ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 21 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 401 - 420 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
401 | รายงานการดำเนินโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง | ทส. | 30/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินโครงการปลูกป่าชายเลน
เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สรุปได้ ดังนี้
(๑) วัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม
และส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนของประเทศ
เพิ่มแหล่งสำหรับกักเก็บคาร์บอนและสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
เสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู
และบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลน
รวมถึงการนำคาร์บอนเครดิตที่ได้จากการปลูกป่าชายเลนไปใช้ในการชดเชยการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่าง
ๆ ในระบบทะเบียนของโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของไทย (๒)
เป้าหมายการดำเนินการ กำหนดระยะเวลาการดำเนินการ ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๔)
เป้าหมายเนื้อที่ ๓๐๐,๐๐๐ ไร่ ในพื้นที่ชายฝั่งทะเล ๒๓
จังหวัด และ (๓) ผลที่คาดว่าจะได้รับ เช่น
ไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. ๒๐๕๐
และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
ภายในปี ค.ศ. ๒๐๖๕ พื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้น มีระบบนิเวศป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์
เกิดการสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับชุมชนชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
402 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน สำหรับโครงการถนนเลี่ยงเมืองสตูลฝั่งตะวันออก ตำบลคลองขุด ตำบลพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล | คค. | 30/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
สำหรับโครงการถนนเลี่ยงเมืองสตูลฝั่งตะวันออก ตำบลคลองขุด ตำบลพิมาน อำเภอเมือง
จังหวัดสตูล ของกรมทางหลวงชนบท ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้พิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
เพื่อใช้ประกอบในการดำเนินโครงการต่อไปแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ให้หน่วยงานผู้ดำเนินโครงการฯ
ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ในคราวประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๕
มกราคม ๒๕๖๔ อย่างเคร่งครัดต่อไป รวมถึงมาตรการด้านสาธารณสุขและความปลอดภัย
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนจากการก่อสร้างโครงการ ให้กระทรวงคมนาคมปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ กรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ
ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า
จะต้องมีการปลูกป่าทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมของพื้นที่ดังกล่าวด้วย
และให้กรมทางหลวงชนบทเร่งดำเนินโครงการฯ
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบนเส้นทางถนนสายหลักในพื้นที่ได้โดยเร็ว
พร้อมทั้งปฏิบัติตามความเห็นเพิ่มเติมของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
403 | ขออนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรโครงการเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเล ปี 2565 ระยะที่ 1 ของกรมประมง | กษ. | 16/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมประมงยืมเพื่อไปดำเนินการตามโครงการเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเล
ปี ๒๕๖๕ ระยะที่ ๑ ของกรมประมง มีกำหนดชำระคืนภายใน ๓ ปี ระยะเวลาโครงการ พ.ศ.
๒๕๖๕ ถึง พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยอนุมัติวงเงิน จำนวน ๕๑๐ ล้านบาท เป็นเงินยืม
(เงินหมุนเวียนจำนวน ๕๐๐ ล้านบาท และเงินจ่ายขาด จำนวน ๑๐ ล้านบาท
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเล ปี
๒๕๖๕ ระยะที่ ๑ ของกรมประมงเพื่อเสริมสภาพคล่องในด้านปัจจัยการผลิต
(ค่าอาหารและค่าลูกพันธุ์กุ้ง)
ให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเลและสร้างความมั่นคงทางอาชีพ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐
ต่อปี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ เช่น
กรมประมงต้องกำกับดูแลการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
ควรมีการกำหนดมาตรฐานการเลี้ยงกุ้ง การผลิตกุ้งทะเล การแปรรูป
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การจัดการปัญหาโรคกุ้ง การปรับปรุงระบบการเพาะเลี้ยงให้ปลอดโรค
ให้ความสำคัญกับมาตรการติดตามและกำกับดูแลให้มีการผลิตกุ้งทะเลที่มีคุณภาพตามมาตรฐานตลอดสายการผลิต
เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยกลับมาเป็นผู้นำการส่งออกอันดับต้นของโลกได้
ทั้งนี้
ให้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินโครงการครอบคลุมทั้งระบบตั้งแต่กลุ่มเพาะและอนุบาลลูกกุ้ง
กลุ่มผู้เลี้ยงกุ้ง และกลุ่มผู้แปรรูป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
404 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน ในการขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนคลองเกาะผี ท้องที่ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เพื่อการกำจัดขยะมูลฝอยและบำบัดน้ำเสียของเทศบาลนครภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต | มท. | 16/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔
วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ ที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน
ในการขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนคองเกาะผี ท้องที่ตำบลวิชิต
อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
เพื่อการกำจัดขยะมูลฝอยและบำบัดน้ำเสียของเทศบาลนครภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทย (เทศบาลนครภูเก็ต)
ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมตอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๗ (เรื่อง
มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง
แนวนโยบายและมาตรการการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม จังหวัดภูเก็ต) ด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าและบำรุงรักษาป่าชายเลนทดแทน
ไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่า
ของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม กรณี
การดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน
พ.ศ. ๒๕๖๕ นั้น
ให้เทศบาลนครภูเก็ตใช้จ่ายจากเงินรายได้ของเทศบาลนครภูเก็ตดำเนินการเป็นลำดับแรก
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทย (เทศบาลนครภูเก็ต) รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น
ควรกำหนดกรอบระยะเวลาในการใช้พื้นที่ดังกล่าวให้มีความชัดเจน
ควรกำหนดแนวทางป้องกันการรั่วไหลสารพิษหรือสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ
สร้างจิตสำนึกต่อประชาชนในการลดและคัดแยกขยะ ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับชุมชนใกล้เคียงเพื่อให้เกิดการยอมรับและสนับสนุนการดำเนินโครงการ
รวมทั้งควรมีการพิจารณาการบริหารจัดการขยะมูลฝอยให้ถูกสุขลักษณะมีการใช้ประโยชน์พื้นที่โดยดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผลการดำเนินการด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
405 | ขอขยายระยะเวลาอนุมัติวงเงินโครงการสินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan | กค. | 16/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาอนุมัติวงเงินโครงการสินเชื่อ
EXIM Biz Transformation Loan ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๖
ซึ่งจะช่วยให้สามารถดำเนินการส่งเสริมผู้ประกอบการและให้บริการสินเชื่อได้ตามเป้าหมายในกรอบวงเงิน
๕,๐๐๐
ล้านบาท (ปัจจุบันมีสินเชื่ออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติอีกประมาณ ๓,๐๔๙ ล้านบาท) รวมถึงยังเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการในการประกอบธุรกิจ
และพัฒนาศักยภาพการผลิตในภาคการส่งออกของประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ควรเร่งรัดการดำเนินโครงการให้ทันต่อสถานการณ์อย่างรอบคอบ
โดยกำหนดหลักเกณฑ์การกำกับดูแลด้านกระบวนการสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตอย่างรัดกุม
เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ และควรพิจารณาเพิ่มการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) เนื่องจากผู้ประกอบการ SMEs
ต้องการสนับสนุนด้านเงินลงทุน เพื่อการปรับตัวมากกว่ากิจการขนาดใหญ่
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
406 | รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ครั้งที่ 3 | ตช. | 16/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในการดำเนินงานโครงการต่าง
ๆ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ครั้งที่ ๓
โดยเป็นการทุจริตในการดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ๕๒๙ คดี โครงการคนละครึ่ง ๑๐๖
คดี และโครงการเราชนะ ๔ คดี
ซึ่งเป็นคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวน ๕๔๑ คดี สอบสวนเสร็จส่งพนักงานอัยการ ๕๕ คดี
และอื่น ๆ ๔๓ คดี เช่น
ชดใช้ค่าเสียหายก่อนร้องทุกข์ และถอนคำร้องทุกข์ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
407 | ผลการประชุมรัฐมนตรีพลังงานบิมสเทค ครั้งที่ 3 | พน. | 09/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีพลังงานบิมสเทค ครั้งที่ ๓
มีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) ความคืบหน้าของโครงการด้านพลังงานภายใต้กรอบความร่วมมือบิมสเทค
เช่น
จัดตั้งคณะกรรมาธิการประสานงานด้านการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าบิมสเทคและได้จัดประชุมแล้วเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
และศึกษาแผนแม่บทการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าบิมสเทคโดยอยู่ระหว่างหารือเกี่ยวกับเอกสารเชิงหลักการและขอบเขตการดำเนินโครงการร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเซีย
(๒) การแสดงวิสัยทัศน์และนำเสนอนโยบายด้านพลังงานและแนวทางความร่วมมือภายใต้กรอบบิมสเทค
(๓) ที่ประชุมได้รับรองร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานบิมสเทค ครั้งที่
๓ มีสาระสำคัญ เช่น เน้นย้ำความร่วมมือด้านพลังงานและการซื้อขายพลังงานระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อบรรลุความมั่นคงทางพลังงานและความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ดียิ่งขึ้นภายในภูมิภาค (๔)
ที่ประชุมได้รับรองผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านพลังงานบิมสเทค
ครั้งที่ ๓-๕ โดยมีสาระสำคัญ เช่น
การเร่งลงนามในบันทึกความตกลงเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์พลังงานบิมสเทคและบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าบิมสเทค
และ (๕) ที่ประชุมเห็นชอบให้อินเดียเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีพลังงานบิมสเทค
ครั้งที่ ๔ ซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นภายในปี ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
408 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการเฝ้าระวังและป้องกันผลกระทบทางสังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพในระดับชุมชนท้องถิ่น กรณี EEC ของคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา | สว. | 09/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการเฝ้าระวังและป้องกันผลกระทบทางสังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพในระดับชุมชนท้องถิ่น
กรณี EEC ของคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยเห็นชอบกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว สรุปได้ว่า (๑)
ข้อเสนอแนะต่อการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
มีการนำแนวทางการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental
Assessment : SEA) มาใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนการดำเนินงาน
โดยมีการประเมินสิ่งแวดล้อมด้วยยุทธศาสตร์ของพื้นที่นำร่อง เช่น
โครงการสำรวจออกแบบและจัดทำรายละเอียดเบื้องต้น การพัฒนาเมืองรอบสนามบินอู่ตะเภา
แผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน แผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ตลอดจนมีการพัฒนาศักยภาพของประชาชนในพื้นที่
โดยการจัดทำโครงการเสริมสร้างพลังและการมีส่วนร่วมของกลุ่มสตรีในการดูแลและเฝ้าระวังด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใน
EEC (พลังสตรี EEC) และ (๒) ข้อเสนอแนะต่อการดำเนินโครงการ
เขาดิน-บลูเทค ซิตี้โมเดล
มีการจัดทำแผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันอก
ปัจจุบันอยู่ในแผนระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐)
มีการส่งเสริมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยจะเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิตเป็นหลัก มีการจัดทำ
(ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาการเกษตรใน EEC พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐ โครงการพัฒนาพื้นที่ตลาดลานโพธิ์นาเกลือ (Old Town นาเกลือ) มีแนวทางการพัฒนาพื้นที่สำคัญในการส่งเสริมการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือระหว่างเกษตรกร
ผู้วิจัย และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเกษตรและเกี่ยวเนื่อง
มีโครงการเยาวชนอาสาเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โครงการ EEC สแควร์ (EEC2 : Environmental Empowerment) เพื่อเสริมศักยภาพเครือข่ายเยาวชนระดับมัธยมศึกษาสู่การเป็นเยาวชนแกนนำ (EEC2
Young Leaders) มีการแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม
และมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาชุมชนโดยรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม
ซึ่งข้อเสนอแนะดังกล่าวมีเป้าหมายสำคัญในระยะยาวเพื่อป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ต่าง
ๆ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกผ่านการเรียนรู้จากพื้นที่บ้านเขาดิน
โดยมีการวางแนวทางสร้างการมีส่วนร่วมและการยอมรับของชุมชนที่จะต้องอยู่ร่วมกับนิคมอุตสาหกรรม
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
409 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556 เรื่อง การดำเนินโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า | ทส. | 09/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
410 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2565 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี 2565/2566 | นร.14 | 09/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายใต้กรอบวงเงิน
๔,๐๑๙.๗๙๙๓ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน
ปี ๒๕๖๕ และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ จำนวน ๑,๓๖๑ รายการ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๗/๑๐๘๕๗ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม
๒๕๖๕) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล การดำเนินโครงการดังกล่าว
ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
ให้หน่วยรับงบประมาณเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จ รวมทั้งติดตาม ตรวจสอบและประเมินผล เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
411 | การขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินงานโครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม | อก. | 02/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการพัฒนาอาชีพเสริม
เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม ภายในกรอบวงเงิน ๑,๒๔๙.๒๙๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรมบูรณาการการดำเนินโครงการพัฒนาอาชีพเสริม
เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม
ร่วมกับหน่วยงานที่มีโครงการเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะของคนในชุมชน (เช่น
โครงการอบรมและส่งเสริมการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรมและโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดสินค้าเกษตรสู่ผู้บริโภค
ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก ของกระทรวงมหาดไทย
เป็นต้น) เพื่อให้การดำเนินการมีความสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันและเกิดประโยชน์สูงสุด
รวมทั้งให้ติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๖/๑๐๗๔๒
ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
พร้อมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายเงินให้ทันภายในปีงบประมาณ ควรมีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพอย่างเป็นรูปธรรมให้กลุ่มเป้าหมายตามโครงการหลังการอบรม
และควรดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งติดตามและประเมินผลโครงการอย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
412 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับการลงทุนในแผนงานระยะยาวใหม่ ปี 2565 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท. | 12/07/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นการลงทุนสำหรับการลงทุนในแผนงานระยะยาวใหม่
ปี ๒๕๖๕ จำนวน ๕ แผนงาน ภายในกรอบวงเงินรวม ๑๐,๘๖๓.๐๐ ล้านบาท
โดยให้ทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นรายปีจนกว่าการดำเนินงานจะแล้วเสร็จ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคควรพิจารณาใช้จ่ายเงินลงทุนจากเงินรายได้เป็นลำดับแรก
และกู้เงินเพื่อลงทุนตามความจำเป็น การดำเนินโครงการ/แผนงานต่าง ๆ
จะต้องพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เกี่ยวกับการจัดทำรายงาน EIA และหากมีการดำเนินการในพื้นที่ป่าจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
413 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจากพลังงานทางเลือกของคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา | สว. | 05/07/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การส่งเสริมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจากพลังงานทางเลือก
ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงพลังงานได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยเห็นชอบกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว และมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
สรุปได้ว่า (๑) ด้านนโยบาย เช่น การกำหนดพื้นที่เป้าหมาย (Zoning) สำหรับปลูกไม้โตเร็ว
ได้มีการกำหนดกลุ่มพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่นาดอน ๑๘.๕ ล้านไร่
และพื้นที่ปลูกยางพารา ๖.๑ ล้านไร่ ที่ไม่เหมาะสมและให้ผลผลิตต่ำ
เป็นพื้นที่ให้เกษตรกรปลูกไม้โตเร็วแล้ว (๒) ด้านกฎ ระเบียบ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การกำหนดเกี่ยวกับสมาชิกของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
ควรใช้เกณฑ์ของพื้นที่ที่มีศักยภาพของวัตถุดิบที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก
ปัจจุบันไม่ได้มีการกำหนดเกณฑ์ของพื้นที่ที่มีศักยภาพของวัตถุดิบเป็นหลัก
แต่จะพิจารณาความพร้อมในการดำเนินโครงการ
โดยมุ่งเน้นผลประโยชน์ที่เศรษฐกิจฐานรากจะได้รับ
สำหรับการพิจารณาโรงไฟฟ้าเดิมที่มีความประสงค์ให้มีสิทธิ์ขอเปลี่ยนเป็นโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากนั้น
กระทรวงพลังงานจะได้คำนึงถึงการพิจารณาเรื่องสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเดิมกับคู่สัญญาและเงื่อนไขตามที่ระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าฯ
กำหนด (๓) ด้านการดูแลและการขับเคลื่อน เช่น การพิจารณาคัดเลือกสายพันธุ์ไม้โตเร็ว
สำหรับให้เกษตรกรนำไปปลูกเพื่อให้ได้รับผลผลิตและประสิทธิภาพสูงสุด
กรมป่าไม้ได้เข้าร่วมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นในการพิจารณาคัดเลือกสายพันธุ์ไม้โตเร็วที่มีคุณภาพสำหรับให้เกษตรกรนำไปปลูกเพื่อให้ได้รับผลผลิตและประสิทธิภาพสูงสุด
(๔) ด้านเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เช่น การคัดเลือกเทคโนโลยีระบบผลิตไฟฟ้า
ควรให้ความสำคัญในการบริหารจัดการ และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชน
กระทรวงพลังงานได้พิจารณาความพร้อมด้านเทคโนโลยีหรือมาตรการในการบริหารจัดการร่วมกับชุมชนให้เกิดความยั่งยืน
สำหรับโรงไฟฟ้าที่จะเข้าร่วมโครงการนี้จะต้องมีการแบ่งปันผลประโยชน์ให้ชุมชนรอบโรงไฟฟ้า
เพื่อเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม เช่น ด้านการสาธารณสุข
ด้านสาธารณูปโภค ด้านการศึกษา และ (๕) ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่อหลักการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ
ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๓ เช่น
ควรส่งเสริมสนับสนุนให้มีการรับซื้อเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า
อันเป็นการลดการกำจัดเศษวัสดุดังกล่าวโดยการเผาไหม้ ได้มีการระบุไว้ในแผนการจัดหาเชื้อเพลิง
โดยมีสัญญารับซื้อในรูปแบบเกษตรพันธสัญญา (Contract farming) ซึ่งพืชพลังงานที่จะนำมาใช้ต้องมาจากวิสาหกิจชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนหรือเกษตรกรบริเวณใกล้เคียงอย่างน้อยร้อยละ
๘๐ และในส่วนร้อยละ ๒๐ ผู้ประกอบการสามารถรับซื้อเศษวัสดุเหลือใช้ของเกษตรกรจากเกษตรกรมาเป็นเชื้อเพลิงได้
ทั้งนี้
จะได้มีการส่งเสริมให้นำวัสดุชีวมวลเหลือทิ้งทางการเกษตรเพื่อเป็นเชื้อเพลิงเข้าสู่โรงไฟฟ้าชุมชน
นอกเหนือจากการใช้ไม้โตเร็ว เพื่อหมุนเวียนและรองรับการขาดแคลนเชื้อเพลิง
และได้คำนึงถึงต้นทุนค่าขนส่งด้วย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
414 | โครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี 2565 | พณ. | 05/07/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑
อนุมัติการดำเนินโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี ๒๕๖๕
ทั้งนี้ ในการดำเนินการโครงการฯ
จะพิจารณาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการสำหรับการส่งออกเฉพาะน้ำมันปาล์มดิบ
เมื่อระดับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่า ๓๐๐,๐๐๐ ตัน
และราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาตลาดโลก ๑.๒
อนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อดำเนินโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี ๒๕๖๕
รวมทั้งสิ้น ๓๐๙ ล้านบาท ๑.๓
เห็นชอบหลักเกณฑ์การขอรับการสนับสนุนค่าบริหารจัดการการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ
ตามโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี ๒๕๖๕ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ
เช่น ควรมีการติดตาม กำกับดูแลคุณภาพของสินค้าน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
ควรมอบหมายให้กรมการค้าภายในและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานการตรวจสอบปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มคงเหลือภายในประเทศ
เพื่อประกอบการพิจารณาในการผลักดันการส่งออกให้มีความสัมพันธ์ในแต่ละห้วงเวลา
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการเพื่อควบคุมราคาน้ำมันปาล์มสำหรับการบริโภคให้มีความเหมาะสมและส่งผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
415 | โครงการเหมืองแร่โพแทชจังหวัดอุดรธานี | อก. | 28/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียโครงการเหมืองแร่โพแทชจังหวัดอุดรธานี
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงสาธารณสุข ที่เห็นว่าในอนาคตเหมืองแร่ใต้ดินควรมีการสำรวจทดสอบชั้นหินและชั้นแร่ต่าง
ๆ ทั้งในห้องปฏิบัติการและภาคสนาม
การค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติทางวิศวกรรมและพฤติกรรมของวัสดุ
ควรต้องกำหนดการบริหารจัดการ
รวมทั้งมาตรการป้องกันการปนเปื้อนหรือแพร่กระจายของสารเคมีหรือวัตถุอื่นใดโดยเฉพาะเกลือและน้ำเค็ม
และคำนึงถึงทุกภาคส่วนอย่างรอบด้านทั้งด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม สังคม
และเศรษฐศาสตร์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗
(เรื่อง รายงานข้อมูลข้อเท็จจริงกรณีโครงการทำเหมืองแร่โพแทชในประเทศไทย)
เฉพาะในส่วนของข้อ ๒ ๓.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับโครงการเหมืองแร่โพแทชให้ถูกต้อง
เหมาะสม คุ้มค่า มีความโปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
และกำกับดูแลผู้ประกอบการให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามรายงานผลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการให้ครบถ้วน
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างทั่วถึง
และกำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
416 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างกำแพงป้องกันการกัดเซาะบริเวณปากแม่น้ำเทพา ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ของกรมเจ้าท่า | คค. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างกำแพงป้องกันการกัดเซาะบริเวณปากแม่น้ำเทพา
ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา วงเงิน ๙๐ ล้านบาท
และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามนัยมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น
การดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่ป่า ให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในพื้นที่สำหรับการจัดทำแผนป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการก่อสร้างกำแพงป้องกันการกัดเซาะบริเวณปากน้ำเทพาแล้วเสร็จ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
และปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนและผู้อยู่อาศัยโดยรอบพื้นที่โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะบริเวณปากน้ำเทพา
ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
ถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการฯ ให้ถูกต้อง ทั่วถึง
และต่อเนื่องด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
417 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน 2 โครงการ (โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี และโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่) | กษ. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่
จำนวน ๒ โครงการ ประกอบด้วย โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดปราจีนบุรี จากเดิม ๑๓ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-พ.ศ. ๒๕๖๕) เป็น ๑๕ ปี
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-พ.ศ. ๒๕๖๗) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม
๙,๐๗๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท และโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา
จังหวัดเชียงใหม่ จากเดิม ๑๑ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๖๕) เป็น ๑๖ ปี
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๗๐) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม
๑๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
เร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น
ควรรายงานให้สำนักงบประมาณทราบภายในกำหนดระยะเวลา ตามนัยข้อ ๗ (๒)
ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ควรพิจารณาผลกระทบสุขภาพที่เกิดขึ้นกับชุมชนที่เป็นผลมาจากการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการ
ควรรายงานความคืบหน้าในการก่อสร้างเสนอคณะลุ่มน้ำที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากลั่นกรองและเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเพื่อทราบทุก
๖ เดือน ต่อไป ควรเพิ่มการประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อสร้างการรับรู้
และการมีส่วนร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพิ่มเติมจากที่ดำเนินการอยู่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. มอหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
ประสานงานกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ
(องค์การมหาชน)
ศึกษาและพัฒนาเทคนิควิธีการสำรวจพื้นที่สำหรับการดำเนินโครงการชลประทานต่าง ๆ
ให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้มีการประเมินปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ
ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการให้ครบถ้วนรอบด้านในทุกมิติ
เพื่อมิให้เกิดปัญหาการดำเนินงานล่าช้าไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
418 | การขออนุมัติดำเนินงานก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา ของกรมทางหลวง | คค. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมทางหลวงดำเนินงานก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข
๗ ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา ในวงเงินรวมทั้งสิ้น ๔,๕๐๘ ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ตามแผนบริหารหนี้สาธารณะ
และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสำหรับค่าจัดกรรมสิทธิ์ วงเงิน ๑๐๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการดำเนินโครงการในกรอบวงเงิน รวม ๔,๕๐๘ ล้านบาท ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง)
ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๒๐/๓๕๖๔ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๕) และให้กระทรวงคมนาคม
(กรมทางหลวง) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น
ควรใช้เงินกู้ต่างประเทศในการดำเนินโครงการ
ให้กรมทางหลวงเร่งรัดการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
และให้กรมทางหลวงเร่งแก้ไขรายงาน EIA เพื่อเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา/จัดทำ
ร่างพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินฯ
ของที่ดินเอกชน/ดำเนินการขอใช้ที่ดินของรัฐ/สรรหาเอกชนไปพลางระหว่างรอผลการพิจารณารายงาน
EIA ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
419 | โครงการอาชีวะสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน เพื่อผลิตกำลังคนของประเทศ (อาชีวะอยู่ประจำเรียนฟรี มีอาชีพ) | ศธ. | 07/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการโครงการอาชีวะสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน
เพื่อผลิตกำลังคนของประเทศ (อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ)
และให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา)
ดำเนินโครงการนำร่องในสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนว ๘๘
แห่ง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (ระยะที่ ๑) ก่อน แล้วให้กำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการฯ
(ระยะที่ ๑) อย่างต่อเนื่อง และนำผลการประเมินโครงการฯ เสนอคณะรัฐมนตรีทราบ
และประกอบการพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการขยายผลการดำเนินโครงการฯ ในระยะต่อไป
อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) รับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรพิจารณารวบรวมข้อมูลและติดตามเยาวชนที่ตกหล่นจากระบบการศึกษาในลักษณะของภาคีเครือข่าย
ควรจัดทำหลักสูตรที่ตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมดิจิทัลในอนาคต
ควรพิจารณาความซ้ำซ้อนของสถานศึกษาอาชีวในโครงการฯ กับโครงการอาชีวพระดาบส
ทั้งด้านการก่อสร้างหอพัก และการจ้างและจ่ายค่าตอบแทนดูแลหอพัก
เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการและแบ่งปันการใช้ทรัพยากรเพื่อการดูแลผู้เรียนร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
420 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี โครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2) | กค. | 07/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง
ระยะที่ ๒) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๔ [เรื่อง
การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง) โดยปรับปรุงการกำหนดราคาซื้อขายหลักประกัน จากเดิม
ไม่เกิน ๑,๒๐๐,๐๐๐
บาทต่อหน่วย เป็น ไม่เกิน ๑,๕๐๐,๐๐๐
บาทต่อหน่วย และปรับปรุงวงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกัน จากเดิม ไม่เกิน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็น ไม่เกิน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง
(ธนาคารอาคารสงเคราะห์) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากการปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการ
รวมทั้งควรมีมาตรการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของกลุ่มลูกค้ารายย่อยกับโครงการให้ความช่วยเหลืออื่นในลักษณะเดียวกันด้วย
ควรมีแนวทางดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ได้
โดยให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก และควรระมัดระวังตรวจสอบราคาตามสัญญาซื้อขายภายหลังจากหักส่วนลดจากผู้ขายแล้ว
เพื่อป้องกันไม่ให้มีการอนุมัติสินเชื่อเกินราคาซื้อขายที่แท้จริง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|