ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 146 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 2901 - 2920 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2901 | การเก็บข้อมูลการใช้พื้นที่เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบอ้างอิง | นร | 26/07/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่องการเก็บข้อมูลการใช้พื้นที่เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบอ้างอิง
ซึ่งที่ผ่านมายังเกิดปัญหาข้อเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐให้การช่วยเหลือชดเชย หรือจ่ายเงินค่าตอบแทนแก่ ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการต่าง ๆ ประกอบกับการดำเนินการแก้ไขปัญหามักยืดเยื้อ และใช้เวลานานกว่าจะหาข้อยุติได้ เนื่องจากขาดข้อมูล หลักฐาน ณ วันที่ได้เริ่มดำเนินโครงการสำหรับใช้ใน การตรวจสอบและพิสูจน์ความถูกต้องให้เป็นที่ยอมรับร่วมกัน จึงขอให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงาน อื่นของรัฐถือเป็นหลักปฏิบัติโดยเคร่งครัดว่า ในกรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐได้ข้อ ยุติ หรือได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินการโครงการใดที่จะต้องมีการใช้พื้นที่ดำเนินโครงการ ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะ เป็นพื้นที่ของทางราชการหรือพื้นที่ของเอกชน ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยว ข้องกับพื้นที่ดังกล่าวไว้ให้ครบถ้วนชัดเจน รวมทั้งให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2546 (เรื่อง การจ่ายค่าชดเชยให้กับราษฎรที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่โครงการต่าง ๆ) ที่ให้ส่วนราชการเจ้า ของโครงการจะต้องจัดทำแผนที่ถ่ายภาพทางอากาศหรือภาพถ่ายดาวเทียมแสดงพื้นที่โครงการตั้งแต่ในระยะ เริ่มต้นสำรวจโครงการ และใช้ข้อมูลภาพถ่ายเป็นหลักฐานที่ถูกต้องในการจ่ายค่าชดเชยให้แก่ราษฎรเดิมที่ อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวจริง หากมีการบุกรุกเพิ่มขึ้นภายหลังให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ ใน การเก็บรวบรวมข้อมูลอาจขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการ และอาจใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาว เทียมจากเว็บไซต์ (website) ที่เกี่ยวข้องประกอบการดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
2902 | การดำเนินโครงการขนาดใหญ่ (Mega-project) | นร | 19/07/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการขนาดใหญ่
(Mega-project) ในด้านต่าง ๆ เป็นการลงทุนเพื่อการเจริญเติบโตของประเทศอย่างยืนในอนาคต หน่วย งานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานด้านการวางแผนและ งบประมาณต้องประสานและร่วมมือกันเพื่อดำเนินการจัดทำแผนและรายละเอียดของโครงการต่าง ๆ โดย ด่วนตั้งแต่บัดนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสามารถขับเคลื่อนโครงการให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว จึง ขอให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบโครงการในแต่ละด้านเร่งประสานข้อมูลรายละเอียดโครงการและ จัดทำแผนการดำเนินการ รวมทั้งแผนการใช้จ่ายเงินตามความจำเป็นเหมาะสมและลำดับความสำคัญร่วม กับสำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง โดยเร็ว ทั้งนี้ เงินลงทุนเพื่อการดำเนินการดังกล่าวจะต้อง พิจารณาจัดตามความเหมาะสมจาก 4 แหล่ง คือ งบประมาณแผ่นดิน เงินกู้ภายในประเทศ เงินกู้จากต่าง ประเทศ รวมทั้งการจัดทำ Supplier Credit รายได้ของหน่วยงาน และรายได้ที่จะเกิดจากการดำเนินโครง การ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2903 | การแก้ไขปัญหาหนี้สินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร | กค | 19/07/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนองบประมาณเพื่อชดเชยให้แก่ธนาคาร
เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นระยะเวลา 5 ปี (เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 สิ้นสุดปี งบประมาณ พ.ศ. 2553) สำหรับต้นเงินกู้ค้างชำระ (ในส่วนที่เป็นภาระขาดทุน) จำนวนเงิน 17,686.10 ล้าน บาท ดอกเบี้ยแทนเกษตรกรจำนวนเงิน 5,448.90 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 23,135 ล้านบาท โดยให้ ธ.ก.ส. เป็น ผู้ขอจัดสรรจากสำนักงบประมาณตามความเหมาะสมต่อไป และให้กระทรวงการคลังประสานกับ ธ.ก.ส. เพื่อปรับ ลดอัตราเรียกเก็บดอกเบี้ยจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) จากเดิมที่ลดแล้ว เท่ากับต้นทุนเงิน ธ.ก.ส. บวก 2 ให้เหลือเพียงต้นทุนเงิน ธ.ก.ส. บวก 1.78 ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติม ว่า คชก. ควรศึกษาและประเมินผลความจำเป็น เหมาะสม และคุ้มค่าของโครงการต่าง ๆ ก่อน (pre-evaluation) ให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการ รวมทั้งมีกลไกติดตามและเร่งรัดการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่ ได้รับอนุมัติไปแล้ว ให้แล้วเสร็จภายในกำหนด และนำเงินมาชดใช้คืน คชก. โดยเร็วเพื่อให้สามารถนำเงินดังกล่าว มาหมุนเวียนใช้สำหรับสนับสนุนการดำเนินงานโครงการอื่น ๆ ที่จำเป็นได้ต่อไป กับให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกำกับดูแล ธ.ก.ส. องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และองค์การคลังสินค้า ตามลำดับ กับกำดูแลและติดตามการดำเนินงานของหน่วย งานดังกล่าวซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก คชก. ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิ ภาพ และมีความโปร่งใส และไม่ทำให้กลไกตลาดสินค้าเกษตรกรเสียหาย และให้กระทรวงพาณิชย์ประสานกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งระบายสินค้าเกษตรไปขายยังตลาดโลกและประเทศ คู่ค้าต่าง ๆ ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวนี้โดยเร็ว โดยอาจใช้วิธีการแลกเปลี่ยนสินค้า (Barter Trade) หรือการค้า แบบหักบัญชี (Account Trade) ได้ตามความเหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||
2904 | ขอขยายเวลาทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันและระยะเวลาดำเนินงานโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น | อก | 05/07/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอขอขยายเวลาการดำเนิน
โครงการกรุงเทพ ฯ เมืองแฟชั่น จาก 18 เดือน ออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2550 โดยให้กระทรวง อุตสาหกรรมรับไปพิจารณาทบทวนในภาพรวมด้วยว่า การดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้โครงการกรุง เทพ ฯ เมืองแฟชั่น โครงการใดหมดความจำเป็นหรือไม่คุ้มค่าที่จะดำเนินการให้ระงับการดำเนินโครงการ นั้นได้ตามความเหมาะสม สำหรับการขยายระยะเวลาการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันสำหรับ 4 โครงการที่ เหลือ ได้แก่ โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันธุรกิจแฟชั่น สาขาอุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่อง หนัง โครงการสร้างแนวโน้มแฟชั่นโลก โครงการประกวดออกแบบแฟชั่นนานาชาติ และโครงการสร้าง ภาพลักษณ์กรุงเทพ ฯ เมืองแฟชั่น รวมทั้งการปรับเปลี่ยนแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณและการขอกัน เงินงบประมาณในส่วนที่ยังไม่ได้ก่อหนี้ผูกพัน จำนวน 527.63 ล้านบาท นั้น ให้ดำเนินการให้เป็นไป ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2548 (เรื่อง การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ (รายจ่าย ลงทุน ประจำปี พ.ศ. 2548 และการเตรียมการสำหรับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2549) ที่ให้เร่งรัดการ ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้สามารถเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2548 ตามความ เห็นของกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
2905 | ขออนุมัติให้เบิกจ่ายก่อนได้รับเงินประจำงวด สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง ฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการชำระสะสางมติคณะรัฐมนตรีที่สิ้นผลหรือล้าสมัย | นร | 05/07/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอการเบิกจ่ายก่อนได้รับเงินประจำ
งวดสำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุก เฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการชำระสะสางมติคณะรัฐมนตรีที่สิ้นผลหรือล้าสมัย ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2548 |
|||||||||||||||||||||||||||
2906 | การใช้ประโยชน์ในพื้นที่โครงการสร้างสะพานเชื่อมโยงเศรษฐกิจ (landbridge) ที่อำเภอขนอม | นร | 28/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในการดำเนินโครงการเชื่อมโยงเศรษฐ
กิจ (Landbridge) จากพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันที่อำเภอขนอม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปยังฝั่งอ่าวไทย ที่ จังหวัดนครศรีธรรมชาตินั้น ได้มีการเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ในการดำเนินการตลอดแนวเส้นทางของโครงการ เป็นจำนวนมากนับหมื่นไร่ซึ่งที่ดินดังกล่าวสมควรที่จะพิจารณานำมาใช้ประโยชน์ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐ กิจ โดยไม่ให้เกิดผลกระทบ หรือเป็นอุปสรรคแก่โครงการ ฯ และป้องกันปัญหาการบุกรุกพื้นที่ จึงขอให้ กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาความเหมาะสมและแนวทางการดำเนินการในรายละเอียด ตลอดจนข้อ กฎหมายและหน่วยงานที่จะรับผิดชอบดูแลการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วรายงานให้ นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2907 | โครงการพัฒนาระบบที่ปรึกษาธุรกิจไทยสำหรับผู้ประกอบการ SMEs | อก | 28/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง
และขนาดย่อม (สสว.) เสนอโครงการพัฒนาระบบที่ปรึกษาธุรกิจไทยสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งมีวัตถุ ประสงค์เพื่อสร้างระบบที่ปรึกษา SMEs ที่เป็นมาตรฐาน สร้างฐานข้อมูลการขึ้นทะเบียนที่ปรึกษาสำหรับผู้ ประกอบการ SMEs และสร้างที่ปรึกษาที่มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ รวมถึงการมีจริยธรรมและจรรยา บรรณวิชาชีพ เพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการ SMEs สามารถใช้บริการที่ปรึกษาที่มีคุณภาพ และ ช่วยส่งเสริมให้ SMEs ประกอบธุรกิจอย่างเป็นระบบและเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป ส่วนกลไกการบริหาร โครงการ ฯ ประกอบด้วย อนุกรรมการระบบที่ปรึกษา ฯ ทำหน้าที่กำหนดกรอบนโยบายและมาตรการใน การสนับสนุนการดำเนินการ พิจารณากำหนดระเบียบ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ การคัดเลือก และรับรองศูนย์ พัฒนาที่ปรึกษาธุรกิจไทย หน่วยงานดำเนินงาน หรือ ศูนย์พัฒนาที่ปรึกษาธุรกิจไทย Learning Delivery Center (LDC) ทำหน้าที่สร้าง ฝึกอบรม กำกับดูแลและรับรองคุณภาพของที่ปรึกษา สำนักงานส่งเสริมวิสาห กิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เป็นหน่วยงานกลางในการดำเนินโครงการ ออกประกาศระเบียบข้อ บังคับ ขึ้นทะเบียน ต่ออายุ/เพิกถอนใบอนุญาตของที่ปรึกษา ขออนุมัติและจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นศูนย์กลางให้บริการข้อมูลที่ปรึกษาแก่ SMEs และหน่วยงานประเมินผลภายนอก เพื่อประเมินผลการดำเนินงานของโครงการ ฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2908 | โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega Projects) (Agenda based) | กค | 14/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ รับทราบแผนการลงทุนและแนวทางการระดม
ทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ในช่วงปี พ.ศ. 2548-2552 ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการ พิจารณากลั่นกรองโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ และเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการจัด สรรงบประมาณ การระดมทุนและแนวทางการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ สำหรับสาขาการ ศึกษาในส่วนที่เกี่ยวกับการพัฒนางานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้นำข้อสรุปจากคณะกรรมการ นโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นประธาน มาประกอบการพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณ ในช่วงปี พ.ศ. 2549-2552 ด้วย และรับทราบกรอบการ จัดสรรงบประมาณ เพื่อการลงทุนสำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐในสาขาต่าง ๆ สำหรับปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2549 วงเงินรวม 94,600.77 ล้านบาท และมอบให้คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครง การลงทุน ฯ กำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน รวมทั้งให้ปรับปรุงแผน งานการลงทุนโครงการตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยให้อยู่ในกรอบวงเงินที่เสนอ และรายงานให้คณะ รัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ นอกจากนี้ รับทราบแผนการลงทุน กรอบระยะเวลาดำเนินงาน และกลยุทธ์ใน การระดมทุนสำหรับโครงการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ (mass transit) ในช่วงปี พ.ศ. 2548-2552 และมอบ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดตั้ง Holding Company เพื่อ ลงทุนและบริหารระบบรถไฟฟ้า ให้เป็นแบบ Single Operator/Joint Owner ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้ กระทรวงการคลังรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรมที่มีความเห็นเพิ่มเติม ในส่วนของข้อ 2 การแบ่งสาขาการลงทุนซึ่งสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เป็น 7 สาขา โดยเฉพาะในสาขาที่ 7 ซึ่งเป็นสาขาอื่น ๆ ซึ่งรวมการพัฒนาระบบพลังงาน การสื่อสาร และ อุตสาหกรรม นั้น อาจจะครอบคลุมหลายหัวข้อมากเกินไป ควรแยกเป็นหมวดย่อย ๆ เพื่อสะดวกแก่การ บริหารและวางแผนงาน และในส่วนของผลกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัด ข้อ 5.3 ที่คาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัด จะขาดดุลเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.6 ต่อ GDP เห็นด้วยกับการควบคุม Import Content ให้อยู่ในกรอบไม่เกิน ร้อยละ 30 โดยการควบคุมดังกล่าว ควรจะมีการกำกับอย่างเข้มงวดและใช้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามใน เรื่องนี้อย่างเต็มที่ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีความเห็น เกี่ยวกับโครงการทางด้านคมนาคม Mass Transit จะมีการเบิกจ่ายเพื่อการก่อสร้างได้อย่างเร็วที่สุดในช่วง ปลายปี พ.ศ. 2549 โดยควรเร่งรัดโครงการที่สามารถดำเนินการได้เร็ว เช่น โครงการที่อยู่อาศัย ฝายกั้น น้ำและฝายยางเพื่อการกักเก็บน้ำตามลำน้ำ ซึ่งมีการจ้างงานและใช้วัตถุดิบในประเทศสูง รวมถึงโครงการ ทางด้านการศึกษาระบบอินเทอร์เน็ต และโครงการด้านการขนส่งทางรางรถไฟเพื่อประหยัดพลังงานแทน การขนส่งทางถนน สำหรับแนวทางการพิจารณาและอนุมัติโครงการที่ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงาน เจ้าของโครงการเสนอขออนุมัติโครงการจากคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะ รัฐมนตรี ตามลำดับนั้น เนื่องจากขณะนี้ สศช. อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างและบทบาทภารกิจซึ่งในระยะ ต่อไป เมื่อมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว กระทรวงและหน่วยงานเจ้าสังกัดต้องดำเนินการศึกษาความ เหมาะสมของการลงทุน โดย สศช. จะทำการวิเคราะห์ในภาพรวมของการลงทุนและตรวจสอบโครงการเพื่อ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2909 | โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega Projects) (Agenda based) | กค | 14/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ รับทราบแผนการลงทุนและแนวทางการระดม
ทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ในช่วงปี พ.ศ. 2548-2552 ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการ พิจารณากลั่นกรองโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ และเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการจัด สรรงบประมาณ การระดมทุนและแนวทางการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ สำหรับสาขาการ ศึกษาในส่วนที่เกี่ยวกับการพัฒนางานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้นำข้อสรุปจากคณะกรรมการ นโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นประธาน มาประกอบการพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณ ในช่วงปี พ.ศ. 2549-2552 ด้วย และรับทราบกรอบการ จัดสรรงบประมาณ เพื่อการลงทุนสำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐในสาขาต่าง ๆ สำหรับปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2549 วงเงินรวม 94,600.77 ล้านบาท และมอบให้คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครง การลงทุน ฯ กำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน รวมทั้งให้ปรับปรุงแผน งานการลงทุนโครงการตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยให้อยู่ในกรอบวงเงินที่เสนอ และรายงานให้คณะ รัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ นอกจากนี้ รับทราบแผนการลงทุน กรอบระยะเวลาดำเนินงาน และกลยุทธ์ใน การระดมทุนสำหรับโครงการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ (mass transit) ในช่วงปี พ.ศ. 2548-2552 และมอบ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดตั้ง Holding Company เพื่อ ลงทุนและบริหารระบบรถไฟฟ้า ให้เป็นแบบ Single Operator/Joint Owner ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้ กระทรวงการคลังรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรมที่มีความเห็นเพิ่มเติม ในส่วนของข้อ 2 การแบ่งสาขาการลงทุนซึ่งสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เป็น 7 สาขา โดยเฉพาะในสาขาที่ 7 ซึ่งเป็นสาขาอื่น ๆ ซึ่งรวมการพัฒนาระบบพลังงาน การสื่อสาร และ อุตสาหกรรม นั้น อาจจะครอบคลุมหลายหัวข้อมากเกินไป ควรแยกเป็นหมวดย่อย ๆ เพื่อสะดวกแก่การ บริหารและวางแผนงาน และในส่วนของผลกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัด ข้อ 5.3 ที่คาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัด จะขาดดุลเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.6 ต่อ GDP เห็นด้วยกับการควบคุม Import Content ให้อยู่ในกรอบไม่เกิน ร้อยละ 30 โดยการควบคุมดังกล่าว ควรจะมีการกำกับอย่างเข้มงวดและใช้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามใน เรื่องนี้อย่างเต็มที่ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีความเห็น เกี่ยวกับโครงการทางด้านคมนาคม Mass Transit จะมีการเบิกจ่ายเพื่อการก่อสร้างได้อย่างเร็วที่สุดในช่วง ปลายปี พ.ศ. 2549 โดยควรเร่งรัดโครงการที่สามารถดำเนินการได้เร็ว เช่น โครงการที่อยู่อาศัย ฝายกั้น น้ำและฝายยางเพื่อการกักเก็บน้ำตาลลำน้ำ ซึ่งมีการจ้างงานและใช้วัตถุดิบในประเทศสูง รวมถึงโครงการ ทางด้านการศึกษาระบบอินเทอร์เน็ต และโครงการด้านการขนส่งทางรางรถไฟเพื่อประหยัดพลังงานแทน การขนส่งทางถนน สำหรับแนวทางการพิจารณาและอนุมัติโครงการที่ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงาน เจ้าของโครงการเสนอขออนุมัติโครงการจากคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะ รัฐมนตรี ตามลำดับนั้น เนื่องจากขณะนี้ สศช. อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างและบทบาทภารกิจซึ่งในระยะ ต่อไป เมื่อมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว กระทรวงและหน่วยงานเจ้าสังกัดต้องดำเนินการศึกษาความ เหมาะสมของการลงทุน โดย สศช. จะทำการวิเคราะห์ในภาพรวมของการลงทุนและตรวจสอบโครงการเพื่อ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2910 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะทำงานของนายกรัฐมนตรี (Prime Minister's Task Force) และการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) | นร | 07/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการดำเนินโครงการพัฒนา
ศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) (Exit Report) ที่คณะทำงานของนายกรัฐมนตรี (Prime Minister''s Task Force) ได้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2548 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 208/ 2548 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML)
|
|||||||||||||||||||||||||||
2911 | โครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนภายในประเทศ | ศธ | 07/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนภายในประเทศ
ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ยากจนแต่เรียนดีในต่าง จังหวัดมาศึกษาในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานครให้ได้รับความรู้ ประสบการณ์ และเรียนรู้วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของกันและกัน ตลอดจนเพื่อเป็นการเชื่อมโยงสังคมเมืองและชนบททำให้สถานศึกษาทั้งในต่าง จังหวัดและกรุงเทพมหานครมีความตื่นตัวในการปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอน สำหรับงบประมาณค่าใช้ จ่ายในการดำเนินโครงการ ฯ ใช้เงินรายได้จากการออกสลากพิเศษจำนวน 46 ล้านบาท โดยในรุ่นที่หนึ่งได้จัด ให้นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นจากทุกอำเภอทั่วประเทศที่มีผลการเรียนดีและประพฤติดี มีฐานะยากจน สมัคร ใจเข้าร่วมโครงการ ฯ จำนวน 477 คน ในภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2547 ระหว่างเดือนตุลาคม 2547- กุมภาพันธ์ 2548 เข้ามาศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษาที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานครจำนวน 11 โรง เป็นเวลา 1 เทอมการศึกษา โดยจัดเตรียมค่าใช้จ่ายให้แก่สถานศึกษาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเด็กคนละ 30,000 บาท ต่อเทอมการศึกษา ส่วนรุ่นที่สอง ได้ขยายจำนวนนักเรียนให้มากขึ้นอีกเท่าตัวรวมเป็นนักเรียนจำนวน 877 คน โดยได้จัดโรงเรียนมัธยมศึกษาที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานครรองรับเพิ่มขึ้น 24 โรง เริ่มในภาคเรียนที่ 1 ของ ปีการศึกษา 2548 (ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยาย น 2548) และจากผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพึง พอใจ โดยนักเรียนจากชนบทที่เข้ามาศึกษาในกรุงเทพมหานครได้รับความรู้และประสบการณ์จากการศึกษา และการมาอยู่ร่วมกันสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างนักเรียนในเมืองและชนบท มีโอกาสเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ และ การเรียนการสอนของโรงเรียนที่มีคุณภาพในกรุงเทพมหานคร ฯลฯ สำหรับนักเรียนในกรุงเทพก็ได้มีความเข้า ใจเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับเด็กชนบทมากขึ้น มีความเอื้ออาทรช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
2912 | การรายงานความก้าวหน้าของโครงการหรือเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปีงบประมาณ 2548 (มกราคม - มีนาคม 2548) | ยธ | 24/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับผลความก้าวหน้าของโครงการ
หรือเรื่องเร่งด่วนด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2548 สรุปได้ดังนี้ ผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาตัวยา/ผู้ค้ายาเสพติด (Supply) สามารถจับ กุมผู้ผลิตได้ 108 คดี ผู้ต้องหา 105 คน จับกุมผู้ค้ารายสำคัญได้ 883 คดี ผู้ต้องหา 1,134 คน จำนวนของกลาง ยาบ้าที่ยึดได้ 2,704,283 เม็ด การควบคุมการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ ได้ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดและปิด ล้อมตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ค้ารายย่อยได้ 2,191 คดี ผู้ต้องหา 2,625 คน ส่วนการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนว ชายแดนได้จัดตั้งจุดตรวจ/ด่านตรวจตามแนวชายแดนและจับกุมได้ผู้ต้องหา 548 คน ของกลางยาบ้า 0.521 ล้าน เม็ด และเฮโรอีน 33.98 กิโลกรัม เป็นต้น ผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพ ติด (Demand) ในส่วนของการบำบัดรักษาฟื้นฟูและพัฒนาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด มีผู้เข้ารับการบำบัดรักษาใน ระบบสมัครใจ 1,084 ราย ระบบบังคับบำบัด 1,487 ราย และระบบต้องโทษ 1,288 ราย โดยผู้ผ่านการบำบัด ฟื้นฟูและพัฒนาสมรรถภาพ ได้มีการติดตามและดูแลช่วยเหลือเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอย่างปกติสุขในสังคม พึ่ง ตนเองได้ และได้รับการยอมรับ โดยให้โอกาสในการเข้ารับการศึกษาต่อและประกอบสัมมาอาชีพไม่กลับไปใช้ยา เสพติดซ้ำ เป็นต้น ส่วนผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การป้องกันกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปใช้ยาเสพติด (Potential Demand) ได้จัดฝึกอบรมให้กับแกนนำเยาวชนเพื่อพัฒนาศักยภาพและความเป็นผู้นำป้องกันยาเสพติด และสร้าง จิตสำนึกการมีส่วนร่วมในการช่วยกันป้องกันยาเสพติดในกลุ่มเยาวชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพื่อเสริมความเข้มแข็ง การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนด้วยการตัดวงจรปัญหา 3 ด้าน ได้แก่ การควบคุมตัวยาและผู้ค้ายาเสพติด (Supply) การลดความต้องการในกลุ่มผู้เสพและผู้ติดยาเสพติด (Demand) และการป้องกันกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปใช้ยาเสพติด (Potential Demand) และการดำเนินโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนคน รุ่นใหม่ให้ห่างไกลยาเสพติด และสามารถดึงผู้เสพกลับเข้าสู่ครอบครัวสังคมที่อบอุ่นเริ่มต้นชีวิตใหม่ ภายใต้โครง การ To Be Number One ตามแนวคิดที่ว่า "เป็นหนึ่งโดยไม่พึ่งยาเสพติด" และ "ใครติดยามือขึ้น" ซึ่งผลการดำเนิน งานนับตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงวันที่ 7 มีนาคม 2548 มีจำนวนสมาชิกทั่วประเทศ 27 ล้านคน และสมาชิกชมรมผู้ ประสานพลังแผ่นดิน 3.3 ล้านคน เป็นต้น สำหรับผลการดำเนินงานตามยุทธศาสต์การบริหารจัดการเชิงบูรณา การ เช่น การบูรณาการการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งในระดับนโยบาย แนวคิด และแนว ทางในการดำเนินงานเพื่อทำความเข้าใจระหว่างหน่วยงาน กำหนดแนวทางให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ประสาน ความร่วมมือในการดำเนินงาน ตลอดจนบูรณาการทรัพยากรร่วมกันเพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพสูง สุด และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และการเสริมสร้างศักยภาพและเอกภาพในการดำเนินงานขององค์กรใน ทุกระดับให้มีการดำเนินงานที่ชัดเจนและสอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ สถานการณ์ยาเสพติด ทิศทาง แผนงาน และโครงการ นอกจากนี้ บุคลากรของหน่วยงานจะต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวให้ทันกับ สถานการณ์และยุทธศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
2913 | การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ | มท | 17/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้ตั้ง คณะกรรมการนโยบายการผังเมือง
แห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธาน กรรมการ และกรรมการอื่นอีก 15 คน ซึ่งมีอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นกรมการและเลขานุการ ให้คณะกรรมการดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการนโยบายด้านการผังเมือง ให้ สัมฤทธิ์ผล เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งส่งเสริมการบริหารจัดการที่ดี โดยการบูรณาการนโยบายระดับชาติลงสู่ระดับพื้นที่ ทำให้บ้านเมืองน่าอยู่ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ การสนับสนุน และมีส่วนร่วมดำเนินการโครงการวางและจัดทำผังประเทศและผังภาคจนแล้วเสร็จ และให้ใช้ ผังประเทศ และผังภาคเป็นกรอบในการจัดทำโครงการพัฒนา เพื่อความเป็นเอกภาพของการจัดสรรงบ ประมาณ และการดำเนินโครงการพัฒนาต่าง ๆ ของประเทศต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
2914 | ผลการดำเนินโครงการหน่วยปฏิบัติการพิเศษทางการค้าในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2548 (มกราคม - มีนาคม 2548) | พณ | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินโครงการหน่วยปฏิบัติการพิเศษทางการค้า
ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (มกราคม-มีนาคม 2548) ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ ดังนี้ หน่วยปฏิบัติการพิเศษได้เดินทางไปสำรวจตลาดเชิงลึกเพื่อศึกษาศักยภาพของสินค้าและบริการของไทย ในตลาดเป้าหมาย รวม 8 ครั้ง ใน 4 ภูมิภาค ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เอเซียใต้ ตะวันออกกลาง และ แอฟริกา พบว่า ตลาดหลายตลาดดังกล่าวมีศักยภาพสูงมาก รวมทั้งได้จัดสัมมนา "เจาะลึกการตลาดเชิงลึกสู่ Export Rally" เพื่อนำเสนอข้อมูลตลาดเชิงลึกที่ได้จากการสำรวจตลาดแก่ผู้ส่งออกของไทยจำนวนหลายครั้ง โดยมีผู้แสดงความจำนงที่จะเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาด นอกจากนี้ ได้นำคณะผู้ส่งออกไทยเดินทางไป เจรจาการค้ากับผู้นำเข้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน รวม 3 ครั้ง มีมูลค่าการสั่งซื้อทันทีจำนวน 6 แสนเหรียญ สหรัฐ ฯ และมีหลายรายอยู่ระหว่างการเจรจาในหลายประเภทสินค้า สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต ได้มีการปรับเพิ่มกิจกรรมในช่วงครึ่งปีหลังของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (เมษายน-กันยายน 2548) ทั้งใน เชิงปริมาณและคุณภาพให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของแต่ละตลาดใหม่โดยเฉพาะในตลาดจีน อินเดียตะวัน ออกกลาง และแอฟริกา
|
|||||||||||||||||||||||||||
2915 | ขอให้พิจารณาอนุมัติวงเงินงบประมาณ เพื่อดำเนินการก่อสร้างตามโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครนครราชสีมา | มท | 10/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปผลการประชุมหารือผู้เกี่ยวข้องเกี่ยว
กับการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครราชสีมา เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 โดยผลการประชุมสรุปได้ว่า เทศบาลนครนครราชสีมายินดีสมทบงบประมาณดำเนินโครงการ ฯ จากเดิม ร้อยละ 20 วงเงิน 760 ล้านบาท เป็นร้อยละ 30 วงเงิน 1,140 ล้านบาท และจะดำเนินการปรับปรุงอัตราค่าใช้ น้ำประปาให้สามารถบริการกิจการประปาให้มีกำไร เพื่อให้ถึงจุดคุ้มการลงทุนโดยเร็ว พร้อมทั้งได้ขอให้รัฐบาล จัดสรรงบประมาณ ในส่วนที่นอกเหนือจากเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งไม่เกี่ยวกับ สัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โครงการที่เสนอมีความ จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนในเขตชุมชนเมืองของนครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันมี การขยายตัวมากและมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จึงเห็นชอบในหลักการในการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการ ฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2551 วงเงิน 2,660 ล้านบาท โดยให้ถือว่า วงเงิน จำนวนดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจะจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามพระราช บัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และให้สำนัก งบประมาณรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และเพื่อให้การดำเนินโครงการ ฯ เกิดประโยชน์แก่ประชา ชนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีส่วนช่วยในการบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อื่น จังหวัดนครราชสีมาและเทศ บาลนครราชสีมาจึงควรพิจารณาดำเนินการให้ท้องที่ซึ่งเป็นทางผ่านท่อส่งน้ำดิบได้ร่วมใช้ประโยชน์เพื่อการอุป โภคและบริโภคด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2916 | เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 - 2548 | นร | 03/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอหลักเกณฑ์ในการใช้จ่ายเงินงบกลางประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2546-2548 และให้รัฐมนตรีและหน่วยงานถือปฏิบัติและดำเนินการต่อไป โดยให้เร่งรัดการ เบิกจ่ายเงินตามแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว กรณีที่ยังไม่มีการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันให้หน่วยงานเร่ง ดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา หากดำเนินการไม่ทันให้ถือว่า งบประมาณ ดังกล่าวมีผลพับไปดังนี้ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม (16,600 ล้านบาท) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2546 ให้ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2548 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (59,000 ล้านบาท และ 16,500 ล้านบาท) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ให้ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันให้ แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2548 และงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่ง ขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (23,400 ล้านบาท) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้ทำสัญญาก่อ หนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2548 ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณประสานเร่งรัดการเบิกจ่าย งบประมาณดังกล่าวกับหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง หากพบว่า งบประมาณในรายการใดที่ตั้งไว้ที่กระทรวง และ ยังค้างการเบิกจ่าย แต่ในทางปฏิบัติมีหน่วยงานและผู้รับผิดชอบโดยตรงชัดเจนอยู่แล้ว เช่น งบประมาณในการ ดำเนินโครงการพิเศษของรัฐบาล เช่น โครงการเชียงใหม่ซาฟารีไนท์ โครงการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่เกาะช้าง เป็นต้น ให้หารือกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อโอนงบประมาณไปให้แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง และเร่งดำเนินการ เบิกจ่ายให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเร่งด่วนในการตรวจราช การของนายกรัฐมนตรีที่ตั้งไว้ที่กระทรวงกลาโหม ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมซึ่งรับผิดชอบเรื่องนี้มาแต่เดิม รับไปประสานการดำเนินงานตามแนวทางดังกล่าวเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
2917 | ขออนุมัติดำเนินการโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 7/1 เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างอุโมงค์และท่อส่งน้ำนวมินทร์-ทับช้าง ของการประปานครหลวง | มท | 26/04/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายสมชาย สุนทรวัฒน์)
เสนอขอแก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับผลตอบแทนการลงทุนของโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 7/1 (โครง การก่อสร้างอุโมงค์และท่อส่งน้ำนวมินทร์-ทับช้าง) ของการประปานครหลวง (กปน.) จากเดิม ผลตอบแทนทาง การเงิน (IRR) เท่ากับร้อยละ 16.10 และระยะเวลาคืนทุน 5 ปี 1 เดือน เป็น ผลตอบแทนทางการเงิน (IRR) เท่า กับร้อยละ 12.03 และระยะเวลาคืนทุน 3 ปี 8 เดือน และเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการปรับ ปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 7/1 (โครงการก่อสร้างอุโมงค์และท่อส่งน้ำนวมินทร์-ทับช้าง) ของ กปน. วง เงินลงทุนโครงการรวม 2,550 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินรายได้ของ กปน. จำนวน 1,550 ล้านบาท และเงินกู้ใน ประเทศ จำนวน 1,000 ล้านบาท ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้ง รับทราบการดำเนินงานของ กปน. ต่อความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ในส่วนของผลการศึกษาคัดเลือกแนวเส้นทางก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 351 สายถนนสุขาภิบาล 1-วง แหวนรอบนอกด้านตะวันออก คาดว่า จะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนมกราคม 2548 หลังจากนั้นจะเชิญหน่วย งานสาธารณูปโภคร่วมพิจารณารายละเอียดและความเหมาะสมต่อไป และหากผลการพิจารณาแล้วเสร็จทันกับการ เริ่มงานโครงการ 7/1 กปน. ก็จะปรับแผนงานก่อสร้างให้สอดคล้องกับงานของกรมทางหลวง นอกจากนี้ กระทรวง การคลัง โดยบริษัท TRIS ได้กำหนดเป้าหมายแรงดันน้ำเป็นตัวชี้วัดหนึ่งในข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงาน ของ ปกน. มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง กปน. สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายทุกปี และการลงทุนเพิ่มเติมตามโครง การ 7/1 ก็มีวัตถุประสงค์ที่จะเพิ่มศักยภาพของระบบสูบส่งน้ำให้ประชาชนได้รับน้ำด้วยแรงดันน้ำที่สูงขึ้นด้วย และ ให้ดำเนินการต่อไปได้ โ ดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการดำเนินการต่อไป อาทิ ความ เห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เห็นด้วยต่อการดำเนินโครงการ 7/1 ของ กปน. ในการ นี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทำการตรวจสอบแผนการจัดการมลพิษในพื้นที่ดังกล่าว โดยจะ พิจารณาปรับปรุงแผนเพิ่มเติมเพื่อรองรับปริมาณน้ำเสียจากแหล่งต่าง ๆ ที่จะเพิ่มขึ้น และจะประสานในรายละ เอียดกับ กปน. ต่อไป และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการก่อสร้างตามโครงการดังกล่าว กปน. ควร ประสานและติดตามความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 351 อย่างใกล้ชิด และปรับแผนงาน ก่อสร้างให้สอดคล้องกับงานของกรมทางหลวง เพื่อให้การใช้จ่ายเงินลงทุนเป็นไปอย่างเหมาะสม มีความคุ้มค่าและ ประหยัด เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||
2918 | ขอให้พิจารณาอนุมัติวงเงินงบประมาณ เพื่อดำเนินการก่อสร้างตามโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครราชสีมา | มท | 26/04/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการแก้ไขปัญหาการขาด
แคลนน้ำอุปโภคบริโภค เทศบาลนครนครราชสีมา โดยวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาด แคลนน้ำอุปโภคบริโภคในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยรอบ โดยให้รอง นายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) รับไปพิจารณาทบทวนในรายละเอียดร่วมกับรัฐมนตรีว่า กระทรวงยุติธรรม (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติในประเด็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการ และ การมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินโครงการ ฯ เช่น สัดส่วนงบประมาณลงทุนโครง การ ฯ ที่รัฐบาลสมควรอุดหนุนและที่เทศบาลจะสมทบ การจัดหาแหล่งน้ำดิบเพิ่มเติม และการกำหนดราคา จำหน่ายน้ำประปาที่เหมาะสม เป็นต้น โดยให้รับความเห็นของ สศช. และสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกต ของคณะรัฐมนตรี โดยในส่วนของคณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า โครงการ ฯ ที่เสนอเป็นโครงการขนาดใหญ่ มี วงเงินดำเนินการสูง และมิได้บรรจุอยู่ในพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 หากจะ ดำเนินการโดยใช้งบกลางบางส่วน และให้ก่อหนี้ผูกพันงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 ต่อไป ควรแสดงเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนของการดำเนินโครงการนี้ให้ชัดเจน เนื่องจากเป็นลักษณะโครง การที่อาจจะมีปัญหาความจำเป็นในพื้นที่อื่น ๆ ลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน และกรณีเงินอุด หนุนจากรัฐบาลดังกล่าว จะถือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดสรรงบประมาณตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือไม่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อให้ สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
2919 | ของบประมาณงบกลาง ประจำปี พ.ศ. 2548 เพื่ออุดหนุนโครงการครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน | วธ | 26/04/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้ดำเนินการโครงการ
ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ เห็น ควรอนุมัติงบประมาณภายในวงเงิน 57,964,000 บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประ มาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 53,964,000 บาท และจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของกรมการศาสนาที่ได้รับจัดสรรแล้ว จำนวน 4,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเพิ่มค่าตอบแทนครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน เป็น 2,000 บาท/ เดือน/รูป จำนวน 4,000 รูป ตามระยะดำเนินการที่คงเหลือ 5 เดือน (พฤษภาคม - กันยายน 2548) เป็นเงิน 40,000,000 บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของกรมการศาสนา ที่ได้รับจัดสรรเป็นค่าตอบแทนครูพระสอนศีลธรรม จำนวน 10,000,000 บาท ซึ่งมีงบประมาณคงเหลืออยู่ จำนวน 4,000,000 บาท และจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 36,000,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดทำสื่อ อุปกรณ์ ประกอบการอบรม สื่อการเรียนการสอนร่วมกัน ระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย การปรับปรุง หลักสูตร จัดอบรมถวายความรู้ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน จำนวน 4,000 รูป เพื่อสร้างศักยภาพใน การทำหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับของสถานศึกษา และค่าติดตามประเมินผลโครงการ พร้อมจัดทำ เอกสารเผยแพร่ เป็นเงิน 17,964,000 บาท และสำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดทำสื่อ การอบรมบุคลากรทาง ศาสนาในสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาปรับแผนการใช้ จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 มาใช้จ่ายเพื่อการนี้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
2920 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | นร | 12/04/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 50,000 ล้านบาท โดยแบ่งการจัดสรรออกเป็น ดังนี้ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 17,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา จังหวัดสำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ จำนวน 15,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาศักยภาพ ของหมู่บ้านหรือชุมชน (SML) จำนวน 9,400 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความ ยากจนของประชาชน จำนวน 4,000 ล้านบาท และเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อดำเนินการ ตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จำนวน 4,600 ล้านบาท และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....