ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 20 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 381 - 400 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
381 | การขออนุมัติดำเนินงานก่อสร้างโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา - อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ของกรมทางหลวงชนบท | คค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการก่อสร้างโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา
อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา-อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ภายในกรอบวงเงินทั้งสิ้น
๔,๘๒๙.๒๕
ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้าง จำนวน ๔,๗๐๐ ล้านบาท ในอัตราส่วนของแหล่งเงินกู้
: ต่อเงินงบประมาณเป็น ๗๐ : ๓๐
และค่าควบคุมงาน ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๑๒๙.๒๕ ล้านบาท ในอัตราร้อยละ ๒.๗๕ ของวงเงินค่าก่อสร้าง
โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี และแหล่งเงินกู้ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
หากกรมทางหลวงชนบทจะเริ่มดำเนินโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
จะต้องเร่งรัดดำเนินการศึกษาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้แล้วเสร็จเพื่อรองรับการดำเนินโครงการก่อสร้างดังกล่าว ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยในส่วนของแหล่งเงินกู้ให้ใช้เงินกู้ต่างประเทศตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงชนบท)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานของรัฐจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติในมาตรา ๒๗ ให้ครบถ้วน
ให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ในการประชุมดังกล่าวอย่างเคร่งครัดด้วย
ให้กรมทางหลวงชนบทและองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาพิจารณาตรวจสอบและปรับปรุงจุดเสี่ยงบนถนนเชื่อมต่อ
(พท. ๔๐๐๔ และถนนท้องถิ่น) โดยพาะในบริเวณชุมชน ให้มีความเหมาะสมตามหลักวิศวกรรม
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ถนนและประชาชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากกรณีมีโครงการฯ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมประสานการดำเนินโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา-อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสัตว์น้ำในทะเลสาบสงขลาโดยเฉพาะโลมาอิรวดี ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณากำหนดแนวทางที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการอนุรักษ์
คุ้มครอง และขยายพันธุ์โลมาอิรวดี
รวมถึงการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในบริเวณทะเลสาบสงขลาให้เหมาะสมและยั่งยืนต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
382 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน | นร. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งพิจารณาแผนงาน/โครงการในความรับผิดชอบที่สมควรดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้แก่ประชาชน โดยแผนงาน/โครงการดังกล่าวต้องสามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติต่อส่วนรวมได้ทันช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างแท้จริงไม่ขัดต่อกฎหมายและประกาศเตือนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย เช่น โครงการคนละครึ่ง
โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานของรัฐนำแผนงาน/โครงการดังกล่าว เสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ภายในวันที่
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและสอดคล้องในภาพรวมก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
383 | แนวทางการดำเนินการสำหรับผู้ลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้ | กค. | 05/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการดำเนินการสำหรับผู้ลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ
ที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้
และมอบหมายกระทรวงมหาดไทยให้ความร่วมมือในการดำเนินการรับรองกลุ่มเปราะบางที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้
ตลอดจนดำเนินการใด ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการดังกล่าวให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
เพื่อให้ได้จำนวนผู้ลงทะเบียนที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์
ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างครบถ้วน อันจะเป็นการสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการแห่งรัฐอย่างครบวงจร
สามารถบรรเทาความเดือนร้อน
และเกิดผลสัมฤทธิ์ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน
และเกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินโครงการฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
384 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ แก้ไขปัญหาภัยแล้งเพื่อการอุปโภคบริโภคขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรรณบุรี และโครงการจัดหาเครื่องสูบน้ำแบบชนิดเคลื่อนที่เร็ว ของกรมชลประทาน | นร.14 | 27/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเพื่อการอุปโภคบริโภค
ด้วยระบบ Water Treatment System จำนวน ๒๗
รายการ วงเงิน ๑๔๐.๔๐๐๐ ล้านบาท ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี
และโครงการจัดหาเครื่องสูบน้ำแบบชนิดเคลื่อนที่เร็ว ขับด้วยระบบไฮดรอลิคขนาดท่อส่งไม่น้อยกว่า
๔๒ นิ้ว จำนวน ๓๐ เครื่อง วงเงินทั้งสิ้น ๕๖๕.๕๕๐๐ ล้านบาท ของกรมชลประทาน ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
385 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมความรู้ด้านบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและสนับสนุน SME ที่ทำการค้าระหว่างประเทศ | นร.53 | 27/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมความรู้ด้านบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและสนับสนุน SME ที่ทำการค้าระหว่างประเทศ
โดยมีผลการดำเนินการ ระยะที่ ๑ เช่น การเข้ารับการอบรมของผู้ประกอบการ SMEจำนวน ๑,๒๘๖ ราย (เป้าหมาย ๒,๐๐๐
ราย) การสนับสนุนค่าธรรมเนียม FX Options และค่าธรรมเนียมการค้าระหว่างประเทศ
จำนวน ๓๙.๙๗ ล้านบาท (เป้าหมาย ๒๐๐ ล้านบาท)
และการสนับสนุนการประชาสัมพันธ์โครงการฯ จำนวน ๙.๘๒ ล้านบาท (เป้าหมาย ๒๕ ล้านบาท)
ซึ่งโครงการดังกล่าวมีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน เช่น สถานการณ์โควิด-๑๙
ส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออกและนำเข้าลดลง ทำให้ SME ไม่ตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ผู้ประกอบการบางส่วนไม่เข้าใจเกี่ยวกับบริการ FX Options
และการประชาสัมพันธ์ยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจึงยกเลิกการดำเนินโครงการฯ ในระยะที่
๒ (วงเงินส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๒๕ ล้านบาท) ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
และให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
ที่ควรคำนึงถึงเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอื่นด้วย เช่น
การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า
รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบอื่น เช่น สินเชื่อเพื่อการส่งออก และการประกันการส่งออก
เป็นต้น และควรดำเนินการหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางการส่งเสริมด้านบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้ผู้ประกอบการ
SME
โดยนำปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานที่ผ่านมา นำมาปรับปรุงแผนการดำเนินโครงการดังกล่าว
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามเป้าหมายที่กำหนดรวมถึงสร้างความตระหนักความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการ
ตามข้อสั่งการของประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๕
และรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
386 | การส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ระบบหักลบหน่วยไฟฟ้า | นร. | 27/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามที่รัฐมนตรีได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทนแสงอาทิตย์เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
รวมทั้งลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศที่มีราคาผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนและทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการโซลาร์ภาคประชาชน
เพื่อบรรเทาและลดภาระค่าใชจ่ายด้านค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนไปแล้ว
เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลดังกล่าวเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวง)
เร่งรัดการดำเนินโครงการดังกล่าวในระยะต่อไปให้ขยายตัวและเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา
(Sola Rooftop) เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองภายในครัวเรือนเป็นหลักและส่งไฟฟ้าส่วนที่เหลือจากการใช้เข้าระบบ
เพื่อให้หักลบจากหน่วยไฟฟ้าที่ประชาชนใช้ไฟฟ้าในเดือนถัดไป
โดยให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
387 | การแก้ปัญหาส่งมอบพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (บริเวณพื้นที่โรงงานมักกะสัน) | สกพอ. | 27/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรมที่ดิน
และกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการแก้ไข ทบทวน
หรือปรับปรุงระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตตามมาตรา
๙ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการขอใช้สาธารณสมบัติของแผ่นดิน อนุญาตให้ใช้ไม่เกิน ๕ ปี
นับแต่วันออกใบอนุญาต และการห้ามไม่ให้ขุดพื้นดินลึกจากพื้นดินทั่วไปเกินกว่า ๕
เมตร
เพื่อให้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินสามารถดำเนินการขออนุญาตการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
[Environmental Impact Assessment
(EIA)] และขออนุญาตก่อสร้างได้ในระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนการขอถอนสภาพตามมาตรา
๘ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ทั้งนี้
สำหรับการขอใช้และการขอถอนสภาพลำรางสาธารณประโยชน์ที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติปัจจุบันนั้น
เมื่อได้มีการปรับปรุงระเบียบกระทรวงมหาดไทยฯ
และมีผลใช้บังคับแล้วให้สามารถใช้แนวทางปฏิบัติตามระเบียบใหม่ไปดำเนินการต่อเนื่องได้
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในฐานะหน่วยงานเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ในฐานะหน่วยงานเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
การรถไฟแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าของการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ
และกระทบต่อการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกในภาพรวม
และควรมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและการรถไฟแห่งประเทศไทย
ประสานกับกระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดินอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้สามารถมอบที่ดินได้ตามสัญญา
โดยการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวควรให้ความสำคัญกับการดำเนินการภายใต้แนวคิดการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน
เพื่อเป็นต้นแบบการพัฒนาพื้นที่ภายใตแนวคิดดังกล่าวของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
388 | รายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism: JCM) | ทส. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism :
JCM) สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) การสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นในการพัฒนาโครงการต้นแบบ
โดยญี่ปุ่นได้ให้เงินทุนสนับสนุนในการพัฒนาโครงการต้นแบบ JCM ในประเทศไทย จำนวน ๔๔ โครงการ คิดเป็นมูลค่า ๒,๕๒๘
ล้านบาท มีผู้รับทุนเป็นบริษัทเอกชนไทย จำนวน ๔๒ แห่ง
โดยมีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้เท่ากับ ๒๑๙,๓๘๑
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และ (๒) สถานภาพการดำเนินโครงการ โครงการต้นแบบ
JCM ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว จำนวน ๙ โครงการ มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้เท่ากับ
๕๐,๘๐๑ ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และมีโครงการที่ได้รับการรับรองปริมาณคาร์บอนเครดิต
จำนวน ๕ โครงการ มีปริมาณคาร์บอนเครดิตเท่ากับ ๔,๐๓๒
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
389 | โครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปี 2564/2565 | อก. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น
PM 2.5 ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ ให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดเป็นกรณีเฉพาะเป็นการชั่วคราว
ภายในกรอบวงเงินโครงการ ๘,๓๑๙,๒๓๙,๐๑๐.๐๙ บาท
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงาน
และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
และเพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเห็นควรให้มีระบบกลไกในการตรวจสอบให้มีมาตรฐาน
เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ และครบถ้วน รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๖/๗๖๒ ลงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๕)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรกำกับดูแลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามเป้าหมายและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ให้เร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้ได้รับเงินโดยด่วน
และขอให้มีการกำกับดูแลการตรวจสอบการจ่ายเงินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
ถูกต้อง ครบถ้วน โดยเคร่งครัด ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
และสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการสนับสนุนการลดพื้นที่เผาอ้อย
หาแนวทางแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) อย่างยั่งยืน
เพื่อลดการใช้เงินงบประมาณจากภาครัฐ
บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้
รวมถึงส่งเสริมและหนุนเสริมให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัด
“อ้อยสดคุณภาพดี” ส่งโรงงาน เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๖/๓/๑๓๘ ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๕)
ที่เห็นควรมอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังภาครัฐ
ได้กำหนดให้มีการประชุมร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาความจำเป็นของโครงการ
ประกอบด้วย โครงการประกันรายได้ของพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ยางพารา
มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และอ้อย
โครงการที่เกี่ยวกับการลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร โครงการประกันภัยพืชผล เป็นต้น
และพิจารณาถึงความสามารถของงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่จะต้องตั้งงบประมาณรองรับ
รวมถึงภาระทางการคลัง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนพิจารณาถึงความคุ้มค่า
ผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
390 | กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2566 | นร.11 สศช | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ วงเงินดำเนินการจำนวน ๑,๓๖๓,๙๓๘ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน
จำนวน ๒๗๖,๒๗๔ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑)
กรอบการลงทุนสำหรับงานตามภารกิจปกติและโครงการต่อเนื่อง วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๑๖๓,๙๓๘ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๒๒๖,๒๗๔ ล้านบาท และ (๒) กรอบการลงทุนสำหรับการเพิ่มเติมระหว่างปี วงเงินดำเนินการ
จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุนจำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เห็นชอบให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๖ ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.
๒๕๖๖ รวมถึงงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม งบกลาง
หรืองบประมาณที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์และวิธีการงบประมาณหรือได้รับความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้ว
และปรับเพิ่มกรอบวงเงินดำเนินการและกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนให้สอดคล้องกับการอนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี
เพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการได้ทันทีภายในปีงบประมาณ เห็นชอบมอบหมายให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยประธานสภาพัฒนาฯ เป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีในส่วนงบลงทุนเพื่อการดำเนินงานปกติและโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว
เห็นชอบข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ระดับกระทรวง
และระดับรัฐวิสาหกิจโดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดและรัฐวิสาหกิจรับข้อเสนอแนะในส่วนที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการและเห็นควรให้รัฐวิสาหกิจรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการลงทุนปี
๒๕๖๖ให้ สศช. ทราบภายในทุกวันที่ ๕ ของเดือนอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะและความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส
เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง
และรับทราบประมาณการงบทำการประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ ๖๗,๖๙๒ ล้านบาท และประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี ๒๕๖๗-๒๕๖๙ ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีการลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ
๓๘๓,๙๗๐ ล้านบาท และผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณปีละ
๘๐,๔๘๗ ล้านบาท ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงต้นสังกัด รัฐวิสาหกิจ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน
และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลและคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ
ให้ความสำคัญในการติดตามผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายกรณีที่มีความล่าช้า
และพิจารณาการดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานและการเปลี่ยนแปลงให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
เพื่อให้การดำเนินโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ
เป็นไปอย่างรวดเร็วตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
ในกรณีที่รัฐวิสาหกิจใดมีความจำเป็นต้องหารือแนวทางปฏิบัติในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างหรือหารือประเด็นข้อกฎหมายไปยังกระทรวงการคลัง
(กรมบัญชีกลาง) หรือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามแต่กรณี ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง)
และ/หรือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งพิจารณาและตอบข้อหารือดังกล่าวโดยเร็ว
เพื่อให้รัฐวิสาหกิจนั้น
ๆสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้โดยไม่เกิดความล่าช้าและเสียประโยชน์จากการดำเนินโครงการ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
391 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางป้องกันและแก้ไขการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางป้องกันและแก้ไขการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส
วุฒิสภา
ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว
สรุปได้ ดังนี้ (๑) แนวทางการป้องกันการตั้งครรภ์
โดยปัจจุบันได้มีการดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาทักษะชีวิตเด็กและเยาวชนไทยในศตวรรษที่
๒๑ เช่น การอบรมหลักสูตร ID-Sign เพื่อเป็น “ผู้พิทักษ์สิทธิทางเพศวัยรุ่น”
และ (๒) แนวทางแก้ไขการตั้งครรภ์ เช่น ยกระดับให้เป็นวาระสำคัญเร่งด่วน
โดยมีการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กในรูปแบบ Day Care Night Care เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว พ่อแม่วัยรุ่น
ระบบความช่วยเหลือในรูปแบบผู้จัดการรายกรณี โดยระบบสามารถระบุพื้นที่เกิดเหตุ
ภาพถ่าย
และติดตามให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานได้ข้อมูลจะถูกส่งต่อไปยังระบบการจัดการรายกรณี
การให้คำปรึกษาทางเลือกที่จะท้องต่อหรือทำแท้ง โดยมีศูนย์รับแจ้งเรื่องราวข่าวสาร
และให้คำปรึกษาแนะนำตลอด ๒๔ ชั่วโมง การบังคับใช้กฎหมาย
ดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจ สื่อสารประชาสัมพันธ์ให้วัยรุ่นและประชาชนทั่วไปรับรู้เรื่องกฎหมายและสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนครอบครัว
การให้คำปรึกษาทางเลือก และยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย
การปรับปรุงข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์
การดูแลช่วยเหลือและคุ้มครองสิทธิในระดับชุมชน เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
392 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. 2560-2564 ประจำปี พ.ศ. 2564 | กค. | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน
พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยแผนพัฒนาฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการเงิน ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านผู้ใช้บริการทางการเงิน
ด้านผู้ให้บริการทางการเงิน และด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ประกอบด้วย ๓
ยุทธศาสตร์ ๖ กลยุทธ์ ๒๐ มาตรการ ๓๙ กิจกรรม และ ๗๘ โครงการ
โดยมีผลการดำเนินโครงการภายใต้แผนพัฒนาฯ สรุปได้ ดังนี้ (๑) การดำเนินโครงการภายใต้แผนพัฒนาฯ
สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดจำนวนทั้งสิ้น ๗๔
โครงการ จาก ๗๘ โครงการ โดยโครงการส่วนใหญ่สามารถดำเนินการได้สำเร็จเกินกว่าเป้าหมายตัวชี้วัดที่ตั้งไว้
เช่น เพิ่มศักยภาพในการประกอบอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนระดับฐานรากผ่านการสนับสนุนสินเชื่อให้กับประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบ
จำนวน ๑๑๔,๕๑๖.๙๒ ล้านบาท
ลดภาระหนี้สินภาคครัวเรือนอย่างนั่งยืนผ่านการให้สินเชื่อแก่เกษตรกร จำนวน ๙,๔๘๔.๘๔ ล้านบาท (๒)
ผลการดำเนินโครงการที่ตั้งเป้าหมายการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๔
จำนวนทั้งหมด ๑๒ โครงการ ดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัด จำนวน ๙ โครงการ
ครอบคลุม ๗ ประเภทกิจกรรม เช่น สินเชื่อองค์กรชุมชนของธนาคารออมสิน
มียอดสะสมการให้สินเชื่อองค์กรชุมชน จำนวนมากกว่า ๑.๖๙ หมื่นล้านบาท
พัฒนาเกษตรกรลูกค้าโครงการขยายระยะเวลาชำระหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
จำนวนมากกว่า ๒.๔๑ ล้านราย ทั้งนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการภายใต้แผนพัฒนาฯ
ยังคงมีการดำเนินโครงการต่าง ๆ
เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทยให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป และ (๓)
โครงการที่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่เป้าหมายตัวชี้วัดกำหนดไว้
จำนวนทั้งสิ้น ๔ โครงการ เนื่องจากหน่วยงานได้รับการจัดสรรงบประมาณล่าช้า ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
393 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2565 เพื่อใช้ในโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี 2563 | กษ. | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.อนุมัติใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๕
ในวงเงิน ๑,๗๔๗,๙๐๓,๒๐๐ บาท (เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทอุดหนุนทั่วไป)
สำหรับเป็นเงินอุดหนุนเกษตรกรของโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๗/๑๑๘๖๔ ลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำกับ ติดตาม การดำเนินโครงการให้เป็นไปอย่างโปร่งใส
มีประสิทธิภาพ ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ซ้ำซ้อน
และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ เกิดความยั่งยืน
และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร
ควรจัดทำระบบฐานข้อมูลของเกษตรกรที่ผ่านการรับรองการผลิตข้าวอินทรีย์ (Organic
Thailand) เพื่อติดตาม
ตรวจสอบความต้องการการทำนาข้าวอินทรีย์และตรวจรับรองระบบมาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์ได้อย่างต่อเนื่อง
ติดตามและประเมินผลโครงการในทุกมิติ ทั้งด้านคุณภาพชีวิตเกษตรกร ราคาขาย รายได้
และต้นทุนการผลิตของกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการโดยเปรียบเทียบก่อนและหลังดำเนินโครงการ
รวมถึงความยั่งยืนของเกษตรกรที่ยังคงเพาะปลูกข้าวอินทรีย์อย่างต่อเนื่องภายหลังสิ้นสุดการดำเนินโครงการ
และเร่งปรับปรุงขั้นตอนในการรับรองพันธุ์ข้าวให้รวดเร็วขึ้น
ตลอดจนความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการพัฒนาการผลิตให้ได้มาตรฐานสากลเพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกไปยังต่างประเทศ
และการนำผลผลิตมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงในอนาคต ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
394 | ขออนุมัติเปลี่ยนวิธีดำเนินการ โครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับวังยาว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากงานจ้างเหมา เป็น งานดำเนินการเอง ของกรมทางหลวง | คค. | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนวิธีดำเนินการโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับวังยาว
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากงานจ้างเหมา เป็น งานดำเนินการเอง ของกรมทางหลวง
ในวงเงิน ๔๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
จำนวน ๖๙,๔๔๔,๔๐๐ บาท
ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายระยะเวลาเบิกจ่ายงบประมาณได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน
๒๕๖๕ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่กรมทางหลวงได้จัดสรรไว้แล้ว
จำนวน ๑๔๑,๖๖๖,๗๐๐ บาท โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณพ.ศ.
๒๕๖๒ ประกอบกับหลักเกณฑ์ว่าด้วยการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย
การโอนเงินจัดสรรหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร พ.ศ. ๒๕๖๒
สำหรับงบประมาณในส่วนที่เหลืออีก ๑๙๘,๘๘๘,๙๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยให้กรมทางหลวงเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
หากไม่สามารถดำเนินการได้งบประมาณนั้นย่อมถูกพับไป โดยผลของกฎหมายตามนัยมาตรา ๔๓
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และหากการดำเนินโครงการดังกล่าว
เข้าข่ายเป็นทางหลวงหรือถนน
ซึ่งมีความหมายตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงทุกขนาดที่ตัดผ่านพื้นที่ที่กำหนด
ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ
หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ เอกสารท้ายประกาศ ๔ ลำดับที่ ๒๐
จะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าวด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
395 | โครงการช่วยเหลือความเดือดร้อนของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และค่าใช้จ่ายการให้บริการประชาชน เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | สทบ. | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗๑๔,๖๔๗,๕๐๐ บาท ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการช่วยเหลือความเดือดร้อนของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
และค่าใช้จ่ายการให้บริการประชาชน ตามที่สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการช่วยเหลือความเดือดร้อนของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
และค่าใช้จ่ายการให้บริการประชาชนเพื่อกำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนโครงการให้เหมาะสมและบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
396 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 3/2565 | ศอบต. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
(กพต.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๕
ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.
เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) ผลการขับเคลื่อนสนามบินเบตงให้เปิดบริการเชิงพาณิชย์
และ (๒) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ไตรมาส ๑ ปี ๒๕๖๕ ๒.
เรื่องการติดตามความก้าวหน้าตามมติ กพต. จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑)
รายงานผลการดำเนินโครงการยกระดับการพัฒนาพื้นที่เมืองเบตง จังหวัดยะลา “Amazean Jungle
Trail” (๒) รายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนโครงการตำบลมั่นคง
มั่งคั่ง ยั่งยืน เพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ภายใต้ระบบ ๑ ข้าราชการ ๑ ครัวเรือนยากจน ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
(๓) รายงานความคืบหน้าโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เป็นกรณีเร่งด่วน และการจัดทำปะการังเทียมพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (๔) ผลการจัดกิจกรรมมหกรรมการอ่านแห่งชาติ “มหัศจรรย์สร้างสรรค์
และการอ่านเพื่อเด็กปฐมวัยชายแดนใต้” ภูมิภาษา วิถีพหุวัฒนธรรม
นวัตกรรมเพื่อสุขภาวะเด็กปฐมวัย ๓.
เรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) ขออนุมัติกรอบแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
หาดใหญ่-สงขลา ระยะ ๖ ปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ (๒) ขออนุมัติกิจกรรมโคบาลชายแดนใต้
ภายใต้โครงการเมืองปศุสัตว์ ภายใต้กรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล จังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (๓) ขอความเห็นชอบกรอบข้อเสนอโครงการส่งเสริมและพัฒนาการมีส่วนร่วมของประชาชนด้านการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
397 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 15/2565 | นร.11 สศช | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
เห็นชอบ และรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้จังหวัดสกลนคร
จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดชัยนาท
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
ภายใต้เงื่อนไขว่าในกรณีที่จังหวัดไม่สามารถลงนามและผูกพันสัญญาในโครงการที่ได้รับอนุมัติภายในเดือนกันยายน
๒๕๖๕ ให้จังหวัดเสนอขอยกเลิกโครงการให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป (๒)
อนุมัติให้จังหวัดสกลนคร จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดเชียงใหม่
ยกเลิกการดำเนินโครงการ จำนวน ๑๔ โครงการ และ ๕ กิจกรรมย่อย กรอบวงเงิน ๔๘,๗๖๘,๕๗๔.๗๕ บาท (๓)
อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน (เฟส ๓)
โดยขยายระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการฯ จากเดิมเดือนสิงหาคม ๒๕๖๕
เป็นเดือนธันวาคม ๒๕๖๕ (๔) มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ เร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ
eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการโดยเร็ว
และเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ทั้งนี้ เมื่อดำเนินโครงการแล้วเสร็จให้เร่งดำเนินการตามขั้นตอนข้อ
๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ (๕) มอบหมายให้กระทรวงการคลัง
(สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ)
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
และพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ พิจารณาจัดเตรียมแหล่งเงินและกรอบวงเงินเพื่อรองรับกรณีการตรวจสอบเหตุทุจริต
(Fraud List) ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการอื่น ๆ
ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบการทุจริต อาทิ โครงการเราไม่ทิ้งกัน โครงการเราชนะ
โครงการคนละครึ่ง เสนอให้คณะกรรมการฯ พิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๘ (๓)
แห่งพระราชกำหนดฯ และ (๖) รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๙ (๑ พฤษภาคม-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕) พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ ตามขั้นตอนของระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
ข้อ ๑๙ และ ๒๐ สำหรับโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังในโอกาสแรก เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรกำกับติดตามหน่วยงานในสังกัดให้ดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนด
ให้เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
398 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 25/2565 | นร.11 สศช | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
และเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๕/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๕ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย จำนวน ๓๐,๐๐๒,๓๑๐ โดส (Pfizer) โดยปรับกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มที่ ๕
เพิ่มกลุ่มเป้าหมายในการฉีด Pfizer (Maroon cap) สำหรับเด็กอายุ
๖ เดือน ถึงอายุน้อยกว่า ๕ ปี และขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการจากเดิมเดือนกันยายน
๒๕๖๕ เป็น เดือนธันวาคม ๒๕๖๕ และ (๒) มอบหมายให้กรมควบคุมโรค เร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ
eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการโดยเร็ว
และรับความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้
เร่งรัดปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓
สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังในโอกาสแรก
เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งควรเร่งการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามระยะเวลาที่ขอขยายอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
เป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด พร้อมทั้งให้กรมควบคุมโรครับความเห็นเพิ่มเติมของคณะกรรมการฯ
ไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
399 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2565 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี 2565/2566 เพิ่มเติม | นร.14 | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายใต้กรอบวงเงิน
๙๑๑.๗๑๒๐ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๕ และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง
ปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ เพิ่มเติม จำนวน ๕๗๖ รายการ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยรับงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
ที่ควรให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดการดำเนินโครงการโดยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และหลักธรรมาภิบาลให้ถูกต้องและครบถ้วนในทุกขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
400 | โครงการพัฒนาเมืองต้นแบบด้านศิลปวัฒนธรรม : เมืองเก่าสงขลา (Culture Smart City : Songkhla Old Town) | วธ. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบด้านศิลปวัฒนธรรม
: เมืองเก่าสงขลา (Culture Smart City : Songkhla Old Town) ในนามรัฐบาล โดยวงเงินงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบฯ
ปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ เป็นจำนวน ๖๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงวัฒนธรรม
(กรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)
รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการควรบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่น
ในการขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมวัฒนธรรมในพื้นที่ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ประกอบกับโครงการเป็นการใช้งบประมาณผูกพันระยะยาว ๕ ปี
เห็นควรให้มีการติดตามประเมินผลและทบทวนถึงปัญหาอุปสรรคอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการ
และให้มีการจัดทำบทเรียนกลไกความสำเร็จในการพัฒนาให้เกิดเป็นเมืองต้นแบบ
เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนของประเทศในภาพรวมด้านการพัฒนาพื้นที่เชิงวัฒนธรรมที่เชื่อมกับการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
บนฐานการเชื่อมต่อการทำงานกับกระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อีกทั้ง
ในส่วนของการผลักดันประเด็นเรื่อง soft power ของกระทรวงวัฒนธรรมควรมีการจัดทำแผนในลักษณะบูรณาการทุกมิติร่วมกันเป็นภาพใหญ่ของประเทศ
โดยกำหนดบทบาทของแต่ละหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
บนพื้นฐานของการสร้างความเข้าใจร่วมกันถึงความหมายและขอบเขตของการใช้ soft
power ในมิติการพัฒนาประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |