ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 148 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 2941 - 2960 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2941 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ของประชาชน (โครงการประปาเอื้ออาทร) | มท | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเกี่ยวกับโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ของประชาชน (โครงการประปาเอื้ออาทร) โดยเห็นควรมอบให้กระทรวงมหาดไทยรับประเด็นอภิปรายของ คณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่าการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ควรให้กระทรวงมหาดไทยรับไป พิจารณาตามแนวทางการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 เรื่อง ปัญหาสืบเนื่องจากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น (ประปาหมู่บ้าน) ที่ได้มอบหมาย ให้ประธาน ฯ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีรับเรื่อง การจัดทำระบบประปาหมู่บ้านไปจัดประชุมร่วมกับส่วน ราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการงบประมาณที่ได้รับเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลน น้ำอุปโภค บริโภคในหมู่บ้าน ในปี พ.ศ. 2547-2548 จำนวน 5,622.61 ล้านบาท ให้อยู่ภายใต้กรอบการ ดำเนินงานของโครงการที่เสนอ โดยในการจัดทำระบบประปาหมู่บ้าน ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพ ดำเนินการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปรับปรุงระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นสามารถซื้อบริการจากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐได้ รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติ ฯ สนับสนุนด้านวิชาการและเทคนิคขั้นสูงแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย นอกจากนี้ ให้กระทรวง มหาดไทยประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จัดทำแผนการบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบ ประปารวมทั้งเครื่องมืออุปกรณ์ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบ ดำเนินการอย่างชัดเจน ให้มีระบบติดตาม ประเมิน และรายงานผลการดำเนินโครงการเป็นระยะ ๆ อย่าง ต่อเนื่อง และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบเสนอแนะการปรับปรุงการดำเนินงาน ตาม โครงการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ไปดำเนินการด้วย และให้สำนักงานคณะกรรมการการ กระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็น ควรกำหนดภารกิจการให้บริการน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ให้แก่ประชาชนที่จะถ่ายโอนให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นเป็นภารกิจที่จะต้องดำเนินการมากกว่าภารกิจที่สามารถเลือกดำเนินการได้ ไปพิจารณา ดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2942 | การขอรับการสนับสนุนโครงการ Chiangrai Lanna Spa City | นร | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอขอรับงบประมาณ
เพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการ Chiangrai Lanna Spa City พื้นที่ดำเนินการ หมู่ที่ 11 บ้านโป่งน้ำร้อน ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ในวงเงิน 31 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการ Chiangrai Lanna Spa City มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวโป่งน้ำร้อน บ้านโป่งน้ำร้อน หมู่ที่ 11 ตำบลป่าตึง อำเภอ แม่จัน จังหวัดเชียงราย ตามกรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 ที่มุ่งเน้นการเพิ่มศักย ภาพในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว โดยให้สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยวขอทำความตกลงในรายละ เอียดกับสำนักงบประมาณ และมอบให้จังหวัดเชียงรายดำเนินการโครงการดังกล่าวต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2943 | โครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน | กษ | 14/12/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการขออนุมัติทำสัญญาจ้างเหมาผูกพันงบประมาณเพื่อดำเนินการขุดสระ
น้ำ ขนาด 1,260 ลบ.ม. จำนวน 300,000 บ่อ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ตามโครงการแหล่งน้ำไร่นานอกเขต ชลประทาน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมพัฒนาที่ดิน) จ้างเหมาผูกพันงบประมาณเพื่อขุดสระน้ำดังกล่าวตามผลการประกวดราคา ภายในวงเงิน 2,694,000,000 บาท จำแนกเป็นเงินงบประมาณ 1,944,000,000 บาท และเงินสมทบจากเกษตรกร 750,000,000 บาท โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส เป็น ธรรม และตรวจสอบได้ โดยเฉพาะในเรื่องของสัญญาจัดซื้อจัดจ้างให้ครอบคลุมประเด็นที่ผู้รับจ้างจะต้องเป็น ผู้รับผิดชอบในส่วนที่ต้องเรียกเก็บจากเกษตรกรเองให้ชัดเจน โดยทางราชการจะต้องไม่เป็นผู้รับผิดชอบใน กรณีที่ผู้รับจ้างไม่สามารถจัดเก็บจากเกษตรกรได้ และจะต้องไม่เป็นข้ออ้างของผู้รับจ้างในการที่จะไม่ดำเนิน โครงการต่อไป รวมทั้งให้คำนึงถึงศักยภาพของพื้นที่ การกระจายโครงการลงพื้นที่อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ด้วย สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้กรมพัฒนาที่ดินเบิกจ่ายจาก งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ที่ได้รับจัดสรรแล้ว 599,107,200 บาท เพื่อดำเนิน การขุดสระน้ำไร่นา จำนวน 92,454 บ่อ ส่วนที่เหลืออีก จำนวน 207,546 บ่อ วงเงิน 1,344,892,800 บาท ให้เสนอตั้งไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2550 ต่อไปตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการ อย่างใกล้ชิด และต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ และให้นำข้อมูลที่ได้มาประกอบการพิจารณาปรับปรุงแนวทางการ ดำเนินโครงการให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2944 | ขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อดำเนินโครงการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ | กก | 14/12/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4
เกี่ยวกับการดำเนินโครงการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ โดยเห็นควรทบทวนมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2546และมติวันที่ 27 เมษายน 2547 เฉพาะในส่วนของพื้นที่การ ก่อสร้างศูนย์ประชุม และแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ โดยย้ายจากศูนย์วิจัยเกษตรหลวง เชียงใหม่ ตำบลแม่เหียะ ไปที่ราชพัสดุตำบลช้างเผือก ด้วยเหตุผลตามประเด็นอภิปรายดังนี้เนื่องจาก การจัดสร้างศูนย์การประชุม ฯ ที่ตำบลแม่เหียะ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะต้องจัดทำ EIA เสนอต่อ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณ ภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ การพิจารณาให้ความเห็น ชอบอาจใช้ระยะเวลาเกินกว่า 6 เดือนขึ้นไป หรือกรณีที่ขอถอนสภาพพื้นที่ออกจากเขตพื้นที่อุทยานจะต้อง ดำเนินการตราเป็นพระราชกฤษฎีกาซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 6-12 เดือน ทำให้การก่อสร้างล่าช้าไม่ทัน กับการรองรับงานมหกรรมพืชสวนโลก และอนุมัติงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพ การแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เป็นเงิน 366,000,000บาท เพื่อมาดำเนินการสำหรับการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2548 และผูกพันงบประมาณอีก 854,000,000 บาท สำหรับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2549 และ พ.ศ. 2550 และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับ แผนงานการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกให้สอดคล้องกับการดำเนินการสร้างศูนย์การประชุมดังกล่าว ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) รับไปดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวา คม 2547 เรื่อง การก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อการใช้ ประโยชน์ร่วมกันของสถานที่ต่าง ๆ ที่จะก่อสร้างในพื้นที่เดียวกันเกิดความสอดคล้อง |
||||||||||||||||||||||||
2945 | โครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน | กษ | 14/12/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการขออนุมัติทำสัญญาจ้างเหมาผูกพันงบประมาณเพื่อดำเนินการขุดสระ
น้ำ ขนาด 1,260 ลบ.ม. จำนวน 300,000 บ่อ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ตามโครงการแหล่งน้ำไร่นานอกเขต ชลประทาน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมพัฒนาที่ดิน) จ้างเหมาผูกพันงบประมาณเพื่อขุดสระน้ำดังกล่าวตามผลการประกวดราคา ภายในวงเงิน 2,694,000,000 บาท จำแนกเป็นเงินงบประมาณ 1,944,000,000 บาท และเงินสมทบจากเกษตรกร 750,000,000 บาท โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส เป็น ธรรม และตรวจสอบได้ โดยเฉพาะในเรื่องของสัญญาจัดซื้อจัดจ้างให้ครอบคลุมประเด็นที่ผู้รับจ้างจะต้องเป็น ผู้รับผิดชอบในส่วนที่ต้องเรียกเก็บจากเกษตรกรเองให้ชัดเจน โดยทางราชการจะต้องไม่เป็นผู้รับผิดชอบใน กรณีที่ผู้รับจ้างไม่สามารถจัดเก็บจากเกษตรกรได้ และจะต้องไม่เป็นข้ออ้างของผู้รับจ้างในการที่จะไม่ดำเนิน โครงการต่อไป รวมทั้งให้คำนึงถึงศักยภาพของพื้นที่ การกระจายโครงการลงพื้นที่อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ด้วย สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้กรมพัฒนาที่ดินเบิกจ่ายจาก งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ที่ได้รับจัดสรรแล้ว 599,107,200 บาท เพื่อดำเนิน การขุดสระน้ำไร่นา จำนวน 92,454 บ่อ ส่วนที่เหลืออีก จำนวน 207,546 บ่อ วงเงิน 1,344,892,800 บาท ให้เสนอตั้งไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2550 ต่อไปตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการ อย่างใกล้ชิด และต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ และให้นำข้อมูลที่ได้มาประกอบการพิจารณาปรับปรุงแนวทางการ ดำเนินโครงการให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2946 | โครงการจัดหาเครื่องบินตามแผนวิสาหกิจปี 2548/49-2552/53 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) | นร | 14/12/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบให้ดำเนินการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ
เครืองาม) เสนอเกี่ยวกับผลการดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินตามแผนวิสาหกิจปี 2548/49-2552 /53 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 14 ลำ วงเงินลงทุน 96,355 ล้านบาท ซึ่งคณะ รัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2547 อนุมัติในหลักการให้บริษัท การบินไทย ฯ ดำเนิน โครงการดังกล่าวและให้ประสานขอความร่วมมือจากประเทศผู้ขายเครื่องบินเกี่ยวกับการส่งสินค้าไทย ไปจำหน่ายยังกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะลงนามในสัญญาซื้อขายเครื่องบินระหว่าง กันต่อไป นั้น โดยที่บริษัท การบินไทย ฯ ได้ขอเลื่อนการยืนราคาเดิมในการลงนามในสัญญาซื้อขาย เครื่องบินกับบริษัทผู้ขายเครื่องบินของสหรัฐอเมริกามาเป็นลำดับ และการขอเลื่อนการยืนราคาเดิม ครั้งล่าสุดได้รับการขยายเวลาจนถึงวันที่ 23 ธันวาคม 2547 และประกอบกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะ ประกาศเงื่อนไขและนโยบายทางการค้า ในวันที่ 18 ธันวาคม 2547 ดังนั้น เพื่อความรวดเร็วในการ ดำเนินการเรื่องนี้ จึงเห็นควรมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาประกาศเงื่อนไข ดังกล่าวร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หากเห็นว่าเหมาะสมให้บริษัท การบินไทย ฯ ดำเนิน การลงนามในสัญญาซื้อขายเครื่องบินตามหนังสือแสดงความจำนงภายในกำหนดเวลาดังกล่าวได้โดย ไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อน |
||||||||||||||||||||||||
2947 | ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ | นร | 07/12/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเสนอเกี่ยวกับโครงการศูนย์ ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ เนื่องจากปรากฏว่าขณะนี้มีหน่วยงานหลายแห่งประสงค์จะขอยก เลิกการใช้พื้นที่ในโครงการ ฯ ซึ่งจะกระทบต่อแผนการระดมทุนและการดำเนินโครงการ ฯ ที่กรมธนารักษ์ ได้เตรียมการไว้ จึงเห็นควรให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้พื้นที่ในโครงการ ฯ นี้ โดยไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อที่กรมธนารักษ์จะได้ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ต่อไปได้ ทั้งนี้ สำหรับกรณีสำนักงานศาลยุติธรรม และ สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งได้แจ้งขอยกเลิกการใช้พื้นที่ในโครงการ ฯ และกรมธนารักษ์สามารถปรับแผนได้ ให้ดำเนินการไปตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||
2948 | รายงานผลการดำเนินโครงการ "พับนก ส่งใจ ไปแดนใต้" (ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2547) | มท | 30/11/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการรณรงค์เชิญชวนประชาชนร่วม
กันพับนกกระดาษตามโครงการ "พับนก ส่งใจ ไปแดนใต้" โดย ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2547 มีประชาชน ร่วมกันพับนกกระดาษและรวบรวมอยู่ที่จังหวัดและกรุงเทพมหานคร มีจำนวนทั้งสิ้น 80,964,055 ตัว |
||||||||||||||||||||||||
2949 | รายงานผลโครงการ "ร้อยดวงใจไทยทั้งชาติ ด้วยความจงรักภักดี และใต้สันติสุข" | มท | 30/11/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินโครงการ "ร้อยดวง
ใจไทยทั้งชาติ ด้วยความจงรักภักดี และใต้สันติสุข" โดยกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้ทุกจังหวัด ทุก อำเภอและกิ่งอำเภอ จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา (แผ่เมตตา) พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 โดยให้จังหวัดนิมนต์เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอทุกอำเภอ ทั้งสองนิกาย ร่วมในพิธี เจริญจิตภาวนาเพื่อให้บังเกิดสันติสุขในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนอำเภอและกิ่งอำเภอให้นิมนต์ เจ้าคณะตำบล ในพื้นที่ของอำเภอ/กิ่งอำเภอ ทั้งสองนิกายจัดพิธีเช่นเดียวกับจังหวัด และให้จังหวัดถวาย ตาลปัตรที่กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำขึ้นแด่เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ พร้อมกับปัจจัยในการเจริญ พระพุทธมนต์ สำหรับเจ้าคณะจังหวัด 3,000 บาท เจ้าคณะอำเภอ 2,000 บาท สำหรับอำเภอและกิ่ง อำเภอให้ถวายตาลปัตรแด่เจ้าคณะตำบลทุกตำบล พร้อมกับปัจจัยในการเจริญพระพุทธมนต์ สำหรับเจ้า คณะตำบล 1,000 บาท โดยสนับสนุนเงินงบประมาณในการจัดพิธีดังกล่าวให้กับจังหวัด ๆ ละ 10,000 บาท อำเภอ ๆ ละ 4,000 บาท และกิ่งอำเภอ ๆ ละ 3,000 บาท |
||||||||||||||||||||||||
2950 | นโยบายการสร้างงานเร่งด่วนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 30/11/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติเสนอโครงการตามนโยบายการสร้างงานเร่งด่วนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งที่ประชุมการ พัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้พิจารณาเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2547 และให้กอง อำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) เป็นเจ้าภาพพิจารณาโครงการต่าง ๆ ที่จะดำเนินการในรายละเอียดเชิงบูรณาการในลักษณะนำร่อง ตามความจำเป็นและเหมาะสม ในวงเงิน 662 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบกลางปี พ.ศ. 2548 และให้เร่งดำเนินการโดยด่วนต่อไป เพื่อให้ทันกำหนดการ ที่จะเริ่มโครงการในวันที่ 1 มกราคม 2548 สำหรับงบกลางปี พ.ศ. 2548 ที่ได้จัดสรรสำหรับค่าใช้จ่ายโครง การตามยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้แล้ว และ กอ.สสส.จชต. อยู่ ระหว่างการพิจารณาทบทวนและปรับปรุงโครงการที่เกี่ยวข้อง นั้น ให้ กอ.สสส.จชต. เร่งดำเนินการและสรุป ผลการเบิกจ่ายงบประมาณจริงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หากมีวงเงินคงเหลือให้นำไปชดใช้คืนงบกลางปี พ.ศ. 2548 ต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรี ที่เห็นควรนำโครงการอบรมนักเผยแพร่ศาสนาอิสลาม (ดาอี) ของสำนักจุฬาราชมนตรี วงเงินประมาณ 13,445,000 บาท มาดำเนินการด้วย รวมทั้งในการพิจารณาคัด เลือกบุคคลร่วมโครงการต่าง ๆ ควรเน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุตั้งแต่ 18-30 ปี เป็นหลัก โดยการดำเนินโครง การในพื้นที่ใด ก็ควรพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตพื้นที่โครงการให้เต็มจำนวนก่อน หากไม่ เพียงพอจึงเปิดโอกาสให้บุคคลที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงหรือพื้นที่อื่นเพิ่มเติมตามความจำเป็นต่อไปและให้ประชา สัมพันธ์ชี้แจงการดำเนินโครงการให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบอย่างทั่วถึงล่วงหน้า และให้ กอ.สสส.จชต. เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น เข้าร่วมการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่จะเข้าร่วม โครงการต่าง ๆ ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2951 | รายงานโครงการจัดกิจกรรมสำหรับนักเรียนในช่วงปิดภาคเรียน ("สานฝันเด็กไทย หัวใจเดียวกัน" ระหว่างวันที่ 14 - 23 ตุลาคม 2547) | ศธ | 23/11/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินโครงการจัดกิจกรรม
สำหรับนักเรียนในช่วงปิดภาคเรียน "สานฝันเด็กไทย หัวใจเดียวกัน" ระหว่างวันที่ 14 - 23 ตุลาคม 2547 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นให้เด็กที่ด้อยโอกาสได้รับความรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ มีโลกทัศน์ที่กว้างไกลจาก การไปทัศนศึกษาสถานที่สำคัญในแต่ละภูมิภาค โดยมีนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 11 - 15 ปี และกำลังศึกษา อยู่ระหว่างชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 จำนวน 15,750 คน รวมทั้งครู เจ้าหน้าที่ และผู้ควบคุม จำนวน 1,750 คน จาก 175 เขตพื้นที่การศึกษา เข้าร่วมโครงการ ฯ สำหรับกิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ การเข้ารับฟัง โอวาทและรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับนายกรัฐมนตรี และเดินทางไปทัศนศึกษาในสถานสำคัญและ สถานที่ท่องเที่ยวในภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งนี้ ผลที่ได้รับจากการจัดกิจกรรมตามโครงการ ฯ คือ เด็กนักเรียนได้ รับความรู้และประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งเป็นผลจากการส่งเสริม สนับสนุน จากรัฐบาลที่จะให้เด็กทุกคนได้รับ สิทธิและโอกาสทางการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง เท่าเทียมกัน และเป็นพลังสร้างสรรค์ให้เด็กไทยได้เรียน รู้และพัฒนาศักยภาพของตนเอง
|
||||||||||||||||||||||||
2952 | รายงานผลการดำเนินโครงการ "พับนก ส่งใจ ไปแดนใต้" (ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2547) | มท | 23/11/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการรณรงค์เชิญชวนประชาชนร่วม
กันพับนกกระดาษตามโครงการ "พับนก ส่งใจ ไปแดนใต้" โดย ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2547 มีประชาชน ร่วมกันพับนกกระดาษและรวบรวมอยู่ที่จังหวัดและกรุงเทพมหานคร มีจำนวนทั้งสิ้น 20,395,206 ตัว |
||||||||||||||||||||||||
2953 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือด้านการเกษตรกับประเทศเพื่อนบ้าน | กษ | 09/11/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความคืบหน้าการดำเนินงาน
ภายใต้ความร่วมมือด้านการเกษตรกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความคืบหน้าการดำเนินโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการศูนย์พัฒนาและบริการด้านการเกษตร สปป.ลาว ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537-ปัจจุบัน ยังมีการทำแผนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง, โครงการปรับปรุงศูนย์วิจัยการเกษตรแห่งชาติ สปป.ลาว ระยะ เวลาดำเนินการคาดว่าจะเริ่มระยะที่ 2 ในปี พ.ศ. 2548 ได้มีการจัดตั้งคณะ Project steening committee สอง ฝ่าย เพื่อทำหน้าที่พิจารณาแผนงานโครงการในระยะต่อไป, โครงการทดลองการผลิตวัตถุดิบในส่วนของวัตถุ ดิบอาหารสัตว์ (ถั่วเหลือง) ระยะเวลาดำเนินการ ระยะที่ 2 พ.ศ. 2547-2549 ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาจัด ทำแผนงานดำเนินการปี พ.ศ. 2548, โครงการความร่วมมือทางเทคนิคในการควบคุมโรคระบาดสัตว์ในไทย และประเทศเพื่อนบ้าน (ไทย มาเลเซีย พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม) ระยะเวลาดำเนินการ ปี พ.ศ. 2544 -2549 ได้จัดการฝึกอบรม ดูงาน และประชุมเชิงปฏิบัติการให้เจ้าหน้าที่จากลาวและประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ในด้านการวินิจฉัยโรคสัตว์ การควบคุมโรค การผลิตวัคซีน และการพัฒนาด่านกักกันสัตว์ และโครงการปรับ ปรุงระบบการผลิตพืชเศรษฐกิจ (ถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และละหุ่ง) และการวางแผนการใช้ที่ดิน ระยะ เวลาดำเนินการปี พ.ศ. 2547-2550 เป็นโครงการถายใต้แผนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและแผนปฏิบัติการ ไทย-กัมพูชา โดยในปี พ.ศ. 2547-2548 ดำเนินกิจกรรมนำร่องในลักษณะทดสอบสาธิต ส่วนปี พ.ศ. 2549 -2550 เป็นการขยายผลในลักษณะการพัฒนาที่จะสนับสนุนให้ภาคเอกชนทั้ง 2 ฝ่ายมาร่วมดำเนินการ เป็น ต้น
|
||||||||||||||||||||||||
2954 | โครงการเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ SMEs | อก | 09/11/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง
และขนาดย่อม (สสว.) รายงานผลการดำเนินโครงการเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ SMEs ซึ่งเป็นเครือข่ายใน การเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกส่วนงานที่ให้การส่งเสริมสนับสนุน SMEs รวมถึงการประมวลข้อมูลให้อยู่ในระบบ ที่สามารถใช้งานได้ โดยได้ทำการรวบรวมข้อมูลธุรกิจ SME จากแหล่งต่าง ๆ โดยมีข้อมูลผู้ประกอบการ SME ประมาณ 1,950,000 ราย และสามารถนำข้อมูลมาจัดทำเป็นสถิติต่าง ๆ ได้แก่ สถิติจำนวนผู้ประกอบการ แยกตามพื้นที่ แยกตามกลุ่มอุตสาหกรรม (ใช้ ISIC 4 หลัก) แยกตามขนาดของผู้ประกอบการ และแยกตาม การจ้างแรงงาน รวมทั้งข้อมูลสถิติการนำเข้าและส่งออกแยกตามขนาดของผู้ประกอบการ แยกตามประเทศที่ นำเข้า-ส่งออก แยกตามกลุ่มสินค้า (Harmonized Code) และมูลค่าสินค้า อีกทั้งยังมีข้อมูลของผู้ประกอบ การที่ได้ทำการจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จำนวน 600,000 ราย โดยมี 250,000 รายที่มีข้อ มูลในระดับที่สามารถวิเคราะห์เชิงลึกย้อนหลังได้ถึง 5 ปี อาทิ งบการเงิน และรายชื่อผู้ถือหุ้น ซึ่ง สสว. จะ ได้ดำเนินการพัฒนาระบบงานต่าง ๆ เพื่อใช้ข้อมูลดังกล่าวในเชิงวิเคราะห์ โดยระบบงานต่าง ๆ ทั้งหมดจะ แล้วเสร็จประมาณเดือนธันวาคม ปี 2547 นี้ ได้แก่ ระบบสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับตัวธุรกิจ SME ระบบข้อมูลเพื่อ ใช้วิเคราะห์สภาวะการณ์ของการดำเนินธุรกิจ SME ระบบจำลองผลประกอบการของ SME และระบบพาณิชย์ อิเลคทรอนิกส์สำหรับ SME สำหรับการดำเนินงานในขั้นตอนต่อไปจะทำการเจาะลึกข้อมูลทางการตลาดทั้ง ในและต่างประเทศแบบ Intelligence เพื่อสนับสนุน SME ให้บริหารงานแบบมืออาชีพ บูรณาการ ISIC และ Harmonized Code เพื่อเชื่อมโยงรหัสของทั้งสองกลุ่มเข้าด้วยกัน โดยอาศัย Web Services เพื่อสร้างความ สมบูรณ์ของข้อมูลเมื่อมีการเรียกค้นหา ตลอดจนบูรณาการเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศของทุกหน่วยงานทั้ง ภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างเครือข่ายสารสนเทศอัจฉริยะทางธุรกิจเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูล SME และดำเนิน โครงการระบบสืบค้นข้อมูลบริษัทในต่างประเทศ เพื่อให้ SME สามารถสืบค้นบริษัทผู้ซื้อและผู้ขายแยกตาม ประเทศกลุ่มประเภทอุตสาหกรรม และแยกตามขนาดของบริษัท |
||||||||||||||||||||||||
2955 | โครงการเครือข่ายไร้สายสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ | ทก | 12/10/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติ
อนุมัติหลักการตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ โครงการเครือข่ายไร้สายสถาบัน อุดมศึกษาของรัฐ โดยเพิ่มจำนวนสถาบันการศึกษาจากเดิมดำเนินการในมหาวิทยาลัย 11 แห่ง เพิ่มเป็น 12 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และเพิ่มวงเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอีก 5,990,000 บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 71,918,950 บาท รวมทั้งกำหนดเป้าหมายติดตั้ง ACCESS POINT รวม 1,656 จุด ใช้ระยะเวลาดำเนินการตามโครงการฯ รวม 4 เดือน สำหรับงบประมาณดำเนินการให้กระทรวงศึกษาธิการ ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอใช้งบประมาณ พ.ศ. 2548 ต่อไป และให้กระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารทำการศึกษาความเหมาะสมในการขยายผลการดำเนินโครงการ ฯ ให้ครอบคลุม ทั้งในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชนอย่างทั่วถึง ภายในระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2550) แล้ว จัดทำแผนการดำเนินการที่ชัดเจน พร้อมทั้งรายละเอียดงบประมาณและแหล่งเงินที่จะขอรับการสนับสนุน เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2956 | รายงานผลการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การศึกษา กฎหมาย ระเบียบ และวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความยากจน | นร | 12/10/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานผลการประชุมคณะอนุ
กรรมการพิจารณาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การศึกษา กฎหมาย ระเบียบ และวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวกับการแก้ไข ปัญหาความยากจน โดยมีผลการประชุมดังนี้ การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับเอกสารสิทธิในที่ดิน คณะอนุ กรรมการ ฯ ได้พิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานในการออกเอกสาร สิทธิ์ในที่ดินของรัฐ พ.ศ. .... ที่กรมที่ดินได้ยกร่างขึ้นแล้วเห็นว่า ระเบียบดังกล่าวเป็นการใช้มาตรการในทาง บริหารซึ่งสามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาในระยะสั้นได้ เนื่องจากจะทำให้การออกเอกสารสิทธิของหน่วยงาน ของรัฐเป็นไปอย่างมีระบบ และมีมาตรฐานเดียวกัน และเพื่อให้การดำเนินการเกิดผลตามวัตถุประสงค์ตาม ระเบียบดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิในที่ดินในระยะยาว คณะ อนุกรรมการ ฯ ได้มีมติให้กรมที่ดินเสนอร่างพระราชบัญญัติกำหนดมาตรฐานในการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ ดินของรัฐ พ.ศ. .... ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา สำหรับการดำเนินโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการจัดให้ ประชาชนเข้าไปจำหน่ายสินค้าในทางเท้าของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เห็นว่า การดำเนินโครงการ ดังกล่าวเป็นการอำนวยความสะดวกในการหาแหล่งเงินทุนให้กับผู้ค้า แต่ควรมีหลักเกณฑ์ในการควบคุมดูแล การเข้าใช้ประโยชน์ที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้ประชาชนใช้ช่องทางของโครงการดังกล่าวเข้าไปบุกรุกที่เพื่อให้ได้สิทธิ ครอบครอง โดยเห็นควรเก็บค่าเช่าจากผู้ที่เช่าไปจำหน่ายสินค้าในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อเป็นรายได้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น และเพื่อนำไปปรับปรุงและดูแลพื้นที่ให้มีความสวยงามและเป็นระเบียบ
|
||||||||||||||||||||||||
2957 | การลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย | กค | 12/10/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน
ที่ 20 กรกฎาคม 2547 เรื่อง การลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย จากที่เห็นชอบให้กรม ทรัพยากรน้ำ และกระทรวงมหาดไทย ดำเนินโครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย -ดินถล่ม และโครงการป้องกันและลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัย ตามลำดับ โดยใช้จ่ายจากเงินทดรอง ราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาอนุมัติของผู้ว่าราชการจังหวัด (วงเงิน 50 ล้านบาท) ภายในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือเบิกจ่ายจากงบประมาณปกติขององค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ตามความเหมาะสม เป็นให้กรมทรัพยากรน้ำ และกระทรวงมหาดไทย ดำเนิน โครงการดังกล่าวโดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการหรือจากเงินงบประมาณขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้แต่ละจังหวัดบูรณาการงบประมาณ โดยปรับแผนการ ใช้จ่ายงบประมาณของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการก่อน เป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้เสนอ ขอใช้จ่ายจากงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการของจังหวัดบูรณาการที่จังหวัดได้รับการจัดสรร และ หากยังไม่เพียงพอ ก็ขอให้เสนอขออนุมัติรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกำกับดูแลจังหวัดเพื่อขอใช้จ่ายจาก งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ตามลำดับ
|
||||||||||||||||||||||||
2958 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานอาหารปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุข ประจำเดือนสิงหาคม 2547 | สธ | 12/10/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานอาหาร
ปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุข ประจำเดือนสิงหาคม 2547 ในด้านต่าง ๆ อาทิ การตรวจการนำเข้าที่ด่าน อาหารและยา ในส่วนของการตรวจสอบอาหารทุกชนิดที่นำเข้า (ตรวจสอบเอกสารการนำเข้า) รวม 18,976 รายการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,274.83 ล้านบาท พบข้อบกพร่องด้านเอกสาร 29 รายการ โดยข้อบกพร่องที่ พบ ได้แก่ ข้อบกพร่องด้านฉลาก (เลขสารบบไม่ถูกต้อง ไม่มีทะเบียน) และไม่มีใบรับรอง GMP ส่วนการตรวจ สอบอาหารด้วยชุดทดสอบขณะนำเข้า 2,972 รายการ ไม่พบข้อบกพร่องในทุกรายการที่ทดสอบ และผล การตรวจทางห้องปฏิบัติการ จำนวน 1,571 รายการ พบข้อบกพร่อง 24 รายการ โดยข้อบกพร่องที่พบ ได้แก่ ตรวจพบเชื้อโรคอาหารเป็นพิษ (B.cereus), กรมเบนโซอิก, กรดซอร์บิก, ซัลเฟอร์ไดออกไซด์, ตะกั่ว, Chloramphenicol และมีฟินอล์ฟทาลีนเจือปนในอาหาร สำหรับการดำเนินโครงการอาหารสะอาด รสชาติ อร่อย (Clean Food Good Taste) มีร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหารที่ได้รับป้ายสัญลักษณ์ Clean Food Good Taste 38,809 แห่ง จำแนกเป็นร้านอาหาร 19,341 ร้าน และแผงลอยจำหน่ายอาหาร 19,468 แผง และการดำเนินโครงการตลาดสดน่าซื้อ มีจำนวนตลาดที่ผ่านเกณฑ์การพัฒนาระดับพื้นฐาน (ด้านสุขา ภิบาลสิ่งแวดล้อม) รวมทั้งสิ้น 676 แห่ง โดยมีจำนวนตลาดสดน่าซื้อรวมทั้งสิ้น 355 แห่ง จำแนกเป็นระดับดี 288 แห่ง และระดับดีมาก 67 แห่ง เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
2959 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการหรือกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อประชาชน พ.ศ. .... | นร | 12/10/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติเห็นชอบหลักการตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย การรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการหรือกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อประชาชน พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดหลักเกณฑ์การให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ หรือกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชน เพื่อให้ผู้ได้รับผลกระทบได้รับทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับฟังความคิดเห็นของผู้ ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการโครงการ หรือกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชน ให้เหมาะสมและสอด คล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับทราบความคิดเห็นของ ผู้ที่ได้รับผลกระทบและใช้เป็นแนวทางประกอบการใช้ดุลพินิจในการอนุมัติ อนุญาต หรือสั่งการให้ดำเนินโครง การหรือกิจกรรมนั้น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับประเด็นอภิปรายของ คณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับคำว่า "โครงการหรือกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อประชาชน" ที่กำหนด ไว้ในร่างระเบียบ ฯ มีความหมายค่อนข้างกว้างอาจมีการแปลความหมายกว้างหรือนำไปเบี่ยงเบนทำให้ครอบ คลุมโครงการหรือกิจกรรมจำนวนมาก ซึ่งอาจมีผลกระทบให้เกิดความล่าช้า หรือมีภาระในการดำเนินการที่ไม่ มีความจำเป็น และควรพิจารณากำหนดกรอบหรือขอบเขตไว้ โดยอาจยกไว้ในคำปรารภในกรณีที่ไม่สามารถ กำหนดคำนิยาม เพื่อเป็นแนวทางหรือกรอบในการตีความ นอกจากนี้ ควรเพิ่มอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นกรรมการในคณะกรรมการที่ปรึกษาการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ โครงการหรือกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อประชาชน และเพิ่มกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชนให้เป็นไปตาม สัดส่วนที่เหมาะสม ประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
2960 | โครงการนำนักเรียนและเยาวชนไปทัศนศึกษานอกพื้นที่ช่วงปิดภาคเรียน | มท | 05/10/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา) รายงานผลการ
ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเรื่องโครงการนำนักเรียนและเยาวชนไปทัศนศึกษานอกพื้นที่ช่วงปิด ภาคเรียน เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2547 โดยที่ประชุมมีมติดังนี้ ให้จัดโครงการนำนักเรียนและเยาวชนไปทัศน ศึกษานอกพื้นที่ช่วงปิดภาคเรียน ของกระทรวงศึกษาธิการ และของกระทรวงมหาดไทย แยกจากกัน โดยให้ กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามโครงการ ฯ ในเดือนตุลาคม 2547 ส่วนกระทรวงมหาดไทยดำเนินการ ในเดือนพฤศจิกายน 2547 และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประสานกับกระทรวง มหาดไทยเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำเด็กและเยาวชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้าร่วมโครงการ ฯ ในคราวเดียวกัน ทั้งนี้ การดำเนินโครงการไม่ควรมุ่งเน้นที่ ปริมาณเด็ก แต่ควรเน้นคุณภาพของการดำเนินการ สถานที่ อาหาร ยานพาหนะ และผู้ดูแลเด็ก รวมทั้ง ให้ความสำคัญและระมัดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยในการเดินทาง ที่พักแรม การป้องกันการ พลัดหลง ตลอดจนการจัดหาอาหารมุสลิมที่มีการรับรองมาตรฐานฮาลาลให้แก่เด็กมุสลิม นอกจากนี้ ควร มีกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์แทรกในช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อให้เด็กมีการเรียนรู้และสร้างความสามัคคีและความ เข้าใจที่ดีระหว่างกัน |
.....