ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 29 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 561 - 580 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
561 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 พ.ศ. .... | นร.11 สศช | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ รายละเอียด การเสนอโครงการ
วิธีการดำเนินโครงการ ตลอดจนการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ เพื่อให้การดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน
เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม
พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นไปอย่างรัดกุม และมีประสิทธิภาพ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เพิ่มเติมวันใช้บังคับของร่างระเบียบดังกล่าวให้สมบูรณ์และแก้ไขการเรียงลำดับข้อในร่างระเบียบให้เป็นไปตามรูปแบบร่างกฎหมาย
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์
รายละเอียด การเสนอโครงการ วิธีการดำเนินโครงการ
ตลอดจนการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ของร่างระเบียบดังกล่าว
ไปประกอบการพิจารณาและให้ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
562 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 24/2564 | นร.11 สศช | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่..)
พ.ศ. ....
โดยเพิ่มข้อความที่เกี่ยวข้องกับกรณีโครงการที่ต้องใช้เงินกู้เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ
ให้กรมพัฒนาชุมชนเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการ
โดยใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓ โครงการ ให้จังหวัดพังงา จังหวัดลำพูน จังหวัดหนองคาย
และจังหวัดปัตตานี ปรับแผนการดำเนินโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัด
จำนวน ๘ โครงการ และมอบหมายให้หัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาความเหมาะสมของการปรับรูปแบบหรือวิธีการจัดกิจกรรมในลักษณะฝึกอบรม
การศึกษาดูงานและการถ่ายทอดความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้กำหนด
และไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
กฎหมาย ข้อบังคับ และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
จัดอบรม สัมมนา หรือการประชุมโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักในทางปฏิบัติ
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาดำเนินการ
ความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรการของทางราชการอย่างประหยัด
และเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่..)
พ.ศ. .... และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เพิ่มเติมวันใช้บังคับของร่างระเบียบดังกล่าวให้สมบูรณ์ก่อนดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
563 | การขยายระยะเวลาความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินของโครงการ Integrated Programme in Enhancing the Capacity of AHA Centre and ASEAN Emergency Response Mechanisms (EU-SAHA) | มท. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารแนบท้ายความตกลง (Addendum No.1)
เพื่อขยายระยะเวลาความตกลงในการสนับสนุนทางการเงิน (Financing Agreement) ในการดำเนินโครงการ EU-SAHA และให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารฯ
ของฝ่ายอาเซียน เนื่องจากการดำเนินงานตามความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
(ASEAN Agreement on Disaster
Management Response : AADMER) ซึ่งเป็นพันธกรณีที่ประเทศไทยได้ลงนามรับรองไว้แล้ว
เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารแนบท้ายความตกลง
(Addendum No.1) เพื่อขยายระยะเวลาความตกลงในการสนับสนุนทางการเงิน
(Financing Agreement) ในการดำเนินโครงการ Integrated Programme in Enhancing the Capacity of AHA Centre
and ASEAN Emergency Response Mechanisms (EU-SAHA)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
564 | การปรับปรุงหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล | กค. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศลให้มีความชัดเจน
รอบคอบ เกิดประโยชน์ และสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น
ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล
โดยเปลี่ยนประธานกรรมการจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
และเพิ่มเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นกรรมการ กำหนดประเภทของหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนให้เป็นไปตามกฎหมายที่ใช้ในปัจจุบัน
ให้ความสำคัญกับโครงการที่มีผลลัพธ์และผลสัมฤทธิ์ต่อประชาชนและสังคม
สามารถยกเลิกโครงการได้ในกรณีที่การดำเนินโครงการไม่เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง
คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจำแนกกิจกรรมภายใต้โครงการ
เพื่อให้การจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินรายเดือนมีความชัดเจน จัดลำดับความสำคัญของโครงการ
ความพร้อมของการดำเนินโครงการ และประเด็นทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย ทั้งนี้
ควรกำหนดให้ครอบคลุมหน่วยงานในกำกับของรัฐซึ่งไม่เป็นส่วนราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายวิธีการงบประมาณด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
565 | ขออนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง | กษ. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้แก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้
สามารถมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงจระเข้ให้ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการและสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องสามารถมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในการแปรรูปจระเข้ จำนวน ๖๐๐,๐๐๐ ตัว
โดยอนุมัติวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๒๗๓.๘๕ ล้านบาท ประกอบด้วย
ค่าชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแทนผู้กู้ จำนวน ๒๗๐ ล้านบาท
และค่าดำเนินโครงการ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชี้แจง ประชาสัมพันธ์
และติดตามโครงการ จำนวน ๓.๘๕ ล้านบาท
โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมประมง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้เกษตรกรและผู้ประกอบการที่สามารถขอรับสินเชื่อตามโครงการฯ
จะต้องไม่เป็นผู้ที่ไม่สามารถขอสินเชื่อตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ หรือมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำอื่น ๆ ของรัฐ เท่านั้น
สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการ (ค่าชดเชยดอกเบี้ยและค่าดำเนินโครงการฯ)
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น
ควรมีการกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการของเกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจให้ชัดเจน
ควรดำเนินการสนับสนุน ส่งเสริมให้ฟาร์มจระเข้ขึ้นทะเบียนกับ CITES ให้มากขึ้นด้วย พิจารณากลไกการขับเคลื่อนระดับพื้นที่
ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
และควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน
พร้อมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอรับการสนับสนุนสินเชื่อและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
566 | โครงการทุนศึกษาต่อในประเทศของบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ 5 (ปี 2566 - 2570) | กษ. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการทุนศึกษาต่อในประเทศของบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ ๕ (ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐) จำนวน ๕๐ ทุน
แบ่งเป็นทุนระดับปริญญาโท จำนวน ๒๕ ทุน และทุนระดับปริญญาเอก จำนวน ๒๕ ทุน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และอนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าว
จำนวน ๕๙,๐๕๐,๐๐๐ บาท ระหว่างปีงบประมาณ
๒๕๖๖-๒๕๗๐ และผูกพันงบประมาณผู้รับทุนต่อเนื่องถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๔ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาจัดสรรทุนการศึกษาโดยมุ่งเน้นสาขาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการเกษตร
การวิจัยและนวัตกรรมด้านการเกษตร และสาขาวิชาที่ขาดแคลนบุคลากรเป็นลำดับแรก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร.
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เห็นว่าในการแก้ไขปัญหาทดแทนอัตรากำลังของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สามารถบูรณาการร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ที่มีโครงการจัดสรรทุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์
การจัดสรรทุนควรมีการจัดสรรในภาพรวม
กำหนดสาขาวิชาที่ขาดแคลนพิจารณาให้สอดคล้องกับสาขาวิชาความเชี่ยวชาญ
ดำเนินการเตรียมความพร้อมด้านทักษะภาษาอังกฤษ
หรือทักษะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญต่อการปฏิรูประบบวิจัยเกษตรไทย
ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้รับทุนทำการวิจัยที่เน้นการสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ตลอดจนการวางแผนในการจัดสรรทุนให้มีความสมดุลกับกรอบอัตรากำลังของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในอนาคต
และกำหนดแนวทางการติดตามการใช้ศักยภาพของผู้รับทุนภายหลังสำเร็จการศึกษาเพื่อให้บรรลุประโยชน์สูงสุดตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
รวมถึงการประเมินผลฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
567 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนมกราคม - มีนาคม 2564) | นร.11 | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๔) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑. ความคืบหน้ากิจกรรมสำคัญตามแผนการปฏิรูปประเทศระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม
๒๕๖๔ ได้แก่
การขับเคลื่อนกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ
(Big Rock) การใช้ระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติสำหรับกิจกรรม
Big Rock โดยการนำระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR) เข้ามาช่วยสำหรับการติดตาม ตรวจสอบ
และประเมินผลการดำเนินงานตามแผนปฏิรูปประเทศ
แผนขับเคลื่อนกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ
(Big Rock) ทั้ง ๖๒ กิจกรรม และประเด็นที่รัฐสภาให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ซึ่งมีนัยสำคัญต่อการขับเคลื่อนแผนปฏิรูปประเทศ เช่น ด้านการเมือง
ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ด้านกฎหมาย ด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านเศรษฐกิจ
ด้านพลังงาน ด้านสังคม ด้านการศึกษา เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
568 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการนำสายไฟลงใต้ดินเพื่อส่งเสริมสภาพพื้นที่สำหรับเมืองการบินภาคตะวันออก | กห. | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพิ่มเติม
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๔๕๑,๓๖๔,๒๐๐ บาท ให้กองทัพเรือ
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการนำสายไฟลงใต้ดินเพื่อส่งเสริมสภาพพื้นที่สำหรับเมืองการบินภาคตะวันออก
จำนวน ๓ เส้นทาง ได้แก่ ช่วงจากปากทางเข้าสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาถึงแยกวงเวียนอู่ตะเภา
วงเงิน ๑๙๐,๑๗๒,๐๐๐ บาท ช่วงจากแยกวงเวียนอู่ตะเภาถึงหน้าอาคารจอดรถอาคารผู้โดยสารหลังที่ ๒ วงเงิน ๘๘,๕๔๗,๐๐๐ บาท และช่วงจากแยกอู่ราชนาวีมหิดลถึงท่าเรือจุกเสม็ด วงเงิน
๑๗๒,๖๔๕,๒๐๐ บาท โดยเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการติดตั้งสายไฟฟ้า
จากระบบเดินอากาศ (ปักเสาพาดสาย) เป็นแบบร้อยท่อฝังดินตามเส้นทางต่าง ๆ
บริเวณฐานทัพเรือสัตหีบ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
และให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล
และถือปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งเร่งดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
และให้กองทัพเรือเร่งดำเนินการจัดทำแผนแม่บทรองรับการบริหารเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของกองทัพเรือ
ปีงบประมาณ ๒๕๖๕-๒๕๗๐ โดยให้มีความสอดคล้องกับแผนภาพรวมเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ให้เกิดการพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่องและบูรณาการร่วมกันต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
569 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 21/2564 ครั้งที่ 22/2564 และครั้งที่ 23/2564 | นร.11 | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่
๒๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๒๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม
๒๕๖๔ และครั้งที่ ๒๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้แก่ อนุมัติให้นำวงเงินเพื่อการตามมาตรการ ๕ (๒)
มาใช้เพื่อการตามมาตรการ ๕ (๑) เพิ่มเติม (ครั้งที่ ๑) จำนวน ๕,๘๗๑.๘๗๑๐ ล้านบาท
อนุมัติโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา ๓๓
ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
(กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) ของสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กรอบวงเงินจำนวน
๒,๕๑๙.๓๘๐๐ ล้านบาท
อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติมจำนวน ๑๐.๙ ล้านโดส ของกรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงิน ๖,๑๑๑.๔๑๒๐ ล้านบาท อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายโครงการกำลังใจ
เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและเร่งรัดการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
อนุมัติให้จังหวัดตราดยกเลิกการดำเนินกิจกรรมย่อยภายใต้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคเกษตรกรรมด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
จำนวน ๕ กิจกรรม วงเงิน ๒,๕๗๘,๘๐๐ บาท อนุมัติให้จังหวัดนครสวรรค์ยกเลิกการดำเนินโครงการ
จำนวน ๓ โครงการ วงเงินรวม ๕,๖๘๔,๓๐๐
บาท
รวมถึงปรับแผนการดำเนินโครงการรายย่อยใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
จำนวน ๒ โครงการ วงเงิน ๑๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท
และอนุมัติให้จังหวัดมหาสารคามยกเลิกการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานรองรับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต
วงเงิน ๘๕๔,๖๐๐ บาท
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติดำเนินการอย่างเคร่งครัด
และเร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ภายใต้กรอบระยะเวลาตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
รวมถึงรายงานผลการดำเนินโครงการรายเดือนตามรูปแบบและระยะเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนดในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ
(eMENSCR) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในการดำเนินการโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน ๑๐.๙ ล้านโดส
กระทรวงสาธารณสุขควรบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด โดยเร่งรัดการกระจายวัคซีนอย่างเป็นระบบ
รวดเร็ว ทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้
ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินการดังกล่าวต่อสาธารณชนให้ถูกต้อง ทั่วถึง
และโปร่งใสด้วย ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
570 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่ | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
ระลอกใหม่ โดยการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
(โควิด-๑๙) จากเดิมวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ออกไปเป็นวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔
การปรับปรุงการดำเนินโครงการ Soft Lone ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย
เช่น ขยายระยะเวลาเงินกู้ ขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อ
และการปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่
มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นว่าควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งการจัดทำประมาณการรายได้ ตลอดจนติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
และพิจารณาดำเนินการให้ลูกหนี้ที่มีความเปราะบางซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อจากแหล่งอื่นสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
และทบทวนหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
เพื่อช่วยเหลือประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
571 | ขออนุมัติหลักการในการอุดหนุนทางการเงินและให้ความช่วยเหลือด้านอื่นให้แก่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพิ่มเติม จำนวน 3 โรง | ศธ. | 15/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการการอุดหนุนทางการเงิน
และให้ความช่วยเหลือด้านอื่นให้แก่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้มีคุณภาพ เพิ่มเติมอีกจำนวน ๓
โรง ได้แก่ โรงเรียนดาราวิทยา โรงเรียนนราวิทย์อิสลาม และโรงเรียนสมานมิตรวิทยา
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗ เพื่อให้การอุดหนุนด้านอาคารเรียน อาคารประกอบ
และสื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน โดยตั้งงบประมาณเป็นรายปี
โดยให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยให้คำนึงถึงความคุ้มค่า ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแลโครงการตามพระราชดำริฯ ดังกล่าว ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
และในระยะต่อไปควรให้ความสำคัญกับการวางแผนการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพทางวิชาการของครูและผู้เรียน
โดยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ภาษาอังกฤษ การพัฒนาทักษะชีวิตผู้เรียนและการแนะแนวการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินโครงการส่งเสริมการพัฒนาโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
และพิจารณาสร้างความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เหมาะสมกับความต้องการและอัตลักษณ์ของนักเรียนในพื้นที่
รวมทั้งกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการฯ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
โดยให้กำหนดตัวชี้วัดในระดับกิจกรรมที่สะท้อนถึงผลลัพธ์ต่อผู้เรียนในมิติคุณภาพการศึกษา
(ทักษะด้านวิชาการ ทักษะชีวิต และทักษะอาชีพ)
และตัวชี้วัดที่สะท้อนเรื่องการมีงานทำของนักเรียน
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๓ (เรื่อง ขออนุมัติหลักการโครงการส่งเสริมการพัฒนาโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้มีคุณภาพ) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
572 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2563/2564 | นร.14 | 15/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓,๒๔๘.๕๒
ล้านบาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
ปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔ จำนวน ๒,๘๕๔ รายการ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
โครงการของจังหวัดที่ต้องระบุในแผนพัฒนาจังหวัด
ขอให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติตรวจสอบก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
หากยังมิได้กำหนดอยู่ในแผนพัฒนาจังหวัด
เห็นควรให้ไปดำเนินการบรรจุในแผนพัฒนาจังหวัดให้ครบถ้วนก่อน
ในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นตรวจสอบ
หากพบว่าเป็นหน่วยรับงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ ให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณโดยตรง หากมิใช่ ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณผ่านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
573 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เครื่องจักรกลสำหรับรองรับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง | นร.14 | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๔๒๖.๔๗๒
ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้ในการดำเนินโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เครื่องจักรกลสำหรับรองรับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง
รวม ๒๔ รายการ จำนวน ๓๒ เครื่อง ประกอบด้วย เครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่เร็ว
ขับด้วยระบบโฮดรอลิค ขนาด ๒๔ นิ้ว ขนาด ๓๐นิ้ว และขนาด ๔๒ นิ้ว ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
574 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 สำหรับโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลแผนงาน หรือโครงการภายใต้พระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ สำหรับโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลแผนงาน
หรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะดำเนินโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-พ.ศ. ๒๕๖๕ ภายในกรอบวงเงิน ๓๗,๙๖๖,๙๐๐ บาท
ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นกรณีเฉพาะราย
โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗,๕๙๓,๔๐๐ บาท ที่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว ส่วนที่เหลือ จำนวน ๓๐,๓๗๓,๕๐๐ บาท
ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ซึ่งได้เสนอตั้งงบประมาณในชั้นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ รองรับไว้แล้ว และให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
คำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญด้วย
และให้กระทรวงการคลัง
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการหน่วยงานที่ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ที่เห็นว่าควรกำหนดแนวทางการดำเนินโครงการจ้างที่ปรึกษาดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงหน่วยงานรับผิดชอบโครงการสามารถนำข้อมูลจากรายงานผลการติดตามและประเมินผลโครางการไปประกอบการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้แก่ประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างสะดวก
และให้คณะรัฐมนตรีกำชับให้หัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินโครงการโดยใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ รายงานผลการดำเนินโครงการในระบบ eMENSCR และให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เป็นประจำทุกเดือนโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
575 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ | กษ. | 25/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติการดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่
ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ ๑,๓๒๙.๒๒ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๒๖๔.๒๐
ล้านบาท และจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกรมส่งเสริมการเกษตร
จำนวน ๖๕.๐๒ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมวิชาการเกษตร) นำมาตรการตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗
และที่แก้ไขเพิ่มเติมรวมถึงระเบียบที่เกี่ยวข้องพิจารณาบังคับใช้โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบพื้นที่และเกษตรกรให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่มีการระบาดจริง
และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งควรพิจารณาส่งเสริมการเพาะปลูกมันสำปะหลังให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่
และสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกมันสำปะหลังตามมาตรฐานวิชาการ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังทั้งระบบต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑ ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาแนวทางในการดำเนินการป้องกันและตรวจสอบไม่ให้มีการนำเข้าหรือลักลอบนำเข้ามันสำปะหลังที่เป็นโรคใบด่าง
รวมถึงแนวทางการกำจัดแมลงหวี่ขาวยาสูบที่เป็นพาหะของโรค
ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ด้วย ๒.๒
ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่ได้รับการชดเชยตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ไปแล้ว
แต่ภายหลังพบว่ามีการลักลอบนำมันสำปะหลังที่ติดโรคมาปลูกใหม่
หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าว ๒.๓
ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการจัดให้เกษตรกรมีการทำประกันภัยผลผลิตมันสำปะหลังเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาในกรณีต่าง
ๆ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
576 | ขอยกเลิกโครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย พื้นที่ประชาชื่น และโอนงบประมาณที่ตั้งไว้สำหรับรายการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ไปสมทบเป็นค่างานก่อสร้างโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย ระยะที่ 2 | กห. | 25/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้กองบัญชาการกองทัพไทยยกเลิกรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย
พื้นที่ประชาชื่น และโอนงบประมาณที่ตั้งไว้สำหรับรายการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ วงเงิน ๗๙.๙๑ ล้านบาท ไปสมทบเป็นค่างานก่อสร้างโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย
ระยะที่ ๒ ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้กระทรวงกลาโหม
(กองบัญชาการกองทัพไทย) ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ๒.
ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงกลาโหมในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงกลาโหมถือปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐
(เรื่อง
การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ
และการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๒ (เรื่อง การเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการ
ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ) อย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
577 | การแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ | กษ. | 25/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
๑.
อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๔๑
และอนุมัติให้กรมชลประทานจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานโครงการของรัฐ
กรณีโครงการโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ ในอัตราไร่ละ ๔๒,๐๐๐ บาท ในท้องที่อำเภอหนองบัวระเหว จำนวน
๑๕๐ แปลง เนื้อที่ ๑,๗๕๔-๐-๘๙ ไร่ คิดเป็นเงิน ๗๓,๖๗๗,๓๔๕ บาท และในท้องที่อำเภอเทพสถิต จำนวน ๒๒ แปลง
เนื้อที่ ๒๒๑-๑-๕๓ ไร่ คิดเป็นเงิน ๙,๒๙๘,๐๖๕ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๘๒,๙๗๕,๔๑๐ บาท โดยผู้มีสิทธิจะต้องมีชื่อปรากฏในแผนที่ ร.ว. ๔๓ ก.
ตามผลการรังวัด โดยช่างรังวัดของกรมที่ดินและเคยได้รับค่าขนย้าย
(ค่าที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ) ไปแล้ว ในอัตราไร่ละ ๘,๐๐๐ บาท ๑.๒
อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงิน
เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการจ่ายเงินและจำนวนเงินค่าชดเชยให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายละเอียดที่ดินของราษฎรผู้ได้รับผลกระทบ
(กลุ่มที่ ๑) โครงการโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ
ตามผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการโปร่งขุนเพชร
จังหวัดชัยภูมิ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธาน
และหัวหน้าฝ่ายจัดหาที่ดินที่ ๒ ส่วนจัดหาที่ดิน ๒ สำนักกฎหมายและที่ดิน
กรมชลประทาน เป็นเลขานุการ โดยให้คณะกรรมการฯ ตรวจสอบบุคคลผู้มีสิทธิ จำนวน ๑๗๒
ราย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
รวมทั้งกำกับดูแลการจ่ายเงินค่าชดเชยให้เป็นไปอย่างถูกต้องเรียบร้อย
สำหรับการจ่ายเงินกรณีนี้เห็นสมควรจ่ายด้วยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร (จ่ายตรง)
ตามบัญชีรายชื่อบุคคลที่ผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการฯ หรือทายาทของบุคคลดังกล่าว
โดยให้ถือความเห็นของคณะกรรมการชุดนี้เป็นหลักฐานประกอบการจ่ายเงิน
และให้ระบุในหลักฐานการรับเงินด้วยว่า “ข้าพเจ้ายินยอมรับเงินค่าขนย้ายในครั้งนี้
และจะไม่มาเรียกร้องหรือขอรับความช่วยเหลือใด
ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการโปร่งขุนเพชรจากทางราชการอีก” ๒.
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นหากสามารถดำเนินการได้ทันภายในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เห็นควรให้กรมชลประทานพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
เพื่อมาดำเนินการเป็นลำดับแรก โดยให้จัดทำแผนรายละเอียดการจ่ายเงินค่าชดเชยให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงแล้วขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอน
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นว่า
การดำเนินโครงการชลประทานในอนาคต
ที่ต้องมีการเวนคืนที่ดินที่มีเอกสารสิทธิและค่าขนย้าย (ค่าที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ)
ควรดำเนินการเจรจากับประชาชนในพื้นที่โครงการให้ได้ข้อสรุปเรื่องวงเงินการจัดการกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าขนย้ายให้แล้วเสร็จก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ
รวมทั้งควรดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
578 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน กรณีโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน | สนง. กสม. | 25/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
กรณีโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล
อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ สรุปได้ว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ควรดำเนินการปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและแวดล้อม เรื่อง
กำหนดโครงการ กิจการหรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาการกำหนดแนวทางการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องให้เกิดกลไกการปฏิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการให้มีความเหมาะสมในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่ส่งผลจากการสร้างกำแพงริมชายฝั่งติดแนวชายฝั่งแบบครบถ้วนและยั่งยืน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
579 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 16/2564 | นร.11 | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๖/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เกี่ยวกับผลการดำเนินโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและภาคเอกชน
ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔ และอนุมัติให้กรมการจัดหางาน
กระทรวงแรงงาน ปรับปรุงรายละเอียดโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน
โดยปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ จาก ๒๖๐,๐๐๐ คน เป็น ๕๐,๐๐๐ คน หรือลดลงประมาณ ๒๑๐,๐๐๐ คน และปรับลดกรอบวงเงินของโครงการฯ จากเดิม ๑๙,๔๖๒.๐๐๑๗
ล้านบาท เป็น ๓,๒๐๙.๗๙๘๙ ล้านบาท หรือลดลงประมาณ ๑๖,๒๕๒.๒๐๒๘ ล้านบาท ทั้งนี้ เห็นควรให้กระทรวงแรงงานกำกับการดำเนินโครงการฯ
ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้และเร่งแก้ไขข้อมูลโครงการ ในระบบ eMENSCR
โดยเร็ว ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
การให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
และการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ กฎหมาย
ข้อบังคับ และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
580 | การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันการดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัย | มท. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการศึกษาแนวทางการจัดตั้งสถาบันการดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัย
โดยผลการศึกษาพบว่า ไทยควรจัดตั้งสถาบันฯ ในลักษณะการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐ
(กำกับดูแล) และภาคเอกชน (ลงทุนจัดตั้งสถาบันฯ) โดยให้นำมาตรฐานความปลอดภัย National
Fire Protection Association (NFPA) มาปรับใช้
(เป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับและนำมาใช้ในกระบวนการก่อสร้างและบริหารจัดการอาคารให้มีความปลอดภัย)
ดังนั้น จึงเห็นควรทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๔๗ (เรื่อง
การขออนุมัติโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร)
เพื่อให้สอดคล้องกับผลการศึกษาดังกล่าว โดยเปลี่ยนแปลงทางการจัดตั้งสำนักงานฯ จาก
ให้ดำเนินการโดยใช้งบประมาณของส่วนราชการ เป็น
ให้ดำเนินการด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
โดยให้เอกชนลงทุนในการจัดตั้งสถาบันฯ และดำเนินการจัดการเรียนการสอนการฝึกอบรมภายในระยะเวลาที่ได้รับสิทธิดำเนินการ
และให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
ให้การสนับสนุนการดำเนินการและกำกับมาตรฐานการฝึกอบรม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. อนุมัติในหลักการให้มีการจัดตั้งสถาบันการดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัย
และให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
รับไปพิจารณารายละเอียดในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
รวมทั้งการดำเนินการตามกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น
พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒
พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นต้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย
(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เช่น
ควรพิจารณาเหตุผลความจำเป็น เร่งด่วน และความซ้ำซ้อนของภารกิจกับหน่วยงานอื่น
ควรคำนึงถึงหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินโครงการร่วมทุนที่กำหนดตามนัยมาตรา ๗
และมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และควรนำผลการศึกษาไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการเสนอขอร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |