ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 91 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 1801 - 1820 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1801 | โครงการเพื่อการพัฒนา ปี 2557 ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 02/09/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบการดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาปี ๒๕๕๗ ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จำนวน ๒๓ โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวม ๕,๒๑๘.๓๓๖ ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่ใช้เงินรายได้ของ กปภ. จำนวน ๒ โครงการ และโครงการที่ใช้เงินงบประมาณและเงินรายได้ จำนวน ๒๑ โครงการ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ โดยแหล่งเงินและรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณสำหรับโครงการที่ขอรับเงินงบประมาณประจำปีจากภาครัฐ จำนวน ๒๑ โครงการ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ดังนี้ ๑.๑ โครงการซึ่งเป็นรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ แล้ว จำนวน ๗ โครงการ วงเงินลงทุน ๑,๑๑๖.๒๑๗ ล้านบาท ๑.๒ โครงการซึ่งเป็นรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ได้เสนอตั้งงบประมาณไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ แล้ว จำนวน ๔ โครงการ วงเงินลงทุน ๖๔๐.๐๕๐ ล้านบาท ๑.๓ โครงการที่ยังไม่มีแหล่งเงินรองรับ จำนวน ๑๐ โครงการ วงเงินลงทุน ๑,๘๙๖.๕๖๖ ล้านบาท เห็นควรให้ กปภ. พิจารณาแหล่งเงินลงทุนจากเงินรายได้ของ กปภ. เป็นลำดับแรกก่อน หรือขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ทั้งนี้ เห็นควรให้ กปภ. พิจารณาเร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ได้รับจัดสรรไว้ให้ทันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และเตรียมความพร้อมการดำเนินงานโครงการที่จะได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งพิจารณาในเรื่องของความคุ้มค่าจากการลงทุนทางด้านการเงิน โดยการควบคุมค่าใช้จ่ายการผลิตและเพิ่มรายได้จากการให้การบริการ และลดอัตราน้ำสูญเสียให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มความสามารถในการลงทุนของ กปภ. และลดภาระของภาครัฐในการสนับสนุนงบประมาณสำหรับการลงทุนในโครงการก่อสร้างระบบประปาต่อไป ๒. ให้ กปภ. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอโครงการเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบโดยเร็วเพื่อให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด การพิจารณาแนวทางการจัดการน้ำประปาอย่างมีระบบเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพเป็นมาตรฐานเดียวกันอย่างทั่วถึงและเพียงพอ และการปรับอัตราค่าน้ำประปาใหม่ ควรกำหนดอัตราที่สะท้อนต้นทุนการผลิตที่แท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ให้ กปภ. เร่งรัดการดำเนินการโครงการเพื่อการพัฒนาปี ๒๕๕๗ ดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยยึดหลักความโปร่งใสและตรวจสอบได้ รวมทั้งให้สอดคล้องกับแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1802 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2558 | กค | 02/09/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบตามที่รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) ประธานกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายงานว่า เงินกู้สำหรับการดำเนินโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ วงเงิน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท นั้น ที่ผ่านมาได้มีการนำไปใช้เฉพาะโครงการเร่งด่วนประมาณ ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท จึงยังคงเหลือวงเงินกู้กว่า ๓๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ดังนั้น จึงอาจพิจารณานำเงินกู้ดังกล่าวมาใช้สำหรับการดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อการบริหารจัดการน้ำในปัจจุบันเพิ่มเติมจากเงินกู้ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ทั้งนี้ หากจำเป็นที่จะต้องใช้วงเงินดังกล่าว ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๒.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ประกอบด้วย ๓ แผนย่อย ได้แก่ แผนการก่อหนี้ใหม่วงเงิน ๓๘๑,๘๙๔.๓๒ ล้านบาท แผนการปรับโครงสร้างหนี้วงเงิน ๗๙๗,๑๗๓.๖๖ ล้านบาท และแผนการบริหารความเสี่ยงวงเงิน ๗๖,๐๔๘.๑๐ ล้านบาท และรับทราบแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๑๔๑,๓๒๐.๙๗ ล้านบาท และแผนการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๓๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ๒.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุน และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ๒.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒.๕ อนุมัติให้ขยายระยะเวลาการกำหนดวงเงินดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรคงค้างทั้งหมดให้อยู่ภายใต้กรอบ ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยแยกเป็นวงเงินกู้ ๔๑๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท และเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ๙๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท จากเดิมภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ เป็นภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ๓. เมื่อแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ได้รับการอนุมัติแล้ว หากปรากฏว่าโครงการใดภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวเกิดปัญหาข้อขัดข้องหรือมีความล่าช้าทำให้ไม่สามารถเริ่มดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบเวลาของแผนการบริหารหนี้สาธารณะที่กำหนดไว้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้ ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะพิจารณาปรับโครงการดังกล่าวออกจากแผนบริหารหนี้สาธารณะและบรรจุโครงการใหม่ที่มีความพร้อมดำเนินการ โดยให้พิจารณาโครงการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค สาธารณูปการ โครงการบริหารจัดการน้ำ โครงการด้านการสื่อสารโทรคมนาคม และโครงการด้านพลังงาน เป็นลำดับแรก ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดของโครงการ รวมทั้งแหล่งเงินและแผนการใช้จ่ายส่งให้กระทรวงการคลังโดยด่วน เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนงานเกี่ยวกับการดำเนินโครงสร้างพื้นฐาน ระบบการขนส่งทางราง การบริหารจัดการน้ำและชลประทาน รวมทั้งโครงการที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเชื่อมโยงกับการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) เพื่อให้สอดคล้องกับการวางแผนด้านการเงินและระดับการก่อหนี้สาธารณะของประเทศ รวมทั้งแผนการบริหารความเสี่ยงด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังรับไปประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการดำเนินการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว และการใช้เงินกู้สำหรับการดำเนินการโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
||||||||||||||||||||||||
1803 | รายงานการดำเนินโครงการในความรับผิดชอบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | สลธ.คสช. | 02/09/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบตามที่รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) คณะรักษาความสงบแห่งชาติรายงานว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้ส่วนราชการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยให้เบิกจ่ายหรือให้ก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยในส่วนของโครงการลงทุนที่มีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นชอบในหลักการแล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการเร่งรัดดำเนินการให้สามารถดำเนินงาน/ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันได้ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ และสำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ทุกหน่วยงานเตรียมการเพื่อให้สามารถเบิกจ่ายได้ตั้งแต่เริ่มปีงบประมาณ นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เร่งรัดดำเนินการโครงการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบแล้ว โดยเฉพาะโครงการลงทุนที่มีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท จำนวน ๔ โครงการ ได้ดำเนินการตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจนได้ผู้รับจ้างเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ โดยสามารถลดวงเงินโครงการจากที่ได้รับอนุมัติไว้รวม ๙,๕๓๔ ล้านบาท คงเหลือวงเงินรวม ๗,๐๙๔ ล้านบาท ทำให้สามารถประหยัดงบประมาณเป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๔๔๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
1804 | แผนการลงทุนหลัก โครงการเพื่อการพัฒนา ปี 2557 (เพิ่มเติม) ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแผนการลงทุนหลัก โครงการเพื่อการพัฒนา ปี ๒๕๕๗ (เพิ่มเติม) ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จำนวน ๔ โครงการ ได้แก่ โครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขารังสิต โครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาเกาะสมุย โครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาหาดใหญ่-สงขลา และโครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาปทุมธานี วงเงินลงทุนรวม ๑๐,๘๓๑.๒๑๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๗ โดยให้ กปภ. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการจัดการน้ำประปาอย่างมีระบบเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพเป็นมาตรฐานเดียวกันอย่างทั่วถึงและเพียงพอ การเร่งจัดทำแผนแม่บทการจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำดิบให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการเพื่อรองรับการขาดแคลนน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำประปาอย่างยั่งยืน การเร่งจัดทำแผนแม่บทการลดน้ำสูญเสียให้สอดคล้องกับการบริหารจัดการแรงดันน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการประปาและการบริหารต้นทุนการผลิต การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination : IEE ) การเสนอแผนการใช้น้ำล่วงหน้าทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้กรมชลประทานเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาวางแผนการจัดสรรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด การพิจารณาหาแหล่งน้ำดิบที่มีปริมาณน้ำเพียงพอตลอดปี การจัดหาแหล่งเก็บกักน้ำสำรองไว้เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับปัญหาความเค็มและน้ำเสียในแผนการลงทุนโครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขารังสิต และสาขาปทุมธานี การประสานในเรื่องน้ำต้นทุนและการจัดสรรน้ำกับกรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะสมุย รวมทั้งการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้กำหนดตามแผนการลงทุนหลักฯ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินโครงการส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่น้อยที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. เนื่องจากผลประกอบการของ กปภ. ยังมีความไม่แน่นอนด้านรายได้ รวมทั้งการขึ้นราคาค่าน้ำประปาจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภค ดังนั้น จึงให้ กปภ. เร่งดำเนินการปรับปรุงการบริหารจัดการของ กปภ. ทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีขึ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบการผลิต ระบบท่อส่งน้ำ และระบบการจ่ายน้ำ เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ รวมตลอดถึงการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญหาอัตราน้ำสูญเสียสูง ปัญหาน้ำประปากร่อยในบางพื้นที่ ซึ่งควรพิจารณานำเอาระบบหมุนเวียนน้ำ (Recycle) มาใช้ ปัญหาการจ่ายน้ำให้กับผู้ขอใช้น้ำที่มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นผู้บุกรุกปลูกสร้างที่อยู่อาศัยทำให้เรียกเก็บค่าน้ำประปาจากผู้ใช้ไม่ได้ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ กปภ. จัดทำเป็นแผนปฏิบัติงานประจำปีให้ชัดเจนเพื่อดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1805 | ขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงชื่อรายการ แบบรูปรายการ และสถานที่ก่อสร้างอาคารสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (อาคารเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ) | ศธ | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ เป็น รายการเงินอุดหนุนค่าก่อสร้างอาคารสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ) และอาคารประกอบพร้อมครุภัณฑ์ ๑ รายการ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายในวงเงิน จำนวน ๒๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๐๓,๔๐๔,๐๐๐ บาท ซึ่งกระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๔๖,๕๙๖,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสมให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป และเมื่อดำเนินการจัดจ้างจนได้ข้อยุติแล้ว ให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ) รับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการใช้ชื่ออาคาร เห็นสมควรดำเนินการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต และในการดำเนินโครงการฯ จะดำเนินการได้ต่อเมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และให้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติดำเนินการตามมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ไปดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการถือปฏิบัติตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง การเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และการดำเนินโครงการเกี่ยวกับความมั่นคงหรือความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน) ที่กำหนดให้ในการเสนอขอจัดตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อดำเนินการโครงการใด ๆ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและสำนักงบประมาณตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความพร้อมของการดำเนินโครงการให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อมิให้เกิดปัญหาการไม่สามารถดำเนินโครงการได้จริงในภายหลังอย่างเคร่งครัดด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1806 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | มท | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. โดยที่การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยของประเทศเป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีมติอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการโครงการกำจัดขยะในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในลักษณะโครงการนำร่องเพื่อเป็นรูปแบบของการดำเนินการกำจัดขยะที่รักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชน โดยให้ใช้ที่ราชพัสดุ จำนวน ๓๗๒ ไร่ ๒ งาน ๒๙ ตารางวา ที่ตำบลมหาพราหมณ์ อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ในความครอบครองขององค์การสุรา กรมสรรพสามิต สำหรับดำเนินโครงการดังกล่าว และให้ดำเนินการขอใช้ที่ราชพัสดุตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ในส่วนของงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ แผนงานพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน ผลผลิตส่วนราชการมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ ภายในกรอบวงเงิน ๓๗๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ รายการดังกล่าวข้างต้นตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการฯ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นก่อนดำเนินการก่อสร้าง การควบคุมการกำกับการดำเนินงานกำจัดขยะมูลฝอยให้เป็นไปตามสุขลักษณะการจัดการขยะมูลฝอยทั่วไป การควบคุมกำกับการขนส่งเพื่อป้องกันการลักลอบทิ้งและปัญหาขยะมูลฝอยตกหล่นระหว่างทาง การติดตามตรวจสอบ กำกับดูแลการดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยทั้งระบบตั้งแต่การเก็บ ขน กำจัด และการเฝ้าระวังติดตามตรวจสอบเป็นระยะ การจัดเวทีประชาคม ชี้แจงประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการดูแลและควบคุมมลพิษในพื้นที่โครงการ ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการลดปริมาณขยะและแก้ไขปัญหาขยะอย่างถูกวิธี การจัดตั้งคณะกรรมการในการติดตาม ตรวจสอบ เฝ้าระวังการดำเนินงาน ที่มีองค์ประกอบจากทุกภาคส่วน การพิจารณาความจำเป็นในการขอยกเว้นมิให้นำบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับในการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่ออาศัยอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติออกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามความจำเป็นต่อไป การควบคุม กำกับ ดูแลและตรวจสอบการดำเนินงานในการขนย้ายขยะเก่าและก่อสร้างสถานที่กำจัดขยะแห่งใหม่ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ การพิจารณาออกกฎระเบียบรองรับเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และมาตรฐานการคัดแยก การเก็บรวบรวม ขนส่ง และวิธีการกำจัดที่ถูกต้อง ทั้งขยะมูลฝอยของชุมชน ขยะอันตราย และขยะติดเชื้อ รวมทั้งมาตรฐานสัญญาจ้างเอกชนในการดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอย เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานให้ถูกต้องเหมาะสม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนการจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอยในภาพรวมของประเทศเพื่อให้มีโรงกำจัดขยะมูลฝอยเพียงพอที่จะรองรับปริมาณขยะมูลฝอยของทุกจังหวัด และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ อาจพิจารณาแบ่งประเภทและขนาดของโรงกำจัดขยะมูลฝอยตามความจำเป็นและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ด้วย ๔. ให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางการบูรณาการการบริหารจัดการเกี่ยวกับขยะมูลฝอยอย่างครบวงจรให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล รวมตลอดถึงการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1807 | โครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช | นร05 | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ เห็นชอบในหลักการโครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยในระยะแรกมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปประสานงานกับกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงพื้นที่แปลงที่ดินที่ตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (เดิม) ณ ถนนราชดำเนินกลาง เนื้อที่ ๕-๑-๓๔ ไร่ ให้เป็นสวนสาธารณะที่เหมาะสมสวยงามก่อน และหาพื้นที่อื่นที่มีความเหมาะสมและมีศักยภาพที่จะสามารถนำมาดำเนินโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ ได้อย่างสมพระเกียรติและเป็นประโยชน์สูงสุด และให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป นั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาทบทวนแล้วเห็นว่า เนื่องจากโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ เป็นโครงการสำคัญตามแผนผังแม่บทการพัฒนาพื้นที่ถนนราชดำเนินและบริเวณต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการพัฒนาพื้นที่ถนนราชดำเนินเป็นไปตามแผนผังแม่บทดังกล่าว จึงเห็นชอบและอนุมัติการดำเนินโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับภูมิทัศน์และสถาปัตยกรรมของอาคารโดยรอบพื้นที่โครงการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1808 | โครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าระยะที่ 12 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าระยะที่ ๑๒ ของ กฟผ. ในวงเงินลงทุนรวม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนประจำปี ๒๕๕๗ สำหรับโครงการฯ จำนวน ๗.๑ ล้านบาท ๒. ให้ กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้เพื่อดำเนินโครงการฯ ให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด การหลีกเลี่ยงดำเนินการในพื้นที่ที่จะเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่า C พื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม หรือพื้นที่ที่มีความสำคัญทางทรัพยากรธรรมชาติ การศึกษาทางเลือกอื่นเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดต่อสภาพแวดล้อม ระบบนิเวศ และทรัพยากรธรรมชาติที่อาจไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมหรือทดแทนได้ การบริหารจัดการการจัดซื้อที่ดินให้รอบคอบและมีประสิทธิภาพเพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน ภาระทางการเงินและผลกระทบที่อาจมีต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมโดยรวม การบริหารจัดการเรื่องการเงินและการลงทุนให้เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสอดรับกับแนวโน้มของอัตราแลกเปลี่ยน การให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินขององค์กรในระยะยาว การพิจารณาดำเนินงานโครงการให้สอดคล้องตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๓๗) และกลไกการดำเนินงานด้านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการต่าง ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ การสำรวจและเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการ รวมถึงพิจารณาความเชื่อมโยงและความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศและโครงการอื่นตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (Power Development Plan : PDP) ตลอดจนให้ความสำคัญกับแผนบริหารความเสี่ยงทั้งด้านการดำเนินงานและด้านการเงินให้สอดรับและรัดกุมเพื่อมิให้กระทบต่อผลการดำเนินงานในภาพรวมของหน่วยงาน การจัดลำดับความสำคัญของโครงการย่อยแต่ละโครงการเพื่อเร่งรัดการดำเนินงาน โดยเฉพาะโครงการย่อยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าและการเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง รวมทั้งมีแผนป้องกันความเสี่ยงและจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลทำให้การดำเนินโครงการมีความล่าช้า การบริหารและควบคุมการดำเนินโครงการฯ ให้มีต้นทุนที่ประหยัดมากที่สุด การพิจารณาทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงที่เหมาะสม และการจัดสรรงบประมาณไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓ ของกำไรสุทธิ เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๖ เรื่อง กรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1809 | โครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช | นร11 | 13/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบในหลักการโครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วงเงิน ๑,๘๖๓,๖๙๒,๐๐๐ บาท ระยะเวลาออกแบบและก่อสร้าง ๒ ปี ๖ เดือน ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ มีความสง่างามและสมพระเกียรติ ในระยะแรกมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปประสานงานกับกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงพื้นที่แปลงที่ดินที่ตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (เดิม) ณ ถนนราชดำเนินกลาง เนื้อที่ ๕-๑-๓๔ ไร่ ให้เป็นสวนสาธารณะที่เหมาะสมสวยงามก่อน และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกับกรุงเทพมหานคร กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาพื้นที่อื่นที่มีความเหมาะสมและมีศักยภาพที่จะสามารถนำมาดำเนินโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ ได้อย่างสมพระเกียรติและเป็นประโยชน์สูงสุด และให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1810 | โครงการระบบเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ เพื่อรองรับบริการอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) | ทก | 13/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (ทีโอที) ดำเนินโครงการระบบเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ เพื่อรองรับบริการอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ วงเงินลงทุน ๕,๙๗๙.๑๔ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาทตามสัญญาก่อสร้างและบำรุงรักษาระบบเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศฯ และสัญญาจ้างก่อสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศที่ต้องใช้ในการดำเนินโครงการระบบเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศฯ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน) ๑.๓ เห็นชอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแจ้งภาคีสมาชิกผู้ร่วมก่อสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ เส้นทาง Asia-Africa-Europe (AAE-1 Consortium) ทราบความคืบหน้าในการพิจารณาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. ให้ ทีโอที จัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการ โดยให้มีการลงทุนจัดสร้างเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศใน ๒ เส้นทาง ได้แก่ Asia Africa-Europe-1 (AAE-1) และ Southeast Asia-Japan Cable System (SJC) เป็นลำดับแรกก่อน และให้ยึดหลักผลประโยชน์แห่งชาติเป็นหลักตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ และ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ด้วย ทั้งนี้ หากการดำเนินโครงการดังกล่าวมีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๓๕ ก็ให้ ทีโอที ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนดำเนินโครงการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ นำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจเพื่อรับทราบการดำเนินโครงการดังกล่าวของ ทีโอที และพิจารณาผลตอบแทนและความคุ้มทุนในการลงทุนโครงการดังกล่าวให้สอดคล้องกับการจัดทำแผนฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจในกรณีของ ทีโอที หากมีข้อทักท้วงหรือประเด็นที่มีนัยสำคัญกับการลงทุนดังกล่าว ให้รีบแจ้งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อพิจารณาก่อนที่จะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ๔. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเร่งรัดให้ ทีโอที นำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการ ทีโอที พิจารณาโครงการลงทุนนี้ หากไม่มีข้อทักท้วงที่มีนัยสำคัญ ให้ดำเนินการให้สัตยาบันการดำเนินโครงการดังกล่าวด้วย ๕. ให้ ทีโอที จัดทำแผนการลงทุนของบริษัทให้ชัดเจน โดยคำนึงถึงศักยภาพและขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ และจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนเพื่อให้สามารถสร้างรายได้และรักษาสภาพคล่องและฐานะทางการเงินขององค์กรได้อย่างเหมาะสมด้วย ๖. ในกรณีที่ ทีโอที จะมีการทำสัญญาร่วมลงทุนดำเนินโครงการกับเอกชนต่อไปในอนาคต ให้ ทีโอที ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1811 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 13/08/2557 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้สำนักงบประมาณเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณของทุกส่วนราชการให้สามารถเริ่มเบิกจ่ายงบประมาณได้ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยให้เน้นการดำเนินงาน/โครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นการกระจายรายได้และการสร้างงานให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการที่มีโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ ให้ความสำคัญต่อขั้นตอนการเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงประโยชน์ของราชการเป็นหลัก และรายงานการใช้จ่ายงบประมาณและผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการรายไตรมาสต่อสำนักงบประมาณด้วย ๑.๒ แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในภาพรวมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ยังคงเผชิญความเสี่ยงในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ต่างประเทศและความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจึงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและถือว่าการจัดเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกเป็นวาระเร่งด่วนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยให้ดำเนินการ ดังนี้ ๑.๒.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณกำหนดแผนงาน/มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วน โดยให้ครอบคลุมมาตรการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก มาตรการส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนและผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจด้วย ๑.๒.๒ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์กำหนดมาตรการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตรที่คาดว่าจะมีปัญหาผลผลิตล้นตลาดในเดือนกันยายนและในระยะต่อไป ๑.๒.๓ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการจัดหาเงินทุนเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศให้ปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น ๑.๓ ให้ทุกส่วนราชการปฏิบัติตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ที่กำหนดให้หน่วยงานตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินโครงการก่อนเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาไม่สามารถดำเนินการได้ รวมทั้งให้ระบุผู้รับผิดชอบหากโครงการไม่บรรลุตามเป้าหมายด้วย ๑.๔ สืบเนื่องจากกรณีที่รัสเซียได้ประกาศใช้มาตรการปกป้องทางการค้า ห้ามการนำเข้าอาหารหลายประเภทจากสหรัฐอเมริกาและสภาพยุโรปเพื่อเป็นการตอบโต้กรณีที่เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเพื่อลงโทษรัสเซียต่อกรณีวิกฤตยูเครน นั้น ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์หาช่องทางและแนวทางเพิ่มการส่งออกสินค้าอาหารของไทยไปยังรัสเซียในช่วงนี้ด้วย ๑.๕ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ของพืชเกษตร นั้น เพื่อให้มีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมในการชักจูงให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูก จึงให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินโครงการนำร่องเพื่อเป็นต้นแบบการเรียนรู้ให้เกษตรกรนำไปประยุกต์ใช้ต่อไป ๑.๖ ให้ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณากำหนดมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มเติมเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง แล้วนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรการดูแลราคาสินค้า ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว และการแก้ปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยว ๒. ด้านสังคม ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดำเนินการกำหนดมาตรการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและการสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำแนวลำคลองและทางระบายน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรายได้น้อยและไม่มีภูมิลำเนาในกรุงเทพมหานคร โดยยึดหลักความเป็นธรรมและคำนึงถึงความเดือดร้อนของกลุ่มคนดังกล่าวด้วย ๓. ด้านอื่น ๆ ๓.๑ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) และหน่วยทหารในพื้นที่ เร่งระบายน้ำที่ยังท่วมขังในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ และปราจีนบุรี และดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ดังกล่าวอย่างทั่วถึงด้วย ๓.๒ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำพิจารณาหามาตรการในการป้องกันภัยแล้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการเกษตรกรรม จึงควรพิจารณาทำโครงการแก้มลิง เพื่อเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ราชการ หรือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม เพื่อดำเนินการโครงการดังกล่าว ๓.๓ ให้ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาปรับปรุงการทำงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยให้เน้นการเป็นหน่วยประสานงานและบริหารจัดการเพื่อบูรณาการทรัพยากรและความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันการณ์และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ๓.๔ ให้ทุกส่วนราชการใช้หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good Governance) ในการปฏิบัติภารกิจในความรับผิดชอบให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนเพื่อให้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย ๓.๕ ให้ทุกส่วนราชการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการต่าง ๆ ที่แล้วเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย โดยอาจขอความร่วมมือสื่อต่าง ๆ ร่วมเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินการด้วย ๓.๖ ให้ทุกส่วนราชการเร่งรวบรวมประเด็นและข้อเสนอต่าง ๆ ที่เห็นควรเสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติ ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวบรวมและจัดทำเป็นข้อเสนอในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1812 | การเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และการดำเนินโครงการเกี่ยวกับความมั่นคงหรือความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน (ขอความเห็นชอบให้ดำเนินการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 รายการผูกพันงบประมาณ จำนวน 9 รายการ) | มท | 05/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้พิจารณาเกี่ยวกับการเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และการดำเนินโครงการเกี่ยวกับความมั่นคงหรือความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ลงมติว่า
๑. ในการเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อการดำเนินโครงการใด ๆ ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องและสำนักงบประมาณตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความพร้อมของการดำเนินโครงการให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อมิให้เกิดปัญหาการไม่สามารถดำเนินโครงการได้จริงในภายหลังด้วย ๒. ในกรณีที่หน่วยงานเจ้าของเรื่องมีแผนงาน/โครงการหรือได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการใด ๆ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความมั่นคงหรือเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้แก่หน่วยงานด้านความมั่นคงและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง (เช่น คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-พม่า คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-ลาว คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย ของฝ่ายไทย เป็นต้น) ทราบโดยเร็วในโอกาสแรกเพื่อใช้ประโยชน์ในการประสานงานและการเจรจาในเวทีการเจรจาที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1813 | ขอความเห็นชอบให้ดำเนินการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 รายการผูกพันงบประมาณ จำนวน 9 รายการ (การเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และการดำเนินโครงการเกี่ยวกับความมั่นคงหรือความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน) | มท | 05/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการให้ยกเลิกรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเดิม ๙ รายการ วงเงิน ๔๘๑,๖๔๓,๐๐๐ บาท ตามเหตุผลและความจำเป็นที่ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ไปเป็นรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่ยังคงวัตถุประสงค์เดิมที่กำหนดไว้ จำนวน ๖ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๒๓,๖๔๓,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๓๓,๕๔๖,๕๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๙๐,๐๙๖,๕๐๐ บาท และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการและขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒ สำหรับกรณีที่จะขออนุมัติโอนงบประมาณไปดำเนินรายการปีเดียวที่มีวัตถุประสงค์ต่างกันในรายการเครื่องทดสอบแรงดึงเหล็ก จำนวน ๗ เครื่อง วงเงิน ๒๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท และรายการค่าปรับปรุงต่อเติมห้องทดสอบแรงดึงเหล็ก จำนวน ๓ แห่ง วงเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๕,๕๐๐,๐๐๐ บาท นั้น สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รองรับไว้แล้ว ซึ่งหากไม่เพียงพอ ก็เห็นสมควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จากรายการที่มีงบประมาณเหลือจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่เป็นรายการปีเดียวมาดำเนินการตามรายการดังกล่าวก่อนเป็นอันดับแรก โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ส่วนโครงการตรวจสอบและกำหนดวิธีการซ่อมแซมวัดที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว จังหวัดเชียงราย จำนวน ๙,๙๕๐,๐๐๐ บาท ขอให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโดยใช้จ่ายจากกรณีการยกเลิกรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณดังกล่าวข้างต้นตามขั้นตอนต่อไป ๒. คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ๒.๑ ในการเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อการดำเนินโครงการใด ๆ ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องและสำนักงบประมาณตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความพร้อมของการดำเนินโครงการให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อมิให้เกิดปัญหาการไม่สามารถดำเนินโครงการได้จริงในภายหลังด้วย ๒.๒ ในกรณีที่หน่วยงานเจ้าของเรื่องมีแผนงาน/โครงการหรือได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการใด ๆ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความมั่นคงหรือเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้แก่หน่วยงานด้านความมั่นคงและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง (เช่น คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-พม่า คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-ลาว คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย ของฝ่ายไทย เป็นต้น) ทราบโดยเร็วในโอกาสแรกเพื่อใช้ประโยชน์ในการประสานงานและการเจรจาในเวทีการเจรจาที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1814 | การบูรณาการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน (กรณีถนนชำรุดเสียหายในหมู่บ้าน/ชุมชน) | นร52 | 29/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการบูรณาการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน (กรณีถนนชำรุดเสียหายในหมู่บ้าน/ชุมชน) ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงิน ๘๓๕,๙๓๓,๐๒๒ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการก่อสร้างและปรับปรุงถนนที่ชำรุดในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา (อำเภอเทพา อำเภอสะบ้าย้อย อำเภอนาทวี และอำเภอจะนะ) และให้ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนด้านความมั่นคงที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้เร่งรัดการดำเนินโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย ๒. ให้ทุกส่วนราชการ โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) รวมตลอดถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ในทุกมิติจากยางพาราในประเทศ หรือผลิตภัณฑ์จากยางพาราชนิดต่าง ๆ ที่ผลิตในประเทศให้มากที่สุด เพื่อลดปริมาณยางพาราในสต็อกที่มีอยู่ รวมทั้งให้ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนให้ร่วมดำเนินการในเรื่องดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1815 | ขออนุมัติปรับกรอบวงเงินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ สำหรับเป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแหล่งเงินกู้จากต่างประเทศ เป็นเงินกู้ในประเทศของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค | 22/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติขยายกรอบวงเงินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สำหรับเป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการเปลี่ยนแหล่งเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) เป็นเงินกู้ในประเทศสำหรับค่าก่อสร้างงานโยธา จำนวน ๖๖๙,๒๘๗,๕๙๗ บาท มีผลทำให้กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เปลี่ยนแปลง จากเดิม ๓๖,๐๕๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพิ่มเป็นจำนวน ๓๖,๖๗๑,๒๘๗,๕๙๗ บาท ๑.๒ อนุมัติวงเงินสำหรับเป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มของค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ จำนวน ๑๗,๘๕๔,๗๘๖.๘๘๐ บาท ซึ่งวงเงินที่เพิ่มขึ้นยังอยู่ภายในกรอบวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ๑.๓ เห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กู้เงินในส่วนของวงเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๗๕ (๓) โดยกระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมและค้ำประกันเงินกู้ และสำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแผนการใช้จ่ายเงินจริง ๑.๔ อนุมัติในหลักการให้ขยายกรอบวงเงินโครงการสำหรับค่าภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราที่ประมวลรัษฎากรเรียกเก็บ กรณีกรมสรรพากรเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากที่ประกาศไว้ในประมวลรัษฎากร โดยมิต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก ๒. ให้ รฟม. ดำเนินการตามประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. เร่งรัดการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ให้แล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้โดยเร็วภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1816 | ขอความเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการขยายผลการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม | ศธ | 22/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการขยายผลการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม และอนุมัติกรอบวงเงินสำหรับการดำเนินโครงการฯ รวม ๑,๓๐๐,๖๒๔,๗๖๐ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยมีรายการงบประมาณที่ต้องใช้ในการดำเนินการ ประกอบด้วย ๑.๑ การจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน ๑,๑๙๙,๖๒๒,๐๐๐ บาท ๑.๒ การจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จำนวน ๒,๐๘๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ การอบรมผู้บริหารและครูปลายทาง จำนวน ๖๑,๒๔๒,๗๖๐ บาท ๑.๔ การประชาสัมพันธ์ จำนวน ๖,๖๘๐,๐๐๐ บาท ๑.๕ การกำกับ นิเทศติดตาม และประเมินผล จำนวน ๓๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการฯ โดยยึดหลักความพร้อมและความจำเป็นในการปฏิบัติงานจริง โดยในส่วนของการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องมีความครบถ้วนให้สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มศักยภาพ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอบรมผู้บริหารและครูปลายทาง การประชาสัมพันธ์ และการกำกับนิเทศติดตามและประเมินผล ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ได้จัดสรรงบประมาณไว้แล้วไปดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสมในโอกาสแรกก่อน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของครูโรงเรียนปลายทาง ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจในกระบวนการจัดการศึกษาด้วยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล มีศักยภาพในการปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา การสร้างแรงจูงใจการเรียนรู้ของผู้เรียน การเป็นผู้ช่วยเหลือแนะแนวทางหรืออธิบายเพิ่มเติมประกอบการเรียนทางไกล รวมทั้งการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่ผู้เรียนถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเองในการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1817 | การก่อสร้างสนามฟุตบอล สนามกีฬาภาคตะวันออก เมืองพัทยา ระยะที่ 2 | มท | 22/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ให้ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการก่อสร้างสนามฟุตบอล สนามกีฬาภาคตะวันออก เมืองพัทยา ระยะที่ ๒ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาในการดำเนินโครงการฯ ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานก่อสร้างสนามฟุตบอล สนามกีฬาภาคตะวันออก เมืองพัทยา ระยะที่ ๒ ระหว่างเมืองพัทยากับกองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๗ โดยขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้แล้ว จำนวน ๖๘,๓๔๖,๓๐๐ บาท และได้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไว้แล้ว จำนวน ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๓๗๘,๙๕๓,๗๐๐ บาท ให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1818 | ขออนุมัติโครงการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล และบ้านพิษณุโลก และขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 และขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | นร04 | 22/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และอนุมัติค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ในกรอบวงเงิน ๒๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ภายใต้แผนงานพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน ผลผลิตการบริหารจัดการของรัฐบาล จากงบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของรัฐบาล จำนวน ๒๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปตั้งจ่ายในงบลงทุน รายการปรับปรุงอาคารสถานที่ต่าง ๆ และสภาพแวดล้อมภายในทำเนียบรัฐบาล และให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีดำเนินการบันทึกภาพอาคาร สถานที่ สภาพพื้นที่ ตลอดจนพัสดุ สิ่งของสำคัญต่าง ๆ ทั้งในช่วงก่อนดำเนินการ ระหว่างดำเนินการ และเมื่อดำเนินการพัฒนาปรับปรุงแล้วเสร็จ ไว้ให้ชัดเจน ครบถ้วน เพื่อเป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์และเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบอ้างอิงต่อไปด้วย ๒. สำหรับกรณีการพิจารณายกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นกรณีพิเศษ นั้น เป็นอำนาจของคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุหรือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้วแต่กรณี ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุและคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เร่งดำเนินการจัดประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยเร็วด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1819 | มูลนิธิทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร | นร05 | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อขอความร่วมมือหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจในสังกัดในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) เพื่อร่วมสมทบทุนการศึกษาในมูลนิธิทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ข้อเสนอความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว) ๒. เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรีและคณะเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท และถวายเงินดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1820 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 15/07/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๒,๕๗๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยเป็นนโยบายขาดดุล จำนวน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท รายได้สุทธิ จำนวน ๒,๓๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามข้อเสนอของสำนักงบประมาณ โดยมีรายละเอียดระบุวงเงินและโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ และจำแนกตามกระทรวง การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แก่จังหวัดและกลุ่มจังหวัด การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้รัฐสภา ศาล และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และการขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีกรณีงบประมาณรายจ่ายลงทุน รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒. ให้ปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง วงเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ ๗,๗๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปปรับใช้ในโครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วน เช่น โครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการก่อสร้าง ปรับปรุง และบำรุงรักษาเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ ทั่วประเทศที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางคมนาคมสู่ภาคใต้ รวมทั้งใช้สำหรับโครงการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการในระยะแรก ทั้งนี้ หากมีงบประมาณ (งบกลาง) เหลือจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ก็ให้นำมาปรับใช้ในการดำเนินโครงการดังกล่าวข้างต้นด้วย ๓. รับทราบการปรับปรุงวงเงินงบประมาณในลักษณะบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากเดิม ๕๒๗,๑๓๒.๕ ล้านบาท เป็น ๔๙๒,๑๖๔.๘ ล้านบาท และให้จัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเกี่ยวกับการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมเพิ่มอีก ๑ เรื่อง ทั้งนี้ ให้หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยาเป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินการเกี่ยวกับการกำจัดขยะและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการเรื่องนี้ ๔. อนุมัติให้คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงาน ๕. ให้สำนักงบประมาณนำรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จัดทำเป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงบประมาณโดยตรง
|
.....