ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 149 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 2961 - 2980 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2961 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | กค | 05/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (คกก.2)
ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติ ของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ แปลงหมายเลขที่ ชบ. 341 บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 1,456 ไร่ 0 งาน 83 ตารางวา ในท้องที่ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของ คกก.2 เกี่ยวกับ การดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ซึ่งยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่มากกว่าจำนวนเนื้อ ที่ตามร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ฉะนั้น กรมธนารักษ์ควรเร่งรัดดำเนินการขั้นตอนการพิสูจน์สิทธิในพื้น ที่ที่ยังมีปัญหาข้อพิพาทกับราษฎรที่เหลืออยู่อีกประมาณ 500 กว่าไร่ ของที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลข ทะเบียน ที่ ชบ. 341 เนื้อที่ประมาณ 1,941-2-15 ไร่ ในท้องที่ทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ให้ แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการจัดทำแผนแม่บทการใช้พื้นที่ ฯ ที่มีการถอน สภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อที่ 1,456 ไร่ ให้เกิดความชัดเจน เพื่อป้องกัน มิให้เกิดกรณีการบุกรุกพื้นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังที่เคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นในพื้นที่บางแห่งแล้ว ไป ดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
2962 | สรุปผลการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาโครงการจัดการน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ | ทส | 05/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการ
ดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาโครงการจัดการน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างวันที่ 10 มีนาคม-30 กันยายน 2547 สรุปดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ได้มอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษ ดำเนินการยื่นฟ้องคดีอาญากิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจีกับพวกในข้อหาฉ้อโกง ขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ระหว่าง การไต่สวนมูลฟ้องของศาล และให้มีหนังสือเพื่อปรึกษาคดีเกี่ยวกับการดำเนินคดีข้าราชการประจำหรืออดีต ข้าราชการประจำไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งสำนักงานอัยสูงสุดแจ้งว่า พนักงานอัยการไม่อาจเข้าร่วม ให้คำปรึกษาได้ เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อการใช้ดุลยพินิจในการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการเมื่อ ได้รับสำนวนการสืบสวนในเรื่องเดียวกัน กรมควบคุมมลพิษจึงต้องดำเนินการยื่นฟ้องคดีดังกล่าวเอง และ สำนักงานอัยการสูงสุดได้มอบหมายพนักงานอัยการยื่นฟ้องกิจการร่วมค้า ฯ ต่อศาลแพ่งเรื่องนิติกรรมเป็น โมฆะเพื่อเรียกเงินคืนตามหลักกฎหมายเรื่องลาภมิควรได้ มีจำนวนทุนทรัพย์ 17,045,889,431.40 บาท และ 121,343,887.19 เหรียญสหรัฐ โดยศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามคำร้องของกิจการร่วมค้า ฯ พนักงานอัยการได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลดังกล่าวแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ และ ให้กรมควบคุมมลพิษฟ้องคดีแพ่งกับกลุ่มธนาคารผู้ค้ำประกันต่อศาลแพ่งเรียกให้ชำระหนี้ตามหนังสือสัญญา ค้ำประกัน จำนวน 2,203,408,730.50 บาท และ 19,794,781.16 เหรียญสหรัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างการ พิจารณาของศาลแพ่ง ในการนี้ กิจการร่วมค้าได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กรมควบคุมมลพิษแต่งตั้ง อนุญาโตตุลาการฝ่ายกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งกรมควบคุมมลพิษได้ยื่นคำคัดค้านต่อคำร้องดังกล่าวแล้ว นอก จากนี้ ให้กรมควบคุมมลพิษว่าจ้างกลุ่มที่ปรึกษาปฏิบัติงานสำรวจและตรวจสอบการออกแบบ และการก่อ สร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย ตรวจสอบสภาพเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งวิเคราะห์และจัด ทำทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการดำเนินโครงการออกแบบรวมก่อสร้าง ฯ โดยกลุ่มที่ปรึกษา ฯ ได้ประชา สัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้อง และนำกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนมาใช้ในการ พิจารณาทางเลือกที่เหมาะสม โดยนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณา และจัดทำแผนปฏิบัติการ สำหรับ การดำเนินการตามทางเลือกดังกล่าว ทั้งนี้ กลุ่มที่ปรึกษา ฯ มีกำหนดที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน เดือนธันวาคม 2547
|
||||||||||||||||||
2963 | แนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในจังหวัดระนอง | พน | 05/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไข
ปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าในจังหวัดระนอง ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วน ภูมิภาค (กฟภ.) โดยการดำเนินงานของ กฟผ. ได้ปรับปรุงแผนการก่อสร้างสายส่ง 115 กิโลโวลท์ หลังสวน -ระนอง แต่มีปัญหาและอุปสรรคในการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเนื่องจากการดำเนินโครงการสายส่งจะต้องมีการ พาดสายผ่านพื้นที่กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองประมาณ 500 ราย ตลอดระยะทาง 65 กิโลเมตร และผู้ที่ ได้รับผลกระทบในพื้นที่เรียกร้องค่าทดแทนที่ดินสูงเกินความเป็นจริง รวมทั้งปัญหาการพาดสายผ่านพื้นที่ เขตอุทยานแห่งชาติและป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งบางส่วนเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (Zone C) การขออนุญาต จะต้องมีการศึกษาและจัดทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environment Examination : IEE) และจะต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาหลายขั้นตอน อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานได้ให้ กฟผ. เร่ง ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2548 และได้ประสานขอความอนุเคราะห์ผู้ว่าราชการจังหวัด ชุมพรและจังหวัดระนอง เพื่อช่วยเหลือในการเจรจาค่าทดแทนที่ดิน และประสานกับสำนักงานนโยบายและ แผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเร่งรัดขั้นตอนการพิจารณารายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และขั้นตอนการอนุมัติการพาดสายส่งผ่านที่ดินป่าสงวน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สำหรับการดำเนินงานของ กฟภ. จะทำการติดตั้งหม้อแปลงเปลี่ยนระดับแรงดัน (Plug in) ระหว่างจุดชุมพร-ระนอง 2 แล้วเสร็จภาย ในเดือนธันวาคม 2547 และจะดำเนินการก่อสร้างสายจำหน่ายเพิ่มเติม พร้อมทั้งติดตั้งหม้อแปลงเปลี่ยน ระดับแรงดันระหว่างจุหลังสวน-อ.พาโต๊ะ-ระนอง 1 แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2548 นอกจากนี้ กฟภ. มีแผนติดตั้งหม้อแปลงขนาด 50 MVA เพิ่มอีก 1 เครื่องที่สถานีไฟฟ้าระนอง 2 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการ ดำเนินการจัดหาเงินกู้ดำเนินโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานประสานการดำเนินการต่าง ๆ กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด โดยหากการพาดสายส่งผ่านพื้นที่เขตอุทยาน แห่งชาติและป่าสงวนแห่งชาติมีเพียงส่วนน้อย และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่มากนักก็ควรเร่งรัดดำเนิน การให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป |
||||||||||||||||||
2964 | ขออนุมัติขยายวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการก่อสร้าง ทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค | 28/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการขยายวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครง
การก่อสร้างทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เพิ่มเติมอีกจำนวน 2,583.04 ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนวงเงินค่าอุทธรณ์ที่จะต้องจ่ายในอนาคตจำนวนประมาณ 1,300.70 ล้าน บาท นั้น ให้ กทพ. กู้เงินได้ต่อเมื่อมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นจริง ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง และให้รอง นายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วยว่า ระบบการจ่ายค่าทดแทนจะสามารถปรับปรุงให้มี ประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเป็นธรรมยิ่งขึ้น เพื่อลดการอุทธรณ์ลง และให้มีลักษณะเป็นการให้บริการแบบ แล้วเสร็จ ณ จุดเดียว (one stop service) เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใสยิ่งขึ้นได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้ง พิจารณาหามาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริต อันเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนในการชี้นำ ให้มีการอุทธรณ์ และขอส่วนแบ่งที่ได้เพิ่มขึ้นจากการอุทธรณ์ดังกล่าวไปโดยมิชอบด้วย และพิจารณาถึงแนว ทางและความเหมาะสมเป็นไปได้ในการนำเอาระบบภาษีแบบ windfall profit มาใช้ในกรณีที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ที่ดินได้รับประโยชน์จากมูลค่าของที่ดินนั้นเพิ่มสูงขึ้นอันเป็นผลจากการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของรัฐ โดย อาจเรียกเก็บภาษีดังกล่าวเมื่อมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันและให้ดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
2965 | การดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต | มท | 28/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปผลการประชุมสัมมนาระหว่างส่วนราช
การและหน่วยงานต่าง ๆ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2547 เพื่อพิจารณาโครงการ "ระดมยุทธศาสาตร์ : ประกาศ สงครามทุจริตคอร์รัปชั่น" ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ท. ครั้งที่ 4/2547 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2547 ที่ เห็นชอบให้จัดทำโครงการดังกล่าว โดยมีผลการหารือเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ที่สำคัญ ดังนี้ มาตรการปรับปรุง โครงสร้างทางกฎหมาย ให้แต่ละหน่วยงานประสานการแบ่งปันข้อมูลเพื่อป้องกันการทุจริต ภายใต้กรอบของกฎ หมายที่สามารถปฏิบัติได้ผลักดันให้มีการจัดตั้งองค์กรกลางของฝ่ายบริหารซึ่งเป็นองค์กรตามกฎหมายเพื่อรับผิด ชอบในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยให้กระทรวงยุติธรรมเสนอพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันและแก้ไข ปัญหาทุจริตภาครัฐ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาตรการการบังคับใช้กฎหมาย ควรกำหนดมาตรการในการป้องกันปราบปรามการ ทุจริตคอร์รัปชั่น ด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ และลงโทษ บุคคลที่กระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างจริงจัง และผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ว่าด้วยการแสดงบัญชี ทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาของหน่วยงาน ของรัฐ พ.ศ. 2542 และร่างพระราชบัญญัติวิธีการสอบสวนความผิดอาญาเกี่ยวกับภาษีอากร พ.ศ. .... มาตรการ ในการสร้างทัศนคติ และค่านิยม โดยการส่งเสริมทัศนคติในการยกย่องคนที่มีคุณงามความดี โดยผู้บริหารและผู้ บังคับบัญชาของหน่วยงานต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา และส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามา มีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยการดำเนินงานของภาครัฐหรือหน่วยงานรัฐวิสาหิจต้อง เปิดเผยข้อมูล และรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้ประชาชนทราบทุกระยะ รวมทั้งการ เสริมสร้างจิตสำนึก รักสุจริต เพื่อชีวิตที่ดี เพื่อสร้างจิตสำนึกในการรักสุจริตให้กับเยาวชน โดยมอบหมายให้ กระทรวงศึกษาธิการกำหนดหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ คุณธรรม จริยธรรม และทัศนคิตในการ ดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง และส่งเสริมการลดค่านิยมในการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย และมาตรการส่งเสริมสวัสดิการให้ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้มีรายได้ที่พอเพียง เพื่อป้องกันการทุจริตของเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติ โดยปรับปรุงและ สนับสนุนค่าตอบแทนสวัสดิการให้กับเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสมกับการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี และพอเพียงกับการ ดำรงชีพในสภาวะเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน รวมถึงการกำหนดระเบียบปฏิบัติต่างๆ ต้องไม่เป็นเงื่อนไขและช่อง ทางให้เจ้าหน้าที่กระทำการทุจริต เช่น สวัสดิการค่าเช่าบ้าน ควรเบิกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ที่มีสิทธิจะได้รับให้เป็น ไปตามข้อเท็จจริงของภาระที่เกิดขึ้น เป็นต้น สำหรับการป้องกันการซื้อขายตำแหน่งหน้าที่ราชการ ควรกำหนด หลัเกณฑ์ในการเลื่อนตำแหน่ง หรือการพิจารณาความดีความชอบให้เป็นมาตรฐาน และบังเกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถตรวจสอบได้ |
||||||||||||||||||
2966 | การปรับปรุงแผนการแก้ไขบริการและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศตามโครงการประชุมคณะรัฐมนตรีแบบลดเอกสาร | นร | 28/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงแผนการแก้ไข
บริการและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามโครงการประชุมคณะรัฐมนตรีแบบลดเอกสาร ระยะที่ 2 โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ทำการปรับปรุงโปรแกรมจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี ในระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยเพิ่มเติมวาระทักท้วงอีกหนึ่งหัวข้อซึ่งเป็นเรื่องทั่วไป และเริ่มใช้โปรแกรมดังกล่าว ตั้งแต่การประชุม ครั้งที่ 22/2547 วันที่ 1 มิถุนายน 2547 รวมทั้งการแจกจ่ายระเบียบวาระการประชุม คณะรัฐมนตรีและรัฐสภา เพื่อประโยชน์ในการประสานงานและติดตามเรื่องเพื่อนำเสนอแก่คณะรัฐมนตรีได้ รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยจะเริ่มตั้งแต่การประชุม ครั้งที่ 50/2547 วันที่ 16 ธันวาคม 2546-ปัจจุบัน ทั้งนี้ ในการ ดำเนินการดังกล่าว วาระเพื่อทราบและวาระเพื่อพิจารณาจะอยู่ในรูปแผ่นซีดีทั้งหมด โดยจะจัดทำวาระเป็น เอกสารเพียง 36 ชุด วางไว้บนโต๊ะของรัฐมนตรีทุกท่านในวันประชุมคณะรัฐมนตรี (เฉพาะคณะรัฐมนตรี) ซึ่งทำให้สามารถลดจำนวนการใช้กระดาษจากระบบเดิม และได้จัดทำแบบสอบถามเพื่อรับฟังความคิดเห็น และความพึงพอใจในการดำเนินโครงการประชุมคณะรัฐมนตรีแบบลดเอกสาร ในระยะที่ 2 (ปี พ.ศ. 2548) ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2547-30 กันยายน 2547 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขบริการในการ ประชุมคณะรัฐมนตรีให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
|
||||||||||||||||||
2967 | รายงานความก้าวหน้าตามมาตรการเร่งรัดงานโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | มท | 28/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานตาม
มาตรการเร่งรัดงานโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของหน่วยงานในสังกัดประกอบด้วย กรมโยธา ธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และการไฟฟ้านครหลวง สรุปได้ดังนี้ ผลการดำเนินงาน ของกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ดำเนินการจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำโครงการวางและจัดทำผังเมืองเฉพาะ พื้นที่บริเวณโดยรอบสนามบิน ฯ เพื่อใช้เป็นกรอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประโยชน์ในการดำเนินการจัดทำ ผังพัฒนาทางด้านกายภาพที่กำหนดโครงการพัฒนาในแต่ละย่าน ผังการใช้ที่ดินและอาคาร แผนปฏิบัติการ เพื่อปรับปรุงพื้นที่เฉพาะ โครงการคมนาคมและขนส่งครบวงจร ผังสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ การ ป้องกันน้ำท่วม การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการนำเสนอของบประมาณ และการนำเสนอกลยุทธ์ ที่ส่งเสริมภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา ส่วนผลการดำเนินงานของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ แต่งตั้งคณะกรรมการ รวม 2 คณะ เพื่อทำหน้าที่กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับบทบาทขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นและประสานแผนการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่พัฒนา สำหรับผลการดำเนินงานของการไฟฟ้านครหลวง ในส่วนของผลการดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า และน้ำเย็นสำหรับท่าอากาศยาน ฯ ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2548 นั้น ขณะนี้มีผล ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการ ฯ ในส่วนของงานจัดจ้างก่อสร้างระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติสำหรับ โรงไฟฟ้า งานปรับปรุงเครื่องกังหันก๊าซ งานก่อสร้างระบบผลิตน้ำเย็น งานก่อสร้างโรงผลิตน้ำเย็นให้แก่ อาคาร และงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า คาดว่าจะเสร็จสิ้นตามระยะเวลาที่กำหนด ส่วนโครงการจ่ายไฟฟ้าให้ระบบ ขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอยู่ในขั้นตอนการสำรวจออกแบบ คาดว่า จะสามารถดำเนิน การตามโครงการได้ตามระยะเวลาที่กำหนด |
||||||||||||||||||
2968 | ขอความเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนก่อสร้าง บริหาร และประกอบการท่าเทียบเรือ A3, C1, C2, D1, D2 และ D3 ของท่าเรือแหลมฉบัง การท่าเรือแห่งประเทศไทย | คค | 28/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการคัดเลือกเอกชนร่วมทุนก่อสร้างบริหาร
และประกอบการท่าเทียบเรือ A3, C1, C2, D1, D2 และ D3 ของท่าเรือแหลมฉบัง ตามที่คณะกรรมการ คัดเลือกเอกชนเข้าร่วมทุนก่อสร้าง บริหารและประกอบการท่าเทียบเรือแหลมฉบัง การท่าเรือแห่งประเทศ ไทยพิจารณาแล้ว โดยผู้ชนะการคัดเลือก ได้แก่ กลุ่มกิจการร่วมค้า Hutchison Port Holdings Limited (HPH) บริษัท เลกซ์ตัน (ประเทศไทย) จำกัด (LEX) และบริษัท Hutchison Ports (Thailand) จำกัด (HPT) ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (การท่าเรือแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการ เตรียมการและวางแผนขยายท่าเทียบเรือ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคตให้เพียงพอ นอก จากนี้ ควรพิจารณาส่งเสริมการขนส่งทางน้ำที่เชื่อมโยงระหว่างท่าเทียบเรือบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกกับ ท่าเทียบเรือในจังหวัดภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ ให้มากยิ่งขึ้น และให้เร่งรัดการดำเนินโครงการเกี่ยวกับ การขนส่งหลายรูปแบบให้บรรลุผลโดยเร็วด้วย
|
||||||||||||||||||
2969 | การให้รางวัลการท่องเที่ยวภายในประเทศแก่ข้าราชการ พนักงานของรัฐและลูกจ้างประจำ ของส่วนราชการสังกัดฝ่ายบริหาร ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น | นร | 28/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอผลการประเมินโครงการจัดสรรรางวัล
การท่องเที่ยวภายในประเทศ พ.ศ. 2546 แก่ข้าราชการ พนักงานของรัฐ และลูกจ้างประจำของส่วนราช การที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น สรุปได้ดังนี้ สำนักงาน ก.พ. ได้ดำเนินการจัดสรรรางวัลให้แก่ข้าราชการ พนักงานของรัฐ และลูกจ้างประจำของส่วนราชการ จำนวนทั้งสิ้น 4,934 รางวัล โดยได้เบิกจ่ายเงินให้ ส่วนราชการเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามโครงการ ฯ รวมทั้งสิ้น 80,610,000 บาท จำแนก เป็น เงินรางวัลสำหรับข้าราชการ พนักงานของรัฐ และลูกจ้างของส่วนราชการ จำนวน 49,110,000 บาท (ตามรายชื่อผู้ได้รับรางวัลที่ส่วนราชการส่งมายังสำนักงาน ก.พ.) และเงินรางวัลสำหรับโรงเรียนฯ จำนวน 525 โรงเรียน รวมเป็นเงิน 31,500,000 บาท โดยผู้ที่ได้รับรางวัลและส่วนราชการส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับการจัดโครงการนี้ และเชื่อว่าจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ข้าราชการเพิ่มประสิทธิภาพในการ ปฏิบัติงานมากยิ่งขึ้น ส่วนปัญหาในการดำเนินโครงการ ฯ ได้แก่ ระยะเวลาที่จำกัดในเรื่องการเดินทาง ไปท่องเที่ยวของผู้ได้รับรางวัล ระยะเวลาในการดำเนินการคัดเลือกผู้สมควรได้รับรางวัล และระยะเวลา ในการเบิกจ่ายเงินของผู้ได้รับรางวัล สำหรับการดำเนินโครงการ ฯ ในปี พ.ศ. 2547 คณะรัฐมนตรีมีมติ ให้ระงับการดำเนินการ และให้สำนักงาน ก.พ. รับไปพิจารณาความเหมาะสมร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในการที่จะใช้โครงการในลักษณะนี้ เป็นรางวัลให้แก่หน่วยงานของรัฐที่ผ่าน การประเมินผลการพัฒนาการปฏิบัติราชการตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนด และคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้วต่อไป |
||||||||||||||||||
2970 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงพลังงาน | พน | 21/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการตาม
ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีผลการดำเนินงานตามมาตรการหลัก 4 ประการโดยสรุป ดังนี้ มาตรการด้านการสร้างความปลอดภัย อาทิ โครงการเฝ้าระวังความปลอดภัยการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กรมธุรกิจพลังงาน ได้ดำเนินการเช่าระบบและอุปกรณ์ติดตามยาน พาหนะด้วยดาวเทียม (GPS) จำนวน 90 ชุด และมีการติดตั้งคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์รับ-ส่งข้อมูลที่ศูนย์ ควบคุมการเดินรถ ณ คลังปิโตรเลียมสงขลา เบื้องต้นได้ติดตั้ง GPS ในรถบรรทุกก๊าซแล้ว 10 คัน มาตรการ ด้านการเสริมสร้างความมั่นคงและขยายการให้บริการด้านไฟฟ้า อาทิเช่น โครงการพัฒนาระบบสายส่งและ สถานีไฟฟ้าจังหวัดยะลา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ดำเนินการสร้างสายส่ง 115 kv ระยะทาง 58 วงจร-กม. และก่อสร้างสถานีไฟฟ้ายุพราชัย์ ขนาด 25 MVA เสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความ มั่นคงในการจ่ายไฟฟ้า มาตรการด้านการศึกษา อาทิเช่น โครงการศูนย์การเรียนรู้และสาธิตเทคโนโลยีพลัง งานกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ได้จัดผู้นำชุมชนและครูจากจังหวัดนราธิวาส ยะลา และ ปัตตานี ศึกษาดูงานโครงการบ้านมั่นคง จังหวัดสงขลา และรับฟังการบรรยายด้านพลังงานจากเจ้าหน้าที่ สำนักงานพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ในวันที่ 9 สิงหาคม 2547 รวมทั้งได้จัดค่ายเยาวชน พลังงานสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างจิตสำนึกในการใช้พลังงาน และมาตรการด้านการพัฒนา อาทิเช่น โครงการจ้างงานพิเศษด้านไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทย ได้ว่าจ้างแรงงานท้องถิ่นพื้นที่รอบเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา ปีละ 120 คน วงเงิน 7 ล้านบาท และ จ้างแรงงานท้องถิ่นพื้นที่รอบสถานีไฟฟ้าย่อยของจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ปีละ 114 คน วงเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจ้างเหมารายปีอย่างต่อเนื่อง และสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย เป็นต้น |
||||||||||||||||||
2971 | โครงการจัดสรรทุนการศึกษาตามความต้องการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ | ตช | 14/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ อนุมัติในหลักการโครงการขอรับนักเรียนทุนทางด้านวิทยาศาสตร์ตาม
ความต้องการของสำนักวิทยาการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พ.ศ. 2548-2552) และให้ดำเนิน การต่อไปได้ โดยเบื้องต้นให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานการดำเนินงานกับสำนักงาน ก.พ. ก่อน แล้วจึงค่อยดำเนินโครงการ ฯ ตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ทั้งนี้ ให้รับความ เห็นเพิ่มเติมของสำนักงาน ก.พ. ไปดำเนินการด้วย ดังนี้ ควรกำหนดให้ชัดเจนเกี่ยวกับระยะเวลาที่ต้อง การให้ผู้ได้รับทุนที่สำเร็จการศึกษาแล้วปฏิบัติงานชดใช้ทุนในสำนักงานวิทยาการตำรวจ (เช่น เป็นระยะ เวลาไม่น้อยกว่า 1 เท่า หรือ 2 เท่า ของระยะเวลาที่รับทุน) ก่อนอนุญาตให้มีการโอนย้ายไปปฏิบัติงาน ในหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อเป็นการป้องกันและบรรเทาปัญหาการสูญเสียกำลังพลที่ได้ทำการพัฒนา เพื่อ ให้มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง จากระบบการสับเปลี่ยนหมุนเวียนข้าราชการของส่วนราชการตาม ปกติที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และควรเตรียมการเรื่องการกันตำแหน่งรองรับนักเรียนทุน ฯ ตามโครงการ ฯ ให้สามารถบรรจุเข้ารับราชการได้ทันทีที่สำเร็จการศึกษา เพื่อประโยชน์ทั้งส่วนราชการและตัวนักเรียน ทุน ฯ เองด้วย กับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการร่วมกับสำนักงาน ก.พ. ถึงความเหมาะสมและ เป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ ฯ เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับผู้รับทุนที่ประสงค์จะอยู่ปฏิบัติ งานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยไม่โอนย้ายไปปฏิบัติงานในหน่วยงานอื่นในภายหลัง อันเป็นการ ป้องกันและบรรเทาการสูญเสียกำลังพลที่ได้พัฒนาแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะพิจารณาให้ทุนการ ศึกษาภายใต้โครงการ ฯ แก่บุตรของข้าราชการตำรวจที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และมีความประสงค์เข้ารับ ราชการตำรวจเป็นกรณีพิเศษด้วยส่วนหนึ่ง รวมทั้งในการเข้ารับการศึกษาของนักเรียนทุน อาจประสาน ขอความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอกำหนดเป็นโควตาเฉพาะสำหรับนักเรียนทุนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายของการดำเนินโครงการ ฯ อนุมัติให้ใช้จ่ายตามข้อเท็จ จริงและประหยัด ภายในวงเงิน 65.80 ล้านบาท โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอตั้งงบประมาณ ตามแผนการดำเนินงานเป็นงบเงินอุดหนุนเป็นรายปี โดยค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 2.1 ล้านบาท ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติปรับแผนการดำเนินงานหรือใช้เงินเหลือจ่ายจากงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ขอตกลงในราย ละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||
2972 | โครงการศูนย์กลางการเรียนรู้ ICT แห่งชาติ (National ICT Learning Center) | ทก | 31/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอให้สำนัก
งานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินโครงการ ศูนย์กลางเรียนรู้ ICT แห่งชาติ จนกว่าสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) มีความ พร้อมที่จะรับโอนศูนย์ ฯ ดังกล่าวไปดำเนินการต่อได้
|
||||||||||||||||||
2973 | สรุปการประชุมศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ ครั้งที่ 9/2547 | นร | 31/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ
ต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติเสนอมติของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) ครั้งที่ 9/2547 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2547 ดังนี้ เห็นชอบโครงการจัดการความรู้และขยายผลแผนชุมชนเอา ชนะความยากจน วงเงิน 123,000,000 บาท ตามที่สำนักงานส่งเสริมแผนชุมชน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เสนอ และอนุมัติการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีและการขยายระยะเวลาเบิกจ่ายงบประมาณกลาง ปี 2547 (ระยะที่ 2) กรอบวงเงินโดยประมาณ 8,840,293,600 บาท โดยให้สำนักงบประมาณเป็นผู้ดำเนิน การในการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี และขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณกลางปี 2547 (ระยะที่ 2) และให้ ศตจ. เป็นผู้พิจาณาอนุมัติกรอบวงเงินดังกล่าว เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ ศตจ. ทุกระดับและหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง ทั้งนี้ ให้ ศตจ. รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประสานและดำเนินการด้วยว่า การดำเนินโครงการจัดการ ความรู้และขยายผลแผนชุมชนเอาชนะความยากจน ในวงเงิน 123,000,000 บาท ของสำนักงานส่งเสริมแผน ชุมชน ฯ นั้น ควรจะต้องมีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการ ตลอดจนการตรวจสอบการใช้ จ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพตามความเหมาะสมด้วย |
||||||||||||||||||
2974 | ผลการดำเนินโครงการของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเคลื่อนที่เร็ว (Special Task Force: STF) ณ เดือนกรกฎาคม 2547 | พณ | 31/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออก รายงานผล
การดำเนินโครงการของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเคลื่อนที่เร็ว (Special Task Force : STF) เพื่อดำเนิน การขยายการส่งออกของไทยไปยังตลาดใหม่ โดยตั้งแต่เปิดตัวโครงการในเดือนตุลาคม 2546 จนถึง เดือนกรกฎาคม 2547 คณะ STF ได้เดินทางไปศึกษาลู่ทางการขยายตลาดเชิงลึกและจัดคณะ Export Rally เพื่อเจาะตลาดใหม่แล้วทั้งหมด 6 ภูมิภาค ได้แก่ ตลาดจีน อินเดีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา รัสเซีย และอเมริกาใต้ มูลค่าการเจรจาการค้าทั้งหมด 6 ภูมิภาค มีจำนวน 5,354.53 ล้านบาท แบ่ง เป็นมูลค่าการขายในทันที จำนวน 312.64 ล้านบาท และมูลค่าการขายที่คาดว่าจะได้รับภายใน 1 ปี จำนวน 5,041.89 ล้านบาท |
||||||||||||||||||
2975 | ขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ.2547 | ตช | 31/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติการดำเนินโครงการจัดหาอาคารที่พักอาศัย
สำเร็จรูปพร้อมที่ดินและสิ่งก่อสร้างประกอบจำนวน 14 โครงการ จากจำนวนทั้งหมด 19 โครงการ ตามแผน งานป้องกันและควบคุมอาชญากรรม งานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม งบลงทุน รายการอาคารที่พัก อาศัยสำเร็จรูปพร้อมที่ดินและสิ่งก่อสร้างประกอบ 3,500 หน่วย และยุติการดำเนินการในส่วนที่เหลือ จำนวน 5 โครงการ และให้โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 รายการอาคารที่พัก อาศัยสำเร็จรูปพร้อมที่ดินและสิ่งก่อสร้างประกอบ 3,500 หน่วย ที่เหลือจำนวน 5 โครงการ ซึ่งมีงบประมาณ เหลือ จำนวน 337,761,800 บาท ไปเป็นค่าใช้จ่ายในรายการต่าง ๆ เฉพาะในรายการดังต่อไปดังนี้ รายการ ลำดับที่ 1 อาคารที่พักอาศัย (แฟลต) ขนาด 40 ครอบครัว ของ สน.ธรรมศาลา จำนวน 2 หลัง รายการ ลำดับที่ 2 ครุภัณฑ์ตามโครงการถวายความอารักขาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ รักษาความปลอดภัย ประจำพระตำหนักทวีวัฒนา จำนวน 18 รายการ รายการลำดับที่ 3 ค่าย้ายเสาอากาศ ฐานสามเหลี่ยมแบบ Self Support ความสูง 120 เมตร จำนวน 1 แห่ง รายการลำดับที่ 10 เงินชดเชยค่างาน ก่อสร้าง ตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) จำนวน 10 แห่ง รายการลำดับที่ 12 เครื่องรับ-ส่งวิทยุ HF/ SSB/CW กำลังส่ง 90-100 วัตต์ ชนิดติดตั้งประจำที่แบบสังเคราะห์ความถี่พร้อมอุปกรณ์ จำนวน 7 เครื่อง รายการลำดับที15 โครงการปรับปรุงศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล ส่วนต่อขยาย C31 ราย การลำดับที่ 16 เสื้อเกราะอ่อนป้องกันกระสุน จำนวน 1,250 ตัว รายการลำดับที่ 17 ค่าปรับปรุงอาคารที่ พักอาศัย (แฟลต) สน.วัดพระยาไกร รายการลำดับที่ 18 โครงการผลิตและเผยแพร่รายการของสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติในสถานีโทรทัศน์ส่วนแยก จังหวัดยะลา กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อ สร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รายการลำดับที่ 20 ชุดป้องกันการจุดระเบิด ด้วยคลื่อนความถี่วิทยุโทรศัพท์มือถือ (20-1000 เมกกะเฮิร์ท และ 1800-2000 เมกกะเฮิร์ท) จำนวน 1 ชุด 5,500,000 บาท และรายการลำดับที่ 22 เครื่องยิงช็อตไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ จำนวน 55 ชุด รวมทั้งโครงการ ซ่อมบำรุงอากาศยาน พร้อมจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงและหล่อลื่น ในวงเงิน 38,000,000 บาท โดยให้ประสาน กับสำนักงบประมาณ เพื่อพิจารณารายละเอียดและวงเงินตามรายการ/โครงการดังกล่าว สำหรับรายการที่ 18 ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) พิจารณาความเหมาะสมและจำเป็นก่อน และดำเนินการ ต่อไปได้ รวมทั้งเห็นชอบการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2547 เรื่อง แนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในไตรมาสที่ 3 และให้ถือปฏิบัติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2547 เรื่อง แนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อ หนี้ผูกพันได้ทันภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2547 ที่กระทรวงการคลังเสนอต่อไป |
||||||||||||||||||
2976 | รายงานผลการปฏิบัติงานโครงการชุบชีวิตธุรกิจไทย ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 | อก | 24/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการปฏิบัติงานโครงการ
ชุบชีวิตธุรกิจไทย ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 สรุปดังนี้ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับติดตามโครงการเพื่อ กำหนดนโยบายแนวทางการทำงาน และแต่งตั้งคณะทำงานประสานโครงการเพื่อประสานและติดตาม ความก้าวหน้าโครงการ รวมถึงว่าจ้างสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ติดตามประเมินผลการ ดำเนินงาน โดยผลการดำเนินโครงการระยะที่ 1 สรุปได้ว่า วิสาหกิจมีปัญหาเรื่องการจัดการร้อยละ 20.7 ทรัพยากรบุคคลร้อยละ 19.2 การผลิตร้อยละ 17.4 การตลาดร้อยละ 13.1 วัตถุดิบร้อยละ 9.9 การเงินและบัญชีร้อยละ 9.5 และที่ปรึกษาเข้าไปช่วยเหลือทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ร้อยละ 98.5 ในภาพรวมได้ประเมินผลประโยชน์เฉลี่ย/กิจการ/ปี คิดเป็นมูลค่า 5.7 ล้านบาท/กิจการ/ปี วิสาหกิจ มีความพึงพอใจในโครงการในระดับดี (เกรดบี) และโครงการระยะที่ 2 พบว่าส่วนใหญ่มีผลการดำเนิน งานในระดับพอใช้ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.58 (คะแนนเต็ม 4) สำหรับกรณีบริษัทวิจัยและพัฒนาผู้บริหาร จำกัด ใช้เอกสารปลอมเพื่อแอบอ้างเป็นที่ปรึกษาในโครงการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้แต่งตั้งคณะ กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว |
||||||||||||||||||
2977 | ขออนุมัติโครงการจัดงานชุมนุมลูกเสือภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 25 พ.ศ.2548 | ศธ | 24/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินโครงการ
จัดงานชุมนุมลูกเสือภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 25 พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟู กิจการลูกเสือไทย โดยสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชนให้เป็นคนมีคุณธรรม มีความประพฤติชอบ มีระเบียบวินัย มีความเป็นผู้นำ ตลอดจนรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการนำผลการประเมินโครงการจัดงานชุมนุมลูกเสือโลก ครั้ง ที่ 20 พ.ศ. 2546 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการ เรียนรู้ รวมทั้งการปรับปรุงรูปแบบและวิธีการจัดการโครงการชุมนุมลูกเสือภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ฯ ไป พิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
2978 | แผนการดำเนินงานโครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน (2548-2551) | กษ | 17/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอดังนี้ รับทราบผลการสำรวจความต้อง
การแหล่งน้ำในไร่นาของเกษตรกร ระยะที่ 1 จำนวน 919,289 บ่อ และเห็นชอบแผนการดำเนินการขุด สระน้ำ ในช่วงปี 2548-2551 จำนวน 450,000 บ่อ จำแนกเป็น ปี 2548 จำนวน 150,000 บ่อ และ ปี 2549-2551 จำนวน 300,000 บ่อ และให้ดำเนินการได้ โดยให้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2548- 2551) เป้าหมายการดำเนินการปีละ 100,000 บ่อ ไปก่อน เมื่อดำเนินการในปีแรกแล้ว ให้มีการประเมิน ผล เพิ่อนำมาปรับปรุงแก้ไขและทบทวนเป้าหมายการดำเนินการในปีต่อ ๆ ไป และให้รับความเห็นบาง ประการเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ ฯ ของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนงานดังกล่าวให้ใช้วงเงินงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่สำนักงบประมาณเสนอตั้งงบ ประมาณไว้ให้แล้วจำนวน 301.507 ล้านบาท และที่ได้เสนอขอเพิ่มงบประมาณต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2548 อีกจำนวน 418.893 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแลการดำเนินโครงการ ฯ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นธรรม โปร่ง ใส และตรวจสอบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในการขุดสระน้ำ ให้เปิดให้ภาคเอกชน เข้าร่วมการประมูลอย่างกว้าง และควรมีเอกชนที่เข้าร่วมดำเนินการมากกว่า 1 ราย |
||||||||||||||||||
2979 | ผลการเยือนประเทศสหภาพพม่าของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน | พน | 17/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานผลการเยือนประเทศสหภาพพม่าของ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2547 โดยวัตถุประสงค์ในการเยือนประเทศสหภาพ พม่าของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในครั้งนี้ เพื่อเป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามสัญญาแบ่งปัน ผลผลิตปิโตรเลียมแปลงสัมปทานหมายเลข M-3 และ M-4 ระหว่าง Myanmar Oil and gas Enterprise (MOGE) กับบริษัท ปตท.สผ. จำกัด (มหาชน) และพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้าน พลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน ระหว่างกระทรวงพลังงานของไทยและพม่า และหารือทวิภาคีกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพม่า เกี่ยวกับความร่วมมือต่าง ๆ ได้แก่ ความร่วมมือในการสำรวจและ พัฒนาปิโตรเลียมในอ่าวเมาะตะมะ ความร่วมมือในการซื้อขายก๊าซธรรมชาติจากพม่าเพิ่มเติมความร่วมมือใน การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่พม่า ความร่วมมือด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และโครงการก่อสร้าง เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่แม่น้ำสาละวินและแม่น้ำตะนาวศรี รวมทั้งหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีพม่า ซึ่งมี ประเด็นข้อหารือในเรื่องโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำตะนาวศรี ผลการหา รือ รัฐบาลพม่ายินดีร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าว โดยขอให้ฝ่ายไทยส่งคณะผู้แทนมา หารือรายละเอียดในการดำเนินโครงการ ฯ และเรื่อง ความร่วมมือด้านการสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียม ซึ่ง รัฐบาลพม่าได้ให้ความสำคัญที่จะร่วมมือกับไทยในการสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมเป็นอันดับแรกเนื่องจาก ทั้งสองประเทศเป็นบ้านพี่เมืองน้องความเจริญรุ่งเรืองของไทยย่อมก่อประโยชน์แก่พม่าด้วยเช่นกัน |
||||||||||||||||||
2980 | การดำเนินโครงการระบบทางด่วนขั้น 3 สายใต้ ตอน S1 | นร | 10/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายใต้
ตอน S1 (ช่วงอาจณรงค์-บางนา) เป็นโครงการตามนโยบายแก้ไขปัญหาการจราจรระยะเร่งด่วนในเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีความสำคัญ และตอบสนองต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาเชื่อมโยงระบบ โครงข่ายการคมนาคมขนส่งระหว่างพื้นที่ที่ขาดหายไป (missing link) จึงควรดำเนินการก่อสร้างให้แล้ว เสร็จโดยเร็วเพื่อให้ทัน และรองรับการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 28 กันยายน 2548 จึงขอให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดติดตามการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ และให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) สั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติถือปฏิบัติด้วยว่า หากมีความจำเป็นต้องขอให้ผู้รับผิดชอบหยุดการดำเนินการก่อสร้างในช่วงวัน เวลาใด เพื่อประโยชน์ใน การอำนวยการเจรจาในสายทางดังกล่าวให้กระทำเท่าที่จำเป็นเพื่อให้เกิดความปลอดภัยเท่านั้น |
.....