ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 21 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 401 - 420 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
401 | การเตรียมการระหว่างพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช | นร04 | 19/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการเตรียมการระหว่างพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดังนี้
๑. ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้มาร่วมงานพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพอย่างเข้มแข็งต่อไป ทั้งในเรื่องการเดินทาง สุขภาพอนามัย อาหารการกิน ที่พัก รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ๒. ในกรณีที่หน่วยงานใดประสบปัญหาเรื่องใด หรือมีเรื่องควรรายงานรัฐบาล หรือแจ้งข่าวใด ๆ ให้ติดต่อศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ซึ่งตั้งอยู่ภายในทำเนียบรัฐบาล โทรศัพท์หมายเลข ๑๑๑๑ ๓. ให้ดูแลรักษาพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ประดิษฐานตามสถานที่ต่าง ๆ เหมือนเช่นเดิม แต่การใช้ถ้อยคำใต้พระบรมฉายาลักษณ์ที่เคยใช้มาแต่เดิม เช่น คำว่า “ทรงพระเจริญ” หรือ “ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา” ให้เปลี่ยนถ้อยคำหรือข้อความนั้นให้เหมาะสม ทั้งนี้ หากจะมีการเปลี่ยนพระบรมฉายาลักษณ์หรือติดผ้าดำขาวแสดงความไว้อาลัย การนำพระบรมฉายาลักษณ์เดิมออกและติดตั้งพระบรมฉายาลักษณ์ใหม่ต้องกระทำโดยต่อเนื่องกันทันที โดยให้ส่วนราชการทุกแห่งถือปฏิบัติตามนี้โดยเคร่งครัด ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ไปยังหน่วยงานของไทยในต่างประเทศด้วยว่า เรื่องนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎมณเฑียรบาล และโบราณราชประเพณี ซึ่งขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า เมื่อพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลผ่านพ้นไประยะหนึ่งแล้ว จะได้เวลาอันสมควรที่จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๓ ต่อไป โดยคณะรัฐมนตรีจะแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อมีมติตามรัฐธรรมนูญ ในระหว่างนี้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อนในส่วนที่จำเป็น ส่วนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นจะทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ภายในกรอบเวลาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งไม่กระทบต่อกรอบเวลาการทำงานต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ ๕. ให้ ศตส. ร่วมกับทุกส่วนราชการเก็บรวบรวมข้อมูลการดำเนินงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานพระราชพิธีทั้งหมดเพื่อบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ของชาติต่อไป ๖. ให้กรมประชาสัมพันธ์ร่วมกับสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประสานขอความร่วมมือให้สื่อโทรทัศน์และวิทยุใช้เวลาในช่วงเวลา ๓๐ วัน (จนถึงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙) เน้นการเสนอรายการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในแง่มุมต่าง ๆ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในรูปแบบการถ่ายทอดความรู้สึกและความประทับใจที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำหรับการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจให้ดำเนินการในช่วงที่มีการเสด็จพระราชดำเนินพ้นจากช่วงเวลาเหล่านี้แล้ว อาจพิจารณาเสนอรายการปกติได้ แต่ควรเน้นการให้ความรู้การพัฒนามากกว่าการบันเทิง หรืออาจพิจารณาสลับสับเปลี่ยนกับการนำเสนอผลการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามแนวพระราชดำริในเรื่องต่าง ๆ เช่น การเกษตร การชลประทาน การวิจัย การศึกษา การสาธารณสุข การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาสังคม การพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นต้น เมื่อพ้นกำหนดช่วงเวลา ๓๐ วันแล้ว ขอให้สถานีวิทยุโทรทัศน์พิจารณาจัดรายการตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนเป็นสำคัญ ๗. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) สำนักงานราชบัณฑิตยสภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงประชาชนเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำออกพระนาม การใช้ถ้อยคำภาษาเรียกขานเรื่องต่าง ๆ ที่เหมาะสม การแต่งกาย การปฏิบัติในเวลาเข้าถวายบังคมพระบรมศพในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตลอดจนวิธีแสดงความจำนงขอมีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวาย ๘. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนด้านการจราจร การถวายอารักขา และการรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเฉพาะวันเสด็จพระราชดำเนิน และวันเวลาภายหลังจากที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมศพได้ ๙. ให้กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมการเกี่ยวกับการสร้างพระเมรุโดยขอพระราชวินิจฉัยจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และให้ส่วนราชการอื่น ๆ โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทยเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเตรียมการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อไปด้วย ๑๐. ให้กระทรวงการต่างประเทศดูแลและจัดเตรียมการต้อนรับกรณีที่มีพระประมุข ประมุข และพระราชวงศ์ หรือผู้นำแห่งรัฐต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศเดินทางมาประเทศไทยเนื่องในโอกาสงานพระราชพิธีดังกล่าว ๑๑. ให้กระทรวงวัฒนธรรมจัดพิมพ์หนังสือพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเพื่อแจกจ่ายให้แก่คณะรัฐมนตรีและประชาชน ๑๒. ให้กระทรวงมหาดไทยให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความเข้าใจและพร้อมที่จะชี้แจงแก่ประชาชนในพื้นที่ให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องต่อไป ๑๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และกระทรวงการคลังชี้แจงทำความเข้าใจเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในด้านการค้าการลงทุน และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินการต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบต่อนักท่องเที่ยวหรือธุรกิจการท่องเที่ยวในภาพรวม ๑๔. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกวดขันระมัดระวังการเผยแพร่ภาพหรือข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ หรือยุยงให้เกิดความแตกแยก และขอความร่วมมือจากประชาชนอย่าได้แพร่ภาพหรือข้อความดังกล่าวเป็นอันขาด เนื่องจากเป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย ๑๕. การจัดงานรื่นเริงบันเทิงต่าง ๆ ในช่วงเวลา ๓๐ วันแรกนับแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ ให้ผู้จัดพิจารณาตามความเหมาะสม โดยงดเฉพาะส่วนที่เป็นมหรสพหรือความบันเทิง เช่น การแสดงดนตรี แต่ยังสามารถจัดงานประชุม งานมงคลสมรส กฐิน งานลอยกระทง งานบำเพ็ญกุศลหรือศาสนกิจตามประเพณีได้ การเลี้ยงหรือชุมนุมสังสรรค์หรือการแสดงทางวัฒนธรรมที่ทำในอาคาร และเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มตามที่จัดเป็นปกติหรือได้เตรียมการไว้แล้ว เช่น การต้อนรับนักท่องเที่ยว หรือผู้เข้าร่วมประชุม ให้จัดได้ตามความเหมาะสม โดยถือความเหมาะสมและความรู้สึกของประชาชนเป็นหลัก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
402 | ท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 40 (ต่อเนื่อง) | ทส | 18/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.๑ เห็นชอบการกำหนดท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ดังนี้ ๑.๑.๑ ราชอาณาจักรไทยควรเร่งหารือเพื่อทำความเข้าใจกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาก่อนการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ ที่ทำการใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๑.๑.๒ ยืนยันตามร่างข้อมติคณะกรรมการมรดกโลกที่ให้ Refer เพื่อชะลอการขึ้นทะเบียนพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และพยายามไม่ให้มีถ้อยคำเกี่ยวกับ “เขตแดน” ไว้ในข้อมติของคณะกรรมการมรดกโลก ๑.๑.๓ กรณีมีประเด็นอื่นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นนั้น ๆ ทั้งนี้ ให้คณะผู้แทนไทยพิจารณาร่วมกันระหว่างการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) โดยคำนึงถึงหลักการของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และข้อมูลด้านเทคนิคและวิชาการจากองค์กรที่ปรึกษา ๑.๒ มอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยงานหลักในการจัดคณะผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือและทำความเข้าใจร่วมกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาในเรื่องข้อห่วงกังวลในเรื่องค่าพิกัดของพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ก่อนการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดส่งเอกสารค่าพิกัดตำแหน่งที่ตั้งของพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานในเอกสารเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลก จากเดิม ๔ ตำแหน่ง เป็น ๑ ตำแหน่ง ต่อศูนย์มรดกโลกรับทราบ ๑.๔ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ตามองค์ประกอบเดิมในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ โดยมอบหมายให้เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส (นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว) เป็นหัวหน้าคณะ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมอบหมายให้ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเลขานุการหัวหน้าคณะ ๒. หากมีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
403 | งานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช | นร | 13/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า รัฐบาลได้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสวรรคต เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา ๓๐ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป และให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์มีกำหนด ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไป ขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสถานบันเทิงและสถานบริการต่าง ๆ งดหรือลดกิจกรรมเพื่อความบันเทิง ตามความเหมาะสม เป็นระยะเวลา ๓๐ วัน ๒. เพื่อให้การดำเนินการจัดพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงให้มีการดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดให้วันศุกร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นวันหยุดราชการ เพื่อเป็นการไว้อาลัย และให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระบรมศพ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายสักการะ สำหรับรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน นั้น ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน พิจารณาตามความเหมาะสมให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายต่อไป ในกรณีหน่วยงานใดที่มีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็นหรือราชการสำคัญในวันดังกล่าวโดยได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและประชาชน ๒.๒ มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ และกราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ที่ปรึกษา รวมทั้งให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เช่น ฝ่ายอำนวยการจัดงานพระราชพิธี ฝ่ายจัดการพระราชพิธี ฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้าง ราชรถ พระยานมาศ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายรักษาความปลอดภัย เป็นต้น ๒.๓ มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ดูแลรับผิดชอบในเรื่องรูปแบบ พิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาตามข้อ ๒.๒ ๒.๔ มอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดผลัดเวรเฝ้าฯ ของคณะรัฐมนตรีและข้าราชการไปเฝ้าฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันตลอดระยะเวลาของพระราชพิธี และแจ้งส่วนราชการให้จัดข้าราชการไปร่วมเฝ้าฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นประจำทุกวันด้วย ๒.๕ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครจัดกิจกรรมเป็นพระบรมราชานุสรณ์หรือถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อให้ประชาชนร่วมในการถวายสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ๒.๖ มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์รับไปดำเนินการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อย่างต่อเนื่อง และประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำคำแปลภาษาอังกฤษด้วย ๒.๗ เห็นชอบหลักการให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ โดยให้ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าศูนย์ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นรองหัวหน้าศูนย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เป็นเลขานุการศูนย์ โดยมีเลขาธิการคณะรักษาความความสงบแห่งชาติ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรองเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่เป็นศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง และดำเนินการด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย รวมทั้งประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมงานพระราชพิธีพระบรมศพ โดยให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานในเรื่องต่าง ๆ ของศูนย์ฯ สำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของศูนย์ฯ ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๒.๘ มอบหมายให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจัดให้มีบริการสายด่วน (Hotline) เพื่อให้ประชาชนใช้เป็นช่องทางในการแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือสอบถามข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ของรัฐบาล ๒.๙ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการจัดเตรียมแผนรองรับเหตุฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น โดยจัดให้มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และประสานความร่วมมือกับอาสาสมัครหรือมูลนิธิภาคเอกชน รวมทั้งสถานพยาบาลต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉินตลอด ๒๔ ชั่วโมง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
404 | การรับรองเอกสารผลการประชุม World Culture Forum ครั้งที่ 2 ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย | วธ | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาบาหลีสำหรับการประชุม World Culture Forum ครั้งที่ ๒ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย มีสาระสำคัญมุ่งเน้นการส่งเสริมบทบาทของวัฒนธรรมในการพัฒนาที่ยั่งยืน สนับสนุนให้มีการทำงานเพื่อให้เกิดการบูรณาการวัฒนธรรมที่ชัดเจน ส่งเสริมวัฒนธรรมเพื่อสันติภาพในสังคม เชิดชูและให้คุณค่ากับความหลากหลายและมรดกทางวัฒนธรรม ตลอดจนการทำงานเพื่อให้บรรลุต่อยุทธศาสตร์โลกเพื่อสันติภาพ และการขจัดความไม่เท่าเทียมทางเพศ เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุม World Culture Forum ครั้งที่ ๒ รับรองในร่างปฏิญญาบาหลีสำหรับการประชุมดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างปฏิญญาบาหลีในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
405 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวัฒนธรรม) (จำนวน 4 ราย 1. นายชาย นครชัย ฯลฯ) | วธ | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายชาย นครชัย ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายพีรพน พิสณุพงศ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายมานัส ทารัตน์ใจ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการศาสนา ๔. นางสาววิมลลักษณ์ ชูชาติ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
406 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีแรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ระนอง สมุทรสาคร เป็นต้น โดยอาจพิจารณาจัด Zoning พื้นที่ที่พักอาศัย รวมทั้งสวัสดิการต่าง ๆ ตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป ๒. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณาความเชื่อมโยงในการดำเนินการตามภารกิจของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการวิจัยและพัฒนาสินค้าเกษตร เช่น สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม โดยให้มีการบูรณาการ มิให้มีความซ้ำซ้อนกัน เพื่อให้มีการวิจัยและพัฒนาสินค้าเกษตรทั้งระบบตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ การแปรรูปสินค้าเกษตรเชิงพาณิชย์ สินค้าเกษตรนวัตกรรม ที่เป็นรูปธรรมและสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง อันจะทำให้การพัฒนาสินค้าเกษตรเกิดประสิทธิภาพและเป็นไปอย่างยั่งยืนต่อไป ๓. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาจัดทำกฎหมายเพื่อกำหนดมาตรการในการดูแลช่วยเหลือ ส่งเสริมและสนับสนุนศิลปินแห่งชาติ ซึ่งเป็นปูชนียบุคคลผู้ซึ่งสร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่าของแผ่นดินไทย นั้น ให้กระทรวงวัฒนธรรมเร่งรัดดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวโดยด่วน ๔. ด้านสังคม ๔.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณากำหนดมาตรการหรือหลักเกณฑ์ในการดูแลช่วยเหลือนักกีฬาอาชีพที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยโดยให้ครอบคลุมถึงอดีตนักกีฬาและนักกีฬาคนพิการ โดยคำนึงถึงความเหมาะสม เป็นธรรม และความเท่าเทียมกันเป็นสำคัญ นั้น ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งรัดดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวโดยด่วน ๔.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดระเบียบการทำประมงน้ำจืดและน้ำเค็ม ทั้งนี้ อาจพิจารณาดำเนินการในลักษณะเดียวกับการจัดรูปที่ดิน โดยจัดทำเป็นแผนระยะสั้นและระยะยาวเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น การบุกรุกพื้นที่เพื่อทำการประมง การนำน้ำทะเลเข้ามาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ตอนในซึ่งทำให้เกิดปัญหาดินเสื่อมสภาพ เป็นต้น ๔.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการตรวจสอบและหาสาเหตุการตายของปลาในแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม โดยเฉพาะปลากระเบนราหูน้ำจืด ซึ่งถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง รวมทั้งตรวจสอบโรงงานที่มีการปล่อยน้ำเสียซึ่งอาจเป็นสาเหตุหลักของปัญหาดังกล่าวด้วย ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมดำเนินการทั้งในด้านกฎ ระเบียบ และระบบพื้นฐานสนับสนุน (platform) ที่จะรองรับให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น ระบบ e-Payment ระบบ Fin Tech มีความพร้อมในการดำเนินการเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยเข้าสู่ประเทศไทย ๔.๐ ต่อไป ๕.๒ ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการปรับปรุงหอประชุมกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดการประชุม ระดับนานาชาติ โดยให้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นให้เหมาะสมและเพียงพอต่อการใช้งาน เช่น สถานที่พักรับรอง สุขาเคลื่อนที่ โดยอาจประสานความร่วมมือจากภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องด้วย ๕.๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ [เรื่อง (ร่าง) ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ และแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙] ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนที่อาศัยในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวหรือพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อให้ได้รับประโยชน์ โดยมีรายได้และอาชีพจากการท่องเที่ยวด้วย นั้น ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๕.๔ ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการลงทะเบียนผู้ที่ไม่มีงานทำ และนิสิต นักศึกษาที่ต้องการหารายได้เสริม โดยจัดกลุ่มตามความสามารถและทักษะในการประกอบอาชีพประเภทต่าง ๆ เช่น บุคคลที่มีความสามารถในการสื่อสารภาษาต่างประเทศ อาจคัดเลือกให้เป็นมัคคุเทศก์ หรือตัวแทนสำหรับแนะนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้แก่ชาวต่างชาติในงานออกร้านจำหน่ายสินค้า เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
407 | ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ปี ค.ศ. 2016 - 2018 | กก | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามแนวปฏิบัติร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๑๘ (Joint Action Program on Tourism Cooperation between the Ministry of Tourism and Sports of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Culture, Sports and Tourism of the Socialist Republic of Viet Nam in the period of 2016-2018) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวในระดับทวิภาคีและระดับอาเซียน อีกทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในการฝึกอบรม แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งการส่งเสริมการตลาดระหว่างกัน โดยจะมีการลงนามในระหว่างการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้ลงนามในแนวปฏิบัติร่วมฯ (โดยระบุตำแหน่ง) ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงแนวปฏิบัติร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
408 | การรับรองร่างปฏิญญาตุนหวง (ความคิดริเริ่มตุนหวง) ของงานมหกรรมเส้นทางสายไหมทางวัฒนธรรม ครั้งที่ 1 ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน | วธ | 20/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาตุนหวง (ความคิดริเริ่มตุนหวง) สำหรับงานมหกรรมเส้นทางสายไหมทางวัฒนธรรม ครั้งที่ ๑ [The Silk Road (Dunhuang) International Cultural Expo] ซึ่งจะมีการรับรองในวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๙ ณ เมืองตุนหวง มณฑลกานซู สาธารณรัฐประชาชนจีน มีสาระสำคัญที่มุ่งเน้นให้มีการเจรจา การแลกเปลี่ยน และความร่วมมือทางวัฒนธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และปฏิญญาสากลว่าด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม บนหลักการพื้นฐาน ประกอบด้วย การเชื่อมั่นในความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความเท่าเทียม และความไม่แบ่งแยก การปกป้องมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของทุกประเทศ การเพิ่มพูนระดับการเจรจาทางวัฒนธรรมและความร่วมมือในหลายระดับ และการเสริมสร้างความร่วมมือและการค้าทางวัฒนธรรมในอุตสาหกรรมวัฒนธรรม โดยการดำเนินการตามหลักการพื้นฐานนี้จะนำไปสู่การพัฒนาและสันติภาพของโลกต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมงานมหกรรมเส้นทางสายไหมทางวัฒนธรรม ครั้งที่ ๑ ร่วมกับประเทศที่เข้าร่วมงานดังกล่าว ให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ อันนำไปสู่ฉันทามติร่วมกันต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
409 | ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) | นร11 | 13/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) มีประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑) ภาพรวมการพัฒนาในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ (๒) การประเมินสภาพแวดล้อมการพัฒนาประเทศ (๓) วัตถุประสงค์และเป้าหมายการพัฒนาในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ (๔) ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และ (๕) การขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ สู่การปฏิบัติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ในขั้นตอนการขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ สู่การปฏิบัติ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ อาทิ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมความพร้อมของ แผนงาน/โครงการ ภายใต้แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ ให้เหมาะสม มีความครอบคลุมครบถ้วนในเชิงบูรณาการที่ยึดโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ และคำนึงถึงกรอบระยะเวลาในการตรากฎหมายหรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามที่ร่างรัฐธรรมนูญฯ กำหนดไว้ รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุนมนุษย์ การมีภูมิคุ้มกันของคน ชุมชน และสังคม ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน การให้ความสำคัญกับความมั่นคงเป็นรากฐานของการพัฒนาในทุกมิติและถือเป็นเรื่องของทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกศาสนา ทุกสาขาอาชีพ ในอันที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานด้านความมั่นคง และการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม ในแต่ละประเด็นยุทธศาสตร์ในรูปแบบของประชารัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
410 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยจะดำเนินการจัดทำหลักสูตรการศึกษาระดับพื้นฐานวิชาชีพ และวิชาชีพชั้นสูง ตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้การจัดการศึกษาสอดคล้องเหมาะสมกับลักษณะวิชาเฉพาะของสถาบัน โดยคำนึงถึงมาตรฐานการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการด้วย และจะกำหนดคุณวุฒิทางการศึกษาแต่ละระดับให้มีศักดิ์และสิทธิ์ในวุฒิการศึกษานั้น ๆ เพื่อให้สามารถนำไปประกอบอาชีพ ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น โอนย้ายสถานศึกษา หรือเทียบโอนผลการเรียนได้ ทั้งนี้ จะดำเนินการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รับรองหลักสูตรต่อไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
411 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการสภาการศึกษา หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา และเลือกกรรมการ รวมทั้งแก้ไขระยะเวลาในการดำเนินการสรรหา การเลือก และการแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่เป็นการล่วงหน้าให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการพิจารณาเพิ่มจำนวนกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษาที่เป็นผู้แทนจากภาคเอกชน โดยปรับลดจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิลงเพื่อให้ครอบคลุมหน่วยงานที่เป็นผู้ใช้กำลังคน การกำหนดให้ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และให้มีปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและปลัดกระทรวงแรงงานเป็นกรรมการโดยตำแหน่งเช่นเดิม การกำหนดให้มีผู้แทนจากองค์กรศาสนาต่าง ๆ ทำหน้าที่ในการพิจารณาเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติหรือการอื่นใดเกี่ยวกับการศึกษา รวมทั้งความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นว่า หากมีการเพิ่มกรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการสภาการศึกษา ตามความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นั้น เห็นควรเพิ่มกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการศึกษาเอกชน ด้านการศึกษาพิเศษ ด้านการกีฬา กิจการเยาวชน ลูกเสือ ยุวกาชาด และเนตรนารี ในคณะกรรมการสภาการศึกษา เพื่อให้สัดส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีความสอดคล้องกับกรรมการโดยตำแหน่ง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
412 | มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย | กก | 23/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย) โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กรมการท่องเที่ยว) ได้ประชุมหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการจัดหาแหล่งเงินทุนและหลักเกณฑ์ในการดำเนินการ รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย และได้นำมาจัดทำเป็นหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ได้แก่ ร่างหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข สำหรับมาตรการฯ และหลักเกณฑ์ วิธีปฏิบัติ ในการคืนเงินสำหรับมาตรการฯ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เนื่องจากการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิตภาพยนตร์ชาวต่างชาติเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยมีการดำเนินการมาก่อน การใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่าย นอกจากจะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนดในมาตรการฯ ดังกล่าวแล้ว กรมการท่องเที่ยวควรดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์ด้วย ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาควรเป็นหน่วยงานหลักบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดตั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop-Service Center) เพื่ออำนวยความสะดวกและดึงดูดให้ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์และสื่อในรูปแบบต่าง ๆ ในประเทศไทย และเร่งกำหนดแนวทางการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยให้เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งเร่งปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบหรือกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ตลอดจนประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความเข้าใจให้ถูกต้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการต่างประเทศ นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมควรเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนของการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อสนับสนุนมาตรการจูงใจให้มีการลงทุนดำเนินธุรกิจและการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๓. ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
413 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง การปฏิรูประบบเพื่อสร้างเสริม ชุมชนเข้มแข็ง และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม | 23/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง การปฏิรูประบบเพื่อสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็ง และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษากฎหมายสวัสดิการชุมชน และพิจารณาประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองทุนสวัสดิการชุมชน ยกร่างยุทธศาสตร์และศึกษากฎหมายสวัสดิการชุมชน ยกร่างยุทธศาสตร์สวัสดิการชุมชน และดำเนินการศึกษาและพิจารณาให้มีพระราชบัญญัติสวัสดิการชุมชน พ.ศ. .... หรือปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ รวมทั้งข้อกำหนดและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดสวัสดิการชุมชน ซึ่งคณะทำงานฯ ได้ยกร่างยุทธศาสตร์สวัสดิการชุมชน (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมสถาบันการจัดสวัสดิการของชุมชนตำบล พ.ศ. .... ขึ้น เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติต่อไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อาทิ การปฏิรูประบบเพื่อสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็งและร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ควรสอดคล้องกับร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ที่ได้อัญเชิญ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง การยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายแรงงานกับองค์กรและลูกจ้างที่เกิดขึ้นตามมาตรา ๖ ของร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมสถาบันการจัดสวัสดิการของชุมชนตำบล พ.ศ. .... จะทำให้ลูกจ้างซึ่งอาจเป็นลูกหลานของคนในชุมชนเองถูกตัดสิทธิ์ที่จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานซึ่งเป็นกรณีที่สวนทางกับเจตนารมณ์ของการเสนอร่างพระราชบัญญัติฯ การเพิ่มเติมผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรมเข้าไปมีส่วนร่วมในคณะกรรมการส่งเสริมสถาบันการจัดสวัสดิการของชุมชนตำบลระดับชาติ การพิจารณาความซ้ำซ้อนของกฎหมาย และคำนึงถึงงบประมาณ ความคุ้มค่าของภารกิจ รวมทั้งตรวจสอบความจำเป็นในการตรากฎหมายตามระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ตลอดจนการรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาดังกล่าวของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
414 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวัฒนธรรม) (นายกฤษศญพงษ์ ศิริ) | วธ | 23/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกฤษศญพงษ์ ศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
415 | การรับรองเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ (AMCA) ครั้งที่ 7 | วธ | 23/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (๑) ร่างปฏิญญาบันดาร์เสรีเบกาวันว่าด้วยวัฒนธรรมและศิลปะเพื่อการส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียนสู่ประชาคมอาเซียน ที่มีพลวัตและปรองดอง (Bandar Seri Begawan Declaration on Culture and Arts to Promote ASEAN’s Identity Towards a Dynamic and Harmonious ASEAN Community) และ (๒) ร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือด้านมรดกทางวัฒนธรรมในอาเซียน (Vientiane Declaration on Reinforcing Cultural Heritage Cooperation in ASEAN) ซึ่งจะมีการรับรองและให้ความเห็นชอบร่างปฏิญญาทั้งสองฉบับ ในวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๙ ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ (ASEAN Ministers Responsible for Culture and Art : AMCA) ครั้งที่ ๗ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาลาม โดยร่างปฏิญญาทั้งสองฉบับมีสาระสำคัญเป็นการแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายเกี่ยวกับการกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งสะท้อนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นสำคัญระหว่างประเทศทางด้านวัฒนธรรม ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุม AMCA ครั้งที่ ๗ รับรองในร่างปฏิญญาบันดาร์เสรีเบกาวันฯ และให้ความเห็นชอบในร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ฯ เพื่อนำเสนอต่อไปยังที่ประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๑๖ พิจารณาเสนอให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๘ ให้การรับรองต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารผลการประชุมดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
416 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) ครั้งที่ 1/2559 | นร11 | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ที่ปรับปรุงตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และมอบหมายให้กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธานกรรมการ กพบร. เสนอ สรุปผลการประชุมได้ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างข้อกำหนดการจ้าง (TOR) โครงการจ้างผู้ให้บริการออกแบบลานเฉลิมพระเกียรติฯ โดยให้เพิ่มเติมงานขุดค้นทางโบราณคดีและงานการจัดนิทรรศการตามมติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า และมอบหมายกรุงเทพมหานครจัดทำรายละเอียด TOR โดยขอใช้งบประมาณตามมติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ ในส่วนค่าออกแบบและเขียนแบบ โดยให้ดำเนินการจัดทำ TOR และจัดจ้างผู้ให้บริการ ตามระเบียบราชการที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไป ๑.๒ มอบหมายกรุงเทพมหานครแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากคณะกรรมการ กบพร. และคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า จำนวน ๓ ท่าน ประกอบด้วย (๑) นายสุวิชญ์ รัศมิภูติ (๒) รศ. บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย และ (๓) ผศ. ยงธนิศร์ พิมลเสถียร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการที่ทำหน้าที่กำหนด TOR สำหรับการออกแบบอาคาร การขุดค้นทางโบราณคดี และออกแบบนิทรรศการ รวมทั้งคณะกรรมการที่ทำหน้าที่กำกับการดำเนินงานตาม TOR ดังกล่าว ๒. ให้คณะกรรมการ กพบร. รับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมเกี่ยวกับการดำเนินการใด ๆ กับโบราณสถาน ให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
417 | การขยายระยะเวลาลงนามสัญญารายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณกรณีไม่สามารถลงนามสัญญาได้ภายในเดือนพฤษภาคม | วธ | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการพิจารณายกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย โดยให้หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม ขยายระยะเวลาลงนามในสัญญารายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๒ รายการ ดังนี้
๑. อาคารเก็บรักษาสิ่งเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ๑ แห่ง งบประมาณทั้งสิ้น ๕๘,๖๖๐,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๑,๗๙๖,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ จำนวน ๔๖,๘๖๔,๐๐๐ บาท ซึ่งรายการดังกล่าวมีระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกินกว่าที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี จึงเห็นควรให้หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ปฏิบัติตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗(๒) โดยนำเรื่องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมตามขั้นตอน เพื่อขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาต่อไป ๒. ค่าตกแต่งและครุภัณฑ์ประกอบอาคารศูนย์อนุรักษ์และบริการโสตทัศน์แห่งชาติ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ๑ แห่ง งบประมาณทั้งสิ้น ๘๓,๕๔๐,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๖,๗๑๑,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๖๖,๘๒๙,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การดำเนินรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณดังกล่าว ให้กระทรวงวัฒนธรรมเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามงวดงานและงวดเงินที่จะจ่ายจริงตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
418 | ผลการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 7 | วธ | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๗ (The 7th Asia-Europe Culture Ministers’ Meeting : ASEM CMM 7) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเข้าร่วมการประชุม ASEM CMM 7 ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ เมืองกวางจู สาธารณรัฐเกาหลี สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การประชุม ASEM CMM 7 จัดขึ้นภายใต้หัวข้อหลัก “วัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Culture and Creative Economy)” และมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ ๓ หัวข้อ คือ (๑) อนาคตของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Future of the Advanced Technology and the Creative Industries) (๒) มรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Traditional Cultural Heritage and the Creative Economy) และ (๓) ความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (International Cooperation for Vitalizing the Creative Industries) ๑.๒ สาระสำคัญของการประชุม ASEM CMM 7 ประกอบด้วยการกล่าวถ้อยแถลงและนำเสนอนโยบายวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของหัวหน้าคณะผู้แทนจากประเทศสมาชิก ASEM การประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การนำเสนอกรณีศึกษาของไทยในการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องมรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เรื่อง “ผลิตภัณฑ์จากมรดกทางวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ของไทยเพื่อนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของมรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิม" การหารือทวิภาคี และการร่วมรับรองแถลงการณ์ประธานการประชุม ASEM CMM 7 ซึ่งมีสาระสำคัญที่มุ่งเน้นการสนับสนุนและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างเอเชียและยุโรป รวมถึงการเพิ่มความตระหนักรู้ความสนใจในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และผลักดันให้เกิดการเติบโตในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์อันจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ๒. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในกรอบการประชุม ASEM CMM 7 รับทราบและขับเคลื่อนงานตามภารกิจที่รับผิดชอบและบูรณาการดำเนินงานร่วมกันต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
419 | แนวแนะการเลี้ยงดู ดูแล และพัฒนาเด็กโดยไม่ใช้ความรุนแรงในทุกสภาพแวดล้อม | พม | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวแนะการเลี้ยงดู ดูแล และพัฒนาเด็ก โดยไม่ใช้ความรุนแรงในทุกสภาพแวดล้อม ซึ่งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจประสานงานและจัดทำร่างนโยบายและแผนงานด้านการขจัดความรุนแรงต่อเด็กของอาเซียนได้ดำเนินการจัดทำแนวแนะฯ ในบริบทของประเทศไทยในระยะ ๖ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) โดยได้นำหลักการ แนวคิด และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการไม่ใช้ความรุนแรงกับเด็ก ตลอดจนวิธีการสำหรับผู้ที่ทำงานกับเด็กและเพื่อเด็กในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น บ้าน โรงเรียน สถานที่ทำงาน ชุมชน สถานสงเคราะห์ สถานดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัย สถานที่ดูแลเด็กในกระบวนการยุติธรรม ให้มีความเข้าใจและสามารถนำแนวแนะฯ ดังกล่าวไปใช้อย่างเหมาะสม และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ดำเนินการเพื่อขจัดความรุนแรงต่อเด็กอย่างเหมาะสม ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการป้องกันในสถานภาพของโรงเรียน ควรมีหลักสูตรการเรียนการสอนการใช้สื่อออนไลน์ในทางสร้างสรรค์และรู้เท่าทันผลร้ายจากการใช้สื่อออนไลน์ที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แนวแนะฯ อย่างจริงจัง เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบองค์ความรู้อย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ หน่วยงาน/องค์กรที่นำแนวแนะฯ ไปใช้ ควรเพิ่มกรมอนามัยและหน่วยงานบริการสาธารณสุขซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้ความรู้ ทักษะ การเลี้ยงดูเด็กแก่พ่อแม่ หรือผู้เลี้ยงดูเด็ก รวมทั้งควรมีการติดตามและประเมินผลเพื่อให้ทราบถึงความก้าวหน้าของการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม พิจารณาแนวทางสร้างจิตสำนึก ตลอดจนปลูกฝังค่านิยมที่ดีของสังคมให้เกิดขึ้นตั้งแต่ระดับสถาบันครอบครัว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
420 | (ร่าง) แผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2559 - 2564) | วธ | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ (ร่าง) แผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) เพื่อเป็นกลไกสำคัญของรัฐในการแก้ไขปัญหาสังคมที่เป็นวิกฤตคุณธรรมของคนในชาติ ให้เกิดความสมดุล ทั้งทางวัตถุและจิตใจ ประเทศชาติและประชาชนมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน มีเป้าประสงค์เพื่อให้สังคมไทยมีคุณธรรม คนไทยปฏิบัติตนตามหลักคำสอนทางศาสนาที่ตนนับถือ น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ ธำรงรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันดีงามของไทย และอยู่ร่วมกันด้วยสันติสุขในประเทศไทย ประชาคมอาเซียน และประชาคมโลกอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อน ได้แก่ (๑) วางระบบรากฐานการเสริมสร้างคุณธรรมในสังคมไทย (๒) สร้างความเข้มแข็งในระบบการบริหารจัดการด้านการส่งเสริมคุณธรรมให้เป็นเอกภาพ (๓) สร้างเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริมคุณธรรม และ (๔) ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแบบอย่างด้านคุณธรรมในประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก ๑.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนแม่บทฯ ไปปฏิบัติและรายงานผลต่อคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ ให้สำนักงบประมาณใช้แผนแม่บทฯ เป็นแนวทางในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรให้มีการทบทวน/ยกเลิก/ปรับ รวมนโยบายและยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมที่มีความซ้ำซ้อน เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด รวมทั้งให้มีการทบทวนหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในแต่ละยุทธศาสตร์เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงานในปัจจุบัน ในส่วนของเป้าประสงค์สังคมไทยมีคุณธรรม เห็นควรมีการกำหนดคุณลักษณะภาพคนไทย สังคมไทยมีคุณธรรมในเรื่องใดบ้างให้เป็นรูปธรรมชัดเจนที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า สำหรับการนำสู่การปฏิบัติจำเป็นต้องดำเนินงานอย่างเข้มข้น รวมถึงการบังคับใช้กฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ อย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ ระยะเวลาตาม (ร่าง) แผนแม่บทฯ นอกจากนี้ ในยุทธศาสตร์ที่ ๑ วางระบบรากฐานการเสริมสร้างคุณธรรมในสังคมไทย กลยุทธ์ที่ ๔ วางระบบรากฐานการเสริมสร้างคุณธรรมของสถาบันเศรษฐกิจ แนวทางการดำเนินงานข้อ ๔.๔ ควรขยายให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ส่วนรายละเอียดงบประมาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานและจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ตามแผนแม่บทดังกล่าว โดยค่าใช้จ่ายภาครัฐที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วหรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงาน แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทฯ ให้มีความชัดเจนและเหมาะสม โดยกำหนดหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุนในแต่ละยุทธศาสตร์ให้สอดรับกับภาระหน้าที่ที่แต่ละหน่วยงานจะต้องดำเนินการ และพิจารณานำกลไกประชารัฐมาใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไปด้วย ทั้งนี้ กิจกรรมใดที่เป็นการดำเนินการซึ่งเกินกว่ากรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ให้นำเรื่องดังกล่าวบรรจุไว้ในแผนปฏิรูปเพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปที่จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินพิจารณาดำเนินการต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การเสนอโครงการที่ต้องเสนอขออนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี) |
.....