ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 28 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 541 - 560 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
541 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ พ.ศ. .... | ทส | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย กรอบทิศทาง และแนวทาง รวมถึงการกำหนดท่าทีของราชอาณาจักรไทยเกี่ยวกับการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรแก้ไขสาระในร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ได้แก่ คำว่า “สำนักงานฯ” เป็น “สำนักงาน” (ตัดเครื่องหมาย “ฯ” ออก) และ “แหล่งมรดกทางวัฒนธรรม” แก้ไขเป็น “มรดกทางวัฒนธรรม” (ตัด “แหล่ง” ออก) รวมทั้งองค์ประกอบของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เห็นควรให้แต่งตั้ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม” เป็นรองประธานกรรมการเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
542 | การจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างปี 2558 - 2560 | วธ | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ โดยแผนปฏิบัติการฯ เป็นแผนงานที่กำหนดรายละเอียดโครงการหรือกิจกรรมด้านวัฒนธรรมที่จะดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่องในระยะเวลา ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐) เป็นข้อตกลงย่อย (arrangement) ภายใต้ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้งด้านวัฒนธรรม และเป็นประโยชน์ต่อการขยายผลทางการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวระหว่างสองฝ่ายต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในแผนปฏิบัติการฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นสามารถปรับปรุงถ้อยคำของแผนปฏิบัติการฯ ได้เท่าที่ไม่ขัดกับหลักการและสาระสำคัญที่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีหรือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. กระทรวงการต่างประเทศไม่จำเป็นต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||||||||||||||
543 | โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 ของกระทรวง วัฒนธรรม | วธ | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่งประกอบด้วย โครงการและกิจกรรมในมิติของศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพ พระปรีชาสามารถในด้านศิลปวัฒนธรรม และการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ด้านศาสนา ได้แก่ ๑.๑ โครงการบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุ สามเณร และบวชศีลจาริณีภาคฤดูร้อนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๑.๒ โครงการเทศน์มหาชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ วัดในกรุงเทพมหานคร และทุกจังหวัดทั่วประเทศ ๒. ด้านศิลปะและวัฒนธรรม ได้แก่ ๒.๑ โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ๒.๒ โครงการนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๒.๓ โครงการจิตรกรรมเฉลิมพระเกียรติพระราชกรณียกิจสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๓. ด้านดนตรี วรรณศิลป์ และนาฏศิลป์ ได้แก่ ๓.๑ โครงการเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีกับการดนตรี ๓.๒ โครงการแสดงดนตรีไทยโดยครูอาวุโสแห่งรัตนโกสินทร์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๓.๓ โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา ๔. ด้านการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ได้แก่ ๔.๑ โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐประชาชนจีน ๔.๒ โครงการประชุมวิชาการนานาชาติ เรื่อง The 2nd International Conference Study of Oriental Lacquer initiated by H.R.H. Princess Maha Chakri Sirindhorn for the Revitalization of Thai Wisdom ๔.๓ โครงการประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่อง วัฒนธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
544 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย - ศรีสัชนาลัย - กำแพงเพชร | อพท | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทการบูรณาการการบริหารพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร ที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๕) ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่นำเสนอในแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร ให้เหมาะสม รวมทั้งจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑ ปี และกำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน รวมถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่กำหนดเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในลักษณะปีต่อปี โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของโครงการ และประโยชน์สูงสุดต่อภาระงบประมาณของประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
545 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทอง | อพท | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรม/โครงการใด ๆ ในบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง ให้คำนึงถึงความกลมกลืนและสอดคล้องกับความเป็นเมืองเก่าด้วย และเห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองโบราณอู่ทองที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๖) ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และให้ความสำคัญกับกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับแหล่งประวัติศาสตร์ และโบราณสถาน เน้นบทบาทการมีส่วนร่วมของชุมชนทั้งในฐานะของผู้ให้และผู้รับ รวมถึงให้ความสำคัญลำดับแรกกับการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นสินค้าหลักของพื้นที่พิเศษ และการแก้ไขปัญหาพื้นฐานของการส่งเสริมท่องเที่ยวในพื้นที่ ได้แก่ การพัฒนาเส้นทางคมนาคมเพื่อการเข้าถึงพื้นที่เมืองโบราณอู่ทอง และการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ด้านการตลาด นอกจากนี้ ควรพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสม โดยจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑ ปี และกำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน รวมทั้งแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่กำหนด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณีองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
546 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน | อพท | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ในส่วนของแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ในพื้นที่เมืองเก่า ควรคำนึงถึงการรักษาคุณ ค่าความสำคัญดั้งเดิมของโบราณสถาน อาคาร สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เหมาะสมสอดคล้องกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี และศักยภาพในการรองรับการท่องเที่ยวของพื้นที่ และเห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองเก่าน่าน ที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งควรพิจารณาให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนท้องถิ่นเมืองน่านให้เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้เชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออกเป็นดินแดนมรดกน่าน มรดกไทย และมรดกโลก มุ่งเน้นการรักษาเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่น นำต้นทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์ใช้ประโยชน์ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ควรพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมโดยจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑ ปี และกำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน รวมถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่กำหนดเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในลักษณะปีต่อปี โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของโครงการ และประโยชน์สูงสุดต่อภาระงบประมาณของประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
547 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเลย | อพท | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเลยที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๕) ให้สอดคล้องกับระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และในการดำเนินการขับเคลื่อนแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเลย ควรคำนึงถึงขีดความสามารถในการรองรับของแหล่งท่องเที่ยว (Carrying Capacity) โอกาสและความเสี่ยงที่จะเกิดจากการขยายตัวของนักท่องเที่ยว กลุ่มเป้าหมายที่จะต้องเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น และมีความสนใจเฉพาะด้าน รวมถึงการพัฒนายกระดับมาตรฐานบริการและการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการพำนักระยะยาว (Long Stay) นอกจากนี้ ควรพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญโครงการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาในแต่ละระยะและบทบาทของแต่ละกลุ่มพื้นที่ที่สะท้อนถึงศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวหลักและความต้องการของนักท่องเที่ยว รวมทั้งควรใช้โอกาสความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งของจังหวัดเลยเพื่อพัฒนาเป็นประตูเชื่อมโยงสู่ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
548 | องค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 13 | ยธ | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๑๓ (Thirteenth United Nations Congress on Crime Prevention and Criminal Justice) ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ โดยมีพลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเป็นองค์ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ พร้อมด้วยผู้แทนจากกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงาน ป.ป.ช. กระทรวงวัฒนธรรม สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย และวังสุโขทัย รวม ๘๓ ราย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
549 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2557 ข้อ 3 เกี่ยวกับการจัดการและการใช้ประโยชน์จากงาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างของกลาง ที่อยู่ในความครอบครองของทางราชการ และขอความเห็นชอบแนวทางการจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลาง | ทส | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ [เรื่อง ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย (Thailand National Ivory Action Plan) ฉบับแก้ไข เพื่อนำส่งสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES)] ข้อ ๓ ซึ่งได้กำหนดแนวทางจัดการและใช้ประโยชน์จากงาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างของกลางที่อยู่ในความครอบครองของทางราชการให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่นำไปเผาทำลาย ๑.๒ แนวทางการจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลาง ได้แก่ ๑.๒.๑ งาช้างของกลางที่ดำเนินคดีสิ้นสุดและตกเป็นของแผ่นดินแล้ว ให้พิจารณาคัดเลือกเพื่อนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรมของหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้สอดคล้องตามข้อกำหนดของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ๑.๒.๒ งาช้างของกลางที่คดีสิ้นสุดและตกเป็นของแผ่นดินแล้วและไม่เหมาะสมที่จะเก็บรักษาไว้ใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรม ตามข้อ ๑.๒.๑ ให้พิจารณาตรวจสอบคัดเลือกมาทำลาย เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการต่อต้านและแก้ไขปัญหาการลักลอบค้างาช้างที่ผิดกฎหมาย และเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าในระดับสากล ๑.๒.๓ มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข ในการจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลาง และพิจารณาคัดเลือกงาช้างของกลางเพื่อการใช้ประโยชน์และเพื่อทำลาย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมการปกครอง กรมศิลปากร เป็นต้น เป็นกรรมการ และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นกรรมการและเลขานุการ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการให้คณะกรรมการเพื่อพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข ในการจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลางและพิจารณาคัดเลือกงาช้างของกลางเพื่อการใช้ประโยชน์และเพื่อทำลาย ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะแต่งตั้งขึ้น พิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมในการจัดการกับงาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างของกลางที่อยู่ในความครอบครองของกรมศุลกากร เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช ๒๔๖๙ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
550 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายในหลังปี ๒๐๑๕ และจัดทำข้อมูลสำหรับนายกรัฐมนตรี ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจัดตั้งศูนย์บริการด้านธุรกิจ (One Stop Service) ในพื้นที่ที่ประชาชนสามารถเดินทางไปติดต่อได้สะดวก เช่น ห้างสรรพสินค้า (ตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๗ เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือชาวเกษตรกรสวนยางและผู้ประกอบการยางพารา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มดำเนินโครงการไปแล้ว นั้น ๒.๒.๑ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ กระทรวงกลาโหม (หน่วยทหารในพื้นที่) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความก้าวหน้า ความถูกต้อง และความโปร่งใสของการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะการรับซื้อยางพาราว่าได้รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยและกลุ่มสหกรณ์ชุมชนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว ๒.๒.๒ ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการรับซื้อน้ำยางสดจากเกษตรกรที่มีหัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานรายงานผลการตรวจสอบให้นายกรัฐมนตรีทราบภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ๒.๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์กำหนดแนวทางการระบายยางพาราที่รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยและกลุ่มสหกรณ์ชุมชน และจัดหาผู้ประกอบการมาดำเนินการในการขนส่ง/ขนย้ายยางพาราดังกล่าว ๒.๒.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทบทวนองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงเคราะห์การทำสวนยาง ๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหมกำหนดมาตรการเพื่อเตรียมการรองรับผลผลิตทางการเกษตรที่จะออกมาในฤดูการผลิตใหม่ โดยให้ครอบคลุมตั้งแต่การกำหนดรายละเอียดกลุ่มเป้าหมาย ตลาดรับซื้อ การขนส่ง และการระบายผลผลิต ๒.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงอุตสาหกรรมให้การสนับสนุนนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรต่าง ๆ เพื่อขยายตลาดให้กว้างขวางขึ้น เช่น การแปรรูปข้าวให้เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดอื่น ๆ การนำผ้าไหมไปผลิตเป็นกระเป๋าแฟชั่น ๒.๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสนับสนุนการพัฒนาและเร่งรัดการผลิตเครื่องสีข้าวขนาดเล็ก และส่งเสริมให้มีการนำไปใช้ในชุมชนขนาดเล็กและสหกรณ์การเกษตรต่าง ๆ ๒.๖ ให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางคมนาคมขนส่งทางรางต่าง ๆ ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อใช้ประกอบในการเจรจากับรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีความสนใจที่จะร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมกับรัฐบาลไทย ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชนชาติไทยให้แก่ประชาชนมีความภาคภูมิใจและให้นานาชาติได้รับรู้ถึงประวัติศาสตร์ของชาติไทย ๓.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรระดับอุดมศึกษา โดยจำแนกให้ชัดเจนว่า สถาบันการศึกษาแต่ละประเภทจะมีหลักสูตรอย่างไรบ้าง ได้แก่ กลุ่มที่ ๑ มหาวิทยาลัยทั่วไปมุ่งเน้นการศึกษาระดับปริญญาตรีตามแบบแผน (เช่น แพทย์ วิศวะ บัญชี รัฐศาสตร์) กลุ่มที่ ๒ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลมุ่งเน้นการพัฒนาสายเทคนิคและช่างอาชีวะ และกลุ่มที่ ๓ มหาวิทยาลัยราชภัฏมุ่งเน้นการพัฒนาครูและบุคลากรในภาคบริการ (เช่น การท่องเที่ยว โรงแรม) และให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ส่งเสริมแนวทางการจัดการอาชีวศึกษาทวิภาคี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาอาชีวะภาครัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชนในการเตรียมกำลังคนด้านอาชีวะให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจผ่านการเปิดโอกาสให้นักศึกษาอาชีวะได้ฝึกงานกับบริษัทต่าง ๆ ๓.๓ ให้กระทรวงศึกษาธิการและทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการกำหนดให้ผู้รับทุนการศึกษาต้องกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเพื่อชดใช้ทุนตามวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้จบการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ๓.๔ ให้กระทรวงศึกษาธิการศึกษาข้อเสนอแนะของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และระบบการจัดการศึกษาของประเทศต่าง ๆ และเสนอผลการศึกษาและแนวทางการจัดระบบการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องที่สามารถดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในปี ๒๕๕๘ เพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินมาตรการดูแลความปลอดภัย มาตรการลงโทษผู้กระทำผิด รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุ เช่น การประกันภัย อย่างต่อเนื่องด้วย ๔.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักในการหาพื้นที่ควบคุมผู้อพยพแห่งใหม่ โดยร่วมกับกระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการกองทัพไทย) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และให้เสนอผลความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า ๔.๓ ให้กระทรวงแรงงานตรวจสอบและจัดทำบัญชีสำนักงานจัดหางานหรือบริษัทจัดหางานทุกแห่งทั้งที่ได้รับใบอนุญาตแต่ดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้หางานทราบ และหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการหลอกลวงแรงงาน รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมให้แรงงานต่างด้าวที่จดทะเบียนในท้องที่ใดให้ทำงานในท้องที่นั้น ๔.๔ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในระยะแรก ให้ใช้สาธารณูปโภคที่มีอยู่เดิมก่อน โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๓ ส่วน คือ (๑) พื้นที่ที่รัฐบริหารโดยจัดโครงสร้างพื้นฐานให้ (๒) พื้นที่เช่าสำหรับภาคเอกชน และ (๓) พื้นที่เพื่อสนับสนุน SMEs ๔.๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงการกระจายอำนาจทางการบริหารให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเร็ว และหากมีความจำเป็นต้องทบทวนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องด้วย ๔.๖ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ดำเนินการเกี่ยวกับกรณีที่มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์) มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยชี้แจงให้สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปทราบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในกระทรวงสาธารณสุขมิใช่การสอบวินัยปลัดกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใด และแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน กำหนดแนวทางการปรับปรุงระบบบริการรักษาพยาบาลและการประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ๔.๗ ให้กรมประชาสัมพันธ์และสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หน่วยงานเจ้าของโครงการ และกระทรวงการต่างประเทศสร้างการรับรู้ในเรื่องดังต่อไปนี้ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ และการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ๔.๘ ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐพิจารณาให้ภาคประชาชน เช่น ผู้นำชุมชน หรือผู้บริหารในระดับท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐบาลมากขึ้น เช่น โครงการศึกษาดูงานเพื่อการพัฒนาประเทศทั้งในและต่างประเทศเพื่อเป็นการเปิดรับความรู้ มุมมอง และแนวคิดใหม่ ๆ และนำมาร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป ๔.๙ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช) พิจารณาจัดระเบียบการเดินเรือ เช่น มาตรการควบคุมความเร็วในการเดินเรือ กำหนดจุดจอดเรือหรือปล่อยทุ่น เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาเรือท่องเที่ยวสัญจรและจอดบริเวณแนวปะการังตามอ่าวหรือหมู่เกาะต่าง ๆ และทำให้แนวปะการังได้รับความเสียหาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
551 | แผนการเข้าร่วมประชุมและการนำมิติทางวัฒนธรรมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สร้างภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของไทยในเวทีโลกของกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการเข้าร่วมประชุมและการนำมิติทางวัฒนธรรมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สร้างภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของไทยในเวทีโลกของกระทรวงวัฒนธรรม ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงกันยายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยมีแผนงาน โครงการ และกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในระดับพหุภาคีและระดับทวิภาคี ตามลำดับ ดังนี้
๑. วันที่ ๓-๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี UNWTO/UNESCO World Conference on Tourism and Culture : Building a New Partnership ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ๒. วันที่ ๑๔-๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ นำคณะทูตานุทูตและคู่สมรส ๒๗ ประเทศ ผู้บริหารองค์การระหว่างประเทศและสื่อมวลชน เยี่ยมชมแหล่งมรดกโลก จังหวัดอุดรธานี และเดินทางไปชมแหล่งวัฒนธรรมที่สำคัญในกรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๓. วันที่ ๑๑-๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘ นำพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนไปประกอบศาสนกิจ นมัสการสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ณ สาธารณรัฐอินเดียและราชอาณาจักรเนปาล จำนวน ๒๗๐ รูป/คน ๔. วันที่ ๑๗-๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ จัดแสดงคอนเสิร์ตเพลงพระราชนิพนธ์ และเพลงสุนทราภรณ์ ณ ราชอาณาจักรเบลเยียม สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และสมาพันธรัฐสวิส เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ๕. วันที่ ๒-๙ เมษายน ๒๕๕๘ จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ๖. วันที่ ๕-๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ นำผลงานของศิลปินไทยเข้าร่วมจัดแสดงในมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ เวนิสเบียนนาเล่ ครั้งที่ ๕๖ ณ เมืองเวนิส สาธารณรัฐอิตาลี ๗. วันที่ ๑๖-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ส่งภาพยนตร์ไทยเข้าร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ ๖๘ ณ สาธารณรัฐฝรั่งเศส และรับเสด็จทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี โดยเทศกาลภาพยนตร์ดังกล่าวเป็นการบูรณาการระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๘. วันที่ ๑๘-๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เข้าร่วมประชุม World Forum on Intercultural Dialogue ครั้งที่ ๓ หัวข้อ “Culture and Sustainable Development in the Post-Development Agenda 2015” ณ เมืองบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน ๙. จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ ๑๖๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-สหราชอาณาจักร และเนื่องในโอกาสครบ ๑๓๐ ปี การเดินทางของศิลปินไทยไปถวายการบรรเลงดนตรีหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย ๑๐. เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ จัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมเพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ ๔๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ๑๑. วันที่ ๑๐-๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เข้าร่วมประชุมหัวข้อ “นโยบายวัฒนธรรม บทบาทของวัฒนธรรมในการพัฒนาอย่างยั่งยืน” (Cultural Policy, Policy for Culture : the Role of Culture in Sustainable Development) ภายใต้กรอบการฉลองครบรอบ ๗๐ ปี องค์การยูเนสโก ณ เมืองเยเรวาน สาธารณรัฐอาร์เมเนีย ๑๒. เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ จัดการแสดงเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย ภายใต้โครงการนำความเป็นไทยสู่สากล (Thainess to the World) ณ สาธารณรัฐเปรู และสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล เพื่อฉลองครบรอบ ๕๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยกับเปรู และลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านพิพิธภัณฑ์ของกระทรวงวัฒนธรรมไทย-เปรู ๑๓. เดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ส่งคณะนักแสดงร่วมงาน EXPO Milano 2015 ณ เมืองมิลาโน สาธารณรัฐอิตาลี ๑๔. เดือนกันยายน ๒๕๕๘ เข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมอาเซียน-เกาหลี เนื่องในโอกาสเปิดศูนย์วัฒนธรรมเอเชีย ณ เมืองกวางจู สาธารณรัฐเกาหลี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
552 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2550 [จำนวน 10 รูป/คน 1. พระพรหมวชิรญาณ (ปสฤทธ์ เขมงกโร) ฯลฯ] | วธ | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติชุดใหม่ จำนวน ๑๐ รูป/คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ครบวาระ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี (๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พระพรหมวชิรญาณ (ปสฤทธ์ เขมงกโร) ๒. พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมโม) ๓. พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมมจิตโต) ๔. ศาสตราจารย์กิตติคุณ สุมน อมรวิวัฒน์ ๕. นายดำรง พุฒตาล ๖. พลอากาศเอก วีรวิท คงศักดิ์ ๗. พลเอก ศรุต นาควัชระ ๘. นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว ๙. นายอรุณ บุญชม ๑๐. นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
553 | สรุปผลการดำเนินงานรณรงค์ค่านิยมหลัก 12 ประการ ของกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานรณรงค์ค่านิยมหลัก ๑๒ ประการ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยมีการประเมินผลความสำเร็จในรอบ ๔ เดือน และแนวทางดำเนินงานถึงสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๕๘ สรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ (๑) การประกาศเจตนารมณ์ค่านิยมหลัก ๑๒ ประการของประชาคมในงาน “ค่านิยมไทยสร้างสังคมไทยเป็นสุข” (๒) การจัดประกวดภาพถ่ายค่านิยม ๑๒ ประการ (๓) การเผยแพร่ค่านิยมผ่านละครโทรทัศน์ (๔) โครงการผลิตรายการโทรทัศน์พร้อมจัดค่ายเยาวชนเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง (๕) การเผยแพร่ภาพยนตร์แอนิเมชั่น สื่อสร้างสรรค์เมืองนิรมิต “จิตตนคร” (๖) การจัดทำรายการโทรทัศน์ชื่อ “ไทยธำรง” และ (๗) การจัดพิมพ์หนังสือนิทานคุณธรรม นอกจากนี้ ได้สำรวจความคิดเห็นของเด็ก เยาวชน และประชาชน ต่อการรณรงค์ส่งเสริมค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ โดยค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ ที่รัฐบาลรณรงค์ได้ประสบผลสำเร็จมากที่สุด อันดับ ๑ คือ มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร้อยละ ๕๙.๒๐ อันดับ ๒ กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ ร้อยละ ๔๐.๘๐ และอันดับ ๓ ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม ร้อยละ ๑๙.๘๐ ๒. แผนที่จะดำเนินการต่อไป ได้แก่ (๑) สร้างความตะหนักรู้ในวงกว้าง โดยการส่งเสริมการร้องเพลงค่านิยมหลัก ๑๒ ประการ (๒) โครงการการยกย่องเชิดชูเกียรติสถานศึกษาดีเด่นทางวัฒนธรรม ด้านดนตรีไทยและดนตรีพื้นบ้าน (๓) จัดโครงการสมัชชาค่านิยมเพื่อสังคมที่ยั่งยืน ๑๒ กลุ่มเป้าหมาย (๔) ยกย่องบุคคล องค์กร สื่อมวลชนและโครงการต้นแบบค่านิยมหลัก ๑๒ ประการ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม (๕) ดำเนินการประเมินผลโครงการทั้งหมด นำผลไปวางแผนสำหรับปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
554 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงวัฒนธรรม) (นายนิยม กลิ่นบุบผา) | วธ | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายนิยม กลิ่นบุบผา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านช่างศิลปกรรม (ช่างศิลป์ไทย) (นักวิชาการช่างศิลป์ทรงคุณวุฒิ) กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
555 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) เพิ่มเติม (จำนวน 7 ราย) | นร05 | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) และส่วนราชการต่าง ๆ เพิ่มเติม จำนวน ๗ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พลเรือเอก อิทธิคมน์ ภมรสูต ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เป็น ปคร ของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ๒. นายประสิทธิ์ สืบชนะ รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็น ปคร. ของกระทรวงการคลัง ๓. นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็น ปคร. ของกระทรวงพลังงาน ๔. นายอนันต์ ชูโชติ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็น ปคร. ของกระทรวงวัฒนธรรม ๕. นายธงชัย ดุลยสุข รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็น ปคร. ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๖. นางวรารัตน์ อติแพทย์ รองเลขาธิการวุฒิสภา เป็น ปคร. ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ๗. นางฐะปาณีย์ อาจารวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร เป็น ปคร. ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
556 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 24/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนแปลงกรรมการในคณะกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร จาก “ผู้แทนสภาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติ” เป็น “ผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรม” ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
557 | การดำเนินงานและแผนปฏิบัติงานการขับเคลื่อนเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมของอาเซียน | วธ | 24/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินงานและแผนปฏิบัติงานการขับเคลื่อนเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมของอาเซียน ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงวัฒนธรรมได้วางกรอบการดำเนินงานขับเคลื่อนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประกอบด้วย (๑) ภารกิจที่เป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมและการแสดงด้านวัฒนธรรมในปัจจุบัน (๒) เปิดให้บริการศูนย์ศึกษาวิจัยศิลปกรรม วัฒนธรรม และประเพณีแห่งอันดามัน จังหวัดพังงา หรือ “อันดามันเซ็นเตอร์” เพื่อให้บริการองค์ความรู้ด้านมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่ ๖ จังหวัดที่ติดทะเลอันดามัน (๓) การพัฒนาพิพิธภัณฑ์และโบราณสถานให้ได้มาตรฐานระดับสากล (๔) การจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ถนนราชดำเนิน และ (๕) โครงการเพื่อสร้างการเรียนรู้ ความเข้าใจ อัตลักษณ์ และความต่างของอาเซียนเพื่อให้ประชาชนเรียนรู้และปรับตัว เพื่อเตรียมการต้อนรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ๒. กระทรวงวัฒนธรรมกำลังดำเนินการโครงการขยายศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บนพื้นที่ ๕๘ ไร่ ซึ่งเป็นการก่อสร้างและขยายพื้นที่ของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในปัจจุบันซึ่งมีพื้นที่ ๒๓ ไร่ โดยโครงการประกอบด้วย อาคารกระทรวงวัฒนธรรม หอศิลป์ร่วมสมัย โรงละครแห่งใหม่ หอสมุดทางวัฒนธรรม ลานอเนกประสงค์สำหรับจัดแสดงทางวัฒนธรรมและจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรม โครงการระยะแรกจะแล้วเสร็จในปี ๒๕๕๙ และระยะที่ ๒ จะแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๒ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรมระดับโลก
|
||||||||||||||||||||||||||||||
558 | รายงานผลการดำเนินงานตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2557) | วธ | 24/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ช่วงระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. มติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่เป็นหลักการ ๑.๑ ประเด็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับ ติดตาม เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ พร้อมทั้งกำหนดแผนการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีการประชุมเพื่อติดตามผลการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างสม่ำเสมอ และโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสมทบในการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว ภายใต้แผนงานและผลผลิตเดียวกัน ๑.๒ ประเด็นการจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้มีการปฏิบัติตามระเบียบและมาตรฐานกระบวนการ/ขั้นตอน การจัดซื้อจัดจ้างอย่างรัดกุม และดำเนินการจัดทำแผนการจัดซื้อจัดจ้าง และติดตามเร่งรัดให้เสร็จทันตามกำหนด เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม ซึ่งจะทำให้ลดการเกิดปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน ทั้งภาครัฐ ส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ รวมทั้งปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์ การดำเนินงาน และบริหารงานโดยยึดหลักความโปร่งใส เป็นธรรม เสมอภาค และให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีการวางแผนระบบการทำงาน รวมถึงมีการติดตามประเมินผลและพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีการบริหารจัดการให้ได้ผลงานที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับเป้าหมาย งบประมาณ และเวลาที่ใช้ไป มีการเผยแพร่ข้อมูลของหน่วยงานอย่างเปิดเผย โดยมีศูนย์บริการข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างหลากหลายและเหมาะสม ๑.๓ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้จัดทำร่างกฎหมายที่เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คือ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. .... ๒. มติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่เป็นประเด็น/โครงการสำคัญเร่งด่วน ได้แก่ การส่งเสริมการท่องเที่ยว ได้จัดทำภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ภาพลักษณ์ วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยเสร็จเรียบร้อยแล้วอยู่ระหว่างการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ นอกจากนี้ ยังมีการเชิญชวนให้ประชาชนร่วมประกวดภาพยนตร์สั้น ความยาว ๓-๕ นาที หัวข้อ “วัฒนธรรมสุขสันต์ มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ตลอดปี” เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ภาพลักษณ์ วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย ขณะนี้ได้ประกาศผลการประกวดเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการเตรียมการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||
559 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์ความไม่สงบจากการปะทะกันระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์บริเวณชายแดนเมียนมาที่ติดกับจีนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเด็นที่อาจมีผลกระทบต่อความร่วมมือต่าง ๆ ระหว่างไทยและเมียนมา ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ตรวจสอบการจดทะเบียนสมาคมของชาวโรฮิงญาว่ามีความถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไร และพิจารณาหามาตรการดูแลกรณีดังกล่าว รวมทั้งเร่งดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ควบคุมผู้อพยพให้เพียงพอและอยู่ในสภาพที่เหมาะสมตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดกลไกในการคัดเลือกและตรวจสอบชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีศักยภาพ โดยเน้นกลุ่มที่มีผลการเรียนที่ดีให้ได้รับสิทธิในการยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหากรณีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากจนเกิดความแออัด และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ห้องสุขาไม่เพียงพอหรือชำรุด รวมทั้งควรบริหารจัดการให้มีผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยและดูแลความสะอาดในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดูแลแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะอุทยานต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพที่สะอาดและปลอดภัย โดยกำหนดให้มีผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและดูแลความสะอาดตามจุดต่าง ๆ รวมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวตระหนักถึงการรักษาความสะอาด และทิ้งขยะในที่ที่จัดเตรียมไว้ ๒.๓ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนที่แหล่งท่องเที่ยว เช่น แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ชุมชนตามวิถีไทย ให้มีความน่าสนใจ และแจกจ่ายตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น สนามบิน สถานีรถไฟ เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวและกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้กระจายไปตามจุดต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวัฒนธรรม จัดทำหนังสือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยสำหรับชาวต่างประเทศในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะศิลปวัฒนธรรมของไทย และหาช่องทางจำหน่ายหนังสือดังกล่าวในต่างประเทศ หรือสนามบิน ๒.๕ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับผู้ประกอบการกำหนดแนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัฒนธรรมไทยและการผลักดันเพื่อเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ด้านวัฒนธรรม เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ ภาพยนตร์ชุด (Series) ไปยังตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น ๒.๖ ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยออกมาตรการสินเชื่อ Nano Finance ให้กระทรวงการคลังรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการ เช่น จำนวนผู้ขอใช้สินเชื่อประเภทดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบ ๒.๗ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ จัดทำมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ของผู้มีรายได้น้อยเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ นั้น ให้หน่วยงานดังกล่าวคำนึงถึงมาตรการที่เป็นการสร้างความรู้ในการใช้จ่ายเงินและการสร้างวินัยการเงินให้แก่ประชาชนเพื่อลดปัญหาหนี้สินในระยะยาวอย่างยั่งยืน ๒.๘ ให้คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษดำเนินการให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการในพื้นที่จังหวัดที่กำหนดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการสนับสนุนและขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ๒.๙ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำหนดมาตรการในการส่งเสริมการปลูกกาแฟและยาสูบในพื้นที่ทางภาคเหนือเพื่อทดแทนการนำเข้า รวมทั้งคิดค้นและพัฒนาสายพันธุ์เมล็ดกาแฟและยาสูบของไทยให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ๒.๑๐ ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายในการส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชชนิดเดียวกันเพื่อจัดตั้งเป็นสหกรณ์ เช่น เกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม ชาวสวนยาง ชาวนา เพื่อให้เกิดความสะดวกในการกำหนดมาตรการการช่วยเหลือของรัฐให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเกษตรกร นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการจัดตั้งและขึ้นทะเบียนบัญชีกลุ่ม/สหกรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ทั้งนี้ การรวมกลุ่มเกษตรกรแต่ละประเภทควรมีความเป็นเอกภาพและไม่มีหลายกลุ่มในพืชชนิดเดียวกัน ๒.๑๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดิน ส.ป.ก. และกระบวนการดำเนินการกับกลุ่มที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือกลุ่มที่ถูกหลอกลวง การนำที่ดินกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งพิจารณาบทบัญญัติกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบันว่ามีอุปสรรคหรือครอบคลุมการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้หรือไม่ประการใด แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปลูกป่าทดแทนในพื้นที่ป่าซึ่งได้ความเสียหายเนื่องจากการบุกรุกพื้นที่และดำเนินการให้เกิดป่าชุมชนเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้รับประโยชน์จากป่าและมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าเหล่านั้นให้คงอยู่และสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองหรือมีที่ดินไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ และส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เกี่ยวกับป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง คือ ปลูกไม้ใช้สอย ไม้กินได้ ไม้เศรษฐกิจ โดยได้รับประโยชน์จากป่าไม้ทั้งสามประเภท รวมทั้งประโยชน์ในการช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำด้วย ๒.๑๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาหาแนวทางการสนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรเพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร โดยเน้นการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ เครื่องจักร และเครื่องมือทำการเกษตร และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชและสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรนำไปเพาะปลูก รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม พิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการออกบัตรอเนกประสงค์ (smart card) สำหรับการโดยสารระบบขนส่งสาธารณะและซื้อปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ เป็นต้น ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำติดตามสถานการณ์ภัยแล้งอย่างใกล้ชิด และให้พิจารณากำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เช่น การขุดบ่อน้ำบาดาล การดูแลรักษาแหล่งน้ำตามธรรมชาติ หรือกำหนดเส้นทางส่งน้ำจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เพื่อให้สามารถเก็บกักน้ำได้มากขึ้น ๓.๒ ให้ทุกกระทรวงมอบหมายให้ทีมโฆษกของกระทรวงมีหน้าที่กลั่นกรองข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน เมื่อตรวจสอบพบว่าข้อมูลที่สื่อรายงานมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ให้จัดทำเอกสารชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องโดยทันที รวมทั้งให้จัดทำเอกสารข่าวกระทรวงเพื่อแจกสื่อให้รับทราบถึงผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลของกระทรวงนั้น ๆ โดยใช้ภาษาที่เข้าใจได้ง่ายเพื่อสร้างการรับรู้ต่อสาธารณชนได้อย่างชัดเจน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
560 | ขออนุมัติเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม | วธ | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณกรณีเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณแนวทางรถไฟสายบางซื่อ-คลองตัน เป็นระยะเวลา ๓ ปี ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖-๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ อัตราค่าเช่าที่ดินปีละ ๖,๗๕๓,๕๔๐ บาท วงเงินทั้งสิ้นจำนวน ๒๐,๒๖๐,๖๒๐ บาท โดยค่าเช่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ไว้แล้ว จำนวน ๑๑,๑๑๔,๘๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๒,๓๙๒,๒๘๐ บาท ให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มาดำเนินการ สำหรับค่าเช่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๖,๗๕๓,๕๔๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ในส่วนการทำบันทึกต่อท้ายสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย มีกำหนดระยะเวลา ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖-๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ นั้น ให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
.....