ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 145 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 2881 - 2900 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2881 | การพัฒนาเศรษฐกิจและการจ้างงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 18/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบในหลักการตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเนวิน
ชิดชอบ) เสนอแนวทาง วิธีการดำเนินการ เป้าหมาย และพื้นที่ดำเนินการโครงการสร้างงานและจ้างงานเร่ง ด่วนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในปี พ.ศ. 2549 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ และเห็นชอบกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ฯ ในวงเงิน 2,193,200,000 บาท โดย ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายการพัฒนา จังหวัดชายแดนภาคใต้ (5,000 ล้านบาท) ไปก่อน หากมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องใช้จ่ายเพิ่มเติมมากกว่าวงเงิน ของรายการค่าใช้จ่ายดังกล่าว (5,000 ล้านบาท) ให้คณะกรรมการนโยบายเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชาย แดนภาคใต้ (กสชต.) พิจารณากลั่นกรอง แล้วแจ้งทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอใช้จ่ายจากงบ กลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติมตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
2882 | การแก้ไขปัญหาการดำเนินโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยในที่ดินบุกรุก | นร | 18/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เสนอการแก้ไขปัญหาการดำเนินโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยในที่ดินบุกรุก เนื่องจากพื้น ที่โครงการเป็นพื้นที่ที่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ แต่ถูกประชาชนผู้มีรายได้ น้อยบุกรุกและปลูกสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งในหลักการเห็นว่า กรณีของประชาชนที่บุกรุกอยู่แล้วก่อนดำเนินโครง การก่อสร้างปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยควรผ่อนผันให้เช่าที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยได้ในระยะยาว จึง ขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) รับเป็นเจ้าภาพเรื่องนี้ และเชิญส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาทำความเข้าใจ และกำหนดแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนเหมาะสมร่วมกัน ก่อนดำเนิน การต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2883 | บันทึกความเข้าใจร่วมกันเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนความรู้และการเรียนรู้ | นร | 11/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เสนอการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนความรู้และการเรียนรู้ระหว่าง กันเพื่อเป็นกรอบในการดำเนินกิจกรรมและความร่วมมือระหว่างกันต่อไป และเห็นชอบโครงการพัฒนาคุณภาพ บุคลากร ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมกับธนาคารโลก 3 ปี และ ที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอเพิ่มเติม เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระยะ เวลาการดำเนินโครงการ ฯ จากปี พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2550 เป็นปี พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2551 รวมทั้งการแก้ไขชื่อ ภาษาอังกฤษในบันทึกความเข้าใจ ฯ ฉบับภาษาอังกฤษ หน้า 1 โดยเติมคำว่า "Office of" หน้าคำว่า "National Economic and Social Development Board" รวม 2 แห่ง สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินงานตามโครง การ ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับ แผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ไปดำเนินการ ส่วนค่า ใช้จ่ายที่จะต้องใช้ในปีงบประมาณต่อ ๆ ไปให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
2884 | โครงการติดตั้งคอมพิวเตอร์ในทุกโรงเรียน | นร | 04/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางการดำเนินโครงการติดตั้งคอมพิว
เตอร์ในทุกโรงเรียนเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะติดตั้งคอมพิวเตอร์ให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ จำนวน 250,000 เครื่อง แล้วเสร็จโดยเร็วและประหยัด และทำให้นักเรียนได้เข้ามามีส่วนในกระบวนการ เรียนรู้ และมีความคุ้นเคยกับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ต้น โดยการนำแนวคิดเกี่ยวกับการทำงานเป็นกลุ่ม ภารกิจ (clustering concept) มาประยุกต์ใช้ในเรื่องนี้ โดยเจรจาต่อรองกับบริษัทเอกชนที่ประกอบกิจการ คอมพิวเตอร์เพื่อขอซื้ออุปกรณ์และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ตามจำนวนเป้าหมายดังกล่าว เพื่อให้ได้ราคา ต่อหน่วยถูกลง และแบ่งภารกิจการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็น 3 ระดับ คือ การประกอบชิ้นส่วน อุปกรณ์ที่ยุ่งยากซับซ้อน ใช้เทคโนโลยี และเครื่องมือชั้นสูง ให้โรงงานของเอกชนผู้ประกอบกิจการคอมพิว เตอร์เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ และการประกอบชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ยุ่งยากในระดับปานกลาง ให้นักเรียน อาชีวศึกษาที่มีความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ โดยอาจดำเนินการที่ศูนย์ซ่อมสร้าง เพื่อชุมชน (Fix It Center) ส่วนการประกอบชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่เหลือ ซึ่งนักเรียนทั้งในระดับประถมและมัธยม ศึกษาของแต่ละโรงเรียนในฐานะผู้ที่จะใช้คอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้ โดยได้รับคำแนะนำถ่ายทอดความรู้ จากนักเรียนอาชีวศึกษาจนสามารถประกอบชิ้นส่วนดังกล่าวเองได้ ให้นักเรียนของแต่ละโรงเรียนเป็นผู้รับ ผิดชอบดำเนินการ นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพรับแนวทางดังกล่าวไปหารือรายละเอียดใน การดำเนินการต่าง ๆ ทั้งหมดร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหน่วยงานอื่นที่ เกี่ยวข้อง โดยให้เชิญนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารเข้าร่วมหารือด้วย แล้วดำเนินการต่อไปโดยเร็ว โดยกำหนดเป้าหมายให้นักเรียนของโรงเรียน ต่าง ๆ ที่จะติดตั้งคอมพิวเตอร์สามารถลงมือประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ตามจำนวนดังกล่าวได้ทั้งหมด พร้อมกันในช่วงเปิดภาคการศึกษาใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2549
|
||||||||||||||||||||||||
2885 | รายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | กค | 04/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2548 ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เบิกจ่ายเงินจากคลังทั้งสิ้น 1,103,522 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.79 ของวงเงินงบประมาณ 1,176,600 ล้าน บาท เทียบกับผลการเบิกจ่ายในช่วงเดียวกันของปีงบประมาณก่อนสูงกว่าร้อยละ 1.41 ส่วนผลการเบิกจ่ายเงิน งบประมาณจำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังทั้งสิ้น 1,118,622 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.22 ของวงเงินงบประมาณ 1,200,000 ล้านบาท จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ จำนวน 901,796 ล้านบาท หรือร้อยละ 99.65 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ 904,936 ล้านบาท และรายจ่าย ลงทุน จำนวน 216,826 ล้านบาท หรือร้อยละ 73.48 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน 295,064 ล้านบาท ทั้งนี้ หากไม่รวมงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของ ประเทศ (23,400 ล้านบาท) จะมีการเบิกจ่ายเงินจากคลัง 206,726 ล้านบาท หรือร้อยละ 74.72 ของวงเงิน งบประมาณรายจ่ายลงทุน และผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายจำแนกตามกระทรวง กระทรวงที่มีอัตรา การเบิกจ่ายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงการคลัง หน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ และกระทรวงแรง งาน ซึ่งมีอัตราการเบิกจ่ายต่อวงเงินงบประมาณเท่ากับ 98.54 98.20 และ 97.86 ตามลำดับ สำหรับผลการ เบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เพิ่มเติม จำนวน 50,000 ล้านบาท ส่วนราช การและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินเพิ่มเติมแล้ว จำนวน 21,153 ล้านบาท หรือร้อยละ 42.31 ของวงเงินงบ ประมาณ 50,000 ล้านบาท ประกอบด้วย รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การ พัฒนาจังหวัดสำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ จำนวน 2,453 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายในการ พัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านหรือชุมชน จำนวน 9,150 ล้านบาท เงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จำนวน 4,599 ล้านบาท และเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น จำนวน 4,951 ล้านบาท นอกจากนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 รวมงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 ในภาพรวมจำนวน 1,250,000 ล้าน บาท ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังทั้งสิ้น 1,139,775 ล้านบาท หรือร้อยละ 91.18 ของวง เงินงบประมาณ (1,250,000 ล้านบาท) และการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรรายจ่าย ลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณดังกล่าว จำนวน 20 แห่ง ปรากฏว่า หน่วยงานในกลุ่มนี้เบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน จำนวน 170,909 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 78.04 ของวงเงินงบ ประมาณรายจ่ายลงทุนของกลุ่ม (219,005 ล้านบาท) |
||||||||||||||||||||||||
2886 | รายงานความก้าวหน้าโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อล้านครอบครัว | กษ | 04/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสรุปผลการประชุมเพื่อพิจารณา
ติดตามความก้าวหน้าโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อล้านครอบครัว เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2548 ณ ทำเนียบ รัฐบาล สรุปดังนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ปรับรูปแบบการดำเนินโครงการ ฯ ให้จัดหาโคที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ เกษตรได้ยืมไปเลี้ยงส่วนหนึ่ง และจัดหาลูกโคที่เกิดจาการผสมเทียมอีกส่วนหนึ่ง โดยโคที่จัดซื้อจะเป็นโครุ่นหย่า นม อายุ 8-10 เดือน ทั้งเพศผู้และเพศเมีย ถ้ามีจำนวนไม่เพียงพอจึงจะจัดซื้อโครุ่น อายุ 1-2 ปี ไปให้เกษตรยืม ไปเลี้ยงครอบครัวละไม่เกิน 2 ตัว จำนวน 1 ล้านครอบครัว และให้บริษัทส่งเสริมธุรกิจเกษตรกรไทย (สธท.) ร่วมกับคณะกรรมการ ฯ กำหนดคุณลักษณะเฉพาะของโค และราคากลางที่จะรับซื้อให้เป็นราคาเดียวกันทั่ว ประเทศ รวมทั้งจัดทำข้อมูลและเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ เป็นการติด Microchip และให้กรมปศุสัตว์ร่วมกับ บริษัท สธท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโคที่จะจัดซื้อให้มีคุณสมบัติเฉพาะตามที่กำหนด โคที่จะส่งมอบ ให้เกษตรกรจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพ และการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการเกิดโรค โดยมีเกษตรกรที่สมัครเข้า โครงการ ฯ และผ่านการคัดเลือกตามหลักเกณฑ์และคุณสมบัติที่สัตวแพทยสภากำหนด จำนวน 8,207 ราย เกษตรกรที่เลี้ยงแม่โคเนื้อสมัครเข้าร่วมโครงการเพื่อผลิตลูกโคจำหน่ายให้โครงการ ฯ จำนวน 102,678 ราย จำนวนแม่โค 305,095 ตัว ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปจัดทำรายละเอียดข้อมูลด้านต่าง ๆ ของ โครงการให้ครบถ้วนชัดเจน เช่น เป้าหมายจำนวนโคที่จะให้เกษตรกรยืมไปเลี้ยงซึ่งจะต้องสอดคล้องกับอุปสงค์ และอุปทานของจำนวนโคในแต่ละจังหวัด จำนวนของผู้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้จำหน่ายโคให้กับโครงการ และจำนวน เกษตรกรที่แสดงความจำนงเข้าร่วมโครงการในแต่ละจังหวัด การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของโค ราคากลาง และระยะเวลาการรับซื้อ รวมตลอดถึงกระบวนการรับรองคุณภาพของโค เป็นต้น แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณา ก่อนดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึงและชัดเจนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2887 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
การเปลี่ยนแปลงรายการในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของกรมทรัพยากรน้ำ บาดาล จากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐานน้ำดื่มขององค์การ อนามัยโลกเป็นโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบกระจายน้ำเพื่อรองรับปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ภายในวงเงินงบประมาณ 290,340,000 บาท โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมดำเนินการ และให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว จำนวน 313,605,000 บาทในโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐาน น้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก รวมทั้งให้ปฏิบัติงานในภารกิจเกี่ยวกับการขุดบ่อน้ำบาดาลที่ได้ถ่ายโอน ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว โดยให้ประสานการดำเนินการ และตรวจสอบข้อมูลกับกระทรวง มหาดไทย เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนเกี่ยวกับพื้นที่ดำเนินโครงการและประสานกับคณะกรรมการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพิจารณาดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติ กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ตามความเห็น ของกระทรวงมหาดไทยต่อไป และอนุมัติวงเงินงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการ ฯ ดังกล่าว จำนวน 3,163,990,000 บาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริง โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดด้านการเงินกับ สำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งอนุมัติในหลักการเงินงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 6,273,320,036 บาท เพื่อการดำเนินโครงการดังกล่าวในส่วนที่ค้างในระยะที่ 1 โดยให้เบิกจ่ายเท่าที่ จ่ายจริง และให้จัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน แล้วขอตกลงในรายละเอียดกับสำนัก งบประมาณต่อไป และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดหาแหล่งน้ำสำหรับ อุปโภคบริโภคทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
2888 | ขออนุมัติงบประมาณงบกลางปี 2548 โครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำโขง | กษ | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้กรมชลประทาน
ดำเนินโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำโขง จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างทำ นบชั่วคราว จำนวน 154 แห่ง วงเงิน 20.87 ล้านบาท และโครงการแก้มลิง จำนวน 15 แห่ง วงเงิน 2.64 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 23.51 ล้านบาท โดยให้รับความเห็นเพิ่มเติมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมว่า ในการดำเนินโครงการทั้ง 2 โครงการ อาจก่อให้เกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อสภาพแวด ล้อมโดยรอบ จึงขอให้พิจารณาความเหมาะสมของตำแหน่งที่จะทำการก่อสร้าง รวมทั้งการมีส่วนร่วมเพื่อ ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และเมื่อพิจารณาความเหมาะสมแล้วให้ดำเนินการโดย เร่งด่วนก่อนที่น้ำที่อยู่ในลำน้ำจะไหลกลับลงแม่น้ำโขง ส่วนการก่อสร้างทำนบชั่วคราวแล้ว ให้มีการติด ตามประเมินผลเพื่อดำเนินการก่อสร้างเป็นอาคารถาวร เช่น ฝายยาง หรือประตูน้ำ ต่อไป ไปดำเนิน การด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่าย ให้กรมชลประทานพิจารณาปรับแผนปฏิบัติงานและการใช้จ่าย งบประมาณที่ได้รับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ที่มีเหลือจ่าย หรือหมดความจำเป็น หรือพิจารณาโอน เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณปี พ.ศ. 2548 จากงบประมาณรายการที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภาย ในวันที่ 31 ธันวาคม 2548 ของกรมชลประทานเอง ตามมาตรการและแนวทางเร่งรัดการเบิกจ่าย งบประมาณรายจ่ายลงทุนที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้แล้วเพื่อดำเนินการทั้ง 2 โครงการ ในวงเงิน 23.51 ล้านบาท เป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้ขอตกลงกับสำนักงบประมาณตามความเห็นของ สำนักงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2889 | ขอเปลี่ยนแปลงรายการในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (โครงการ ฯ ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
การเปลี่ยนแปลงรายการในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของกรมทรัพยากรน้ำ บาดาล จากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐานน้ำดื่มขององค์การ อนามัยโลกเป็นโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบกระจายน้ำเพื่อรองรับปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ภายในวงเงินงบประมาณ 290,340,000 บาท โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมดำเนินการ และให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว จำนวน 313,605,000 บาทในโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐาน น้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก รวมทั้งให้ปฏิบัติงานในภารกิจเกี่ยวกับการขุดบ่อน้ำบาดาลที่ได้ถ่ายโอน ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว โดยให้ประสานการดำเนินการ และตรวจสอบข้อมูลกับกระทรวง มหาดไทย เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนเกี่ยวกับพื้นที่ดำเนินโครงการและประสานกับคณะกรรมการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพิจารณาดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติ กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ตามความเห็น ของกระทรวงมหาดไทยต่อไป และอนุมัติวงเงินงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการ ฯ ดังกล่าว จำนวน 3,163,990,000 บาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริง โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดด้านการเงินกับ สำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งอนุมัติในหลักการเงินงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 6,273,320,036 บาท เพื่อการดำเนินโครงการดังกล่าวในส่วนที่ค้างในระยะที่ 1 โดยให้เบิกจ่ายเท่าที่ จ่ายจริง และให้จัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน แล้วขอตกลงในรายละเอียดกับสำนัก งบประมาณต่อไป และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดหาแหล่งน้ำสำหรับ อุปโภคบริโภคทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
2890 | โครงการรณรงค์ก่อสร้างฝายแม้ว (Check Dam) ตามแนวพระราชดำริ "โครงการ 80 พรรษา 80 พันฝาย" | มท | 30/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการรณรงค์
ก่อสร้างฝายแม้ว (Check Dam) ตามแนวพระราชดำริ "โครงการ 80 พรรษา 80 พันฝาย" โดยมีระยะเวลา ดำเนินการ 3 ปี ๆ ละ 80,000 ฝาย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2551 รวมทั้งสิ้น 240,000 ฝาย โดยให้รับ ความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นว่า ในการกำหนดพื้นที่ก่อสร้างฝายแม้วควรเลือกพื้นที่ที่ลาด ชันและมีการกัดเซาะหน้าดินสูง และพิจารณาสร้างฝายต้นน้ำลำธาร (Check Dam) เหนืออ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ตามแนวร่องน้ำเป็นระยะ ๆ ลดหลั่นลงมา และจ่ายน้ำไปรอบ ๆ ตัวฝาย รวมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการร่วมกับกรมอุทยานแห่ง ชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และจังหวัด เพื่อให้ได้พื้นที่เป้าหมายที่เหมาะสม ลดความซ้ำซ้อนของแหล่งที่ตั้ง และ มีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิผล กับให้เพิ่มบทบาทของคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงาน โครงการฝายต้นน้ำลำธารที่จัดตั้งขึ้นให้มีหน้าที่รวมถึงการกำกับการดำเนินโครงการ ฯ ติดตามผลของการ ฟื้นฟู ความสมบูรณ์ของผืนป่า และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก 3 เดือน ไปพิจารณาด้วย ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อมิให้เกิดปัญหาความซ้ำซ้อน และเพื่อให้สอดคล้องกับแผน แม่บทการพัฒนาลุ่มน้ำ ให้กระทรวงมหาดไทยประสานและวางแผนการดำเนินการตามโครงการ ฯ ร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และพิจารณาความเหมาะสมในเชิงเทคนิค แนวทางการติด ตาม ตรวจสอบผลการดำเนินงาน ตลอดจนความเหมาะสมของราคาต่อหน่วย (unit cost) ซึ่งต้องคำนึงถึง ขนาดและลักษณะที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ และให้พิจารณานำระบบดาวเทียม (GSP) มาใช้ประโยชน์ใน การกำหนดที่ตั้งและติดตามตรวจสอบผลการดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2891 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ (งบกลาง) โครงการมาตรการเสริมเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ภาคตะวันออก | กษ | 23/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้กรมชลประทาน
ใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จำเป็น ในวงเงิน 284.70 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการตามมาตรการเสริมเพื่อแก้ไขปัญหาการขาด แคลนน้ำภาคตะวันออก ทั้งนี้ ให้กรมชลประทานตรวจสอบและทบทวนความเป็นไปได้ของโครงการ ตาม ความเห็นของคณะรัฐมนตรีให้ชัดเจนก่อนแล้วให้ขอตกลงในรายละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบประมาณ เพื่อดำเนินการตามความจำเป็นต่อไป ดังนี้ กรมชลประทานจะต้องคำนวณและตรวจวัดปริมาณน้ำในอ่าง เก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำดอกกรายให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันมากที่สุด เช่น ปริมาณน้ำไหล เข้าในอ่างเก็บน้ำทั้งสองแห่ง จากภาวะฝนตก และระยะเวลาที่จะมีน้ำใช้ต่อไปได้จนถึงจุดวิกฤติ เป็นต้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนน้ำในแม่น้ำระยองไหล มาจากอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และดอกกราย แต่ก็ได้มีการสูบน้ำไปใช้ระหว่างทางที่คลองทับมา และ มาบข่าอยู่ก่อนแล้วส่วนหนึ่ง หากจะดำเนินโครงการเพื่อสูบน้ำจากลำน้ำดังกล่าวกลับไปเติมในอ่างเก็บ น้ำเพิ่มขึ้นอีก อาจจะทำให้เกิดปัญหาปริมาณน้ำไม่พอเพียงสำหรับการสูบกลับได้ รวมทั้งต้องคำนึงถึง ความต้องการใช้น้ำจากลำน้ำดังกล่าวของเกษตรกรและประชาชนโดยทั่วไปด้วย และการดำเนินโครงการ ต่าง ๆ ของกรมชลประทานในครั้งนี้จะต้องพิจารณาให้สอดคล้องเชื่อมโยงกับแนวทางการดำเนินการแก้ ไขปัญหาน้ำภาคตะวันออก ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2548 (เรื่อง การบริหารจัดการ น้ำ การแก้วิกฤติน้ำภาคตะวันออก) ไว้แล้วด้วย และอนุมัติในหลักการให้กรมชลประทานสามารถดำเนิน การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีกรณีพิเศษ เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยา ยน 2548
|
||||||||||||||||||||||||
2892 | แผนทิศทางการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Govenment) | ทก | 16/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สื่อสารเสนอแผนทิศทางการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Roadmap) ประกอบด้วย กรอบ ทิศทางการดำเนินงานภายใต้ 4 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 : การสร้างความเป็นผู้นำและการบริหาร จัดการ ยุทธศาสตร์ที่ 2 : การพัฒนาให้บริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การ พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน และยุทธศาสตร์ที่ 4 : การพัฒนาปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ ในกระบวนการให้บริการของภาครัฐ โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นเจ้าภาพใน การดำเนินการ และมอบให้คณะกรรมการดำเนินโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ดำเนินการเพื่อบูรณาการ ระบบเครือข่ายสารสนเทศภาครัฐ (Network Infrastructure) รวมทั้งให้ทุกกระทรวงจัดตั้งทีมงาน (Project Management Office) ทำหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของภารกิจการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานใน ลักษณะเต็มเวลา (Full Time) และมีผู้รับผิดชอบโดยตรงและประสานงานกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารอย่างใกล้ชิด โดยรับความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา ดำเนินการให้เหมาะสมและสอดคล้องกันด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางระบบข้อมูล การเชื่อมโยงเครือข่าย (Network) และระบบสนับสนุน (Back Office) ของส่วนราชการต่าง ๆ จะต้องมีประสิทธิภาพให้ผู้ใช้งาน สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และมีความสะดวกคล่องตัว (User Friendly) ในส่วนของงบประมาณค่าใช้ จ่ายที่เกี่ยวข้องในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 และ พ.ศ. 2549 ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
2893 | การขอรับการสนับสนุนโครงการกระจายแพทย์หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน | สธ | 09/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอโครงการกระจายแพทย์
หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) พิจารณาทบทวนในรายละเอียดอีก ครั้งหนึ่งร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหน่วยงานหรือสถาบันของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยว ข้องกับการผลิตและการใช้บุคลากรทางการแพทย์ โดยให้หารือรองนายกรัฐมนตรี (นายสุรเกียรติ์ เสถียร ไทย) ด้วย เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างรอบคอบเหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการและ ความสามารถในการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ในภาพรวมของประเทศทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน แล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะ รัฐมนตรี คณะที่ 5 (ฝ่ายสาธารณสุข การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ในการประชุมครั้ง ที่ 4/2548 วันที่ 18 กรกฎาคม 2548 ที่เห็นว่า การกำหนดเงื่อนไขการชดใช้ทุนสำหรับแพทย์ที่สำเร็จ การศึกษาจากโครงการนี้ ควรปรับเงื่อนไขการใช้ชดใช้ทุนให้เหมาะสมและเข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยกำหนด ให้ต้องปฏิบัติงานชดใช้ทุนเป็นระยะเวลา 12 ปี หรือ 2 เท่าของระยะเวลาการศึกษาตลอดหลักสูตร และ กรณีผิดสัญญาต้องชดใช้เป็นเงิน 2 เท่า ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อคนที่รัฐสนับสนุนตลอดโครงการ ฯ และ ความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการผลิตบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติม ควรเปิดให้สถาบันการศึกษา เอกชนที่มีความพร้อมสามารถผลิตบุคลากรได้โดยตรง โดยภาครัฐควรพิจารณากำหนดรายละเอียดหลัก เกณฑ์ ตลอดจนมาตรฐานขั้นต่ำ และการรับรองคุณภาพของการดำเนินการ หรือของบุคลากรที่จบการ ศึกษา ให้สถาบันการศึกษาเอกชนได้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และในการคัดเลือกนักเรียน นักศึกษา เข้า ร่วมโครงการ ฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการผลิตแพทย์เพื่อให้ปฏิบัติงานในภูมิลำเนา ควรมีการทดสอบ ทัศนคติและความตั้งใจของผู้เข้าร่วมโครงการ ฯ ในการที่จะต้องกลับไปปฏิบัติงานในภูมิลำเนาด้วยความ เสียสละและอุทิศทุ่มเท เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย นอกจากนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพ รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ควรจะพิจารณาจ้างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ที่เกษียณ อายุราชการไปแล้ว แต่ยังมีสุขภาพแข็งแรง และมีความพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นแพทย์อาวุโสหรือที่ปรึกษา อาวุโสให้แก่แพทย์ในโรงพยาบาล หรือสถาบันทางการแพทย์อื่น ๆ หรือไม่ประการใด ไปประกอบการ พิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2894 | โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณประสบธรณีพิบัติภัยในพื้นที่ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา | ทก | 09/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง)
เสนอโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณประสบธรณีพิบัติภัยในพื้นที่ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เพื่อพัฒนาและปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐาน (ถนน) ในการเชื่อมโยงระหว่างบริเวณชายหาดกับถนน เพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงพื้นที่บ้านบางเนียง-เขาหลัก วงเงิน 20,139,200 บาท และโครงการปรับปรุงฟื้นฟูพื้นที่บริเวณแหลมปะการัง วงเงิน 100,187,600 บาท สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองใช้จ่ายจากงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จำเป็นโดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ดำเนินการสำรวจและ ออกแบบเสร็จสิ้น และมีความชัดเจนในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินในเขตก่อสร้างแล้ว ตามความเห็นของสำนัก งบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
2895 | ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาชุมชนแออัด "โครงการบ้านมั่นคง" พ.ศ. 2548 - 2551 | พม | 02/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่าย
การต่างประเทศ แรงงานและการพัฒนาสังคม) ที่มีมติอนุมัติในหลักการโครงการบ้านมั่นคง (พ.ศ. 2548- พ.ศ. 2551) ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีเป้าหมายรวมที่จะดำเนินการแก้ ไขปัญหาความเดือดร้อนของคนจนในเมืองจำนวน 285,000 ครัวเรือน 1,826 ชุมชน ครอบคลุมประชากร จำนวน 1,425,000 คน ใน 200 เมือง โดยเป้าหมายการดำเนินงานปี พ.ศ. 2548 ได้กำหนดการดำเนิน การไว้รวม 50,000 หน่วย ครอบคลุมการแก้ปัญหาคนจนในเมือง 250,000 คน ใน 100 เมือง ทั้งนี้ คณะ กรรมการกลั่นกรอง ฯ มีความเห็นว่า ในแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาชุมชนแออัด "โครงการบ้านมั่นคง" ควร กำหนดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนที่ชัดเจนไว้ในแผนปฏิบัติการด้วย และให้กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน-พอช.) รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว ข้องและข้อพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า งบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินการในแต่ ละปีค่อนข้างเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก โดยเฉพาะเงินอุดหนุนจากรัฐ ดังนั้น การบริหารจัดการงบประมาณ โครงการในแต่ละช่วง จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงแนวทางของรัฐบาลในการบริหารงบประมาณในภาพรวมของ ประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องการเตรียมความพร้อมขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อรองรับการถ่ายโอนภารกิจด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสร้างความเข้มแข็ง ของคนจน รวมทั้งการดำเนินโครงการ ฯ อาจต้องคำนึงถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาเฉพาะที่มีอยู่ ในบางพื้นที่ เช่น พื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อาจทำให้ไม่สามารถดำเนินการไปได้ตามแผน จึง ควรมีมาตรการรองรับกรณีนี้ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนิน โครงการ ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 1,276.4 ล้านบาท และในปีงบประมาณพ.ศ. 2549- พ.ศ. 2551 นั้น ให้ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและสอดคล้องกับการดำเนินการจริงโดยให้ขอตกลงในรายละเอียด กับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
2896 | โครงการปลูกปาล์มน้ำมันทดแทนพลังงาน | กษ | 02/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอโครงการปลูกปาล์มน้ำมัน
ทดแทนพลังงาน มีสาระสำคัญคือ การกำหนดเขตปลูกปาล์มน้ำมัน ระบบการบริหารและการจัดการ โครงการการชดเชยเกษตรกรที่ปลูกผลไม้ แผนการปลูกปาล์มน้ำมัน ปี 2549 และค่าใช้จ่ายโครงการ โดยคณะรัฐมนตรีลงมติ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการดังกล่าวในลักษณะโครงการนำ ร่องเฉพาะบางพื้นที่ที่เห็นว่ามีศักยภาพและมีความพร้อมก่อนเช่น พื้นที่ภาคตะวันออกในจังหวัดจันทบุรี และตราด และจังหวัดระยองบางส่วน พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางจังหวัด เช่น หนองคาย และ พื้นที่ภาคใต้ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงกลาโหม เป็นต้น เมื่อผลการศึกษาทางวิชาการยืนยันความ เหมาะสมคุ้มค่า รวมทั้งได้ทราบปัญหาอุปสรรคของการดำเนินโครงการในพื้นที่นำร่องข้างต้นแล้วจึง ค่อยขยายพื้นที่ดำเนินโครงการซึ่งรวมถึงพื้นที่โครงการในประเทศเพื่อนบ้านต่อไป สำหรับงบประมาณ ค่าใช้จ่าย แนวทางการจ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกร ตลอดจนเงินอุดหนุน และโครงสร้างทางการเงิน ให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปจัดทำรายละเอียด และประสานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อจัด ประชุมพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานและให้เชิญผู้เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวง การคลัง กระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบ ประมาณ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น เข้าร่วมการประชุมด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2897 | การบริหารจัดการน้ำ การแก้วิกฤตน้ำภาคตะวันออก | นร | 02/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) เสนอกรอบแนว
ทางการดำเนินงานเพื่อการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำภาคตะวันออก 4 ลุ่มน้ำ (ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก ลุ่มน้ำปราจีนบุรี ลุ่มน้ำบางปะกง และลุ่มน้ำโตนเลสาบ) ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน โดยเร่งรัดการดำเนินโครงการผัน น้ำต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จเพื่อให้สามารถนำน้ำท่าจากธรรมชาติมาใช้ประโยชน์โดยเร็วภายในระยะวิกฤตน้ำขาด แคลนครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2548 และเติมน้ำต้นทุน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บของแหล่งที่มีอยู่แล้วและ แหล่งน้ำธรรมชาติให้มากขึ้น และการแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะปานกลาง โดยการลงทุนการพัฒนา แหล่งน้ำ และกระจายน้ำของลุ่มน้ำในภาคตะวันออก พัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงระหว่างแหล่งน้ำต่าง ๆ เพื่อ ทดแทนและแบ่งปันการใช้น้ำในพื้นที่อย่างเป็นระบบ รวมทั้งพัฒนาแหล่งน้ำใหม่เพิ่มเติม และให้คณะกรรม การบริหารโครงการลุ่มน้ำภาคตะวันออกพิจารณารายละเอียดร่วมกับ สศช. สำนักงบประมาณ และหน่วย งานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของลุ่มน้ำ และโครงการที่จะต้องดำเนินการ และให้สำนักงบ จัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมสอดคล้องกับความจำเป็น กับอนุมัติในหลักการงบประมาณเพื่อการลงทุนใน โครงการเร่งด่วน 13 โครงการ/งาน วงเงิน 2,708.06 ล้านบาท โดยให้หน่วยงานรับผิดชอบขอตกลงราย ละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบประมาณ และเร่งดำเนินการโดยเร็วต่อไป เพื่อให้สามารถจัดหาน้ำเพิ่มเติม ให้กับพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกได้ภายในระยะเวลาที่เหลือของปี พ.ศ. 2548 และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับไปพิจารณาอัตราค่าน้ำที่เหมาะสมและคุ้มค่ากับการที่รัฐได้ลงทุนในการจัดหาน้ำ เพื่อให้เพียงพอต่อภาค การผลิตและบริการในเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น ตลอดจนสร้างทางเลือกและความมั่นคงให้กับผู้ใช้น้ำในพื้นที่ชาย ฝั่งทะเลตะวันออกด้วย และให้มีคณะกรรมการบริหารโครงการลุ่มน้ำภาคตะวันออกประกอบด้วย รองนายก รัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ กำกับดูแล ติดตามการดำเนินการตามแผนงาน และพิจารณาการปรับเปลี่ยนรายละเอียดของกิจกรรมการ แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในระยะเร่งด่วนและระยะยาว โดยรายงานผลความก้าวหน้าของการบริหารจัด การทั้งระบบต่อคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยทุก 3 เดือน
|
||||||||||||||||||||||||
2898 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการค่าใช่จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (23,400 ล้านบาท) | นร | 02/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ประธานคณะกรรมการพิจารณาค่าใช้จ่าย
เพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (59,000 ล้านบาท) เสนอ ดังนี้ รับทราบโครงการที่เสนอขอใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการค่าใช้ จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ รวม 2 โครงการ วงเงินทั้งสิ้น 43,936,600 บาท ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพ การแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ประกอบด้วย โครงการบูรณะและปรับปรุงทางหลวงเพื่อรอง รับนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี และโครงการวางผังเมืองและผังเฉพาะชุมชนชายแดน และอนุมัติโครงการที่สมควรเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง ราย การค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ รวม 3 โครงการ วงเงินทั้งสิ้น 431,400,000 บาท ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริม สร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ประกอบด้วย โครงการจัดหาน้ำให้นิคมอุตสา หกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี โครงการปรับปรุงทัศนียภาพบึงทุ่งสร้าง จังหวัดขอนแก่น และโครง การก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมเทศบาลเมืองแม่สอด ระยะที่ 1 จังหวัดตาก ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินโครง การเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาล ให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณรายการดัง กล่าวกันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2548 เรื่อง การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ (รายจ่ายลงทุน) ประจำปี พ.ศ. 2548 และการเตรียมการสำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2549 และให้รัฐมนตรีผู้กำกับ ดูแล ติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติวงเงินดังกล่าวด้วย สำหรับโครงการบูรณะและปรับ ปรุงทางหลวงเพื่อรองรับนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี และโครงการจัดหาน้ำให้นิคม อุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี ซึ่งยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีเจ้าสังกัด แต่เนื่องจาก เป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วน ให้อนุมัติเป็นกรณีพิเศษและให้ส่วนราชการขอทำความตกลงกับสำนักงบประ มาณตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2899 | รายงานการดำเนินโครงการพัฒนาฝีมือแรงงานไม้ยางพารา | รง | 02/08/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับการดำเนินโครงการพัฒนาฝีมือ
แรงงานไม้ยางพารา โดยจัดทำโครงการนำร่องในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี โดยศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดจันทบุรี เน้นกลุ่มเป้าหมายสมาชิกชุมชนสหกรณ์ไม้ยางพาราเป็นหลัก ดำเนินการฝึกปรับฐานความรู้เกี่ยวกับช่างไม้เครื่อง เรือน เพื่อต้องการให้ผู้เข้ารับการฝึกมีทักษะในการใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง มีความอดทน เพื่อให้งานออกมามีความ ประณีต โดยจะฝึกทำเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ๆ ที่ยังไม่มีความยุ่งยากซับซ้อนก่อน และหลังจากสำเร็จการฝึกอบรมจะ มีการทดสอบองค์ความรู้และฝีมือแรงงานว่ามีคุณภาพหรือไม่ เพื่อคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถที่จะพัฒนาฝีมือใน ระดับที่สูงขึ้นไปเข้ารับการฝึกฝีมือเพื่อผลิตชิ้นงานที่มีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
2900 | การดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) | มท | 02/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพ
ของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) โดยข้อมูล ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2548 มีจังหวัดรายงานความพร้อมของหมู่บ้าน/ ชุมชน ทั้งสิ้น 21 จังหวัด 3,419 หมู่บ้าน/ชุมชน 4,781 โครงการ งบประมาณทั้งสิ้น 820,100,000 บาท สำหรับโครงการที่ประชาคมหมู่บ้าน/ชุมชนคัดเลือกเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ได้แก่ โครงการด้าน สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน 2,112 โครงการ โครงการด้านการเกษตร 1,583 โครงการ โครงการด้านการส่ง เสริมรายได้และอาชีพ 127 โครงการ โครงการด้านสวัสดิการชุมชน 473 โครงการ และโครงการประเภทอื่น ๆ 486 โครงการ ทั้งนี้ หมู่บ้าน/ชุมชนที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรงบประมาณตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่ บ้าน/ชุมชน (SML) ให้ใช้ข้อมูลจำนวนประชากรตามฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของสำนักทะเบียนกลาง กรม การปกครอง ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2548 รวมทั้งหมู่บ้าน/ชุมชนที่จะได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2548 ต้องเป็นหมู่บ้าน/ชุมชนที่ได้รับการจัดตั้งไว้แล้วก่อนวันที่ 15 กรกฎาคม 2548 ตามมติที่ประชุม คณะกรรมการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ครั้งที่ 2/2548 เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2548
|
.....