรุปผลการ
ให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ (Tsunami)] ข้อ 2.1 เป็นดังนี้ "2.1 การดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติ การพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบจัดพื้นที่สุสานผู้ประสบภัยสึนามิ ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา รวมทั้งรับผิดชอบดำเนินการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและชันสูตรพลิกศพผู้ประสบภัย ให้เป็นไปตามกฎหมาย ในกรณีจำเป็นหรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการในการตรวจพิสูจน์บุคคลสูญหายและศพ นิรนาม สามารถประสานการปฏิบัติกับกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลสูงสุดได้ทั้งให้พัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงรำลึกด้วย" ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3180 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเศรษฐกิจโลก" | สสป | 27/10/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเศรษฐกิจโลก" และรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผลการพิจารณาตามความ เห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุป ได้ดังนี้ 1. การคอร์รัปชันในระบบราชการ โดยลดปัญหาคอร์รัปชันด้วยการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่ เกี่ยวข้องทั้งหมด และสร้างกลไกทดสอบด้านคุณธรรมและจริยธรรมผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจจัดซื้อจัดจ้าง 2. การสร้างความโปร่งใส จริยธรรม และบรรษัทภิบาลในธุรกิจเอกชน โดยเพิ่มโอกาสการบังคับใช้กฎ หมายในตลาดทุน โดยลดระยะเวลาในการนำคดีขึ้นศาล และให้คดีความที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนไปขึ้นศาลชำนาญ พิเศษแทนศาลธรรมดา และกระตุ้นให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยรักษาสิทธิ์ของตน โดยให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งสนับสนุนโครงการอบรม "อาสาพิทักษ์สิทธิผู้ถือหุ้น" เพื่อลดโอกาสการเอาเปรียบของบริษัทจดทะเบียนต่อ ผู้ถือหุ้น และขยายขอบเขตการดำเนินการให้ครอบคลุมผู้ถือหุ้นรายย่อยให้ทั่วถึง 3. โครงสร้างพื้นฐานที่พอเพียง และกลไกการลงทุนที่เหมาะสม โดยหาช่องทางใช้การขนส่งทางน้ำและ ระบบรางที่มีอยู่ให้มากขึ้น เร่งรัดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระบบรางและทางน้ำ เพิ่มบทบาทให้เอกชนมีส่วน ร่วมลงทุนและเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย รวมทั้งแยกงานด้านบริการเดินรถ ขนส่ง ด้านพัฒนา และด้านบำรุงรักษาโครงสร้างขนส่งออกจากกัน และศึกษารูปแบบการปรับโครงสร้างเพิ่มเติม 4. ระบบการเงินและตลาดทุนที่สนับสนุนการออมและการลงทุน ได้แก่ การเพิ่มเงินออมภาคบังคับโดย อนุมัติให้โครงการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) มีผลบังคับใช้อย่างเร่งด่วน และการเพิ่มเงินออม โดยสมัครใจ โดยสร้างระบบการออมระยะยาวให้แรงงานนอกระบบที่อยู่ในภาคการเกษตร สนับสนุนให้ประชาชน ซื้อสลากออกทรัพย์แทนหวยและสลากกินแบ่ง รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์กำกับดูแลความโปร่งใสของบริษัทจัดการกองทุนต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้ข้อมูลที่เป็นจริง 5. เสถียรภาพทางด้านการคลัง และมีภาระภาษีอากรที่จูงใจ ได้แก่ การแก้ปัญหาความเสี่ยงที่เกิดจาก โครงสร้างรายจ่ายของรัฐ โดยเร่งรัดกระบวนการออกกฎหมายว่าด้วยความรับผิดชอบทางการคลัง และสร้างความ โปร่งใสของกระบวนการทางการคลัง และการแก้ปัญหาการมีโครงสร้างภาษีที่มีความเสี่ยง โดยเพิ่มเป้าหมายการ จัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมากขึ้น พร้อมทั้งเร่งศึกษาหาแนวทาง ในการจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อเป็นรายได้แก่รัฐ 6. ความรวดเร็วและความเชื่อถือได้ทางกระบวนการยุติธรรมและกฎหมายที่ทันสมัย โดยให้สังคายากฎ หมายและระเบียบที่มีอยู่ทั้งหมดของประเทศเป็นการเร่งด่วน และเร่งรัดการพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติการแข่ง ขันทางการค้า พ.ศ. 2542 ให้มีผลครอบคลุมถึงรัฐวิสาหกิจ ตลอดจส่งเสริมการใช้ระบบยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ให้ กว้างขวางยิ่งขึ้นเพื่อลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาล 7. คุณภาพแรงงานและการพัฒนาคุณภาพแรงงานอย่างต่อเนื่องเพื่อประสิทธิภาพการผลิต โดยสร้าง ระบบประเมินมาตรฐานแรงงานฝีมือ และสร้างระบบมาตรฐานแรงงานฝีมือและระบบคุณวุฒิอาชีพที่สอดคล้องกัน และเพิ่มงบประมาณในการพัฒนาฝีมือแรงงาน 8. การเพิ่มขีดความสามารถทางด้านการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ของไทย โดยแต่งตั้งคณะกรรม การสร้างระบบการวิจัยและพัฒนาของไทยที่มีองค์ประกอบจากองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีการแบ่งภารกิจที่ชัด เจน และให้มีองค์กรนโยบายการวิจัย ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิและหัวหน้าทุกองค์กรในระบบเป็นกรรมการ และ ให้แยกหน่วยงานที่ทำวิจัยและพัฒนาเป็นองค์กรอิสระมีกลไกแลกเปลี่ยนแผนงานและผลการวิจัยและพัฒนา รวม ทั้งจัดตั้งองค์กรบริหารเงินทุนวิจัยที่เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง 9. การวางแผนและกลไกการจัดระบบของการกระจายข้อมูลของ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวกับความ สามารถในการแข่งขั้น โดยการจัดทำแผนพัฒนาข้อมูลสารสนเทศระดับชาติ และให้มีองค์กรหลักในการทำหน้าที่ ดูแลการบริหารจัดการข้อมูลระดับชาติ รวมทั้งกำหนดเป็นนโยบายสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลของหน่วยงานราช การให้แก่สาธารณะทราบอย่างทั่วถึง ผ่านช่องทางที่เข้าถึงได้สะดวก 10. บรรยากาศทางการเมืองการปกครองที่มีเสถียรภาพและเอื้ออำนวยการ ได้แก่ การสนับสนุนการ สร้างเยาวชนให้มีวินัยภายใต้วัฒนธรรมที่เป็นประชาธิปไตย จัดตั้งองค์กรอิสระทำหน้าที่ตรวจสอบความสำนึกรับ ผิดชอบของนักการเมือง รวมทั้งสนับสนุนให้องค์กรอิสระทั้งภาครัฐและเอกชนช่วยกันตรวจสอบนักการเมืองเร่ง ให้สัตยาบัน อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตของ United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
