ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 154 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3061 - 3080 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3061 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 07/09/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2546 ในส่วนของเครื่องหมายแสดงระดับและส่วนประกอบบนอินทรธนูของเครื่องแบบพิเศษข้าราชการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้รับข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการกำหนดเครื่องแบบพิเศษของส่วนราชการที่มอบให้กระทรวงยุติธรรมรับไปดำเนินการในการปรับปรุงแก้ไขการกำหนดกลุ่มประเภทตำแหน่งในการแบ่งชั้นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการประดับเครื่องหมายแสดงระดับ ระดับ 7-10 เดิม จากที่กำหนดให้ประดับเครื่องหมายหยดน้ำอยู่บนปีกนกเบื้องบนเปล่งรัศมี เหนือหยดน้ำ ขึ้นไปมีรูปดาว 8 แฉก ประดับเรียงตามแนวหยดน้ำและกำหนดให้ประดับเครื่องหมายหยดน้ำไว้ที่ “กึ่งกลางแถบดิ้นทองบนอินทรธนู” เป็น “เรียงตามแนวเหนือหยดน้ำ” และประดับรูปดาว 8 แฉกอยู่ด้านล่าง โดยประดับเรียงเป็นรูปแบบต่าง ๆ เช่น รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน รูปสามเหลี่ยมด้านเท่าและรูปแนวตั้ง เป็นต้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้สามารถที่จะใช้อินทรธนูและเครื่องหมายแสดงระดับที่กำหนดไว้เดิมได้ทั้งหมด จึงสมควรที่จะคงรูปแบบที่กำหนดไว้เดิมทำนองเดียวกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอินทรธนูของข้าราชการพลเรือนสามัญทั่วไปที่ยึดหลักการให้คงรูปแบบเดิมให้มากที่สุด โดยให้กระทรวงยุติธรรมรับไปพิจารณาดำเนินการตามสมควรแก่กรณี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ 2. เห็นชอบตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ เกี่ยวกับการกำหนดรูปดาวเป็นเครื่องหมายแสดงระดับของเครื่องแบบพิเศษของข้าราชการพลเรือน อาจทำให้เกิดความสับสนระหว่างข้าราชการแต่ละประเภทได้ ดังนั้น หากเป็นกรณีที่ส่วนราชการที่กำหนดรูปดาวเป็นเครื่องหมายแสดงระดับไว้แล้วเห็นควรให้คงตามเดิม ส่วนกรณีที่ส่วนราชการจะกำหนดเครื่องหมายดาวขึ้นใหม่เห็นควรให้ใช้เครื่องหมายอื่นแทน และให้แจ้งเวียนส่วนราชการต่าง ๆ ทราบและถือปฏิบัติตามข้อสังเกตดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3062 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันก่อนได้รับงบประมาณ และขอใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับดำเนินโครงการผลิตและพัฒนาศักยภาพแพทย์และบุคลากรตามโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | สธ | 07/09/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้กระทรวงสาธารณสุขก่อหนี้ผูกพันก่อนได้รับงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เพื่อดำเนินโครงการผลิตและพัฒนาศักยภาพแพทย์และบุคลากร ในส่วนของ การผลิตแพทย์ ตามโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 1.2 สนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการผลิตและพัฒนาศักยภาพแพทย์และบุคลากร ในส่วนของการผลิต แพทย์ตามโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เฉพาะในส่วนของการดำเนินการผลิตแพทย์ ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 482 คน เป็นงบอุดหนุนเพื่อการผลิตแพทย์ เป็น เงินจำนวน 48,200,000 บาท 2. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อ สารที่ว่า ควรมีการปรับปรุงเรื่องการชดใช้ทุนของแพทย์ โดยเพิ่มค่าปรับให้สูงขึ้นกรณีที่ผิดสัญญาชดใช้ทุนและเพิ่ม ระยะเวลาการชดใช้ทุนให้นานกว่าในปัจจุบัน เพื่อให้แพทย์สามารถปฏิบัติงานให้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการนาน ยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 3063 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2529 เกี่ยวกับเงินผลกำไรที่ธนาคารพาณิชย์ได้รับอันเนื่องมาจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา | กค | 07/09/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังนำส่งเงินผลกำไรที่ธนาคารพาณิชย์ได้รับอันเนื่องมาจาก
การปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2527 จำนวน 102,085,542.56 บาท พร้อม ดอกเบี้ย (ถ้ามี) เข้าเป็นรายได้แผ่นดิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
| 3064 | ร่างพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 31/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบตามความเห็นและข้อเสนอแนะเรื่อง ร่างพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณา ร่างพระราชบัญญัติฯ ประกอบคำชี้แจงของผู้แทนสำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีความเห็นว่า สาเหตุที่หน่วยงานของรัฐตกเป็นฝ่ายแพ้ในชั้นการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ เกิดจากปัญหาการจัดทำ สัญญา ปัญหาการบริหารสัญญา และปัญหาการตั้งอนุญาโตตุลาการ โดยไม่ได้เกิดจากตัวระบบของอนุญา โตตุลาการ ซึ่งปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้โดยทางการบริหารงานของหน่วยงานต่าง ๆ จึงไม่มีความ จำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๔๕ ตามร่างกฎหมายที่ กระทรวงยุติธรรมเสนอแก้ไข และให้แจ้งเวียนความเห็นและข้อเสนอแนะให้หน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ทราบ และถือปฏิบัติตามข้อเสนอแนะดังกล่าวต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับไปพิจารณาหาแนวทางการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ และมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดจากการจัดทำสัญญา การบริหารสัญญา และการตั้ง อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทของสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน แล้วนำเสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 3065 | ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ | ยธ | 31/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบนำกรอบแนวคิดและทิศทางการดำเนินงานตามข้อเสนอของคณะทำงานโครงการความร่วมมือ ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม เพื่อประเทศไทยใสสะอาด ข้อเสนอของสำนักงาน ก.พ.ร. และข้อเสนอของกระทรวงวัฒน ธรรม ไปรวมเข้ากับมาตรการดำเนินงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ตามที่คณะกรรมการขับ เคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ได้กำหนดไว้ 2. เห็นชอบการปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตภาครัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2551 และวันที่ 29 กันยายน 2552 โดยให้ มีอำนาจเพิ่มเติมในการ "แต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ หรือคณะทำงานฯ เพื่อดำเนินการหรือสนับสนุนภารกิจ การขับ เคลื่อนยุทธศาสตร์ ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาค รัฐ มอบหมาย" |
||||||||||||||||||||||||
| 3066 | สรุปผลการประชุม เรื่อง การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในสินค้ายา | พณ | 31/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการประชุม เรื่อง การ
คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในสินค้ายา ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) รอง ประธานกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ สรุปได้ดังนี้ 1. ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดทำบันทึกความตกลงว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาละเมิดเครื่องหมาย การค้า เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคมในการป้องกัน และปราบปราม แลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโทษของการใช้ยาละเมิดเครื่องหมายการค้า ซึ่งจะมีการลงนามในบันทึกความตกลงฯ ภายในเดือนสิงหาคม 2553 2. ที่ประชุมรับทราบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการทรัพย์สินทางปัญญาด้านยาและเวชภัณฑ์ ตามมติคณะ อนุกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน และ จะนำเสนอนายกรัฐมนตรีลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการดังกล่าวต่อไป 3. ที่ประชุมรับทราบการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาใน สินค้ายา การปรับปรุงฐานข้อมูลสิทธิบัตรของกรมทรัพย์สินทางปัญญา การศึกษาเรื่อง evergreening patent และนโยบายของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่สนับสนุนการตั้งโรงพยาบาลแพทย์แผนไทย 5 ภูมิภาค ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน 15 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ รวมทั้งโครงการสร้างความตระหนักของประชาชนเกี่ยวกับยา คุณภาพ (Partnership for Safe Medicine) ที่สมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์เคยดำเนินการได้ผลสำเร็จในต่าง ประเทศ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 3067 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการติดตั้งและใช้โทรศัพท์ของทางราชการ และกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ | กค | 24/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2550 เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการ ติดตั้งและใช้โทรศัพท์ของทางราชการ 2. เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการติดตั้งและใช้โทรศัพท์ของทางราชการ โดยมีสาระสำคัญคือ 2.1 ปรับปรุงตำแหน่งข้าราชการที่จะขออนุมัติการติดตั้งโทรศัพท์พื้นฐานประจำบ้านพักส่วนตัว 2.2 เพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอนุมัติการติดตั้งโทรศัพท์พื้นฐานประจำบ้านพักส่วนตัว 2.3 เพิ่มเติมหลักฐานการจ่ายกรณีค่าโทรศัพท์พื้นฐานประจำบ้านพักส่วนตัว 2.4 เพิ่มเติมหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าใช้บริการ 2.5 เพิ่มเติมหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าใช้บริการกรณีข้าราชการพ้นจากตำแหน่งในส่วนราชการนั้น 2.6 กำหนดเพิ่มเติมให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางมีอำนาจในการพิจารณาตอบข้อหารือ และการอนุมัติยกเว้นการไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์ |
||||||||||||||||||||||||
| 3068 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2553 | ทส | 24/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2553 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเรื่องต่าง ๆ จำนวน 9 เรื่อง ดังนี้
1. แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง พ.ศ. 2553-2556 (ฉบับทบทวน) 2. การขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำเกาะระ เกาะพระทอง จังหวัดพังงา และพื้นที่ชุ่มน้ำเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ 3. การรับรองโครงการความร่วมมือพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกอพยพและการใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอพยพอย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย (Partnership of the Conservation of Migratory Waterbirds and Sustainable Usee of their Habitat in the East Asian-Australasian Flyway) 4. โครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ทางหลวงหมายเลข 4 สายชุมพร-ระนอง ของกรมทางหลวง 5. โครงการหอดูดาวแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ 6. การปรับปรุงร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าควันดำจากท่อไอเสียของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด 7.การกำหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ 8. การปรับปรุงค่ามาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากเตาเผามูลฝอย 9. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยข้อร้องเรียนโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ และปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
|
||||||||||||||||||||||||
| 3069 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2553 ครั้งที่ 5 | กค | 24/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้ สาธารณะเสนอ ดังนี้ 1.1 การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 5 ที่มีวง เงินเพิ่มขึ้น 64,783 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 1,646,973.17 ล้านบาท เป็น 1,711,756.17 ล้านบาท 1.2 การกู้เงิน การค้ำประกัน และการให้กู้ต่อของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจภายใต้แผนการบริหารหนี้ สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ปรับปรุงครั้งที่ 5 1.3 ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของ การกู้เงินในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ปรับปรุงครั้งที่ 5 2. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นสมควรกำกับ ดูแล และเร่งรัดให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 3070 | แนวทางการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและการฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรทรายของประเทศ | ทส | 10/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 9
มิถุนายน 2552 และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและการฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรทรายในการปรับปรุงการ บริหารจัดการภายใต้กฎหมายและกฎระเบียบปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพ โดยให้กรมที่ดินในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะ กรรมการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทราย (ทรายในแม่น้ำ) และกรมโรงงานอุตสาหกรรม (ทรายในที่ดินกรรมสิทธิ์ของ เอกชน) เป็นหน่วยงานหลักประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงระบบระเบียบบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ 2. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ตามข้อ 1 โดย 2.1 ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประมวลการปรับปรุงกฎหมายที่จะต้องรองรับการ เปลี่ยนแปลงกฎหมายปัจจุบันเพื่อให้ทรัพยากรทรายเป็นแร่ โดยไม่กระทบต่อหลักการของกฎหมายที่ใช้อ้างอิง หรือ อาจพิจารณาดำเนินการให้มีกฎหมายเป็นการเฉพาะ เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรทรายในอนาคต 2.2 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลผลการศึกษาจากโครงการวางแผนการจัดการสิ่งแวดล้อมจากการ ใช้ทรัพยากรทราย ที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ศึกษาไว้แล้ว ไปใช้พิจารณา ประกอบการดำเนินงานต่อไป 2.3 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติงบประมาณเป็นกรณีพิเศษในการดำเนินงานตามแนวทางการ บริหารจัดการทรัพยากรทรายฯ และให้หน่วยงานหลักเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี หลังจากมีมติคณะ รัฐมนตรี |
||||||||||||||||||||||||
| 3071 | สถานการณ์และข้อเสนอเพื่อปรับปรุงระบบรองรับอุบัติภัยสารเคมีรั่วไหลที่มาบตาพุดและพื้นที่ใกล้เคียง | สช | 10/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบสถานการณ์และข้อเสนอเพื่อปรับปรุงระบบรองรับอุบัติภัยสารเคมีรั่วไหลที่มาบตาพุดและพื้น ที่ใกล้เคียง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อไป ตามมติคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ใน การประชุมครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2553 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ โดยที่ ประชุมรับทราบความก้าวหน้าผลการดำเนินงานของคณะกรรมการศึกษา สนับสนุนฯ โดยเฉพาะรายงานการศึกษา สถานการณ์การแก้ไขปัญหาเหตุการณ์อุบัติภัยสารโซเดียมไฮโปคลอไรด์รั่วไหลออกจากถังกักเก็บของบริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมิคัลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ตั้งอยู่ภายในนิคมเหมราชตะวันออก (มาบตาพุด) จังหวัดระยอง ซึ่งเป็น โรงงานผลิตสารเคมีหลายชนิด เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2553 และข้อเสนอเพื่อการปรับปรุงระบบรองรับอุบัติภัยสาร เคมีรั่วไหลที่มาบตาพุดและพื้นที่ใกล้เคียงต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ดัง นี้ 1.1 พัฒนาระบบการแบ่งระดับของเหตุฉุกเฉินให้สอดคล้องกันทุกโรงงานและหน่วยงาน 1.2 กำหนดให้โรงงานต้องแจ้งไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีฉุกเฉินในทุกระดับ โดยความรุนแรงระดับ หนึ่งอาจแจ้งบางหน่วยงานแต่ต้องไม่จำกัดเฉพาะการนิคมฯ ควรรวมถึงหน่วยงานสาธารณสุข (สายด่วน 1669) และ ป้องกันภัยจังหวัดด้วย ส่วนความรุนแรงระดับสองและสามต้องแจ้งหน่วยงานและชุมชนทันที 1.3 กำหนดมาตรการและขั้นตอนในการเผชิญเหตุการระงับและการแก้ไขให้ครบถ้วน ชัดเจน โดยต้อง มีการบังคับใช้อย่างจริงจังและมีการลงโทษที่เหมาะสม 1.4 ทางจังหวัดต้องตัดสินใจประกาศเหตุฉุกเฉินให้เหมาะสมกับสถานการณ์อุบัติภัย เพื่อให้หน่วยงาน ต่าง ๆ ออกมาทำหน้าที่อย่างเป็นทางการและเป็นระบบโดยมีการประสานงานที่ดี 1.5 การสืบสวนกรณีการเกิดอุบัติภัย (After Incident Investigation) ต้องดำเนินการโดยหน่วยงานที่ มีความเชี่ยวชาญและต้องไม่รับค่าจ้างและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับโรงงานต้นเหตุ และต้องสืบสวนให้แล้วเสร็จโดย ไม่ล้าช้าเกินไปและเปิดเผยรายงานต่อสาธารณะ 1.6 บริษัท อดิตยาฯ ต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างชัดเจน โดยมีการตรวจสอบของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งทางแพ่ง ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ค่าความเสียหายต่อพืช และการประกอบอาชีพของชาวบ้าน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความรับผิดทางอาญา 2. ให้เพิ่มกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบอีกหน่วยงานหนึ่งเพื่อให้ครอบคลุมถึงโรงงาน ภายนอกนิคมอุตสาหกรรม ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรมีมาตรการเข้มงวด ในการติดตามตรวจสอบ เพื่อให้มีการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอยู่ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 3072 | ขออนุมัติการปรับปรุงโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขออัตราข้าราชการและพนักงานราชการ | ยธ | 10/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติกรอบอัตรากำลังข้าราชการและพนักงานราชการ ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม เสนอ โดยให้ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลตามนัยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 (เรื่อง นโยบายการพัฒนาระบบราชการ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มกรา คม 2553 (เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552) ทั้งนี้ ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษนำเรื่องนี้เสนอ อ.ก.พ. กระทรวงยุติธรรม พิจารณา แล้วดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของนายกรัฐมนตรีที่ว่าหากในอนาคตมีการเปลี่ยน แปลงภารกิจก็ให้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างและอัตรากำลังตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปดำเนินการด้วย 2. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้เป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอรับไปปรับปรุงรูปแบบการทำงานและระบบการจ่ายค่าตอบแทนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||
| 3073 | โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 | กษ | 03/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดงานตามโครงการจัดงานมหกรรม พืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ในกรอบวงเงินรวม 838.76 ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์เสนอ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดทำประมาณการรายรับ-ราย จ่าย แผนบริหารรายได้ และแผนความพร้อมด้านบุคลากร ตลอดจนการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรม และ ความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการจัดทำแผนความเป็นไปได้ทางธุรกิจ (Financial Plan) และการศึกษา วิเคราะห์แนวทางการให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมในการบริหารจัดการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 2. สำหรับงบประมาณเพื่อการดำเนินงานตามรายการต่าง ๆ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้จ่ายงบ ประมาณให้เป็นไปโดยประหยัด เหมาะสมคุ้มค่า และเป็นไปตามเป้าหมายของการจัดงาน ทั้งนี้ ในส่วนของโครง การที่จะต้องดำเนินการโดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ อนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำ สัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณได้ตามที่เสนอ โดย 2.1 อนุมัติในหลักการงบประมาณสำหรับใช้ในการปรับปรุงสถานที่ สิ่งก่อสร้าง และการจัดตกแต่ง ภูมิสถาปัตยกรรม จำนวน 6 รายการ ได้แก่ งานก่อสร้างอาคารสำนักงาน พื้นที่ 360 ตารางเมตร งานปรับปรุง อาคารโลกแมลง งานปรับปรุงงานระบบและพื้นที่อาคารนิทรรศการเดิม พื้นที่ 1,700 ตารางเมตร งานก่อสร้าง อาคารจัดนิทรรศการ พื้นที่ 5,000 ตารางเมตร งานเดินท่อน้ำเสียออกจากพื้นที่เพื่อทำการบำบัด และงาน ก่อสร้างระบบบ่อบำบัดน้ำเสีย ซึ่งจำเป็นจะต้องผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2554 ในวงเงินรวมไม่เกิน 130.348 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงิน สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงินไม่เกิน 47.0 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 83.348 ล้านบาท ให้ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2554 โดยขอทำความตกลงความเหมาะสมราคากับสำนักงบประมาณตามระเบียบ การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 ต่อไป ตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ 2.2 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับสำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดงบประมาณเพื่อ ใช้ในการบริหารจัดการการประชาสัมพันธ์และการจัดกิจกรรม จำนวน 2 รายการ ในวงเงินรวมไม่เกิน 470 ล้าน บาท ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถดำเนินการโครงการได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ไปก่อน 3. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและที่ปรึกษาจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ฯ ราชพฤกษ์ 2554 โดยให้มีผู้แทนกระทรวงการคลังร่วมเป็นกรรมการดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ให้ประธานคณะกรรม การสามารถปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการและที่ปรึกษาได้ตามความจำเป็น เหมาะสม และให้ดำเนิน การต่อไปได้ 4. สำหรับเงินรายได้เกิดขึ้นจากการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพกฤษ์ 2554 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามแนวทางตามความเห็นของกระทรวงการคลัง แนวทางใดแนวทาง หนึ่ง โดยหากเงินรายได้ที่ได้รับจากการจัดงานเป็นของกรมวิชาการเกษตรให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการ คลัง หรือหากเงินรายได้ที่ได้รับจากการจัดงานเป็นของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ให้ถือ ปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 3074 | การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการพิเศษเพื่อพิจารณาอนุสัญญาต่างๆ | กต | 03/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพิเศษเพื่อพิจารณา
อนุสัญญาต่าง ๆ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิและหัวหน้าส่วน ราชการที่เกี่ยวข้อง จำนวน 23 คน เป็นกรรมการ ผู้แทนกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ ผู้แทนกรมสนธิสัญญาและกฎหมายอีก 2 คน เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ให้ความเห็นทางกฎ หมายเกี่ยวกับพันธกรณีของไทยต่อการเป็นภาคีสนธิสัญญาต่าง ๆ รวมทั้งในแง่ที่จะต้องออกหรือแก้ไขกฎหมายภาย ในเพื่อรองรับพันธกรณีดังกล่าว ตลอดจนความเห็นด้านนโยบายและให้ความเห็นทางกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตาม ที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 3075 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารมหิดลวิทยานุสรณ์ 2 ที่ประสบปัญหาอัคคีภัย | ศธ | 28/07/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ปรับปรุงซ่อม
แซมอาคารมหิดลวิทยานุสรณ์ 2 และจัดหาครุภัณฑ์ที่ประสบอัคคีภัย ในวงเงิน 128,346,900 บาท โดยให้เบิกจ่าย จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 72,641,200 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารดังกล่าว ส่วนการจัดหาครุภัณฑ์ ในวงเงิน 55,705,700 บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 โดยปรับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ไปดำเนินการก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอทำความตกลงกับ สำนักงบประมาณใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 มีผลใช้บังคับ แล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณค่าปรับปรุงซ่อมแซมอาคารดังกล่าวที่จะ แล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2554 ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3076 | การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ | พณ | 28/07/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ
โดยเพิ่มประธานผู้แทนการค้าไทยเป็นกรรมการ ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) รองประธานกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 3077 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 6/2553 | นร | 28/07/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
เสนอผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข้ง 2555 ครั้งที่ 6/2553 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2553 โดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติ ดังนี้ 1. ให้ฝ่ายเลขานุการจัดทำรายงานสรุปผลการติดตามการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้ม แข็ง 2555 เสนอคณะกรรมการฯ พิจารณา เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยครอบคลุมใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1.1 ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการ เช่น ความพร้อมของหน่วยงานดำเนินโครงการ เป็นต้น และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และการปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์ 1.2 ผลกระทบของการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ต่อเศรษฐกิจของประเทศ 1.3 ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจ กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เกิดผลประโยชน์คุ้มค่า และผล สัมฤทธิ์สูงสุด 2. ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) นำข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับตัวชี้วัดสำหรับ การประเมินผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ทั้งในระดับโครงการและระดับสาขาการลงทุน มีจำนวนค่อนข้างมากอาจก่อให้เกิดความสับสนได้ จึงควรกำหนดตัวชี้วัดที่มีจำนวนไม่มากจนเกินไป โดยอาจกำหนด ตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนผลลัพธ์ของการดำเนินงาน เช่น ตัวชี้วัดด้านรายได้ ตัวชี้วัดด้านคุณภาพชีวิต และตัวชี้วัด ด้านการจ้างงาน เป็นต้น เพื่อให้ตัวชี้วัดระดับผลลัพธ์สามารถเชื่อมโยงกันและเปรียบเทียบกันได้ระหว่างโครงการ ไป พิจาารณาปรับปรุงต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3078 | ขอความเห็นชอบการลงนามในความตกลงว่าด้วยการรับรองคุณวุฒิการศึกษาระดับอุดมศึกษาระหว่างไทย - จีน | ศธ | 28/07/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบการลงนามในความตกลงว่าด้วยการรับรองคุณวุฒิการศึกษาระดับอุดมศึกษาระหว่าง กระทรวงศึกษาธิการของไทยและจีน (Agreement on Mutual Recognition of Academic Degrees in Higher Education between the Ministry of Education of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Education of Government of the People''s Republic of China) 1.2 อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในความตกลงฯ ดังกล่าวเท่าที่จำเป็น ซึ่งจะ ไม่ทำให้สารัตถะในความตกลงเปลี่ยนแปลงไป 1.3 อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ ดังกล่าว 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทน และให้กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงด้านถ้อยคำของร่างความตกลงฯ ตาม ความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศก่อนดำเนินการลงนามต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 3079 | การปรับภารกิจและโครงสร้างของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ | นร | 13/07/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการการปรับภารกิจและโครงสร้างองค์กรของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อ ให้การดำเนินงานด้านความมั่นคงเป็นไปอย่างทันสถานการณ์และครอบคลุมประเด็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความ มั่นคงของประเทศในระยะต่อไป รวมทั้งการปรับปรุงพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2502 และฉบับ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2507 เพื่อให้เป็นกฎหมายที่สนับสนุนประสิทธิภาพการดำเนินงานของสำนักงานสภาความมั่น คงแห่งชาติ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ โดยให้ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนิน การตามนโยบายของรัฐบาลตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่อง นโยบายการพัฒนาระบบ ราชการ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2553 เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัด ตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 2. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่ให้ดำเนินการตามขั้นตอนการแบ่งส่วนราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 ที่ได้แจ้งเวียนให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติแล้วตามหนังสือสำนักงาน ก.พ.ร. ที่ นร 1200/ว 18 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2549 เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง กฎกระทรวงการแบ่งส่วนราชการ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 3080 | การขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชายแดนระหว่างประเทศ) | มท | 13/07/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไข มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) 2. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณซึ่งประมาณราคากลางสูงกว่างบประมาณรวมวงเงินเผื่อ เหลือเผื่อขาดที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันเพิ่มขึ้นเกินร้อยละ 5 โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำ ชายแดนระหว่างประเทศ จำนวน 7 รายการ ดังนี้ 2.1 รายการที่ 1 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านคกงิ้ว หมู่ที่ 5 ตำบลปากตม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ความยาว 400 เมตร จากเดิมวงเงิน 44,000,000 บาท เป็นวงเงิน 58,900,000 บาท 2.2 รายการที่ 2 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านไชยบุรี หมู่ที่ 3 ตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ความยาว 800 เมตร จากเดิมวงเงิน 66,000,000 บาท เป็นวงเงิน 93,400,000 บาท 2.3 รายการที่ 3 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านกุดข้าวปุ้น หมู่ที่ 3, 1 ตำบลขามเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ความยาว 500 เมตร จากเดิมวงเงิน 41,000,000 บาท เป็นวงเงิน 69,500,000 บาท 2.4 รายการที่ 4 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านห้วยเซือมเหนือ ตำบลไคสี อำเภอบึงกาฬ จังหวัด หนองคาย ความยาว 682 เมตร จากเดิมวงเงิน 62,000,000 บาท เป็นวงเงิน 83,450,000 บาท 2.5 รายการที่ 5 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านหาดแฮ่ ตำบลโคกกว้าง อำเภอบุ่งคล้า จังหวัด หนองคาย ความยาว 500 เมตร จากเดิมวงเงิน 50,000,000 บาท เป็นวงเงิน 74,450,000 บาท 2.6 รายการที่ 6 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านถิ่นดุง ตำบลวัดหลวง อำเภอโพนพิสัย จังหวัด หนองคาย ความยาว 600 เมตร จากเดิมวงเงิน 60,000,000 บาท เป็นวงเงิน 95,000,000 บาท 2.7 รายการที่ 7 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านเมืองหมีใหญ่ หมู่ที่ 7 ตำบลเมืองหมี อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ความยาว 700 เมตร จากเดิมวงเงิน 88,000,000 บาท เป็นวงเงิน 99,330,000 บาท 3. อนุมัติให้เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชายแดน ระหว่างประเทศ จำนวน 1 รายการ คือ รายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านโพนสา ตำบลโพนสา อำเภอท่า บ่อ จังหวัดหนองคาย ความยาว 650 เมตร จากเดิมวงเงิน 93,000,000 บาท เป็นวงเงิน 98,200,000 บาท
|
||||||||||||||||||||||||
.....
