ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 26 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 501 - 520 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
501 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง รายงานการศึกษาและข้อเสนอแนะแนวทางการสร้างความปรองดอง) | สผ | 01/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเรื่อง รายงานการศึกษาและข้อเสนอแนะแนวทางการสร้างความปรองดอง ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การสร้างความเข้าใจร่วมของสังคมต่อเหตุแห่งความขัดแย้ง ๒. การแสวงหาและเปิดเผยข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ความรุนแรง ๓. การอำนวยความยุติธรรม การสำนึกรับผิดชอบและการให้อภัย ๔. การเยียวยา ดูแล และการฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบ ๕. การสร้างสภาวะที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกัน ๖. มาตรการป้องกันการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
|
||||||||||||||||||||||||
502 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 01/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกและประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ศิลปินแห่งชาติได้รับประโยชน์ตอบแทนค่ารักษาพยาบาลเฉพาะตัวในส่วนที่เบิกได้ไม่เต็มจำนวน หรือในกรณีที่เบิกไม่ได้ ส่วนที่ยังขาดอยู่หรือเบิกไม่ได้ให้เบิกตามกฎกระทรวงนี้ได้อีก ภายในวงเงินไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อปีงบประมาณ โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบให้กระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นในการจัดตั้งสมาคมเพื่อดูแลสิทธิประโยชน์ของศิลปินให้ครอบคลุมศิลปินทุกสาขา โดยให้มีกฎหมายและงบประมาณรองรับตามความเหมาะสมด้วย |
||||||||||||||||||||||||
503 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การกำกับดูแลสื่อสิทธิเสรีภาพสื่อบนความรับผิดชอบ และการป้องกันการแทรกแซงสื่อ และร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. ....) [มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เป็นหน่วยงานหลัก] | สผ | 01/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเรื่อง การกำกับดูแลสื่อ สิทธิเสรีภาพสื่อบนความรับผิดชอบ และการป้องกันการแทรกแซงสื่อ และร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การปฏิรูปด้านเสรีภาพสื่อบนความรับผิดชอบ ๒. การปฏิรูปด้านการป้องกันการแทรกแซงและครอบงำสื่อ ๓. การปฏิรูปด้านการกำกับดูแลสื่อ
|
||||||||||||||||||||||||
504 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 01/09/2558 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยเร่งแก้ไขปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำ รวมทั้งพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร เช่น การช่วยเหลือด้านการขนส่งสินค้าทางการเกษตรไปยังตลาดในราคาย่อมเยา การจัดจำหน่ายสินค้าผ่านสหกรณ์และตลาดชุมชน ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ประชาสัมพันธ์ราคากลางของสินค้าอุปโภคและบริโภคให้ประชาชนรับทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างทั่วถึงด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มผิดกฎหมาย โดยประสานความร่วมมือกับต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน แล้วรายงานให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ) พิจารณาดำเนินการต่อไป ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงการต่างประเทศเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๗ เมษายน ๒๕๕๘) ที่ให้พิจารณาเสนอแนวทางการทำประมงในเขตแดนของภูมิภาคอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศ ว่าควรแบ่งเขตแดนอย่างไร สามารถทำประมงข้ามเขตได้หรือไม่ อย่างไร และให้การสนับสนุนด้านเครื่องมือในการทำประมง รวมทั้งให้เร่งดำเนินการเพิ่มแหล่งการทำประมงในเขตประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ทะเล เช่น บรูไนดารุสซาลาม กินี ต่อไปด้วย ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางการรณรงค์สร้างจิตสำนึกความเป็นไทยให้เกิดขึ้นในสังคม และให้นำเอกลักษณ์ไทยไปเผยแพร่ในโอกาสต่าง ๆ รวมทั้งกำหนดรูปแบบเครื่องแต่งกายสำหรับรัฐมนตรีและคู่สมรสเพื่อใช้ในโอกาสงานพิธีการรับรองแขกต่างประเทศและการเยือนต่างประเทศ เพื่อแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของประเทศ ๒.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการเกี่ยวกับการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กเพื่อให้ไม่กระทบต่อนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ เช่น ให้นักเรียนที่ศึกษาอยู่จบการศึกษาก่อน ไม่รับนักเรียนเพิ่มเติม ๓. ด้านการต่างประเทศ ให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจและด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทำข้อมูลสำหรับนายกรัฐมนตรีใช้ประกอบในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในช่วงปลายเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ณ สหรัฐอเมริกา โดยส่งให้กระทรวงการต่างประเทศบูรณาการข้อมูลเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๔. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๔.๑ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และที่แก้ไขเพิ่มเติม อย่างเคร่งครัด โดยให้กำชับผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด ไม่ปล่อยปละละเลย เพื่อมิให้เกิดการค้ามนุษย์ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ หากพบมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในพื้นที่ใด ให้ย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดให้นำคดีที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย ๔.๒ ให้กระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง และกระทรวงพาณิชย์เร่งรัดกระบวนการพิจารณากรณีทุจริตโครงการจำนำข้าวให้สามารถนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมภายในสิ้นปี ๒๕๕๘ นี้ โดยให้รายงานรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาก่อนดำเนินการ นอกจากนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และกระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลให้ออกสู่ตลาดโดยเร็ว โดยยึดหลักสุจริตและโปร่งใส และไม่กระทบต่อราคาตลาดข้าวในปัจจุบัน ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘) เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ แล้ว นั้น ให้ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๕.๑.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประสานงานกับประเทศในอาเซียนเพื่อให้มีความร่วมมือกันเกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้าย ๕.๑.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มวงเงินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาในส่วนของรัฐบาล ๕.๑.๓ ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ๕.๑.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ๕.๑.๕ ให้กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำสื่อเกี่ยวกับมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว ๕.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดหาพื้นที่กักเก็บน้ำและพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำระหว่างประเทศเพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงในการส่งน้ำจากแหล่งน้ำระหว่างประเทศมาใช้ภายในประเทศ ๕.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยพิจารณาผ่อนผันให้ชาวสวนยางสามารถประกอบอาชีพในพื้นที่ที่ชาวสวนยางได้บุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำการเพาะปลูกยางสามารถประกอบอาชีพในพื้นที่ดังกล่าวต่อไปได้อีกระยะหนึ่งจนกว่าจะหาพื้นที่ทำกินใหม่ทดแทนได้ และให้สร้างความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าควบคู่กับการแก้ไขปัญหาการไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ๕.๖ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์ไฟไหม้บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ส่งผลให้เกิดปัญหาหมอกควันในหลายจังหวัดของภาคใต้อย่างต่อเนื่องและเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งประสานสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหมอกควันร่วมกันด้วย ๕.๗ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐปล่อยปละละเลยให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้น ให้ย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ๕.๘ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) เร่งตรวจสอบความมั่นคงของสิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ รวมทั้งระบบสัญญาณเตือนภัยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์วาตภัยที่อาจจะเกิดขึ้น ๕.๙ ให้ทุกส่วนราชการติดตามตรวจสอบและเร่งรัดการแก้ไขปัญหาที่มีการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมหรือผ่านช่องทางตามสื่อต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละส่วนราชการ ๕.๑๐ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงแบบฟอร์มและเอกสารต่าง ๆ ที่ใช้ในการติดต่อราชการให้ง่ายต่อความเข้าใจของประชาชน ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน
|
||||||||||||||||||||||||
505 | การเข้าร่วมการประชุม UNWTO/UNESCO World Conference on Tourism and Culture : "Building a New Partnership" และร่างปฏิญญาเสียมราฐว่าด้วยการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม - การสร้างความเป็นหุ้นส่วนใหม่ | วธ | 25/08/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อชี้แจงการเข้าร่วมการประชุมระดับโลกขององค์การการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ (United Nations World Tourism Organization : UNWTO)/องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) เรื่อง “การสร้างความเป็นหุ้นส่วนใหม่” (UNWTO/UNESCO World Conference on Tourism and Culture :“Building a New Partnership”) และการขอแก้ไขข้อเสนอของกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เป็น การเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมการประชุมระดับโลกของ UNWTO/UNESCO เพียงประการเดียว ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ รวมทั้งให้กระทรวงวัฒนธรรมระมัดระวังในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีซึ่งต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
506 | รายงานผลการเดินทางไปราชการเพื่อลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสถาบันด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและการออกแบบนิทรรศการระหว่าง กระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐเปรู | วธ | 25/08/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและคณะ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ สาธารณรัฐเปรู ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐเปรูได้ลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสถาบันด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและการออกแบบนิทรรศการระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐเปรู เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยความตกลงฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือทางด้านวิชาการด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษา การแลกเปลี่ยนการจัดนิทรรศการซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทั้งสองประเทศมีความสนใจ รวมทั้งวิชาการสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐเปรูได้หารือทวิภาคีเกี่ยวกับการขยายและเพิ่มพูนความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น และแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรมไทย-เปรู ภายใต้ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสถาบันด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและการออกแบบนิทรรศการระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐเปรู โดยเฉพาะการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางด้านพิพิธภัณฑ์ และการแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ ความรู้ และข้อแนะนำ รวมถึงการเสริมสร้างสมรรถนะและพัฒนาศักยภาพของบุคลากร นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมกันพิจารณาร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยความร่วมมือในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ การติดตามคืนและการส่งคืนซึ่งทรัพย์สิน ทางวัฒนธรรม โบราณคดี ศิลปะ และประวัติศาสตร์ที่ถูกปล้น โจรกรรม ส่งออก หรือถ่ายโอนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และดำเนินการตามกระบวนการให้แล้วเสร็จเพื่อให้สามารถลงนามได้ในโอกาสแรก ๓. กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศได้จัดการแสดงทางวัฒนธรรม ประกอบด้วยการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีไทย ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ โรงละครแห่งชาติ กรุงลิมา โดยได้จัดการแสดงโขนซึ่งเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูง รวมทั้งการแสดงที่หลากหลายและการสาธิตหัตถกรรม และร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-เปรู ด้วย ๔. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้พบหารือกับผู้บริหารแหล่งมรดกโลกและวัฒนธรรมในเปรู ได้แก่ นาย J. Fernando Astete Victoria ผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรมเมืองกุสโก และผู้อำนวยการแหล่งมรดกโลกมาชูปิกชู (Machu Picchu) โดยได้หารือแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางความร่วมมือทางด้านการอนุรักษ์และบริหารจัดการแหล่งมรดกโลก นอกจากนี้ ยังได้พบหารือและเยี่ยมชมแหล่งโบราณคดีและแหล่งมรดกโลกในเมืองกุสโกซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางยุคโบราณสมัยอาณาจักรอินคา รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านการจัดแสดงและบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์กับผู้บริหารของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเปรูในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
507 | สรุปผลการดำเนินงานโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ในสหราชอาณาจักรในนามรัฐบาลไทย | วธ | 18/08/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ในสหราชอาณาจักร ภายใต้ชื่องาน “เทศกาลไทยในสหราชอาณาจักร-ไทยแท้แท้” ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ จัดขึ้นในวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยคณะศิลปินนาฏศิลป์และดุริยางคศิลป์ กรมศิลปากร ณ โรงละครรอยัล อัลเบิร์ท ฮอลล์ กรุงลอนดอน ตลอดการแสดงโขนผู้ชมได้ให้ความสนใจในเนื้อหาสาระของเรื่อง เครื่องแต่งกายโขน เครื่องประดับ และความอ่อนช้อยของการใช้มือจีบและการตั้งวงซึ่งมีความงดงามตระการตา รวมถึงการบรรเลงดนตรีที่มีความไพเราะ เสียงพากย์และลูกคู่ร้องบท รวมถึงแสง สี เสียง ฉากที่สร้างความงดงาม สร้างความประทับใจและความชื่นชมอย่างมาก โดยได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องตลอดการแสดงจากผู้ชม ๒. เทศกาลภาพยนตร์ไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ สถาบันศิลปะภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งอังกฤษ (BAFTA) โดยจัดฉายภาพยนตร์ไทยคุณภาพที่ได้รับความนิยม รวม ๗ เรื่อง ณ โรงฉายภาพยนตร์ Princess Anne Theatre ของ BAFTA ประกอบด้วย คิดถึงวิทยา แผลเก่า เกมปลุกผี ต้มยำกุ้ง ๒ ปู่สมบูรณ์ ภวังค์รัก พระมหาชนก (แอนนิเมชั่น) สำหรับพิธีเปิดเทศกาลภาพยนตร์ไทยมีขึ้นในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ เริ่มด้วยการกล่าวเปิดของเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ตามด้วยการฉายภาพยนตร์เรื่องคิดถึงวิทยา และการให้สัมภาษณ์ของผู้กำกับภาพยนตร์และนักแสดงนำโดยสื่อมวลชนและผู้สนใจ นับว่าการฉายภาพยนตร์เรื่องคิดถึงวิทยาในวันเปิดเทศกาลครั้งนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวไทยและชาวต่างชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
508 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | สผ | 18/08/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะดังกล่าวของสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้วสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป โดยมีประเด็นการปฏิรูป ๔ ประเด็น สรุปได้ ดังนี้
๑. การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. การปฏิรูประบบ โครงสร้างองค์กร และกฎหมายด้านการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครื่องมือและกลไกในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๔. การสร้างความเป็นหุ้นส่วนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
||||||||||||||||||||||||
509 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... | วธ | 11/08/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมหรือคุ้มครองการใช้ประโยชน์จากวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ รวมทั้งเป็นการออกกฎหมายเพื่ออนุวัติการตามอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้แก้ไขชื่อ จากเดิม “ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. ....” เป็น “ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. ....” โดยได้มีการหารือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ และได้แก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ตามคำสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
510 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 11/08/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สอดคล้องด้านมาตรฐานการศึกษาและการประกันคุณภาพการศึกษา ข้อจำกัดการจัดการศึกษา และปัญหาด้านการบริหารงานบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเกิดขึ้นจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับกำหนดให้สภาสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์มีอำนาจออกข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคลเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และวิธีการที่ออกโดยองค์กรกลางบริหารงานบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ควรต้องคำนึงถึงมาตรฐานในการดำเนินการเมื่อเทียบกับสถาบันการศึกษาอื่นในลักษณะเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
511 | มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยในรูปแบบมาตรการคืนเงิน (Cash Rebate) | กก | 11/08/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการที่จะมีมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยในรูปแบบมาตรการคืนเงิน (Cash Rebate) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข คือ (๑) ภาพยนตร์ที่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายในประเทศไทยตั้งแต่ ๓๐ ล้านบาทขึ้นไป อัตราการคืนเงิน ร้อยละ ๑๕ (๒) ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมไทย และมีการนำภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในประเทศออกเผยแพร่ อัตราการคืนเงิน เพิ่มเติมไม่เกินร้อยละ ๑๐ และ (๓) ภาพยนตร์ดังกล่าวมีการจ้างคนไทยในตำแหน่งสำคัญ ได้แก่ นักแสดงหลัก นักแสดงรอง ผู้กำกับ และผู้ช่วยผู้กำกับ อัตราการคืนเงิน เพิ่มเติมไม่เกินร้อยละ ๕ ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑,๕๐๐ ล้านบาท (ปีละ ๕๐๐ ล้านบาท) ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหารือในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง พิจารณาหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และรูปแบบในการคืนเงิน ซึ่งรวมถึงภาษีและค่าธรรมเนียม และการอำนวยความสะดวกในการอนุมัติอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการ โดยศึกษาเปรียบเทียบกับการดำเนินการของต่างประเทศ รวมถึงผลตอบแทนที่จะได้รับและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
512 | (ร่าง) ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2558 - 2560 และแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2558 - 2559 | กก | 04/08/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ เพื่อเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล และแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ โดยมุ่งหวังให้เป็นวาระแห่งชาติที่ได้รับการผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในระยะ ๒-๓ ปีถัดจากนี้ไป โดยเน้นกิจกรรมที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนสู่แหล่งท่องเที่ยวคุณภาพตั้งแต่ระดับนโยบาย ซึ่งมีคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเป็นกลไกหลักในการบูรณาการการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าวร่วมกับระดับกลุ่มจังหวัด (คณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยว) และระดับจังหวัด (คณะกรรมการท่องเที่ยวจังหวัด) และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บังเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม การท่องเที่ยวเป็นแหล่งสร้างรายได้หลักของประเทศ มีการกระจายรายได้สู่ชุมชน เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทย และช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมของไทยให้อยู่คู่กับสังคมไทยอย่างยาวนาน ๑.๒ ให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติดูแลกำกับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ ๑.๓ สนับสนุน “ท่องเที่ยววิถีไทย” เป็นวาระแห่งชาติไปจนถึงสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๔ สนับสนุนนโยบายการพัฒนาการท่องเที่ยว “๑๒ เมืองต้องห้าม...พลาด” (ประกอบด้วย จังหวัดน่าน ลำปาง เพชรบูรณ์ เลย บุรีรัมย์ ราชบุรี จันทบุรี ตราด ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช และสมุทรสงคราม ไปจนถึงสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙) เพื่อสนับสนุนนโยบายการกระจายรายได้ของรัฐบาล ๒. ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหารือกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเพิ่มรายได้ของประเทศจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวไม่ควรเน้นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมาก แต่ควรเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูง และควรคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมวัฒนธรรมที่อาจจะเกิดขึ้นจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งให้ความสำคัญในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Argo Tourism) การท่องเที่ยวเชิงทัศนศึกษาในเขตประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) และการพัฒนาเชิงพื้นที่ นอกจากนี้ ควรส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและบริการมากขึ้น และส่งเสริมการท่องเที่ยวตามเส้นทางคมนาคมเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่และโครงข่ายคมนาคมขนส่งของประเทศ รวมถึงพัฒนาการท่องเที่ยวรายสาขาโดยส่งเสริมตามลำดับความสำคัญและความเร่งด่วน ตลอดจนกำหนดแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน มุ่งเน้นการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงระดับชุมชนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนที่อาศัยในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวหรือพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อให้ได้รับประโยชน์ โดยมีรายได้และอาชีพจากการท่องเที่ยวด้วย |
||||||||||||||||||||||||
513 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ไทย - รัสเซีย ครั้งที่ 6 และผลการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 28/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๖ และผลการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และมอบหมายให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องตามนัยสรุปประเด็นสำคัญสำหรับติดตามผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ และสรุปการติดตามผลการเยือนฯ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปในโอกาสแรก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สรุปประเด็นสำคัญสำหรับติดตามผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ได้แก่ ประเด็นด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ด้านอุตสาหกรรม ด้านพลังงาน ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านการเกษตร ความร่วมมือด้านการศึกษา ด้านวัฒนธรรม ด้านการท่องเที่ยว ด้านสิ่งแวดล้อม และประเด็นอื่น ๆ เกี่ยวกับความร่วมมือด้านสุขาภิบาลและสภาวะแวดล้อมอันปลอดโรคระบาด และการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ๑.๒ สรุปการติดตามผลการเยือนฯ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง แผนการหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไทยและรัสเซีย ความตกลงที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา ความร่วมมือด้านความมั่นคง การจัดหาสินค้ายุทโธปกรณ์ การส่งออกยางพาราของไทย การจัดหาสินค้าอุตสาหกรรม การลงทุนหรือการลงทุนร่วมกันด้านศูนย์ซ่อมบำรุง การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ไทย-รัสเซีย การฉลองครบรอบ ๑๒๐ ปีความสัมพันธ์ไทย-รัสเซีย การจัดตั้งศูนย์ไทยศึกษาและห้องไทยในรัสเซีย การจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมรัสเซียและสารสนเทศ รวมทั้งความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการลดค่าบริการการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมข้ามประเทศ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการแก้ไขข้อความในบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ฉบับภาษาไทย ประเด็นความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ข้อ ๓๑ บรรทัดที่ ๒ จาก “สถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติ” เป็น “สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ” และให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมในการจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมรัสเซียและสารสนเทศ นอกจากนี้ ให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบโดยเฉพาะในส่วนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบราง ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบในส่วนโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทย รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานรายงานความคืบหน้าของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบราง โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทย ให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยตรง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
514 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมในการใช้มิติทางวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เสริมสร้างภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของประเทศไทยในเวทีโลก เดือนพฤษภาคม 2558 | วธ | 14/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมในการใช้มิติทางวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เสริมสร้างภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของประเทศไทยในเวทีโลก เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธานเปิดการประชุมและบรรยายหัวข้อ “วัฒนธรรมไทย วัฒนธรรมอาเซียน” ในงานมหกรรมวิชาการภูมิปัญญากลุ่มชาติพันธุ์ ลุ่มน้ำโขง ๔ ชาติ ไทย ลาว เวียดนาม และจีน เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิตวัฒนธรรมและภูมิปัญญาลุ่มน้ำโขง ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธานเปิดนิทรรศการแสดงผลงานศิลปินไทย ในมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ เวนิส เบียนนาเล่ ครั้งที่ ๕๖ ณ เมืองเวนิส สาธารณรัฐอิตาลี เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นการจัดการแสดงผลงานของศิลปินทั่วโลก และเดินทางไปร่วมงาน “Expo Milano 2015” ณ เมืองมิลาน โดยได้เยี่ยมชมศาลาไทยซึ่งเป็น ๑ ใน ๑๕ ศาลา ที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นศาลาที่สวยที่สุด ภายในศาลาไทยได้นำเสนอเรื่องราวพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องราวเกี่ยวกับอาหารไทย และองค์ความรู้ด้านการเกษตรของประเทศไทย ๓. ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ ๖๘ ประจำปี ๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๔-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย รวมถึงผลักดันภาพยนตร์ไทย บุคลากรด้านภาพยนตร์ของไทยให้ก้าวสู่เวทีการเผยแพร่และการเจรจาธุรกิจในระดับนานาชาติ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยผ่านภาพยนตร์เรื่อง “เส้นทางรัก” หรือ “Love En Route” ๔. ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมระดับโลกเพื่อเจรจาระหว่างวัฒนธรรม ครั้งที่ ๓ (World Forum on Intercultural Dialogue) หัวข้อ “Culture and sustainable development in the post-2015 development agenda” ณ สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน เมื่อวันที่ ๑๘-๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๕. กระทรวงวัฒนธรรมให้การสนับสนุนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคาเรสต์ จัดส่งคณะนักแสดงสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์เข้าร่วมแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ในงานเทศกาลไทยเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทย การท่องเที่ยวไทย อาหาร และสินค้าอาหารไทย ประจำปี ๒๕๕๘ ณ ประเทศโรมาเนีย เมื่อวันที่ ๑๕-๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๖. กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือประเทศเนปาล ได้แก่ การจัดจำหน่ายเสื้อภาพวาดฝีมือศิลปินแห่งชาติ โดยจัดรายการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ “เช็ดน้ำตา หลั่งน้ำใจให้เนปาล” เปิดรับบริจาคจากประชาชน การจัดประมูลภาพฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และภาพศิลปกรรมและเหรียญของศิลปินแห่งชาติ รวมทั้งจำหน่ายผลงานของศิลปินและผลงานศิลปินที่ชนะเลิศการประกวดระดับชาติ โดยยอดเงินการจำหน่ายเสื้อ เงินบริจาคและการประมูลภาพ รวมทั้งสิ้น ๑๓,๕๘๙,๙๙๐ บาท และได้ส่งมอบให้รัฐบาลผ่านทางบัญชี “หัวใจไทย ส่งไปเนปาล” เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
515 | การจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสถาบันด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและการออกแบบนิทรรศการระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐเปรู และความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยความร่วมมือในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ การติดตามคืนและการส่งคืนซึ่งทรัพย์สินทางวัฒนธรรม โบราณคดี ศิลปะ และประวัติศาสตร์ที่ถูกปล้นโจรกรรม ส่งออก หรือถ่ายโอนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย | วธ | 30/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการขอเปลี่ยนชื่อความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและการออกแบบนิทรรศการระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐเปรู เป็นความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสถาบันด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและการออกแบบนิทรรศการระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐเปรู (Agreement on Interinstitutional Cooperation in Museology and Museography between the Ministry of Culture of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Culture of the Republic of Peru) ๑.๒ เห็นชอบการยกระดับและการปรับแก้ไขความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยความร่วมมือในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ การติดตามคืนและการส่งคืนทรัพย์สินทางวัฒนธรรม โบราณคดี ศิลปะ และประวัติศาสตร์ที่ถูกปล้น โจรกรรม ส่งออก หรือถ่ายโอนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (Agreement between the Kingdom of Thailand and the Republic of Peru on Cooperation in the fields of Protection, Conservation, Recovery and Return of Cultural, Archaeological, Artistic and Historical Property that has been Robbed, Stolen, Exported or Illegally Transferred) จากระดับกระทรวงเป็นระดับรัฐบาล ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในความตกลงทั้งสองฉบับตามข้อ ๑.๑ และ ๑.๒ ๑.๔ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามในความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยความร่วมมือในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ การติดตามคืนและการส่งคืนทรัพย์สินทางวัฒนธรรม โบราณคดี ศิลปะ และประวัติศาสตร์ที่ถูกปล้น โจรกรรม ส่งออก หรือถ่ายโอนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ๒. กรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงถ้อยคำของความตกลงฯ หากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ก็ให้สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว แต่หากการปรับเปลี่ยนขัดหรือไม่สอดคล้องกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนดำเนินการโดยห้ามมิให้แก้ไขหรือลงนามก่อนคณะรัฐมนตรีอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบ |
||||||||||||||||||||||||
516 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 30/06/2558 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านสังคม ๑.๑ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ ตุลาคม ๒๕๕๘) มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการกำหนดแนวทางการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขพฤติกรรมนักเรียนนักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักเรียนในสถาบันอาชีวศึกษา นั้น ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการหารือสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน และรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงศึกษาธิการร่วมกันกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในทางที่ไม่เป็นประโยชน์ และก่อปัญหาต่อพฤติกรรมและคุณภาพในการเรียนรู้ของเด็ก เช่น การติดเกมส์ออนไลน์ การเข้าถึงสื่อที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการจัดตั้ง Single Gateway เพื่อใช้เป็นเครื่องมือควบคุมเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและการไหลเข้าของข้อมูลข่าวสารจากต่างประเทศผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต โดยให้ตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องออกกฎหมายเพิ่มเติม ก็ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไปด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘) ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมจัดทำเอกสารเผยแพร่เกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ นั้น ในการจัดทำเอกสารดังกล่าวให้เพิ่มเติมประเด็นเกี่ยวกับพระอัจฉริยภาพของบูรพกษัตริย์แต่ละยุคแต่ละสมัย โดยมุ่งเน้นการน้อมนำพระราชดำริและพระราชดำรัสไปสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เช่น การปฏิบัติตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ การใช้พลังงานทดแทน ทั้งนี้ ให้จัดทำทั้งในรูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพร่ให้แก่ชาวต่างชาติได้รับรู้ต่อไปด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานทุกส่วนราชการเพื่อจัดทำสื่อหรือเอกสารเผยแพร่เรื่องราวที่มีลักษณะเด่นประจำแต่ละภาคของประเทศไทยในความรับผิดชอบ เช่น สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โบราณสถานที่สำคัญ สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่มีชื่อเสียง โดยให้จัดทำทั้งในรูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพร่ให้แก่ชาวต่างชาติได้รับรู้ต่อไปด้วย ๒.๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ และ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘) เกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง และพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๓.๑ กำหนดให้การแก้ไขปัญหาภัยแล้งเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันดำเนินการ และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติที่ต้องมีการจัดทำแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหา แผนการบริหารจัดการน้ำ แผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ชัดเจนทั้งระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว ให้สอดคล้องกับแผนขับเคลื่อน (Road Map) ของรัฐบาล และแนวทางการบริหารจัดการน้ำของนานาประเทศ ๒.๓.๒ ในการบริหารจัดการน้ำให้นำหลักการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปฏิบัติและคำนึงถึงประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น พิจารณาแนวทางการเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนหลักของประเทศ ขยายร่องน้ำและเชื่อมโยงแหล่งน้ำใกล้เคียงเข้าด้วยกันปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์หรือจัดระเบียบพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ (Zoning) สร้างแหล่งกักเก็บน้ำในฤดูน้ำหลากเพื่อเก็บไว้ใช้ในฤดูแล้ง ๒.๓.๓ เร่งศึกษาแนวทางในการพัฒนาแหล่งน้ำใหม่เพิ่มเติมเพื่อการกักเก็บน้ำหลากและชะลอน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขง เช่น สร้างอ่างเก็บน้ำ สร้างระบบโครงข่ายแก้มลิง หรือวิธีอื่น ๆ โดยให้เร่งจัดทำแผนทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงการใช้จ่ายงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๓. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรวบรวมผลการดำเนินงานของรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น การจัดทำฝนหลวง การบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้ง การจัดที่ดินทำกิน เพื่อนำความกราบบังคมทูลรายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสอันควรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
517 | รายงานผลการจัดงานมหกรรมวัฒนธรรมรัตนโกสินทร์ "ใต้ร่มพระบารมี 233 ปี กรุงรัตนโกสินทร์" | วธ | 25/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการจัดงานมหกรรมวัฒนธรรมรัตนโกสินทร์ “ใต้ร่มพระบารมี ๒๓๓ ปี กรุงรัตนโกสินทร์” (The 233rd Year of Rattanakosin City under Royal Benevolence) ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณท้องสนามหลวง สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่มาของการจัดงาน เนื่องจากวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๓๒๕ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีฝังหลักพระนคร และทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นเมืองหลวงของประเทศ ยืนยาวมาเป็นเวลา ๒๓๓ ปี จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีที่ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ กระทรวงวัฒนธรรมจึงกำหนดจัดงาน "ใต้ร่มพระบารมี ๒๓๓ ปี กรุงรัตนโกสินทร์" ขึ้น ๒. กิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ ริ้วขบวน “ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์” นิทรรศการภาพเก่าเล่าเรื่องกรุงรัตนโกสินทร์ การแสดงชุด “รำอาเศียรวาทราชสดุดี” และ “รำแว่นเทียน” กิจกรรมรำวงย้อนยุคและลีลาศย้อนยุค การประกวดกุลสตรีศรีรัตนโกสินทร์ และดนตรีร่วมสมัย การแสดงมหกรรมโขน และการแสดงของศิลปินแห่งชาติ กิจกรรมทางศาสนา (ประกอบด้วย พิธีบวงสรวงเทพยดาและดวงพระวิญญาณสมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า พิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พิธีเจริญพระพุทธมนต์และตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน ๒๓๔ รูป และพิธีศาสนามหามงคล โดยประกอบกิจกรรมทางศาสนา ๕ ศาสนา และไหว้พระ ๙ วัดสืบสิริสวัสดิ์ ๙ รัชกาล) ศิลปะการแสดงเวทีกลาง (ประกอบด้วย กิจกรรมทางวัฒนธรรมของชุมชนรอบเกาะรัตนโกสินทร์และทุกเขตในกรุงเทพมหานคร มหกรรมภาพยนตร์ย้อนยุค มหกรรมว่าวไทยและว่าวนานาชาติ การสาธิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมและของดีบ้านฉันทั่วประเทศ การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ และการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง เหลียวหลังแลหน้ากรุงรัตนโกสินทร์) ๓. ผลการดำเนินงาน การจัดพิธีเปิดงาน “ใต้ร่มพระบารมี ๒๓๓ ปี กรุงรัตนโกสินทร์” เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๘ มีคนเข้าร่วมชมขบวนแสดงประมาณ ๑,๐๙๐,๐๐๐ คน จากการเผยแพร่ผ่านช่องทาง Online Media โดยการถ่ายทอดสดทางทีวีช่อง ๕ ทั้งในและต่างประเทศครอบคลุม ๑๗๗ ประเทศ ใช้เวลา ๑.๓๐ ชั่วโมง มีผู้ชมประมาณ ๓๕ ล้านคนทั่วโลก และถ่ายทอดผ่าน You Tube หลังจากการจัดงาน มีผู้ชม ๗,๔๓๗ คน รวมตลอดระยะเวลาการจัดงานดังกล่าวระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ มีผู้เข้าชมงานกว่า ๔๕๒,๑๑๕ คน มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรม จำนวน ๑๘,๗๒๕,๒๖๑ บาท โดยเป็นการจ่ายในหมวดอาหารมากที่สุด มีเม็ดเงินสะพัดกว่า ๘๔ ล้านบาท รวมเงินทุนมีเงินทุนหมุนเวียนกระจายตัวในระบบเป็นเงินจำนวนกว่า ๑๖๗ ล้านบาท ผู้เข้าชมงานมีความพึงพอใจมากที่สุด คือนิทรรศการภาพเก่าเล่าเรื่องกรุงรัตนโกสินทร์ รองลงมา คือ การแสดงทางศิลปวัฒนธรรมบนเวทีริ้วขบวน "ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์" กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ไหว้พระ ๙ วัดสืบสิริสวัสดิ์ ๙ รัชกาล มหกรรมว่าวและการเล่นพื้นบ้าน ตามลำดับ ความพึงพอใจโดยรวมจากกลุ่มตัวอย่าง ๔,๖๙๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๙๕ สูงกว่าการจัดงานปีที่ผ่านมา
|
||||||||||||||||||||||||
518 | แผนปฏิบัติการเกี่ยวกับการคุ้มครองและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น | วธ | 23/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับการคุ้มครองและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. แผนปฏิบัติการโครงการสืบทอดประเพณี ส่งเสริมค่านิยมและความเป็นไทย วงเงินงบประมาณจำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยจัดทำโครงการสืบทอดและส่งเสริมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว ด้วยการให้งบสนับสนุนทุกจังหวัดในการจัดกิจกรรมที่จะอนุรักษ์ ถ่ายทอด หรือเผยแพร่รายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ขึ้นทะเบียนแล้วในจังหวัดของตนให้เด็ก เยาวชน และชุมชนได้ตระหนักถึงความสำคัญและมีส่วนร่วมในการสืบทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมดังกล่าวให้สืบเนื่องต่อไป อีกทั้งเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายกับภาครัฐและนำไปสู่การพัฒนามรดกภูมิปัญญาเหล่านี้ให้เป็นทุนทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อไป ๒. แผนปฏิบัติการโครงการเงินอุดหนุนในการดำเนินงานจัดเก็บข้อมูลมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม วงเงินงบประมาณจำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยจัดทำโครงการจัดเก็บข้อมูลมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้วยการให้งบอุดหนุนในการเก็บข้อมูลภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วหรือที่ใกล้จะสูญหาย โดยสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและผู้ปฏิบัติ สืบทอด โดยมีนักวิชาการเป็นหลัก เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ ๓. แผนปฏิบัติการโครงการปกป้องมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม วงเงินงบประมาณจำนวน ๑๕,๘๓๕,๐๐๐ บาท มีกิจกรรมที่สำคัญ ประกอบด้วย (๑) การขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเพื่อเก็บรวบรวมและขึ้นทะเบียนรายชื่อมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นทั้งในระดับชุมชนและระดับประเทศของไทย และ (๒) การคัดเลือกชุมชน/หน่วยงานที่มีการสืบสานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมดีเด่น (Best Practice) เพื่อเป็นการให้กำลังใจและยกย่องชุมชน/หน่วยงานดีเด่นให้เป็นแบบอย่างแก่ชุมชน/หน่วยงานอื่นในเรื่องการบริหารจัดการที่เป็นระบบและมีผลต่อการสืบทอดดำรงอยู่ของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมในชุมชนนั้น
|
||||||||||||||||||||||||
519 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราเงินอุดหนุนฐานะจุฬาราชมนตรี จากเดิมในอัตราเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท เป็นอัตราเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท และแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องของผู้รักษาการตามกฎหมาย จากคำว่า “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ” เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม” ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
520 | รายงานการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวันรัฐพิธี โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ | วธ | 09/06/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวันรัฐพิธี โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. การจัดทำสื่อวีดิทัศน์ ได้จัดทำสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ความยาวประมาณ ๔ นาที เพื่อเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ๒. การจัดพิมพ์หนังสือเฉลิมพระเกียรติ ได้จัดพิมพ์หนังสือ "พระอัฐมรามาธิบดินทร" ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระราชจริยวัตรในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร โดยจะแจกจ่ายแก่หน่วยงาน บุคคล ในพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะในวันที่ระลึกคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ณ บริเวณเชิงสะพานพระราม ๘ รวมทั้งจะเผยแพร่ไปยังหน่วยงานในส่วนภูมิภาค
|
.....