ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 25 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 481 - 500 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
481 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 03/11/2558 | |||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเพิ่มแหล่งการทำประมงในเขตประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ทะเล ซึ่งได้มี การเจรจาความร่วมมือด้านประมงไว้แล้ว เช่น บรูไนดารุสซาลาม กินี โดยให้เพิ่มเติมประเทศศรีลังกาซึ่งมีสัตว์ทะเลจำนวนมากด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลประชาชนแต่ละกลุ่มเพื่อนำมากำหนดแนวทางการดูแลความเป็นอยู่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยพิจารณาให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ และรายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านกำกับดูแลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการอย่างใกล้ชิด ในการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลและ Road Map ของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้แก่เจ้าหนาที่ทุกระดับในสังกัด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๒.๑ ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำแนวทางการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการทุกสังกัด โดยให้ครอบคลุมการประเมินความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล การบังคับบัญชาและการบริหารงาน ผลการปฏิบัติงานและผลสัมฤทธิ์ รวมทั้งความรู้ทั่วไป ทั้งนี้ ให้เสนอนายกรัฐมนตรีภายในปี ๒๕๕๘ และให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาทบทวนบทบาทการปฏิบัติงานของเอกอัครราชทูตและกงสุลประจำประเทศต่าง ๆ ให้มีบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศของรัฐบาลต่อไปด้วย ๒.๒.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวน การประเมินผลปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ เช่น เกษตรอำเภอ พาณิชย์จังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประเมินความรู้ ความเข้าใจในวัตถุประสงค์ ขั้นตอนการปฏิบัติในโครงการสำคัญของรัฐบาล เช่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชน (โครงการตำบลละ ๕ ล้านบาท) มาตรการช่วยเหลือปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกร เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวมีผลสำเร็จและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ๒.๓ ให้รัฐมนตรีใช้กลไกคณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐประจำกลุ่มกระทรวงในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลให้เกิดผลสัมฤทธิ์ มีประสิทธิภาพ และโปร่งใส ทั้งนี้ หากคณะอนุกรรมการฯ พบกรณีทุจริต รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณไม่คุ้มค่าหรือไม่มีประสิทธิภาพ ให้รายงานรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ก่อน จากนั้นจึงจะรายงานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเพื่อรายงานนายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒.๔ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ เห็นชอบการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ โดยมีประเด็นเกี่ยวกับการแบ่งช่วงระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินและการปฏิรูปประเทศเป็น ๓ ระยะ นั้น ในส่วนของระยะที่ ๒ ซึ่งเป็นการบริหารราชการแผ่นดินและการปฏิรูปประเทศของรัฐบาล ให้แบ่งช่วงระยะเวลาและให้ส่วนราชการดำเนินการ ดังนี้ ๒.๔.๑ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและการขับเคลื่อนการปฏิรูประยะที่ ๑ จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงาน ๒.๔.๒ ระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๙-๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและการขับเคลื่อนการปฏิรูประยะที่ ๒ จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางดำเนินการของหน่วยงาน ๒.๔.๓ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ การดำเนินการเกี่ยวกับการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ให้คนในชาติ จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินการของหน่วยงานพร้อมทั้งจัดทำสรุปผลการดำเนินงาน ที่ผ่านมาเพื่อเตรียมส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป ๒.๔.๔ ระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๐-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ การส่งต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามารับช่วงต่อจากรัฐบาลชุดนี้ จัดทำประเด็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องดำเนินการและกำหนดกลไก ในการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ๒.๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง และพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในปัจจุบันและเพียงพอกับ ความต้องการใช้น้ำในระยะต่อไปในด้านต่าง ๆ เช่น การอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศน์ การทำการเกษตรกรรม แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีตามกำหนดอย่างเคร่งครัดด้วย ๒.๖ ให้สำนักโฆษก (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) กรมประชาสัมพันธ์ และทุกส่วนราชการร่วมกันสร้าง การรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น การส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะเรื่อง การให้สิทธิประโยชน์ในภาพรวม นโยบายด้านการเงินการคลังของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการเสียภาษี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับมาตรการป้องกันการเกิดปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) นโยบายการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ การประมูลคลื่นความถี่ (4G) รวมถึงความจำเป็นซึ่งต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ ในการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วน โดยให้เน้นช่องทางการสื่อสาร ที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย เช่น social media โดยนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ๒.๗ ให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในการนำเสนอศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น การแสดงโขน อาหารไทย ในรูปแบบที่ดึงดูดและเข้าใจได้ง่ายผ่านช่องทางการสื่อสารที่ประชาชนเข้าถึง ได้ง่าย เช่น social media หรือสื่อโทรทัศน์ ๒.๘ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และการปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด และรายงานรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลและนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒.๙ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรูปแบบมาตรฐานในการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรอิสระ ให้มีความเหมาะสมกับภารกิจที่รับผิดชอบและคุ้มค่ากับงบประมาณในการดำเนินการ ๒.๑๐ ให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาผลกระทบและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาของการคุ้มครองข้อมูลยา การนำเข้ายา จากต่างประเทศ และการลงทุนจากบริษัทยาภายนอก ซึ่งทำให้ประเทศไทยต้องซื้อยาในราคาที่แพงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership : TPP) รวมทั้งความตกลงระหว่างประเทศอื่น ๆ ด้วย โดยให้มีผลการดำเนินการที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๙ ๒.๑๑ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักรวบรวมข้อเสนอและความต้องการของ ทุกส่วนราชการเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนา พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการวิจัยและพัฒนาในภาพรวมของประเทศอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และให้มีผลงานวิจัยที่เป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๐ โดยคำนึงถึงแหล่งเงินทุน ในการวิจัย ผลตอบแทน นักวิจัย และให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศอย่างแท้จริงและเกิดความคุ้มค่าในการดำเนินการต่อไปด้วย ๒.๑๒ ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบและเตรียมความพร้อมของระบบเทคโนโลยีและเครื่องมือต่าง ๆ ในการให้บริการภายในท่าอากาศยานต่าง ๆ ไม่ให้เกิดข้อขัดข้อง พร้อมทั้งจัดทำแผนการซ่อมและบำรุงรักษาเพื่อให้สามารถตอบสนองการให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||
482 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 20/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย และแก้ไขเพิ่มเติมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เพิ่มผู้แทนประกอบกิจการฮัจย์ จำนวน ๔ คน เป็นกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และตัดผู้แทนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกจากการเป็นกรรมการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรกำหนดให้กรมการศาสนาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำการดำเนินงาน และเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมิได้กำหนดให้โอนบรรดาข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ อัตรากำลัง และบรรดาอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ คำสั่งหรือมติคณะรัฐมนตรีของกองส่งเสริมกิจการฮัจย์ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมมาด้วย จึงเห็นควรให้ในชั้นการตรวจพิจารณา ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับประเด็นดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาด้วย นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่อยู่ในแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และไม่อยู่ในการจัดลำดับความสำคัญร่างกฎหมายที่มีความสำคัญเร่งด่วน จำนวน ๓๗ ฉบับ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเสนอแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๔๕ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน) ต่อไป |
||||||||||||||||||
483 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง เสรีภาพในการถือศาสนา เสรีภาพในการปฏิบัติตามศาสนธรรม ศาสนบัญญัติและ การเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม กรณีการห้ามสตรีที่นับถือศาสนาอิสลามสวมฮิญาบ | สม | 13/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอ เรื่อง รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง เสรีภาพในการถือศาสนา เสรีภาพในการปฏิบัติตามศาสนธรรม ศาสนบัญญัติ และการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม กรณีการห้ามสตรีที่นับถือศาสนาอิสลามสวมฮิญาบ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และสภาการพยาบาล เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอ ดังนี้
๑. ทบทวนกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และคำสั่ง ที่อาจเป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกทางศาสนา รวมถึงการแต่งกาย ที่ไม่อยู่ในข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมือง และเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน รวมทั้งกำชับหน่วยงานในความรับผิดชอบและเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบที่รองรับเสรีภาพในการแสดงออกทางศาสนา รวมถึงการแต่งกายอย่างจริงจัง ๒. กำหนดแนวทางในการแต่งกายของพยาบาล นักเรียนและนักศึกษาพยาบาลที่นับถือศาสนาอิสลาม เพื่อให้พยาบาล นักเรียนและนักศึกษาพยาบาลที่สังกัดในหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือเอกชนสามารถสวมผ้าคุลมศรีษะตามหลักศาสนาได้ในลักษณะเดียวกัน เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติต่อไป ๓. สร้างความเข้าใจและสร้างความตระหนักในการเคารพสิทธิมนุษยชนให้แก่องค์กรธุรกิจในอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบ โดยอาจมีมาตรการในการดำเนินการต่าง ๆ ทางนโยบายและทางกฎหมายเพื่อป้องกัน ส่งเสริม และเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการสวมผ้าคลุมศรีษะ (ฮิญาบ) ตามหลักศาสนา ๔. พิจารณาความเหมาะสมในการที่จะมีกฎหมายกลางที่เกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมด้วยเหตุต่าง ๆ ตามที่รับรองในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กฎหมายไทย กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ผิว เพศ ภาษา อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม ความคิดเห็นทางการเมือง ความคิดเห็นอื่นใด เผ่าพันธุ์แห่งชาติหรือสังคม ทรัพย์สิน หรือสถานะอื่นๆ
|
||||||||||||||||||
484 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวัฒนธรรม) (จำนวน 4 ราย 1. นางสาววิมลลักษณ์ ชูชาติ ฯลฯ) | วธ | 13/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางสาววิมลลักษณ์ ชูชาติ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางพิมพ์รวี วัฒนวรางกูร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ๓. นายอนันต์ ชูโชติ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร ๔. นายดำรง ทองสม ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||
485 | รายงานการดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เรื่อง การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชนชาติไทยและประวัติศาสตร์ของชาติไทย และการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของบูรพกษัตริย์แต่ละยุคแต่ละสมัย | วธ | 13/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานการดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เรื่อง การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชนชาติไทยและประวัติศาสตร์ของชาติไทย และการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของบูรพกษัตริย์แต่ละยุคแต่ละสมัย สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากรดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย จำนวน ๑๐,๐๐๐ เล่ม เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความรักและความภาคภูมิใจในความเป็นชาติ โดยได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศ์ทุกพระองค์ ตลอดจนมอบคณะองคมนตรี รวมทั้งได้เผยแพร่แจกจ่ายไปยังหน่วยงาน สถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ สำหรับฉบับภาษาอังกฤษอยู่ระหว่างการแปลและจัดพิมพ์ นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมจะร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์จัดการสัมมนาเรื่อง ประวัติศาสตร์ชาติไทย ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ เพื่อสร้างความตระหนักและการรับรู้เกี่ยวกับความเป็นมาและประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดยจะเรียนเชิญผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการเข้าร่วมการสัมมนา ทั้งนี้ ได้เตรียมการถ่ายทอดสดเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมรับฟังการสัมมนาในครั้งนี้ด้วย ๑.๒ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากรจัดพิมพ์หนังสือพระบรมราชานุสรณ์ สัตตบูรพกษัตริยาธิราช อุทยานราชภักดิ์ จำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วยพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์ ๗ พระองค์ ตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ได้แก่ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งกระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบกดำเนินการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ประดิษฐาน ณ อุทยานราชภักดิ์ ตลอดจนความเป็นมาของอุทยานดังกล่าวอันเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งใหม่ เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณของสถาบันกษัตริย์ที่ทรงมีคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ โดยได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศ์ทุกพระองค์ ตลอดจนมอบคณะองคมนตรี รวมทั้งได้เผยแพร่แจกจ่ายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. ในส่วนของหนังสือประวัติศาสตร์ของไทย ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำเป็นฉบับย่อในรูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยให้มีเนื้อหาที่กระชับ มีรูปลักษณ์ที่น่าอ่านและสามารถเข้าใจได้ง่าย เพื่อให้ประชาชน นักเรียน นิสิต และนักศึกษาได้เข้าใจถึงความเป็นมาของชาติ เกิดความภาคภูมิใจในเอกราชของไทย และร่วมใจกันอนุรักษ์ สานต่อเจตนารมณ์ในความรักและหวงแหนชาติ รวมทั้งนำไปเผยแพร่ให้แก่ชาวต่างชาติได้รับรู้ต่อไป
|
||||||||||||||||||
486 | มอบหมายผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ | พม | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ด้วย ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นายวีระ โรจน์พจนรัตน์) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล)
|
||||||||||||||||||
487 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ (จำนวน 9 ราย 1. นายไพศาล พืชมงคล ฯลฯ) | นร | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ จำนวน ๙ ราย ตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายไพศาล พืชมงคล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๒. รองศาสตราจารย์ ไชยา ยิ้มวิไล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๓. พลเอก รุ่งโรจน์ จำรัสโรมรัน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงกลาโหม ๔. รองศาสตราจารย์ ชวนี ทองโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๕. พลตำรวจเอก สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๖. พลตำรวจโท ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย ๗. พลเอก นิวัตร มีนะโยธิน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ๘. นางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม ๙. นางสาวเสาวณี มุสิแดง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
|
||||||||||||||||||
488 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมและร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมและวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ....) | สผ | 22/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมและร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมและวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ศาลปกครอง สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมในรูปแบบของศาลชำนัญพิเศษ ให้มีโครงสร้างและระบบพิจารณาคดีในลักษณะ One Stop Service ๒. การจัดทำกฎหมายวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อมเป็นการเฉพาะ
|
||||||||||||||||||
489 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชนด้วยแนวคิด เมืองนิเวศ) | สผ | 22/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชนด้วยแนวคิดเมืองนิเวศ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. ประเด็นหลัก คือ การปฏิรูปเมืองอุตสาหกรรมในประเทศไทยให้เป็นเมืองนิเวศอุตสาหกรรม (หรือเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ : Eco-industrial town) ๒. ประเด็นรอง คือ การปฏิรูปการวางผังเมืองในเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การปฏิรูปองค์กรรับผิดชอบเมืองนิเวศอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการบริหารจัดการ และการปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
|
||||||||||||||||||
490 | ร่างพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... | สธ | 22/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญกำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น มีอำนาจหน้าที่เสนอนโยบายและยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งครรภ์ในวัยรุ่นต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการดำเนินการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับบทนิยามคำว่า “วัยรุ่น” ให้สอดคล้องกับกฎหมายอื่น เช่น พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาไปพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติฯ ซึ่งนายเจตน์ ศิรธรานนท์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ทันภายในกำหนดเวลาต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นที่ครบวงจร ทั้งการป้องกันไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การบริหารจัดการเมื่อมีการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของวัยรุ่นตั้งครรภ์และบุตรที่เกิดขึ้นมาให้เป็นบุคลากรที่มีศักยภาพ และเนื่องจากการดำเนินงานตามร่างพระราชบัญญัติฯ มีความเกี่ยวข้องกับภารกิจของหลายหน่วยงาน รวมทั้งกฎหมายต่าง ๆ หลายฉบับ จึงควรกำหนดมาตรการและกลไกต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการบูรณาการ และประสานแผนการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการกำกับติดตามให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาความซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นเมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมเร่งดำเนินการพิจารณาบ่อเกิดของปัญหาสังคมและภยันตรายที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นในปัจจุบัน ตลอดจนแนวทางในการแก้ไขปัญหาของวัยรุ่นในสังคมไทยด้วย |
||||||||||||||||||
491 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การปฏิรูประบบเพื่อสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็งและร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูประบบเพื่อสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็งและร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การจัดการชุมนุม โดยการผลักดันพระราชบัญญัติสิทธิชุมชน และการแก้ไขพระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมทั้งการยกระดับพระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นพระราชบัญญัติ และการจัดตั้งกลไกส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๒. การจัดการทุนและทรัพยากรชุมชน โดยการผลักดันให้มีกฎหมายว่าด้วยสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ และกฎหมายว่าด้วยธนาคารที่ดิน ๓. สวัสดิการชุมชน โดยการผลักดันพระราชบัญญัติสวัสดิการชุมชน ๔. สัมมาชีพชุมชน โดยการผลักดันแผนปฏิรูปสัมมาชีพชุมชน และกฎหมายว่าด้วยวิสาหกิจเพื่อสังคม
|
||||||||||||||||||
492 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การปฏิรูประบบการจัดการศึกษา การปฏิรูประบบการคลังด้านการศึกษา (ด้านอุปสงค์) การปฏิรูประบบการเรียนรู้ และร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายการศึกษาและพัฒนามนุษย์แห่งชาติ พ.ศ. ....] | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ [เรื่อง การปฏิรูประบบการจัดการศึกษา การปฏิรูประบบการคลังด้านการศึกษา (ด้านอุปสงค์) การปฏิรูประบบการเรียนรู้ และร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายการศึกษาและพัฒนามนุษย์แห่งชาติ พ.ศ. ....] ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. ระบบการจัดการศึกษา ๒. ระบบการคลังด้านการศึกษา (ด้านอุปสงค์) ๓. ระบบการเรียนรู้
|
||||||||||||||||||
493 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ศิลปะ วัฒนธรรมเพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและร่างพระราชบัญญัติสมัชชาศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ....) | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง ศิลปะ วัฒนธรรมเพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และร่างพระราชบัญญัติสมัชชาศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การสร้างดุลยภาพแห่งอำนาจการจัดการด้านศิลปะและวัฒนธรรม ๒. การจัดตั้งองค์กรสมัชชาศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติ ๓. การจัดให้มีแผนแม่บทระดับชาติว่าด้วยศิลปะและวัฒนธรรม ๔. การเปิดพื้นที่ทางกายภาพและพื้นที่สื่อทุกรูปแบบ ๕. การจัดตั้งกองทุนทุนทางวัฒนธรรมแห่งชาติ ๖. การส่งเสริมสนับสนุนให้บุคคลมีสิทธิเสรีภาพในการเรียนรู้และเข้าถึงศิลปะ วัฒนธรรม ค่านิยม และจริยธรรมอย่างเท่าเทียมกัน
|
||||||||||||||||||
494 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันศาสนา เพื่อให้เป็นสถาบันหลักของสังคม) | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง ส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันศาสนา เพื่อให้เป็นสถาบันหลักของสังคม ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. ยกร่าง/ปรับปรุงกฎหมาย และจัดสรรงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนการทำงาน ๒. การพัฒนาศักยภาพขององค์กรและบุคลากรทางศาสนา ๓. องค์กรศาสนามีระบบและโครงสร้างที่เข้มแข็ง ๔. การนำหลักศาสนธรรมมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันทั้งระดับบุคคลและองค์กรเพื่อพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ๕. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างศาสนิกชนของทุกศาสนา ๖. การพัฒนาศักยภาพของสถานศึกษาในการบูรณาการหลักศาสนธรรมในการจัดการศึกษาทุกระดับ ๗. การส่งเสริมบทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศในการนำหลักศาสนาไปเผยแผ่สู่ประชาชน ๘. การประเมินผล
|
||||||||||||||||||
495 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง ระบบวิจัยเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาของประเทศ ระบบวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางนวัตกรรมของประเทศ และการปฏิรูประบบข้อมูลเพื่อการพัฒนาประเทศ (Connected Government as National Agenda)] | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง ระบบวิจัยเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาของประเทศ ระบบวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางนวัตกรรมของประเทศ และการปฏิรูประบบข้อมูลเพื่อการพัฒนาประเทศ (Connected Government as National Agenda) และมอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาและสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. กลุ่มที่ ๑ เสนอปฏิรูประบบวิจัยในภาพรวมในประเด็นการปรับโครงสร้างองค์กรของระบบวิจัย การปรับระบบบริหารจัดการ ปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานของระบบวิจัย การผลิตและพัฒนากำลังคน และการสร้างสังคม ชุมชน องค์กรฐานความรู้ ๒. กลุ่มที่ ๒ เสนอปฏิรูปเฉพาะเรื่องควรจัดตั้งสถาบันวิจัยขั้นสูงด้านความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ
|
||||||||||||||||||
496 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ร่วมชายแดน (Joint Economic Development Areas)] | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ร่วมชายแดน (Joint Economic Development Areas) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยข้อเสนอปฏิรูป ๔ ประเด็น ดังนี้
๑. การลดพิธีการนำเข้า ส่งออกตามแนวชายแดนให้ทำเพียงครั้งเดียว ๒. ลดพิธีการตรวจคนเข้าเมืองตามแนวชายแดน ๓. พิจารณาให้มีการทำการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ร่วม Joint Economic Development Areas (JEDA) ตามแนวชายแดน ๔. การทำวิสัยทัศน์การพัฒนาพื้นที่ชายแดนระยะยาวร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน
|
||||||||||||||||||
497 | การรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 08/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการในการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์)
|
||||||||||||||||||
498 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปองค์การมหาชน) | สผ | 08/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูปองค์การมหาชน ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีประเด็นปฏิรูปที่สำคัญ ดังนี้
๑. หลักการและแนวคิดในการจัดตั้งองค์การมหาชน ๒. การกำหนดและจัดบทบาทภารกิจ และการให้บริการสาธารณะ ๓. ระบบการบริหารและโครงสร้าง ๔. ระบบค่าตอบแทน ๕. ระบบการติดตามและประเมินผล ๖. ข้อเสนอการดำเนินการในลำดับต่อไป ประกอบด้วย การดำเนินงานระยะเร่งด่วน (ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘) ระยะสั้น (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐) ระยะกลาง (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒) และระยะยาว (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๘)
|
||||||||||||||||||
499 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | วท | 08/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นางอรรชกา สีบุญเรือง) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นายวีระ โรจน์พจนรัตน์)
|
||||||||||||||||||
500 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ผลการพิจารณาศึกษารายงาน เรื่อง การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว) | สผ | 08/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ๓ ประเด็น สรุปได้ ดังนี้
๑. ปฏิรูปวิสัยทัศน์ของการพัฒนาการท่องเที่ยว (Vision) โดยเน้นเป้าหมายรายได้และนักท่องเที่ยวคุณภาพ จัดการแหล่งท่องเที่ยวให้มีความยั่งยืน จัดให้มีบริการทางการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐานสากล และกระจายผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวอย่างทั่วถึง ๒. การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว (Restructuring) โดยการปรับโครงสร้างองค์กรภาครัฐ การสนับสนุนภาคเอกชนให้มีการรวมกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มประสิทธิภาพ และการสนับสนุนภาคชุมชนให้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวในพื้นที่ และ ๓. การพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยวโดยเฉพาะพื้นที่อนุรักษ์ ส่งเสริมการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจท่องเที่ยวพิเศษร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน และการส่งเสริมการขยายธุรกิจด้านการท่องเที่ยวของไทยไปในต่างประเทศ
|
.....