ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 23 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 441 - 460 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
441 | สรุปการจัดกิจกรรมเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ของกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปี พ.ศ. 2559 | วธ | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรายงานเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ของกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางในการป้องกันเพื่อไม่ให้มีการแต่งกายและแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมทั้งได้มีการรณรงค์ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์แบบไทยใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า" โดยได้มีการจัดกิจกรรมทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาค ดังนี้
๑. กิจกรรมในส่วนกลาง ๑.๑ จัดกิจกรรมรดน้ำขอพรศิลปินแห่งชาติและผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม จัดงานสงกรานต์เมษา ผ้าขาวม้ารวมใจ เล่นน้ำแบบไทย ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ณ สยามสแควร์ จัดงานสงกรานต์สืบสานประเพณี ส่งเสริมวิถีไทย ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และจัดงาน Water Festival 2016 เทศกาลวิถีน้ำ วิถีไทย ณ จุดต่าง ๆ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ๑.๒ จัดกิจกรรมร่วมกับวัดสำคัญ ๗ แห่ง เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้สัมผัสกับบรรยากาศและประเพณีสงกรานต์แบบดั้งเดิมที่งดงาม ๑.๓ จัดทำสื่อเพื่อใช้ในการรณรงค์ ส่งเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสาระและคุณค่าของประเพณีสงกรานต์ ๒. กิจกรรมในส่วนภูมิภาค ได้จัดกิจกรรมเพื่อสืบสานประเพณีสงกรานต์ และเฝ้าระวังเพื่อให้ประเพณีสงกรานต์เป็นไปอย่างสนุกสนานและปลอดภัย ตามวิถีถิ่น วิถีไทยของแต่ละท้องถิ่น รวมทั้งได้จัดกิจกรรมสงกรานต์อาเซียนร่วมกับจังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยมิติทางวัฒนธรรม ทั้งนี้ การจัดเทศกาลสงกรานต์ภายใต้แนวคิดดังกล่าวข้างต้นเป็นการอนุรักษ์ สืบสานประเพณีสงกรานต์ของไทย รวมทั้งเป็นการจูงใจให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกในปีต่อ ๆ ไป
|
|||||||||||||||||||||
442 | การขอความเห็นชอบในการปิดบัญชี "หัวใจไทย ส่งไปเนปาล" เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ณ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล | นร01 | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ปิดบัญชี “หัวใจไทย ส่งไปเนปาล” ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี ๐๖๗-๐-๑๐๓๓๐-๖ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) เสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางในการส่งมอบเงินบริจาคในบัญชี “หัวใจไทย ส่งไปเนปาล” จำนวน ๒๓๒,๒๕๖,๖๐๐.๖๘ บาท พร้อมดอกเบี้ย ณ วันปิดบัญชี ให้กับสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคต่อไป |
|||||||||||||||||||||
443 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เมืองเก่าพะเยา เมืองเก่าตาก เมืองเก่านครราชสีมา เมืองเก่าสกลนคร และเมืองเก่าสตูล | ทส | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าพะเยา เมืองเก่าตาก เมืองเก่านครราชสีมา เมืองเก่าสกลนคร และเมืองเก่าสตูล เพื่อประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ ๑.๒ กรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาและจัดทำรายละเอียดเพื่อดำเนินการต่อไป ประกอบด้วย ๑.๒.๑ แนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาทั่วไป มี ๗ ด้าน ได้แก่ (๑) การมีส่วนร่วมและการประชาสัมพันธ์ (๒) การสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน (๓) การส่งเสริมกิจกรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่น (๔) การส่งเสริมคุณภาพชีวิต (๕) การป้องกันภัยคุกคามจากมนุษย์และธรรมชาติ (๖) การประหยัดพลังงานด้านการสัญจรและสภาพแวดล้อม และ (๗) การดูแลและบำรุงรักษาอาคารและสาธารณูปการ ๑.๒.๒ แนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาสำหรับเขตพื้นที่ (Zoning) ในพื้นที่หลัก มี ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน (๒) ด้านอาคารและสภาพแวดล้อม (๓) ด้านระบบการจราจรและคมนาคมขนส่ง (๔) ด้านการพัฒนาภูมิทัศน์ และ (๕) ด้านการบริหารและการจัดการ ๑.๒.๓ แนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาสำหรับเขตพื้นที่ต่อเนื่อง มี ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน (๒) ด้านอาคารและสภาพแวดล้อม (๓) ด้านระบบการจราจรและคมนาคมขนส่ง และ (๔) ด้านการพัฒนาภูมิทัศน์ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าที่มีพื้นที่คาบเกี่ยวหรืออยู่ในเส้นทาง/เขตทาง/พื้นที่ของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งอาจมีการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เมืองเก่า จำเป็นต้องมีการตรวจสอบร่วมกันอีกครั้ง ส่วนกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า ควรมีการพิจารณาแนวทางและกรอบเวลาให้ชัดเจนเพื่อหน่วยงานจะได้สามารถวางแผนงาน/โครงการได้ รวมทั้งการดำเนินการใด ๆ กับโบราณสถาน ให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าประสานความร่วมมือกับภาคประชาชนและหน่วยงานในระดับพื้นที่หรือท้องถิ่นเพื่อให้มีความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า ๕ เมืองดังกล่าว โดยในการดำเนินงานของส่วนราชการหากมีภาระด้านงบประมาณเพิ่มเติม ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม รวมถึงการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้ครอบคลุมครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
444 | สรุปผลการดำเนินงาน "มหกรรมวัฒนธรรม วิถีถิ่น วิถีไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 70 ปี และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 " | วธ | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรายงานสรุปผลการดำเนินงาน “มหกรรมวัฒนธรรม วิถีถิ่น วิถีไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙” ว่าได้จัดงานดังกล่าวเพื่อส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สืบสานมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน รวมถึงการขยายเครือข่ายความร่วมมือด้านศิลปวัฒนธรรมและการเพิ่มพื้นที่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งช่วยสร้างความสุขให้แก่คนไทยและสร้างรายได้ให้แก่ศิลปินและชุมชนผู้ประกอบการในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาใช้เพิ่มพูนรายได้ให้แก่ประชาชน โดยมีรายละเอียดของกิจกรรม ดังนี้
๑. ส่วนกลาง จัดขึ้น ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วยการลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มหกรรมการแสดงพื้นบ้านจากทั่วประเทศ มหกรรมการแสดงยอดนิยม กิจกรรมงานวัด การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทย การสาธิตมรดกภูมิปัญญา และการจัดจำหน่ายอาหาร ขนม สินค้าและผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมจาก ๔ ภูมิภาคจากภูมิปัญญาไทย ๒. ส่วนภูมิภาค ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับ ๔ จังหวัดหลักของแต่ละภูมิภาคและชุมชนต่าง ๆ จัดกิจกรรมการแสดงพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงแสดงถึงเอกลักษณ์ของท้องถิ่น และการแสดงดนตรีและนาฏศิลป์ โดยความร่วมมือของประเทศในประชาคมอาเซียนและนานาชาติ ซึ่งถือเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศผ่านมิติทางวัฒนธรรมด้วย
|
|||||||||||||||||||||
445 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมหรือมีความพร้อมต่อการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์กรระหว่างประเทศ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาการดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย (Illegal Unreported and Unregulated Fishing : IUU Fishing) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการผลิตสินค้าร่วมกันภายในอาเซียน (ASEAN Brand) เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงการผลิตในภูมิภาค ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกและเกิดประโยชน์กับประชาชนในอาเซียน อันจะส่งผลให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในอาเซียนต่อไป ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านจัดทำแผนการปฏิรูปภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบที่จะดำเนินการในช่วงปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการทั้งในเชิงการบริหารงานและการบริหารงบประมาณ ทั้งนี้ ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาภายในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ นั้น ในการดำเนินการดังกล่าวให้มี Roadmap ในแต่ละภารกิจที่ชัดเจน โดยจำแนกเป็นภารกิจหลัก ภารกิจรอง และภารกิจเสริม และให้ความสำคัญใน ๕ ประเด็นหลัก ได้แก่ ความพร้อมในด้านกฎหมาย การกำหนดกลไกการขับเคลื่อนการวางแผนการบริหารจัดการในระยะยาวอย่างเป็นระบบ การบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ๒.๒ ตามที่ปัจจุบันได้มีการปลอมแปลงเอกสารหรือเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จบนเว็บไซต์และเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Media) ทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน เช่น การปลอมแปลงหนังสือราชการแจ้งมติคณะรัฐมนตรี จึงให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ [กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)] กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพิจารณาดำเนินการติดตามและตรวจสอบผู้กระทำผิดที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าวและดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป ๒.๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อให้เทศกาลสงกรานต์เป็นไปเพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามของไทย ๒.๓.๑ ให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์ให้ประชาชนร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามของไทย เช่น การรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ การเล่นน้ำอย่างสุภาพ การแต่งกายให้เหมาะสม รวมทั้งสนับสนุนการจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย ๒.๓.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยของประชาชน เช่น การเข้มงวดกวดขันวินัยจราจร การจัดชุดเฝ้าระวังและช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุ การตรวจสอบไฟส่องสว่างบนท้องถนน การป้องกันวินาศกรรม รวมทั้งดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ โดยเคร่งครัด ๒.๔ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานความร่วมมือกับประเทศที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญหรือประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการน้ำ เช่น ประเทศอิสราเอลเพื่อมาให้คำแนะนำแก่ประเทศไทย ๒.๕ ให้ทุกส่วนราชการตรวจสอบอายุการใช้งานของวัสดุ อุปกรณ์ หรือระบบงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงาน โดยเฉพาะภารกิจที่สำคัญและมีผลกระทบต่อประชาชนให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยวางแผนการใช้งาน การซ่อมบำรุงรักษา การจัดหาของใหม่เพื่อทดแทนของเดิมที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพ รวมทั้งจัดทำแผนการของบประมาณเพื่อให้สามารถดำเนินการดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่องด้วย ๒.๖ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและแก้ไขปัญหากรณีที่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโดยเฉพาะกุ้งในพื้นที่น้ำจืดได้ใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยง ซึ่งการใช้ความเค็มดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่ดังกล่าวด้วย ๒.๗ ให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์มในน้ำมันไบโอดีเซลสำหรับรถยนต์ชนิดต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๒.๘ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยให้รายงานผลการดำเนินการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุกเดือน
|
|||||||||||||||||||||
446 | แนวทางและมาตรการรณรงค์การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าเนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2559 (สงกรานต์แบบไทย ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า) | วธ | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอแนวทางและมาตรการรณรงค์การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าเนื่องในประเพณีสงกรานต์ ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์แบบไทย ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า” โดยบูรณาการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดแนวทางและมาตรการรณรงค์การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าเนื่องในประเพณีสงกรานต์ รวมทั้งเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกอบด้วย ๒ มาตรการ ดังนี้
๑. การรณรงค์ เรื่อง สงกรานต์แบบไทย ๑.๑ ขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันสืบสานประเพณีสงกรานต์แบบไทยให้คงไว้ เช่น การไปทำบุญตักบาตร การสรงน้ำพระพุทธรูป การสรงน้ำพระสงฆ์ การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ควรใช้น้ำสะอาด เล่นน้ำอย่างสุภาพ แต่งกายด้วยผ้าไทย และแต่งกายให้เหมาะสมในเทศกาลสงกรานต์ ๑.๒ จัดให้มีการสวดมนต์ขอพรรับวันขึ้นปีใหม่ไทย เพื่อรณรงค์ให้คนไทยเข้าวัดมากขึ้นในเทศกาลสงกรานต์ ๑.๓ รณรงค์ละเว้นอบายมุขและสิ่งมึนเมา เพื่อลดอุบัติเหตุและลดอาชญากรรมต่าง ๆ ในเทศกาลสงกรานต์ ๒. การรณรงค์ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ๒.๑ กำหนดสถานที่ให้ประชาชนเล่นน้ำเป็นการเฉพาะ โดยขอความร่วมมือจากประชาชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดูแล รักษา และควบคุมการใช้ปริมาณน้ำ ๒.๒ ขอความร่วมมือไม่ใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือย เช่น ไม่นำน้ำใส่รถกระบะเล่นสาดน้ำกัน หรือใช้สายยางฉีดน้ำใส่กันบริเวณท้องถนนหรือบริเวณจัดงานต่าง ๆ ๒.๓ กำหนดระยะเวลาและปริมาณการจ่ายน้ำ รวมทั้งจุดบริการน้ำ เพื่อให้การจัดกิจกรรมงานสงกรานต์มีการใช้น้ำอย่างประหยัด
|
|||||||||||||||||||||
447 | รายงานผลการจัดงาน "ตลาดวัฒนธรรม ทุนวัฒนธรรมสร้างชาติ ตลาดวัฒนธรรมสร้างสุข" | วธ | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการดำเนินงาน “ตลาดวัฒนธรรม ทุนวัฒนธรรมสร้างชาติ ตลาดวัฒนธรรมสร้างสุข” ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ระหว่างวันที่ ๑-๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เพื่อสนับสนุน ส่งเสริม และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม โดยรูปแบบของตลาดได้จัดให้สอดคล้องกับเทศกาลสำคัญ ได้แก่ ตลาดมั่งมีศรีสุข ตลาดสร้างรัก ตลาดสร้างสุข และตลาดสร้างบุญ โดยนำผู้ประกอบการจากทั่วประเทศ และหน่วยงานในสังกัดมาร่วมจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม จำนวน ๕๑๙ ร้าน มียอดผู้เข้าชมงาน จำนวน ๑๕๒,๗๘๖ คน มียอดรายได้ จำนวน ๒๖,๒๗๘,๑๙๒ บาท และมียอดสั่งซื้อ จำนวน ๑๒,๒๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๓๘,๔๗๘,๑๙๒ บาท ซึ่งผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับการจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารมากที่สุด รองลงมา คือ เครื่องดื่ม ผ้า เครื่องประดับ ตามลำดับ และเพื่อขยายผลการจัดงานกระทรวงวัฒนธรรมได้จัดกิจกรรมเสริม ดังนี้
๑. นำคณะนักศึกษาอาสาสมัครจากประเทศออสเตรเลียกว่า ๔๐ คน ชมการแสดงและเลือกซื้อสินค้า ๒. พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรมนำคณะทูตานุทูตและผู้แทน ๑๕ ประเทศ เยี่ยมชมสินค้าทางวัฒนธรรมและการแสดงทางวัฒนธรรม ๓. จัดเสวนาทางวิชาการ “เรื่อง แนวทางการจัดตลาดทางวัฒนธรรม” ให้กับวัฒนธรรมจังหวัดและเครือข่ายชุมชนวัฒนธรรม ๔. การต่อยอดและจับคู่ธุรกิจของร้านค้า
|
|||||||||||||||||||||
448 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... | วธ | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... โดยกระทรวงวัฒนธรรมอยู่ระหว่างยกร่างประกาศคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เรื่อง การกำหนดลักษณะของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เตรียมการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษา ระดมความคิด และยกร่างระเบียบที่เกี่ยวข้องเมื่อพระราชบัญญัติมีผลบังคับใช้แล้ว และมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแล้วจะนำเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้ความเห็นชอบและออกระเบียบเกี่ยวข้อง จัดเตรียมรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิด้านมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและด้านบริหารจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม รวมทั้งจัดทำคู่มือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... และจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ปฏิบัติงานและประชาชนทั่วไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
449 | การเดินทางเยือนประเทศอินเดียเพื่อหารือเรื่องการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ | นร04 | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานเกี่ยวกับการเดินทางเยือนประเทศอินเดียเพื่อหารือเรื่องการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ระหว่างวันที่ ๖-๙ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การหารือระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดีย รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ในฐานะประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ได้เข้าเยี่ยมคารวะมุขมนตรี และรัฐมนตรีแห่งรัฐมหาราษฏระ ซึ่งรับผิดชอบงานด้านการศึกษา อาชีวศึกษา การศึกษาด้านการแพทย์และวัฒนธรรม เพื่อหารือในประเด็นความร่วมมือเกี่ยวกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม และการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน รวมทั้งได้พบหารือกับผู้แทนส่วนราชการ ผู้ประกอบการด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของอินเดียเพื่อเตรียมการจัดทำข้อตกลงการร่วมทุนด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์ระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดีย ๑.๒ ผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็นการเปิดมิติความร่วมมือทวิภาคีด้านภาพยนตร์ระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดีย ทั้งด้านการลงทุน การสร้างงาน และการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านภาพยนตร์ในอนาคต โดยภาครัฐอินเดียยินดีสนับสนุนและเห็นโอกาสที่จะร่วมลงทุน เช่น การเปิดตลาดภาพยนตร์ไทยในประเทศอินเดียและการถ่ายทำภาพยนตร์อินเดียในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของไทย นอกจากนี้ยังส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมโดยจะมีการแลกเปลี่ยนและการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับศิลปวัตถุ และโบราณวัตถุ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางในการดำเนินการเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องสอดคล้องกับข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||
450 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชนด้วยแนวคิดเมืองนิเวศ) | อก | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชนด้วยแนวคิดเมืองนิเวศ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยกับการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศแห่งชาติ แต่ไม่จำเป็นต้องจัดตั้งองค์กรใหม่ เนื่องจากกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีการดำเนินการตามภารกิจเพื่อให้มีการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชนด้วยแนวคิดเมืองนิเวศอยู่แล้ว นอกจากนี้ เห็นชอบกับข้อเสนอการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายที่มีอยู่ให้เอื้อต่อการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยต้องมีการรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรเพิ่มความชัดเจนในดัชนีชี้วัดความสำเร็จเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในมิติทางด้านเศรษฐกิจ การนำแนวทางประชารัฐและวิสาหกิจเพื่อสังคมมาปรับใช้ในการจัดทำแผนขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กรอบแนวคิดและความหมายของเมืองนิเวศเชิงอุตสาหกรรม รวมทั้งการกำหนดมาตรการสนับสนุนและผลักดันในเรื่อง (๑) การสร้างมูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้แก่ชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม (๒) การกำหนดที่ตั้งและการดูแลพื้นที่กันชนอุตสาหกรรม (Industrial buffer Zone) (๓) การป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งขึ้นใหม่ (๔) การดำเนินการด้านบรรษัทภิบาลหรือความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และควรมีแผนการบริหารจัดการน้ำที่ชัดเจน เช่น การไม่ทิ้งน้ำเสียออกนอกเขตอุตสาหกรรม (Zero Discharge) การจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเปรียบเทียบบทบาทและหน้าที่ขององค์กรนิเวศอุตสาหกรรมกับหน่วยงานที่มีอยู่ภายในกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานภายนอกที่มีลักษณะการทำงานใกล้เคียงกับประเภทขององค์กร การพิจารณาให้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าการประเมินวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Assessment : LCA) เป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์การพิจารณาในตัวชี้วัดการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชนในทุกมิติ การบูรณาการกฎหมาย/กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน การปรับปรุงและพัฒนากลไกการบริหารจัดการความร่วมมือและการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพ การบูรณาการและกำหนดแผนการทำงานที่ชัดเจนร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบเข้ามามีส่วนร่วม ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาดังกล่าวของกระทรวงอุตสาหกรรมให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
451 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวัฒนธรรม) (จำนวน 3 ราย 1. นายสุเทพ เกษมพรมณี ฯลฯ) | วธ | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายสุเทพ เกษมพรมณี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายมานัส ทารัตน์ใจ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายพีรพน พิสณุพงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
452 | รายงานผลการดำเนินงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา (กระทรวงวัฒนธรรม) | วธ | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการดำเนินงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน คณะสงฆ์ และเครือข่ายทางศาสนา รวม ๕๐ องค์กร จัด “งานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลมาฆบูชา” ในทุกพื้นที่และกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ดังนี้ ๑.๑ ส่วนกลาง : ได้จัดกิจกรรมที่วัดต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานครและมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยจัดให้เป็น “พุทธอุทยานเวฬุวันเพ็ญเดือนมาฆะ” ซึ่งมีกิจกรรมเกี่ยวกับ (๑) การเรียนรู้ธรรมะจากพุทธพจน์ (๒) การประกวดในกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมทางพระพุทธศาสนา (๓) กิจกรรม “ล่องเรือไหว้พระ ๙ วัด อิ่มบุญสุขใจ” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และ (๔) กิจกรรม “ธรรมะสู่คนทั้งมวล” เพื่อคนพิการได้เข้าถึงศาสนา ๑.๒ ส่วนภูมิภาค : ได้จัดกิจกรรมอย่างทั่วถึงทุกจังหวัด โดยในส่วนของจังหวัดตามแนวชายแดนได้มีประชาชนจากพื้นที่ชายแดนและประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนเข้าร่วมกิจกรรมมาฆบูชาเพื่อสานสัมพันธ์อาเซียนด้วย ทั้งนี้ ทุกกระทรวงได้ร่วมรณรงค์ให้ข้าราชการสวมใส่ชุดขาวเข้าวัดปฏิบัติธรรม ประดับธงธรรมจักรหน้าหน่วยงาน และเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมทางศาสนา รวมทั้งเชิญชวนให้หน่วยงานในสังกัดสร้างความตระหนักรู้ในคุณค่าของหลักธรรม เสริมสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะที่เป็นเมืองพระพุทธศาสนาโลก และสืบทอดพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่ชาติไทยสืบไป ๒. ในระยะต่อไปให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการ/กิจกรรมที่ประชาชนในทุกศาสนาเข้ามามีส่วนร่วมได้ เพื่อปลุกจิตสำนึกของประชาชนในเรื่องคุณธรรม จริยธรรม การรักษาระเบียบวินัย และการเคารพกฎหมาย เพื่อให้ประเทศพัฒนาไปในแนวทางที่มีความสงบสุขและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
453 | การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน 2559 และเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2559 | นร04 | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ จึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ประสานงานกับสำนักพระราชวังและสำนักราชเลขาธิการ เพื่อเตรียมการจัดพระราชพิธี และศาสนพิธีในโอกาสดังกล่าวให้เป็นไปตามโบราณราชประเพณีและสมพระเกียรติต่อไป ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีประสานงานกับสถาบันสิริกิติ์ สำนักราชเลขาธิการ ในการจัดสร้างถาวรวัตถุเป็นที่ระลึกเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวาย ๓. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีประสานงานกับสำนักราชเลขาธิการ ในการจัดทำตราสัญลักษณ์และหนังสือจดหมายเหตุ ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินโครงการ "ปลูกไทย... ในแบบพ่อ" ๕. ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินโครงการขุดลอกคูคลองทั่วประเทศตามแนวพระราชดำริ
|
|||||||||||||||||||||
454 | การร่วมรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา | นร04 | 01/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานผลการร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเสด็จฯ เยือนราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ได้จัดงานเลี้ยงรับรองอย่างเป็นทางการ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเสด็จฯ เยือนราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อทอดพระเนตรโครงการที่ได้รับพระราชทานความช่วยเหลือด้านการศึกษา ซึ่งมีส่วนสำคัญยิ่งในการส่งเสริมและพัฒนาด้านการศึกษาร่วมกัน ส่งเสริมความเข้าใจอันดี และเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ ๖๕ ปี ความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งจะเกื้อกูลต่อการขยายความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ร่วมกันต่อไป ในโอกาสนี้ สถาบันการดนตรีกัลยาณิวัฒนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้ร่วมกับฝ่ายกัมพูชาจัดงานแสดงคอนเสิร์ตดุริยางค์เยาวชนสถาบันการดนตรีกัลยาณิวัฒนาร่วมกับเยาวชนดนตรีกัมพูชาเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ด้วย ๒. การหารือระหว่างฝ่ายไทยนำโดยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) กับฝ่ายกัมพูชานำโดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายฮอร์ นัมฮง) และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสก อาน) ในประเด็นความร่วมมือในมิติต่าง ๆ การเสริมสร้างมิตรภาพ และการจัดกิจกรรมร่วมระหว่างกัน
|
|||||||||||||||||||||
455 | ผลการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล | วธ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรายงานว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้เริ่มให้บริการสืบค้นงานด้านวัฒนธรรมในระบบดิจิทัลในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยให้บริการเกี่ยวกับ (๑) หอสมุดแห่งชาติออนไลน์ : การบริการสืบค้นหนังสือสำคัญ (๒) จดหมายเหตุอิเล็กทรอนิกส์ : การบริการสืบค้นภาพเก่าและเอกสารสำคัญ และ (๓) การสืบค้นข้อมูลด้านโบราณคดีและโบราณวัตถุผ่านเว็บไซต์ ซึ่งปัจจุบันได้เพิ่มบริการด้านอื่น ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. บริการนำชมพิพิธภัณฑสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ และโบราณสถานสำคัญ โดยใช้โปรแกรม Museums Pool และ QR code เพื่อดาวน์โหลดข้อมูลจากป้ายคำอธิบายแสดงบนโทรศัพท์พร้อมภาพประกอบ ๒. การจัดทำ “Thai Culture Mobile Application : ศิลปวัฒนธรรมไทย อยู่ที่ไหนก็เรียนรู้ได้” เพื่อบริการข้อมูลด้านวัฒนธรรมอย่างครบวงจร มีการทำงานเป็น ๒ รูปแบบ ได้แก่ ๒.๑ รูปแบบที่ ๑ การแสดงผลเสมือนเป็นแผนที่นำทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม ครอบคลุมรัศมี ๑๐ กิโลเมตร จากตำแหน่งที่ผู้ใช้งาน ปัจจุบันสามารถใช้งานได้ ๓ ภาษา คือ ภาษาไทย อังกฤษ และจีน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และอยู่ระหว่างขยายผลให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ๒.๒ รูปแบบที่ ๒ การสืบค้นข้อมูลองค์ความรู้ด้านวัฒนธรรมจากฐานข้อมูลของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม เช่น วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ศิลปะการแสดง ทั้งนี้ “Thai Culture Mobile Application” เป็นอีกทางเลือกในการเข้าถึงต้นทุนทางวัฒนธรรมสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่สามารถนำไปต่อยอดสร้างอาชีพและสร้างรายได้ภายใต้ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อสังคมไทย และยังช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ให้หน่วยงานอื่นเชื่อมโยงข้อมูลต่อยอดเพื่อบริการประชาชนและนักท่องเที่ยวให้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||
456 | ผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 เมื่อวันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2559 | นร11 | 16/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๙ และเห็นชอบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. การฟื้นฟูและพัฒนาบึงบอระเพ็ดอย่างเป็นเอกภาพเพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำและการท่องเที่ยว มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณากำหนดแนวทางการฟื้นฟูและพัฒนาบึงบอระเพ็ด รวมทั้งกลไกการบริหารจัดการให้เป็นเอกภาพ โดยคำนึงถึงหลักการพัฒนาพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืน ตลอดจนความสอดคล้องกับแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐด้วย ๒. การแก้ไขปัญหาภัยแล้งโดยการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลพิจารณาดำเนินการในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเป็นอันดับแรก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้งในพื้นที่โดยความร่วมมือตามแนวทางประชารัฐ ๓. การส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ ๓.๑ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการต่อยอดเส้นทางจักรยานที่ยาวที่สุดในเอเชียจากจังหวัดชัยนาทสู่จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดกำแพงเพชร ระยะทาง ๑๘๔.๔ กิโลเมตร และโครงการขยายไหล่ทางเส้นทางมรดกโลกห้วยขาแข้งสู่เมืองมรดกโลกกำแพงเพชรเส้นทางหลวงชนบท หมายเลข ๓๔๕๖ หมายเลข ๓๕๐๔ และหมายเลข ๑๐๗๒ ระยะทางรวมประมาณ ๙๐ กิโลเมตร โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้เป็นสำคัญ ๓.๒ มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหารือกับกระทรวงมหาดไทยพิจารณาความเหมาะสมของโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี รวมทั้งให้ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ Night & Live Historical Park อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร โดยคำนึงถึงกลุ่มคลัสเตอร์ท่องเที่ยวในประเทศและความเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน ๔. การกระตุ้นการจับจ่ายและท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยจัด “เทศกาล กิน ช๊อป เที่ยวของดี ๔ จังหวัด มีรางวัล” มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมกับกระทรวงมหาดไทยพิจารณากิจกรรมในการดำเนินงานและการใช้ประโยชน์จากงบประมาณของท้องถิ่นที่มีอยู่แล้วตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ๕. การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพครบวงจร (Bio Hub) เพื่อการเกษตรยั่งยืน มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาข้อเสนอการกำหนดให้จังหวัดนครสวรรค์เป็นจังหวัดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษคลัสเตอร์อุตสาหกรรมชีวภาพเพื่อส่งเสริมการลงทุนโครงการอุตสาหกรรมชีวภาพครบวงจรเพื่อการเกษตรยั่งยืนตามที่ภาคเอกชนเสนอไปพิจารณาในรายละเอียด เนื่องจากการส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารชีวภาพ (Bio Food) และอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพ (Bio Fuel) อยู่ในอุตสาหกรรม S-Curve ที่ให้การส่งเสริมการลงทุนอยู่แล้ว ทั้งนี้ ให้สถาบันการศึกษาในพื้นที่ดำเนินการวิจัยและพัฒนา (R&D) ในประเด็นที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ รวมทั้งการผลิตกำลังคนที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด |
|||||||||||||||||||||
457 | การดำเนินการโครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ภายใต้แนวคิด "ของขวัญปีใหม่ จากรัฐบาลไทย นำความเป็นไทยสู่ใจประชาชน" ในปี 2559 ของกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 16/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการดำเนินการโครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ภายใต้แนวคิด “ของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลไทย นำความเป็นไทยสู่ใจประชาชน” ในปี ๒๕๕๙ ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
๑. อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ ๙ องค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติให้ประชาชนเข้าสักการะ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เพื่อความเป็นสิริมงคล ๒. การเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงธรรมะ โดยร่วมกับวัดประจำรัชกาล ๙ วัด และองค์กรเครือข่ายเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้าวัดปฏิบัติธรรมตามหลักพระพุทธศาสนา ๓. การเปิดอุทยานประวัติศาสตร์ ๙ แห่ง โบราณสถานต่าง ๆ ทั่วประเทศ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ๔๑ แห่ง และแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม เพื่อให้ประชาชนได้รับความรู้และเกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของชาติ ๔. กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี “ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย-ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ” และกิจกรรมสวดมนต์อาเซียน ๑๔ จังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อใช้มิติศาสนาเชื่อมความสัมพันธ์ รวมทั้งวัดไทยในต่างประเทศได้ริเริ่มจัดงานด้วย
|
|||||||||||||||||||||
458 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร | 09/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) และรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้ ๑.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงานว่า ๑.๑.๑ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดชาวต่างชาติรายสำคัญ รวม ๖ คน ที่ลักลอบเข้าประเทศไทยและทำการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง (Passport) ของประเทศต่าง ๆ จำหน่ายให้แก่ผู้ที่ต้องการเดินทางไปประเทศที่สามมาเป็นเวลานาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะขยายผลการจับกุมต่อไป ทั้งนี้ ตั้งแต่หลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถดำเนินการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ๑.๑.๒ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖/๒๕๕๙ เรื่อง การคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เพื่อให้การคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่อยู่ภายใต้กฎหมาย ประกาศ และคำสั่งหลายฉบับที่มีกระบวนการและขั้นตอนการปฏิบัติที่แตกต่างกัน สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗/๒๕๕๙ เรื่อง การกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวน ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งให้สอดคล้องกับโครงสร้าง และระบบการบังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะส่งผลในการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในงานสอบสวนต่อไป ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานว่า ปัจจุบันมีหลายประเทศที่กำหนดมาตรการจูงใจเพื่อให้ผู้ประกอบการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้กำหนดมาตรการที่จะดึงดูดให้ผู้ประกอบการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทำให้สูญเสียโอกาสในการเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ที่มีเงินลงทุนสูงหลายเรื่อง จึงควรมีการหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป ๑.๓ รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า ๑.๓.๑ เนื่องจากวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น "วันนักประดิษฐ์" ซึ่งเป็นการระลึกถึงวันที่จดทะเบียนและทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรการประดิษฐ์ "เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย" หรือ "กังหันชัยพัฒนา" แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จึงได้มีการจัดงาน “วันนักประดิษฐ์” ประจำปี ๒๕๕๙ ระหว่างวันที่ ๒-๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยในงานดังกล่าวได้มีการมอบรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติและจัดนิทรรศการผลงานสิ่งประดิษฐ์ของไทย เช่น นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งการประดิษฐ์ไทย” นิทรรศการรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ การแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผลงานประดิษฐ์คิดค้นที่ได้รับรางวัลจากนานาชาติ และผลงานสิ่งประดิษฐ์ระดับภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ จะได้สรุปผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเพื่อส่งให้ส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาใช้ประโยชน์ต่อไป ๑.๓.๒ ผลการตรวจการปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญและยโสธรพบว่า ประชาชนในพื้นที่มีความพอใจในมาตรการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ดำเนินการในพื้นที่ เช่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่ส่วนราชการต่าง ๆ จะขับเคลื่อนการดำเนินงานต่อไป โดยเฉพาะการขยายตลาดประชารัฐซึ่งประชาชนเห็นว่าเป็นการสร้างอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ประชาชนยังมีความต้องการให้ส่วนราชการสนับสนุนการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกอบอาชีพเสริมและการเพิ่มมูลค่าผลผลิตต่าง ๆ ด้วย ๑.๔ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานว่า ๑.๔.๑ การสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศจำเป็นที่จะต้องปรับยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศไทยให้เน้นการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเป็น Gateway สู่ภูมิภาคอาเซียนได้อย่างแท้จริง ๑.๔.๒ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้อนุมัติไปแล้วโดยเฉพาะโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ และมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงครึ่งแรกของปี ส่วนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี รัฐบาลจำเป็นต้องร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการนำเงินงบประมาณที่ได้รับมาลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการพัฒนาพื้นที่และเพิ่มศักยภาของชุมชน รวมทั้งเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่โดยเฉพาะโครงการภายใต้การกำกับของกระทรวงคมนาคมให้สามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ภายในไตรมาสที่ ๓ และ ๔ ๑.๔.๓ การหารือร่วมกับกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินของรัฐ ประกอบด้วยธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐ โดยสถาบันการเงินของรัฐทั้ง ๓ แห่งจะให้การสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในประเทศในปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำจะช่วยให้โครงการมีความน่าสนใจมากขึ้น ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ มาตรการ ผลตอบแทนและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยในรูปแบบมาตรการคืนเงินให้เกิดความรอบคอบ รัดกุม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
459 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจร้านเกมและอินเทอร์เน็ต | วธ | 09/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเรื่อง ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจร้านเกมและอินเทอร์เน็ตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย การมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่าง ๆ พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ การดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ การปรับปรุง ระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ทันต่อสถานการณ์ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
460 | สรุปผลการพิจารณาข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง เสรีภาพในการถือศาสนา เสรีภาพในการปฏิบัติตามศาสนธรรม ศาสนบัญญัติ และการเลือก ปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม กรณีการห้ามสตรีที่นับถือศาสนาอิสลามสวมฮิญาบ | วธ | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง เสรีภาพในการถือศาสนา เสรีภาพในการปฏิบัติตามศาสนธรรม ศาสนบัญญัติ และการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม กรณีการห้ามสตรีที่นับถือศาสนาอิสลามสวมฮิญาบ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป โดยผลการพิจารณาสรุปได้ ดังนี้
๑. ในปัจจุบันไม่มีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศและคำสั่งใดที่เป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกทางศาสนา รวมทั้งการแต่งกาย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากหน่วยงานระดับปฏิบัติการในบางพื้นที่ ที่ยังไม่ทราบแนวทางปฏิบัติในเรื่องดังกล่าว จึงให้ทุกหน่วยงานได้แจ้งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศและคำสั่งให้หน่วยงานในความรับผิดชอบและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ออกมาอย่างเคร่งครัด ๒. กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๓ ฉบับ เพื่อกำหนดแนวทางการแต่งกายของพยาบาล นักเรียนและนักศึกษาพยาบาลที่นับถือศาสนาอิสลามให้เป็นลักษณะเดียวกัน ๓. ทุกหน่วยงานยินดีให้ความร่วมมือในการสร้างความเข้าใจและความตระหนักในการเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางศาสนา รวมถึงการแต่งกาย แต่ไม่สามารถกำหนดมาตรการหรือบทลงโทษใด ๆ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ประกอบการได้ ๔. ทุกหน่วยงานได้มีการปรับปรุง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับสิทธิในการแต่งกายตามหลักศาสนาของสตรีผู้นับถือศาสนาอิสลามไว้แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตรากฎหมายกลาง
|
.....