ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 27 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 521 - 540 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
521 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาแนวทางการลดผลกระทบและการเยียวยาผู้ผลิตและผู้เพาะปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการออกพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. .... ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยซึ่งใช้ที่ดินทำกินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้ยืมเงินจากนายทุนนอกระบบและถูกเอารัดเอาเปรียบ ส่งผลให้โดนยึดที่ดินทำกิน ทั้งนี้ ให้สามารถดำเนินการได้ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอแนวทางการดำเนินการลดพื้นที่ปลูกยางพาราในประเทศ และแนวทางการให้ความช่วยเหลือเยียวยาชาวสวนยางกลุ่มดังกล่าวอย่างเหมาะสม โดยครอบคลุมตั้งแต่การประมาณการผลการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการ การส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา การนำไม้ยางพาราที่ตัดได้จากพื้นที่บุกรุกป่าไปใช้ประโยชน์ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้เริ่มดำเนินการภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๑.๔ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนการผลิต สนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตร โดยเน้นการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ เครื่องจักร เครื่องมือทำการเกษตร รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืช และสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ให้แก่เกษตรกร ให้ทันฤดูการผลิตนี้ โดยให้พิจารณาดำเนินการให้ครอบคลุมทั้งระบบ ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการจัดจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตร และให้กระทรวงมหาดไทยกำกับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบหลักในระดับพื้นที่เพื่อให้บูรณาการทุกส่วนราชการในการขับเคลื่อนโครงการเพื่อให้เกษตรกรรายย่อยได้รับประโยชน์สูงสุด ๑.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาแนวทางการจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงในราคาย่อยเยา โดยเน้นให้มีการดำเนินการโดยสหกรณ์ชุมชน หรือโรงสีชุมชน และจัดจำหน่ายในร้านค้าชุมชนให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพื่อเป็นการช่วยเหลือและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ๑.๖ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งจัดทำแผนการปรับปรุงโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ขององค์กรด้านการบินของประเทศไทยและนำเสนอคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเร่งจัดทำความตกลงกับองค์กรความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรปกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. ด้านสังคม ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางในการเพิ่มบทลงโทษแก่ผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เช่น หากส่งผลเกิดความเสียหายให้มีการยึดใบขับขี่ ๓ เดือน หากมีความเสียหายอย่างมากหรือทำความผิดซ้ำให้ยึดใบขับขี่ ๖ เดือน หรือ ๑ ปี หรือตลอดชีวิต ตามความเหมาะสม รวมทั้งเร่งพิจารณามาตรการพิเศษนอกเหนือจากกฎหมายปกติในการแก้ไขปัญหาวัยรุ่นแข่งมอเตอร์ไซค์ตามถนนสาธารณะโดยด่วน ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมจัดทำเอกสารเผยแพร่เกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ โดยให้มีเนื้อหาที่กระชับ มีรูปลักษณ์ที่น่าอ่าน และดึงดูดความสนใจ ผู้อ่านทุกกลุ่มสามารถเข้าใจได้ง่าย ๓.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประสานความร่วมมือกับมหาเถรสมาคมพิจารณาหาแนวทางการดำเนินการกำกับดูแลกรณีการจัดตั้งวัดใหม่ รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ๓.๓ ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลด้านเศรษฐกิจดิจิทัลให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อประโยชน์ต่อส่วนราชการในแง่ของการบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงาน รวมถึงการให้ภาคประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าว ๓.๔ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการ ดังนี้ ๓.๔.๑ การเตรียมการรองรับภัยแล้ง ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปริมาณน้ำไหลเข้า-ออกจากเขื่อนทั่วประเทศ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งและเตรียมพร้อมสำหรับฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้น้ำอย่างประหยัดให้แก่ประชาชน ๓.๔.๒ การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยขุดลอกและขยายคลองระบายน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ให้น้ำระบายลงสู่ทะเลได้โดยเร็วและป้องกันพื้นที่ทำการเกษตรถูกทำลาย และจัดรถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับ-ส่งประชาชนในพื้นที่ที่น้ำท่วมขังสูง รวมทั้งจัดทำแผนการป้องกันการเกิดอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดเพื่อป้องกัน บรรเทา และช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ ๓.๕ ให้กระทรวงสาธารณสุขประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง เร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงให้ระบบการให้บริการสุขภาพทั้ง ๓ ระบบ ได้แก่ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม และการเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๓.๖ ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาดูแลการบริหารใช้จ่ายเงินกองทุนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงเพื่อให้นำไปใช้ให้ถูกต้องภายใต้ขอบเขตวัตถุประสงค์ของกองทุนนั้น และดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากพบความบกพร่องหรือทุจริตให้ดำเนินการตรวจสอบโดยด่วนต่อไป ๓.๗ ให้ทุกส่วนราชการประชาสัมพันธ์และสร้างแรงจูใจให้ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนยื่นข้อร้องเรียนหรือร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมของทุกส่วนราชการและทุกจังหวัด โดยสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ประชาชน รวมถึงติดตามให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้มีการร้องทุกข์หรือร้องเรียน ณ ที่อื่น ๆ ด้วย ๓.๘ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดดำเนินการกำกับดูแลและตรวจสอบผู้ประกอบการหรือสถานบริการที่มีการขายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในบริเวณรอบสถานศึกษา ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หรือใบอนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||
522 | รายงานผลการเยือนสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองเทศกาล Bangla New Year 1422 ประจำปี 2558 | วธ | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเยือนสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองเทศกาล Bangla New Year 1422 ประจำปี ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงธากา สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและคณะ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและคณะได้เข้าร่วมงานเทศกาล Bangla New Year Welcome Festival ณ สวนสาธารณะ Ramna Botomul โดยได้เข้าร่วมขบวนแห่หน้ากาก New Year good luck mask procession ณ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธากา เทศกาล Bangla New Year ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวบังกลาเทศ โดยชาวบังกลาเทศหลายพันคนจะออกมาร่วมเดินขบวนแห่เฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่ บนท้องถนนเต็มไปด้วยสีสันจากเครื่องแต่งกายและหน้ากากที่สวมใส่โดยผู้ร่วมงาน พร้อมกับความสวยงามของขบวนรถแห่ในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งได้เข้าร่วมงานแสดงทางวัฒนธรรม Bangla New Year Cultural Programme ณ สถาบัน Shilpakala Academy ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมบังกลาเทศได้จัดการแสดงทางวัฒนธรรมเพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ และได้จัดชุดการแสดงพิเศษเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการขับร้องเพลง “ต้นไม้ของพ่อ” เป็นภาษาไทย โดยนักร้องที่มีชื่อเสียงของบังกลาเทศ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้หารือระดับทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมบังกลาเทศ โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำข้อตกลงเฉพาะด้านวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมทั้งสองประเทศภายใต้กรอบความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว (ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรม การศึกษาและวิทยาศาสตร์ระหว่างสองประเทศ พ.ศ. ๒๕๒๒) ในเบื้องต้นจะมีความร่วมมือในด้านต่าง ๆ อาทิ การอนุรักษ์โบราณสถาน โบราณคดี พิพิธภัณฑ์ นิทรรศการผลงานศิลปะร่วมสมัย ภาพยนตร์ จิตรกรรม ประติมากรรม ดนตรี ศาสนา และการแสดงพื้นบ้านที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมทั้งสองประเทศได้เน้นย้ำความร่วมมือในรูปแบบของการเปิดประตูทางวัฒนธรรมระหว่างกันและส่งเสริมการเป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกันให้ยั่งยืน ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและคณะได้ศึกษาดูงาน ณ พิพิธภัณฑ์ Bangabhadhu Memorial Museum โดยมีผู้อำนวยการสำนักหอจดหมายเหตุและหอสมุดแห่งชาติให้การต้อนรับ ซึ่งระหว่างการเยี่ยมชมมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกันเกี่ยวกับการจัดเก็บรักษาหนังสือและเอกสารที่มีคุณค่าหายากและถือเป็นมรดกทรัพย์สินทางปัญญาของชาติ ตลอดจนการพัฒนาพิพิธภัณฑ์ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย ต่อจากนั้นได้เดินทางเข้าเยี่ยมวัดพุทธ Kamalapur Dharmarajka Buddhist Shongo โดยวัดแห่งนี้ได้ให้การศึกษาสงเคราะห์แก่เด็กยากจนและมีหอพักให้อยู่อาศัย โดยไม่กีดกันเรื่องการนับถือศาสนา โดยทางวัดให้การศึกษาจนถึงระดับมัธยมปลาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเห็นว่าประเทศไทยซึ่งเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา จึงควรให้การช่วยเหลือสนับสนุน ซึ่งจะได้มอบหมายให้กรมการศาสนาประสานความร่วมมือกับทางคณะสงฆ์ไทยในบังกลาเทศเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
523 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนภาคธุรกิจ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้การสนับสนุนภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ในการผลิตสินค้าไทยที่มีคุณภาพสำหรับนำไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้าน และผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและราคาประหยัดสำหรับคนไทย รวมทั้งสนับสนุน SMEs ให้มีความเข้มแข็งขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกันกำหนดแนวทางและกลไกเพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจขนาดใหญ่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลธุรกิจขนาดเล็ก เช่น กลุ่มธุรกิจช่วยเหลือเรื่องปัจจัยการผลิตและลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรรายย่อย และการรับซื้อผลผลิตเกษตรกรรายย่อยผ่านการดำเนินธุรกิจการเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) โดยเฉพาะในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและพื้นที่ชายแดน ๑.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเสนอแผนการดำเนินงานการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๙) ตามแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๑.๔ ให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำข้อมูลสถิติการส่งออกสมุนไพรไทย และการนำเข้าสมุนไพรแปรรูปจากต่างประเทศ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาและแปรรูปสมุนไพรไทยให้เป็นสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงขึ้น รวมทั้งใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการเพาะปลูกพืชสมุนไพรตามความต้องการของตลาดในอนาคต ๑.๕ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับบัญชีครัวเรือนและสนับสนุนให้ประชาชนจัดทำบัญชีครัวเรือนเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการใช้จ่ายของแต่ละครอบครัวตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้นการพึ่งตนเอง รู้จักความพอประมาณ และไม่ประมาท ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ และวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการกำหนดหลักสูตรการสอนทุกระดับให้มีความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๒.๒ ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรับบริการสาธารณสุข โดยให้ประชาชนที่สมัครใจมีทางเลือกในการจ่ายเงินเพิ่มเติมเพื่อรับการบริการที่ดีขึ้น เพื่อนำเงินดังกล่าวมาสนับสนุนการให้บริการประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยให้เร่งพิจารณาแนวทางดังกล่าวและนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๓. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๓.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาจัดทำกฎหมายเพื่อกำหนดมาตรการในการดูแลช่วยเหลือ ส่งเสริมและสนับสนุนศิลปินแห่งชาติ ๓.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาออกกฎหมายหรือกฎระเบียบในการกำหนดพื้นที่ก่อสร้างอาคารเพื่อการวางผังเมืองที่เหมาะสม ไม่ให้มีสิ่งก่อสร้างที่ขวางทางน้ำไหลหรือพื้นที่ระบายน้ำตามธรรมชาติ โดยควรออกแบบอาคารที่มีคุณลักษณะเหมาะสมและอิงรูปลักษณ์สถาปัตยกรรมไทย มีรูปทรงที่แสดงประวัติหรือเอกลักษณ์ไทย ๓.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกันพิจารณาออกกฎหมายหรือระเบียบในการกำหนดสัดส่วนและวัสดุประเภทไม้จริงที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าอีกทางหนึ่ง ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเร่งรัดกำหนดแนวทางรองรับน้ำฝนที่ตกลงมานอกพื้นที่เขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำเพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ และวางแผนการส่งน้ำให้แก่ประชาชนรอบ ๆ แหล่งน้ำให้ได้ใช้ประโยชน์อย่างทั่วถึง โดยประสานการดำเนินการกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมกับภาครัฐในการขุดแหล่งน้ำของตนเอง และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบปริมาณน้ำฝนที่กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าในปีนี้จะมีปริมาณน้อย อาจทำให้การทำเกษตรกรรมนอกเขตชลประทานประสบภาวะขาดแคลนน้ำได้ ๔.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดเตรียมข้อมูลเพื่อเผยแพร่พระอัจฉริยภาพและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เกี่ยวกับงานการพัฒนาดิน ในการประชุมนานาชาติเพื่อกิจกรรมปีดินสากล (International Soil Conference) ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ รวมทั้งจัดให้มีการหารือในหัวข้ออื่น ๆ เช่น การอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งน้ำ ผืนป่า ดิน และปุ๋ย เพื่อให้ครอบคลุมทุกปัจจัยในการเพาะปลูก ๔.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำระหว่างประเทศ เช่น แม่น้ำสาละวิน โดยเตรียมกำหนดเส้นทางการส่งน้ำจากแหล่งน้ำระหว่างประเทศดังกล่าวไปยังแหล่งกักเก็บน้ำภายในประเทศ รวมทั้งจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ เช่น พื้นที่ที่สามารถใช้น้ำ ระยะเวลาในการใช้น้ำ เป็นต้น และให้นำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ทราบด้วย ๔.๔ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รับไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยหาแนวทางในการพลิกฟื้นผืนป่าบริเวณภูเขาที่ถูกบุกรุกทำลาย (เขาหัวโล้น) โดยให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม รวมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมดูแลพื้นที่ดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๘ ๔.๕ ให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operations) มากขึ้น โดยเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ (press release) โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานซึ่งประชาชนให้ความสนใจ หรือประเด็นที่สื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และส่งข่าวประชาสัมพันธ์ดังกล่าวให้สื่อมวลชนเผยแพร่เป็นประจำทุกวัน ๔.๖ ให้รัฐมนตรีกำกับให้หน่วยงานในความรับผิดชอบมีการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล และ Road Map ของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้แก่เจ้าหน้าที่ทุกระดับในสังกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับประชาชน และให้นำเรื่องความเข้าใจในนโยบายข้างต้นไปใช้เป็นตัวชี้วัดร่วมกับตัวชี้วัดการประเมินประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน โดยนำไปประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้ายได้ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๔.๗ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือกรณีข้าราชการพลเรือนที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อันตราย ว่าสมควรจะให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับข้าราชการตำรวจ/ทหาร อย่างไร เช่น สิทธิการได้นับเวลาราชการเป็นทวีคูณ สิทธิเกี่ยวกับการได้รับเงินเพิ่มพิเศษสำหรับการสู้รบ (พ.ส.ร.) เป็นต้น ๔.๘ ให้ทุกหน่วยงานพิจารณาให้การสนับสนุนภาคเอกชนที่เข้าร่วมจัดงานหรือกิจกรรมที่สนับสนุนภารกิจของภาครัฐหรือเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย โดยอาจจะสนับสนุนงบประมาณในการจัดงาน หรือการให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ภาคเอกชนให้ความร่วมมือในการดำเนินงานกับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
524 | รายงานผลการเดินทางไปราชการเพื่อลงนามแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | วธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและคณะ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๓๑ มีนาคม-๖ เมษายน ๒๕๕๘ ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. การลงนามในแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ โดยแผนปฏิบัติดังกล่าวมีสาระสำคัญเกี่ยวกับกิจกรรมการแลกเปลี่ยนการเยือนและจัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกันทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและร่วมสมัยทั้งในด้านการแสดงนาฏศิลป์และดนตรี ทัศนศิลป์ หอสมุด จดหมายเหตุ สถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์ โบราณคดี วรรณกรรม พุทธศาสนา รวมทั้งขยายความร่วมมือในด้านใหม่ ๆ เพิ่มเติม เช่น โบราณคดีใต้น้ำ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ เป็นต้น ๒. การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องและชื่นชมความยินดีในความสัมพันธ์ฉันมิตรของทั้งสองประเทศ ทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี และความใกล้ชิดในทุกระดับ รวมทั้งได้หารือแนวทางการการส่งเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรมไทย-จีนภายใต้แผนปฏิบัติการฯ โดยเฉพาะการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้หารือกับรองผู้ว่าการมณฑลไหหลำเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมไทย-จีน ๓. การรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ และในโอกาสครบรอบ ๔๐ ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ที่กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดขึ้น ณ โรงละครพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจีน กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ ๕-๖ เมษายน ๒๕๕๘ ๔. การศึกษาดูงานสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม อาทิ โรงถ่ายทำภาพยนตร์ Feng Xiaogang มณฑลไหหลำ หอสมุดมณฑลไหหลำ และพิพิธภัณฑ์มณฑลไหหลำ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
525 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมในการใช้มิติทางวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เสริมสร้างภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของประเทศไทยในเวทีโลก เดือนเมษายน 2558 | วธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมในการใช้มิติทางวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เสริมสร้างภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของประเทศไทยในเวทีโลก เดือนเมษายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การจัดการแสดงดนตรีและนาฏศิลป์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ และฉลองความสัมพันธ์ ๔๐ ปี ไทย-จีน ณ กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ ๓-๕ เมษายน ๒๕๕๘ โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งการหารือทวิภาคีความร่วมมือทางวัฒนธรรม และการลงนามแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรม ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมทั้ง ๒ ประเทศ มีสาระความร่วมมือ ๑๕ ข้อ อาทิ การแลกเปลี่ยนการเยือนและจัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกัน ด้านการแสดงนาฏศิลป์และดนตรี ทัศนศิลป์ หอสมุด จดหมายเหตุ สถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์ โบราณคดี ๒. การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซียเยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีสาระความร่วมมือ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านต่างๆ รวมถึงการจัดงาน “วันวัฒนธรรมไทยในรัสเซีย” และ “วันวัฒนธรรมรัสเซียในไทย” ในปี ๒๕๖๐ เพื่อฉลองในโอกาสครบรอบ ๑๒๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-รัสเซีย ๓. การต้อนรับรัฐมนตรีกำกับการบริหารกิจการศาสนาแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Minister of the State Administration for Religious Affairs) เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ที่มีมาช้านาน โดยมีพัฒนาการความสัมพันธ์มากขึ้นในทุกระดับ ๔. การเชิญทูตานุทูตและคู่สมรสเข้าร่วมงานสงกรานต์ สืบสานประเพณีไทย เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๘ ณ วัดปทุมวนารามวรวิหาร เพื่อเรียนรู้และร่วมกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ของไทย ๕. การร่วมงานเฉลิมฉลองเทศกาล Bangla New Year 1422 ประจำปี ๒๕๕๘ ณ เมืองธากา สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๘ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และการหารือระดับทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของทั้ง ๒ ประเทศถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำข้อตกลงภายใต้กรอบความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว ๖. การเชิญทูตานุทูตร่วมในพิธีเปิดงานมหกรรมวัฒนธรรม “ใต้ร่มพระบารมี ๒๓๓ ปี กรุงรัตนโกสินทร์” เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณท้องสนามหลวง ๗. การจัดการประชุมวรรณกรรมและวัฒนธรรมอาเซียนและเอเชีย ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๖ เมษายน ๒๕๕๘ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีศิลปินและนักเขียน จำนวน ๒๐๐ คน จาก ๑๓ ประเทศ ในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียเข้าร่วมประชุมฯ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องวรรณกรรมของแต่ละประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
526 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เมืองเก่าเชียงราย เมืองเก่าสุพรรณบุรี เมืองเก่าระยอง เมืองเก่าบุรีรัมย์ และเมืองเก่าตะกั่วป่า | ทส | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าเชียงราย เมืองเก่าสุพรรณบุรี เมืองเก่าระยอง เมืองเก่าบุรีรัมย์ และเมืองเก่าตะกั่วป่า เพื่อประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ รวมทั้งกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาและจัดทำรายละเอียดเพื่อดำเนินการต่อไป ตามมติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการพิจารณาแนวทางและกรอบเวลาให้ชัดเจนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถวางแผนงาน/โครงการได้ การออกประกาศและระเบียบเพื่อใช้บังคับในเขตเมืองเก่าดังกล่าวควรสอดคล้องกับบทบัญญัติของพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ การเปิดโอกาสให้คณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนได้มีโอกาสกำหนดแนวทางดำเนินการอนุรักษ์และพัฒนาของตนเองภายใต้บริบทของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินการอนุรักษ์และพัฒนามีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าประสานความร่วมมือกับภาคประชาชนและหน่วยงานในระดับพื้นที่หรือท้องถิ่นเพื่อให้มีความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าดังกล่าว ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
527 | การกำหนดวันคล้ายวันสรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวันรัฐพิธี โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ | นร | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกำหนดให้วันที่ ๙ มิถุนายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่ระลึกคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวันรัฐพิธี โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ และกำหนดให้มีการวางพวงมาลาถวายราชสักการะ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ เชิงสะพานพระราม ๘ เป็นประจำทุกปี ๒. มอบหมายกระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานจัดทำสื่อวีดิทัศน์และหนังสือเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเผยแพร่ในโอกาสที่รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ระลึกคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวันรัฐพิธี โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ
|
|||||||||||||||||||||
528 | วีดีทัศน์ผลการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมในการใช้มิติทางวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เสริมสร้างภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของประเทศไทยในเวทีโลก เดือนเมษายน 2558 | วธ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมในการใช้มิติทางวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เสริมสร้างภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของประเทศไทยในเวทีโลก เดือนเมษายน ๒๕๕๘ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร่วมกันจัดการแสดงดนตรีและนาฏศิลป์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ และฉลองความสัมพันธ์ ๔๐ ปี ไทย-จีน ณ กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ ๓-๕ เมษายน ๒๕๕๘ ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมทั้งสองประเทศได้หารือทวิภาคีความร่วมมือทางวัฒนธรรมและลงนามแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรม ๒. การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ในวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซียเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมให้การต้อนรับรัฐมนตรีกำกับการบริหารกิจการศาสนาแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Minister of the State Administration for Religious Affairs) เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ที่มีมาช้านาน โดยมีพัฒนาการความสัมพันธ์มากขึ้นในทุกระดับ ๔. การเชิญทูตานุทูตและคู่สมรสเข้าร่วมงานสงกรานต์ สืบสานประเพณีไทย ในวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๘ ณ วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร โดยมีทูตานุทูตและคู่สมรส จำนวน ๒๑ คน จาก ๑๔ ประเทศเข้าร่วมงานเพื่อเรียนรู้และร่วมกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ของไทย ๕. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมร่วมงานเฉลิมฉลองเทศกาล Bangla New Year 1422 ประจำปี ๒๕๕๘ ณ เมืองธากา สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ในวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๘ ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ในโอกาสนี้ ได้หารือระดับทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำข้อตกลงภายใต้กรอบความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว ๖. การเชิญทูตานุทูตร่วมในพิธีเปิดงานมหกรรมวัฒนธรรม “ใต้ร่มพระบารมี ๒๓๓ ปี กรุงรัตนโกสินทร์” เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณท้องสนามหลวง โดยมีทูตานุทูตและคู่สมรส จำนวน ๑๕ คน จาก ๑๐ ประเทศเข้าร่วมงาน ๗. การจัดการประชุมวรรณกรรมและวัฒนธรรมอาเซียนและเอเชีย ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๖ เมษายน ๒๕๕๘ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีศิลปินและนักเขียน จำนวน ๒๐๐ คน จาก ๑๓ ประเทศในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียเข้าร่วมประชุมฯ เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องวรรณกรรมของแต่ละประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
529 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศ ครั้งที่ 10 | ทก | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๐ (10th APEC Telecommunications and Information Ministerial Meeting : APEC TELMIN 10) ระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของคณะทำงานเอเปคด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศ รวมทั้งการนำเสนอวิสัยทัศน์ของรัฐมนตรีเอเปคที่เข้าร่วมการประชุม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้นำเสนอแนวนโยบายที่สำคัญของประเทศไทย คือ นโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีเป้าหมายในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปรับปรุงระบบธรรมาภิบาล และลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวยังสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศของเอเปค ปี ๒๕๕๙ ถึง ๒๕๖๓ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์เรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งประเทศไทยสนับสนุนความร่วมมือกับเขตเศรษฐกิจเอเปคในการแลกเปลี่ยนข้อมูลนโยบาย การกำกับดูแล และการพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของแผนยุทธศาสตร์ฯ และนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต ๒. ที่ประชุมได้รับรอง “แผนยุทธศาสตร์ด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศของเอเปค ปี ๒๕๕๙ ถึง ๒๕๖๓” (APEC Telecommunications and Information Working group Strategic Action Plan 2016-2020) โดยวัตถุประสงค์ของแผนยุทธศาสตร์ฯ คือ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีอย่างครอบคลุมและการใช้ไอซีทีอย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมโยง และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบองค์รวม มีความเข้มแข็ง มั่นคง ปลอดภัยและยั่งยืน และมีการกำหนดวิสัยทัศน์ของแผนไว้ว่า ภายในปี ๒๕๖๓ เอเปคจะสร้างระบบนิเวศทางไอซีทีที่มีโครงสร้างพื้นฐานและโปรแกรมประยุกต์ด้านนวัตกรรมไอซีทีที่มีความปลอดภัย เชื่อถือได้ การให้บริการนวัตกรรมไอซีทีไร้พรมแดน การใช้ไอซีทีอย่างแพร่หลายในทุกสาขา การพัฒนาทักษะไอซีทีและความรู้ทางดิจิทัล ซึ่งจะสนับสนุนการสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้หารือทวิภาคีกับ Mr. Yasuo Sakamoto รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น เกี่ยวกับการจัดทำบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านไอซีทีระหว่างสองหน่วยงาน และความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ เนื้อหาสาระทางดิจิทัล (Digital Content) การพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านไอซีที การใช้ไอซีทีกับภาคการศึกษาและด้านสาธารณสุข เป็นต้น รวมทั้งได้หารือทวิภาคีกับ Mr. Choi Jae-You รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ไอซีที และการวางแผนในอนาคตของสาธารณรัฐเกาหลี เกี่ยวกับการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อหารือและสนับสนุนการจัดทำนโยบาย/แผนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย พร้อมทั้งได้เชิญชวนสาธารณรัฐเกาหลีเข้าร่วมงาน Bangkok ICT International EXPO 2015
|
|||||||||||||||||||||
530 | การกำหนดให้วันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จประปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวันรัฐพิธี | นร | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักพระราชวัง สำนักราชเลขาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการกำหนดให้วันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวันรัฐพิธี แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในวันอังคารที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
531 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... | สว | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงวัฒนธรรมมีความเห็นว่า หากเกิดกรณีที่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ไม่สามารถได้รับเงินจัดสรรจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมได้ จำเป็นต้องมีงบประมาณจากแหล่งอื่นสนับสนุน เนื่องจากกองทุนพัฒนาสื่อฯ เป็นองค์กรหนึ่งที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และมีบุคลากรและทรัพย์สินต่าง ๆ ที่จะต้องอาศัยงบประมาณในการบริหารจัดการ ดังนั้น กองทุนพัฒนาสื่อฯ ควรได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีจากสำนักงบประมาณเพื่อจัดทำภารกิจให้มีประสิทธิภาพต่อไป และเห็นควรให้กองทุนพัฒนาสื่อฯ นำประเด็นและข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไปพัฒนาการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อฯ และรายงานผลการดำเนินงานตามประเด็นและข้อสังเกตต่อคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในปีถัดไป เพื่อให้การดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อฯ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเพื่อให้การตรวจสอบและการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อฯ มีผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม ๑.๒ สำนักงบประมาณมีความเห็นว่า ในร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ได้เพิ่มเติมบทบัญญัติให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเป็นทุนประเดิม อย่างไรก็ดี ในโอกาสต่อไปหากกองทุนพัฒนาสื่อฯ ไม่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจ่ายเสียงฯ เพื่อประโยชน์สาธารณะแล้ว รัฐบาลก็สามารถจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ๒. แจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
532 | ขอความเห็นชอบการดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ในสหราชอาณาจักรในนามรัฐบาลไทย | วธ | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การดำเนินงานโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ในสหราชอาณาจักรในนามรัฐบาลไทย โดยเป็นการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการเผยแพร่ความเป็นเลิศของศิลปวัฒนธรรมไทยในสาขาศิลปะการแสดงที่เป็นแบบฉบับให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีระดับโลก ในชื่องาน “เทศกาลไทยในสหราชอาณาจักร-ไทยแท้แท้ (Totally Thai)” ระหว่างเดือนมิถุนายน-ธันวาคม ๒๕๕๘ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหน่วยงานร่วมดำเนินงานโครงการฯ ๒. ให้ดำเนินโครงการฯ โดยเน้นกิจกรรมเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์และพิจารณาใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า |
|||||||||||||||||||||
533 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง รายงานผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา) | สผ | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง รายงานผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา) โดยมีประเด็นการปฏิรูป ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) เรื่องทรัพย์สินของวัดหรือของพระสงฆ์ (๒) เรื่องปัญหาของพระสงฆ์ที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยนำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธา (๓) เรื่องการทำให้พระธรรมวินัยให้วิปริตและการประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัย และ (๔) เรื่องฝ่ายอาณาจักรที่จะต้องเข้าไปสนับสนุนปกป้องคุ้มครองกิจการของฝ่ายศาสนจักร ตามที่สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาของคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา และข้อเสนอแนะของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชุมหารือกำหนดวิธีการและแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาอย่างเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้วสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
534 | สรุปผลการจัดเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2558 | วธ | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการจัดเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๕๘ ของกระทรวงวัฒนธรรม โดยได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนจัดงานสงกรานต์ “สืบสานประเพณีไทย สุขใจไทยทั่วหล้า” เพื่ออนุรักษ์ ส่งเสริม และสืบสานสาระคุณค่าของประเพณีสงกรานต์ ซึ่งเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่สำคัญของไทยให้ยังคงความงดงามและสืบทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ ดังนี้
๑. การจัดงานสงกรานต์แบบดั้งเดิม ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ โดยในส่วนกลางจัดที่วัดสำคัญ จำนวน ๗ วัด ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชมหาวิหาร วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดสุทธาโภชน์ วัดบางกระดี่ วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร และวัดเสมียนนารี สำหรับในส่วนภูมิภาคจัดงานที่วัดสำคัญของทุกจังหวัดทั่วประเทศ ๒. การสักการะ ๙ พระพุทธรูปมงคลโบราณ เป็นการอัญเชิญพระพุทธรูปมงคลโบราณจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และคลังกลางจังหวัดปทุมธานี จำนวน ๙ องค์ มาประดิษฐานยังศูนย์การค้าสยามพารากอน ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ ๓. การจัดงาน “สงกรานต์เมษา ผ้าขาวม้าครองโลก” ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สยามสแควร์ ๔. การจัดงาน “Water Festival 2015 วิถีชีวิตไทย” ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณบนโค้งน้ำเจ้าพระยาใน ๗ พื้นที่หลัก ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ท่ามหาราช ตลาดยอดพิมานริเวอร์วอล์ค และเอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ๕. การรดน้ำขอพรจากศิลปินแห่งชาติ ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม ในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๘ ณ หอประชุมเล็กศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ๖. การจัดงานสงกรานต์เมืองหน้าด่านวัฒนธรรม จำนวน ๔ เมือง ได้แก่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ๗. การจัดทำสื่อเพื่อใช้รณรงค์ เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับคุณค่าสาระประเพณีสงกรานต์ของไทย และการจัดทำ E-Card หรือบัตรอวยพร เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนได้ส่งความสุขปีใหม่แบบไทยในวันสงกรานต์
|
|||||||||||||||||||||
535 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์ แห่งประเทศไทย (จำนวน 4 คน 1. นายฟารุค วงษ์บริสุทธิ์ ฯลฯ) | วธ | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย จำนวน ๔ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายฟารุค วงษ์บริสุทธิ์ ๒. นายอรุณ บุญชม ๓. นายวุฒิวัย หวังบู่ ๔. นายอิบรอเหม อาดำ
|
|||||||||||||||||||||
536 | วีดิทัศน์ผลการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผลการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ อย่างเป็นทางการ ผลการหารือกับบุคคลต่างประเทศที่สำคัญของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผลการเข้า ร่วมประชุม Global Conference on Cyberspace | กต | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อเฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเปิดงานนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ณ พิพิธภัณฑ์กรุงปักกิ่ง เพื่อเผยแพร่พระอัจฉริยภาพและเฉลิมฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ และในวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๘ กระทรวงวัฒนธรรมจีนได้จัดแสดงนาฏศิลป์เฉลิมพระเกียรติฯ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีจีนเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จด้วย ในโอกาสนี้ฝ่ายจีนได้ยืนยันความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างกัน รวมทั้งให้ความสำคัญอย่างมากต่อการเสด็จฯ เยือนครั้งนี้และถือเป็นการเริ่มต้นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบรอบ ๔๐ ปี ด้วย ๒. ผลการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ ๖-๗ เมษายน ๒๕๕๘ ตามคำเชิญของนายอัลเบิร์ต เดล โรซาริโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ โดยได้แสดงความยินดีที่ไทยยกเลิกกฎอัยการศึก ในการนี้ ฟิลิปปินส์ได้ยกเลิกคำเตือนการเดินทางไปไทย รวมทั้งแสดงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีที่ทรงรับโรงเรียนในฟิลิปปินส์ ๓ แห่ง ให้อยู่ภายใต้โครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระบรมราชูปถัมภ์ และขอบคุณรัฐบาลไทยที่มอบเงิน ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ และข้าว ๕๐๐ ตัน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไต้ฝุ่น Hagupit ๓. ผลการหารือกับบุคคลต่างประเทศที่สำคัญ เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ ได้แก่ (๑) การหารือกับนายยัวเกน คลิมเคอ และนายฟรังค์ ไฮน์ริช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเยอรมนี ทำให้ได้ทราบข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจนในแนวทางปฏิรูปสู่ประชาธิปไตย roadmap และการใช้บังคับมาตรา ๔๔ โดยแสดงความเข้าใจเป็นอย่างดีต่อสถานการณ์ของไทยที่ดีขึ้น และจะนำกลับไปแจ้งชาวเยอรมันทราบ และยินดีที่จะมาดูงาน และให้ข้อเสนอแนะเรื่องมาตรการทำประมงของไทย ซึ่งปัจจุบันได้ออกกฎหมายและมาตรการแก้ไขปัญหาซึ่งได้รับการยอมรับจาก IUU แล้ว และ (๒) การหารือกับนาย Alexander Feldman ประธานสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน หรือ USABC ได้ขอบคุณเกี่ยวกับการประสานงานให้คณะนักธุรกิจกลุ่มอาหารและเกษตรกรรมฯ ได้พบกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมีแผนจะนำคณะนักธุรกิจ USABC เดินทางมาไทยในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมด้วย ๔. การเข้าร่วมประชุม Global Conference on Cyberspace ครั้งที่ ๔ ณ ศูนย์การประชุม World Forum กรุงเฮก เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๘ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถ้อยแถลงเน้นย้ำว่าประเทศไทยตระหนักถึงอิทธิพลและความสำคัญของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อาเซียนจะรวมตัวกันเป็นประชาคม จึงควรรักษาสมดุลระหว่างการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลและความมั่นคงทางไซเบอร์ รวมทั้งได้สร้างความเชื่อมั่นต่อที่ประชุมถึงความพยายามของไทยในการสร้างความปลอดภัยในการซื้อขายและทำธุรกรรมออนไลน์โดยสนับสนุนให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการพัฒนายุทธศาสตร์และกฎหมายด้านไซเบอร์เพื่อให้เทคโนโลยีไซเบอร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างเท่าเทียมและยั่งยืนพร้อมไปกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
|
|||||||||||||||||||||
537 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่าง ปี 2558 - 2560 | วธ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ (Memorandum of Understanding on Cooperation between the Ministry of Culture of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Culture of the Russian Federation 2015-2017) มีสาระสำคัญเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่เป็นรูปธรรมในด้านศิลปะ ภาษา วรรณกรรม เอกสารโบราณ ดนตรี ละคร นาฏศิลป์ รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างคู่ภาคีในด้านการจัดแสดงผลงานวิจิตรศิลป์ และความร่วมมือในการติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงานด้านจดหมายเหตุ การแลกเปลี่ยนนักจดหมายเหตุ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวกับการรักษาจดหมายเหตุ และเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดสัมมนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการให้มีขึ้นในประเทศของคู่ภาคี อีกทั้งการส่งครูหรือผู้ฝึกสอนในด้านวัฒนธรรมของประเทศคู่ภาคีไปปฏิบัติงานยังประเทศของอีกฝ่าย รวมทั้งการจัดงานวันวัฒนธรรมไทยในรัสเซียและวัฒนธรรมรัสเซียในไทย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในบันทึกความเข้าใจฯ หากมีความจำเป็นสามารถปรับปรุงถ้อยคำของบันทึกความเข้าใจฯ ได้เท่าที่ไม่ขัดกับหลักการและสาระสำคัญที่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี หรือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาดำเนินการจัดทำความร่วมมือกับกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซียให้ครอบคลุมทุกมิติด้านวัฒนธรรมบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน รวมทั้งให้ประสานงานกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวระหว่างกันในแต่ละด้านของวัฒนธรรม (Cluster) อย่างมีคุณภาพและความปลอดภัย และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการเพิ่มเที่ยวบินระหว่าง ๒ ประเทศให้มากขึ้น ทั้งในลักษณะของเที่ยวบินเหมาลำ (Charter Flight) และเที่ยวบินปกติของสายการบินแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||
538 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พ.ศ. 2551 | วธ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย จำนวน ๑๒ คน แทนกรรมการชุดเดิมที่ครบวาระในการดำรงตำแหน่งแล้ว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ เมษายน ๒๓๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะร่วมสมัย ๑.๑ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล สาขาดนตรี ๑.๒ นายวิรัช อยู่ถาวร สาขาดนตรี ๑.๓ นายนิธิ สถาปิตานนท์ สาขาสถาปัตยกรรม ๑.๔ นายภราเดช พยัฆวิเชียร สาขาสถาปัตยกรรม ๑.๕ นายประภัสสร เสวิกุล สาขาวรรณศิลป์ ๑.๖ นางชมัยภร บางคมบาง สาขาทัศนศิลป์ ๑.๗ ศาสตราจารย์ปรีชา เถาทอง สาขาทัศนศิลป์ ๑.๘ รองศาสตราจารย์นพมาส แววหงส์ สาขาศิลปะการแสดง ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิจากนักวิชาการด้านศิลปะร่วมสมัยจากสถาบันอุดมศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน ๒.๑ ศาสตราจารย์ณรงค์ฤทธิ์ ธรรมบุตร สาขาดนตรี ๒.๒ ศาสตราจารย์วิโชค มุกดามณี สาขาทัศนศิลป์ ๒.๓ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สรรเสริญ มิลินทสูต สาขาทัศนศิลป์ ๒.๔ ผู้ช่วยศาสตราจารย์เอกพงษ์ ตรีตรง สาขามัณฑนศิลป์
|
|||||||||||||||||||||
539 | สรุปผลการจัดงาน "วิถีข้าว วิถีไทย" | กษ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงาน ดังนี้ ๑.๑ งาน “วิถีข้าว วิถีไทย” จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕ มีนาคม-๕ เมษายน ๒๕๕๘ ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้ประชาสัมพันธ์สินค้าข้าวและจำหน่ายข้าวให้แก่ผู้บริโภคชาวกรุงเทพโดยตรง ผู้บริโภคในชุมชนเมืองได้เรียนรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ในการพัฒนาข้าวและรู้ซึ้งถึงคุณค่าของข้าวไทยที่มีหลากหลายพันธุ์ มีคุณค่าทางโภชนาการ ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมวิถีข้าว วิถีไทยจาก ๔ ภาค กระตุ้นให้คนไทยให้ความสำคัญกับการผลิตและการบริโภคข้าวคุณภาพที่ผลิตด้วยระบบมาตรฐาน โดยเฉพาะข้าวอินทรีย์ นอกจากนี้ผู้ผลิตข้าวได้เรียนรู้การค้าขายทางอิเล็กทรอนิกส์ตลาดออนไลน์และการเชื่อมโยงของตลาดข้าวคุณภาพจากภูมิภาคมายังศูนย์การค้าชั้นนำ เช่น Makro สาขาสามเสนที่เปิดโอกาสให้กลุ่มเกษตรกรได้จำหน่ายข้าวต่อเนื่องจากวันที่ ๖-๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ และ Central World สาขาราชประสงค์ ๑.๒ งาน "วิถีข้าว วิถีไทย" จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร กรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สมาคมเชฟแห่งประเทศไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ๑.๓ ผลการดำเนินงาน เกษตรกรร่วมจำหน่ายข้าวคุณภาพดีจากภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำนวน ๘๐ บูท ซึ่งประกอบด้วยสินค้าข้าวมากกว่า ๒๒ ชนิด และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวอีกจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าการตลาดรวม ๗,๙๘๘,๔๕๐ บาท ผู้ร่วมฝึกอาชีพ ๗๖๕ คน ใน ๓๗ หลักสูตร มีผู้ร่วมเรียนรู้การสาธิตจากเชฟมืออาชีพจากสมาคมเชฟแห่งประเทศไทย ๑,๒๐๐ คน ใน ๑๕ เมนู รวมทั้งมีการแสดงวัฒนธรรมวิถีข้าว วิถีไทย การละเล่นพื้นเมืองจากทุกภาคและมีศิลปินและนักแสดงเข้าร่วมให้ความบันเทิง โดยได้รับการตอบรับทั้งจากเกษตรกรผู้ขายข้าวเป็นอย่างดีและผู้เข้าร่วมมีความพึงพอใจในระดับดี-ดีมาก โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมชมงาน ๔๘,๔๐๓ คน ซึ่งมีความเห็นว่าควรให้จัดสม่ำเสมอ กระจายทั่วทุกภูมิภาคเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และทำให้ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สืบไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดให้มีตลาดชุมชนตามแนวทางการจัดงาน “วิถีข้าว วิถีไทย” ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการเชื่อมโยงการค้าขายระหว่างผู้บริโภคและผู้ขาย และในอนาคตให้พัฒนาให้เกิดความเชื่อมโยงเป็นห่วงโซ่ของภาครัฐและเอกชนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาปรับปรุงพันธุ์ข้าวต่าง ๆ ให้มีคุณภาพเหมาะสมกับการเพาะปลูกในแต่ละพื้นที่ และให้พิจารณาความเหมาะสมและความสมดุลของผลผลิตข้าวแต่ละชนิดที่ออกสู่ตลาด รวมทั้งปริมาณการใช้ในประเทศและการส่งออกไปขายยังต่างประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||
540 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการจัดผังเมืองเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๓ ส่วน คือ (๑) พื้นที่ที่รัฐบริหารโดยจัดโครงการพื้นฐานให้ (๒) พื้นที่เช่าสำหรับภาคเอกชน และ (๓) พื้นที่เพื่อสนับสนุน SMEs และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานความก้าวหน้าในการเชิญชวนภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนในพื้นที่ต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายนนี้ ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งเจรจาหาข้อสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวผ่านทางจังหวัดหนองคาย และพิจารณาหาแนวทางการปรับปรุงพัฒนาถนนบริเวณบ้านผาจี อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ระยะทางประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ให้สามารถสัญจรได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย ๑.๓ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางดำเนินการให้ด่านสิงขรเป็นจุดผ่อนปรนพิเศษที่เชื่อมโยงทั้งการค้า การท่องเที่ยว การคมนาคมขนส่งบริเวณชายแดน โดยไม่ถือเป็นแนวเขตแดนและไม่มีผลต่อการปักปันเขตแดนในอนาคต โดยให้รายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายนนี้ ๑.๔ ตามที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ได้ตรวจสอบมาตรฐานของกรมการบินพลเรือนตามโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากล และพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน นั้น ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดแก้ไขปัญหาโดยเร็ว โดยแบ่งการดำเนินการเป็น ๒ ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน จ้างที่ปรึกษามาแก้ไขประสิทธิภาพการกำกับดูแลการออกใบอนุญาตด้านการบินให้ได้ตามมาตรฐานของ ICAO และระยะต่อไป ปรับปรุงโครงสร้างการทำงาน แผนพัฒนาบุคลากร ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการระยะเร่งด่วนให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน ๑.๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการจัดทำฐานข้อมูลของประชาชนแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยเพื่อนำมากำหนดแนวทางการดูแลความเป็นอยู่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเชื่อมโยงกับข้อมูลทะเบียนราษฎรให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๑.๖ ให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และการลงนามในสัญญาหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ให้คณะรัฐมนตรีทราบ และให้หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายลงทุนจำนวนมาก ได้แก่ กรมทางหลวง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมทรัพยากรน้ำ รวมทั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายงานความก้าวหน้าโครงการส่งให้สำนักงบประมาณทุกสัปดาห์เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๗ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัด “สัปดาห์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อ SMEs และเกษตรกร” เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เจ้าของนวัตกรรมได้มีโอกาสพบปะกับหน่วยงานสนับสนุนเงินทุนของภาครัฐ ๑.๘ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับส่งเสริมการขยายตลาดผลไม้ไทยในต่างประเทศ โดยเริ่มต้นจากการจัดกระเช้าผลไม้ที่มีคุณภาพทั้งผลไม้สดและผลไม้แปรรูปสำหรับการต้อนรับแขกต่างประเทศที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย หรือในโอกาสที่รัฐมนตรีไปเยือนต่างประเทศ ๑.๙ ให้กระทรวงพลังงานจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมของต่างประเทศ แล้วจัดทำเป็นข้อเสนอทางเลือกเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๑๐ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๙) ตามแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะการพัฒนาทางวิ่งขึ้นลง (Runway) ที่ ๓ ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาฟลูออไรด์ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพฟันของเด็กและเยาวชนให้แข็งแรง ๓. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดทำข้อมูลสำหรับใช้ในการเจรจาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศอาเซียนในระหว่างการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในประเด็นที่สำคัญ เช่น การปลูกป่าอาเซียน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ผลผลิตทางการเกษตร การแก้ไขการเผาป่า การศึกษา การท่องเที่ยว วัฒนธรรม โดยส่งให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๔. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๔.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ศึกษาผลกระทบของการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ และกำหนดแผนดำเนินการเพื่อรองรับผลกระทบด้วย โดยให้คำนึงถึงประสิทธิภาพของกฎหมายที่สามารถนำมาใช้บังคับได้อย่างแท้จริงและสามารถนำมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศได้ ๔.๒ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง เช่น การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ การแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา พิจารณาเสนอแนวทางตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะว่าการใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ นั้น ไม่เพียงใช้เพื่อการรักษาความมั่นคงเท่านั้น หากยังใช้ในเชิงสร้างสรรค์สำหรับการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของประเทศด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ด้วย ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำ application สำหรับ smart phone, tablet ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนเมษายนนี้ ๕.๒ ให้ทุกกระทรวง กรมประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในเรื่องต่อไปนี้ (๑) ด้านสังคม ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างทางการศึกษาของประเทศไทยให้มีมาตรฐานและทัดเทียมกับต่างประเทศ แก้ไขปัญหาไฟป่าและมลพิษหมอกควัน (๒) ด้านเศรษฐกิจ ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการผลิตทางการเกษตร การพักชำระหนี้เกษตรกร กำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และกำหนดมาตรการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (๓) ด้านกฎหมาย ได้ออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้ในการแก้ไขปัญหาในเรื่องเร่งด่วน และปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย และ (๔) ด้านการต่างประเทศ สร้างความเข้าใจกับนานาประเทศให้รับทราบผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องสำคัญ เช่น การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ๕.๓ ให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ภาพถ่ายแผนที่จากการสำรวจระยะไกลทางอากาศและดาวเทียม เพื่อบูรณาการข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งกำหนดเจ้าภาพในการรวบรวม จัดเก็บและกลั่นกรองข้อมูลในแต่ละด้าน โดยกำหนดระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลและการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓ เดือน ๕.๔ ให้ทุกหน่วยงานจัดทำข้อมูลผลการดำเนินการในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน โดยเน้นในสิ่งที่ได้ดำเนินการเกิดผลเป็นรูปธรรมแล้ว และสิ่งที่จะดำเนินการต่อไปในระยะ ๕ ปีข้างหน้า แล้วส่งข้อมูลให้สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทุกสัปดาห์เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ ๖ เดือน ซึ่งจะเริ่มต้นในวันศุกร์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ โดยนายกรัฐมนตรีจะแถลงผลการดำเนินนโยบายในภาพรวมในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ จากนั้นในสัปดาห์ถัดไปรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะแถลงผลงานในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และการต่างประเทศ
|
.....