ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 49 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 961 - 980 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
961 | รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี 2560 และรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | สม | 22/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๐ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับสิทธิต่าง ๆ ๕ ส่วนหลัก ได้แก่ (๑) สถานการณ์ด้านสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (๒) สถานการณ์ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง เช่น การทรมานและการบังคับสูญหาย สิทธิในกระบวนการยุติธรรม (๓) สถานการณ์ด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เช่น สิทธิทางการศึกษา สิทธิการทำงาน (๔) สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของบุคคล ๖ กลุ่ม เช่น กลุ่มเด็ก กลุ่มสตรี และ (๕) สถานการณ์ที่เป็นประเด็นร่วม ๕ ประเด็น เช่น การค้ามนุษย์ สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และรายงานผลการปฏิบัติงานของ กสม. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกอบด้วย ๒ ส่วนหลัก ได้แก่ รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๖๐ ของ กสม. ซี่งมีภารกิจการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การตรวจสอบเรื่องร้องเรียนและจัดทำรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙-๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ โดยมีผลการพิจารณา/ตรวจสอบเรื่องร้องเรียน รวมทั้งสิ้น ๑,๐๐๙ เรื่อง และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของ กสม. ตามที่ กสม. เสนอ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นชอบและมีความเห็นเพิ่มเติมต่อข้อเสนอแนะของ กสม. โดยให้ส่งความเห็นของหน่วยงานดังกล่าวไปเพื่อ กสม. พิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับประเด็นข้อสังเกตและข้อเสนอแนะตามรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
962 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี 2561 | พณ | 22/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี ๒๕๖๑ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ในการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี ๒๕๖๑ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญคือ ให้สมาชิกเอเปคยืนยันและตระหนักถึงความร่วมมือในการเปิดเสรีการค้าและการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เช่น การสนับสนุนการค้าพหุภาคี การดำเนินการตามเป้าหมายโบกอร์ การจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก ความเชื่อมโยงภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก การลงทุน มาตรการที่มิใช่ภาษี เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า เศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตและการค้าดิจิทัล ความสามารถทางการแข่งขันของการค้าภาคบริการ การส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน มีนวัตกรรมและทั่วถึง การพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) การคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ร่างแถลงการณ์ฯ ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งในหลักการของร่างแถลงการณ์ฯ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันผลกระทบทางลบจากเทคโนโลยี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
963 | การลงนามในบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือด้านทรัพยากรแร่ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐโมซัมบิก | พณ | 22/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือด้านทรัพยากรแร่ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐโมซัมบิก โดยเห็นชอบการยกเลิกบันทึกความเข้าใจฉบับเดิมซึ่งลงนามเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ และให้ความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจฉบับใหม่ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือด้านทรัพยากรแร่ระหว่างสองประเทศครอบคลุมสาขาต่าง ๆ เช่น การสำรวจทรัพยากรแร่ การส่งเสริมการลงทุนในการใช้ประโยชน์ การค้าและการสร้างมูลค่าเพิ่มทรัพยากรแร่ การวิจัยและเทคโนโลยี รวมถึงการจัดตั้งคณะทำงานว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรแร่ระหว่างไทยและโมซัมบิก เป็นต้น โดยให้กระทรวงพาณิชย์สามารถเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฉบับใหม่ ในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐโมซัมบิกของคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนการค้า ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เพื่อขยายความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศในภูมิภาคแอฟริกา รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว และหลังจากการลงนามแล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งผลการรับรองผูกพันความตกลงของราชอาณาจักรไทยต่อสาธารณรัฐโมซัมบิกอย่างเป็นทางการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการเจรจาเกี่ยวกับการจัดทำบันทึกความเข้าใจดังกล่าวให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรกำหนดเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมจากการดำเนินกิจกรรมภายใต้บันทึกความเข้าใจดังกล่าว เพื่อให้การกำหนดกิจกรรม โครงการ และกระบวนการการดำเนินการต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศสามารถดำเนินการได้ในทางปฏิบัติและนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาทรัพยากรแร่ของทั้งสองประเทศในระยะต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
964 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 รวม 3 ฉบับ (ร่างกฏกระทรวงการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. ....) | กษ | 15/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการขนส่งสัตว์และเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตประกอบกิจการฆ่าสัตว์ การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการฆ่าสัตว์ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ และมาตรฐานการขนส่งสัตว์และเนื้อสัตว์ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรแก้ไขร่างกฎกระทรวงการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... ข้อ ๙ (๕) เป็น “ต้องมีระบบรวบรวมน้ำเสีย และมีระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบระบายน้ำทิ้ง และการจัดการมูลฝอยสิ่งปฏิกูลและของเสียที่เหมาะสม ตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... ควรพิจารณามาตรการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อให้ความรู้และกระตุ้นให้ผู้ประกอบกิจการฆ่าสัตว์ที่ได้รับอนุญาตก่อนวันที่กฎกระทรวงฉบับนี้ใช้บังคับ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
965 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 รวม 3 ฉบับ (ร่างกฏกระทรวงการขนส่งสัตว์และเนื้อสัตว์ พ.ศ. ....) | กษ | 15/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการขนส่งสัตว์และเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตประกอบกิจการฆ่าสัตว์ การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการฆ่าสัตว์ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ และมาตรฐานการขนส่งสัตว์และเนื้อสัตว์ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรแก้ไขร่างกฎกระทรวงการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... ข้อ ๙ (๕) เป็น “ต้องมีระบบรวบรวมน้ำเสีย และมีระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบระบายน้ำทิ้ง และการจัดการมูลฝอยสิ่งปฏิกูลและของเสียที่เหมาะสม ตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... ควรพิจารณามาตรการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อให้ความรู้และกระตุ้นให้ผู้ประกอบกิจการฆ่าสัตว์ที่ได้รับอนุญาตก่อนวันที่กฎกระทรวงฉบับนี้ใช้บังคับ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
966 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 15/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบชนิดต่าง ๆ สามารถยกระดับและพัฒนาไปเป็นผู้ประกอบการได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น เช่น การให้องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการผลิต การทำการตลาด และการแนะนำอาชีพใหม่เพื่อต่อยอดผลผลิตของตน เป็นต้น ๑.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นระยะ ๆ นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินการเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการกู้เงินนอกระบบของเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยกลุ่มต่าง ๆ โดยใช้การเจรจาประนอมหนี้หรือลดหนี้ เปลี่ยนหนี้นอกระบบเป็นหนี้ในระบบ และให้มีมาตรการดูแลเพื่อไม่ให้เกิดหนี้นอกระบบขึ้นอีกในระยะยาว รวมทั้งให้เร่งแก้ไขปัญหาและปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ โดยเฉพาะนายทุนที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบด้วย ทั้งนี้ ให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับ ติดตามการดำเนินการจัดอาหารให้แก่เด็กนักเรียนในโรงเรียนโดยคำนึงถึงหลักสุขอนามัยและคุณค่าทางโภชนาการอย่างเหมาะสมควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจให้กับชุมชนที่เป็นที่ตั้งของโรงเรียนแต่ละแห่ง เช่น การส่งเสริมการทำการเกษตรอินทรีย์ภายในชุมชนและนำผลผลิตมาเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารของนักเรียน การจัดซื้อจัดจ้างผลผลิตในชุมชน การให้ชุมชนมีส่วนร่วมด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนเพื่อให้เกิดเครือข่ายเชื่อมโยงกับชุมชน เป็นต้น ทั้งนี้ ให้พิจารณานำแนวทางการจัดอาหารให้แก่เด็กนักเรียนของโรงเรียนในจังหวัดสุรินทร์เป็นต้นแบบในการดำเนินการ และให้เร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในทุกเขตพื้นที่การศึกษาภายในปีการศึกษา ๒๕๖๑ นี้ ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๐ (เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง เทคโนโลยีการจัดการผักตบชวา) ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักประสานกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อนำการศึกษาวิจัย เรื่อง เทคโนโลยีการจัดการผักตบชวาไปเผยแพร่ให้แก่ภาคเอกชน องค์กรระดับชุมชน และประชาชน เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติเป็นรูปธรรมต่อไป รวมทั้งติดตามความคืบหน้าและประเมินผลสำเร็จในการจัดการผักตบชวาในภาพรวม และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อลดปริมาณผักตบชวาในบริเวณแหล่งน้ำและคูคลอง ดังนี้ ๓.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการกำจัดผักตบชวาให้เหลือน้อยลงโดยเร็ว และให้กำกับติดตามการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผักตบชวาไม่เพิ่มจำนวนขึ้นอีกอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักตบชวาในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำลำคลองอื่น ๆ ที่เป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญ ตลอดจนบริเวณหน้าเขื่อนต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำและการสัญจรของประชาชน ทั้งนี้ ให้เร่งรัดนำผลการศึกษาวิจัย เทคโนโลยี และวิทยาการใหม่ ๆ มาใช้ในการกำจัดผักตบชวาให้เกิดผลเป็นรูปธรรมควบคู่กันไปด้วย ๓.๒ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาแนวทางการส่งเสริมการแปรรูปและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา เช่น แผ่นกระเบื้องปูหลังคา เพื่อให้เกิดการนำผักตบชวาไปใช้ประโยชน์มากขึ้น ๔. ด้านอื่น ๆ ในการดำเนินโครงการใด ๆ รวมทั้งการออกกฎหมายและระเบียบ หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของส่วนราชการต่าง ๆ ที่มีผลให้ประชาชนต้องโยกย้าย เปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย หรือที่ทำกินไปจากเดิม หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบอื่นใดต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องและที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการดำเนินการป้องกัน แก้ไข และให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนที่เกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบจากการดำเนินการดังกล่าวของส่วนราชการ ให้พร้อมก่อนที่จะเริ่มดำเนินโครงการ ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องดำเนินการสร้างการรับรู้และชี้แจงแก่ประชาชนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและทั่วถึงด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
967 | ร่างกฎกระทรวงออกตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 รวม 3 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดวันและเวลาฆ่าสัตว์ วันและเวลาเปิดและปิดโรงฆ่าสัตว์และโรงพักสัตว์ พ.ศ. ....) | กษ | 15/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทของโรงฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดวันและเวลาฆ่าสัตว์ วันและเวลาเปิดและปิดโรงฆ่าสัตว์และโรงพักสัตว์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียน การเพิกถอนการขึ้นทะเบียนและคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์ พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทของโรงฆ่าสัตว์ กำหนดวันและเวลาฆ่าสัตว์ วันและเวลาเปิดและปิดโรงฆ่าสัตว์และโรงพักสัตว์ รวมทั้งการขึ้นทะเบียน การเพิกถอนการขึ้นทะเบียน และคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียน การเพิกถอนการขึ้นทะเบียนและคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์ พ.ศ. .... ในข้อ ๑ (๓) ควรกำหนดให้มีการเพิ่มเอกสารใบรับรองแพทย์ในแบบคำขอขึ้นทะเบียนพนักงานตรวจโรคสัตว์เพื่อประกอบการพิจารณาคุณสมบัติด้วย รวมทั้งในข้อ ๔ ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ได้กำหนดให้ผู้ถูกเพิกถอนการขึ้นทะเบียนเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์มีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่ออธิบดีกรมปศุสัตว์ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคำสั่ง คำวินิจฉัยของอธิบดีกรมปศุสัตว์ถือเป็นที่สุด ซึ่งการอุทธรณ์ต่ออธิบดีกรมปศุสัตว์มีเฉพาะกรณีตามข้อ ๔ (๓) (๔) และ (๕) เท่านั้น เนื่องจากตามข้อ ๔ (๑) เป็นกรณีที่ผู้ถูกเพิกถอนตาย และ (๒) เป็นกรณีที่ผู้ถูกเพิกถอนแสดงความประสงค์ขอยกเลิกการขึ้นทะเบียนเอง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบรายงานเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ ในเรื่องนี้ไม่ทันเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
968 | ร่างกฎกระทรวงออกตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 รวม 3 ฉบับ (ร่างกฏกระทรวงการขึ้นทะเบียน การเพิกถอนการขึ้นทะเบียนและคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจโรงฆ่าสัตว์ พ.ศ. ....) | กษ | 15/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทของโรงฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดวันและเวลาฆ่าสัตว์ วันและเวลาเปิดและปิดโรงฆ่าสัตว์และโรงพักสัตว์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียน การเพิกถอนการขึ้นทะเบียนและคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์ พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทของโรงฆ่าสัตว์ กำหนดวันและเวลาฆ่าสัตว์ วันและเวลาเปิดและปิดโรงฆ่าสัตว์และโรงพักสัตว์ รวมทั้งการขึ้นทะเบียน การเพิกถอนการขึ้นทะเบียน และคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียน การเพิกถอนการขึ้นทะเบียนและคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์ พ.ศ. .... ในข้อ ๑ (๓) ควรกำหนดให้มีการเพิ่มเอกสารใบรับรองแพทย์ในแบบคำขอขึ้นทะเบียนพนักงานตรวจโรคสัตว์เพื่อประกอบการพิจารณาคุณสมบัติด้วย รวมทั้งในข้อ ๔ ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ได้กำหนดให้ผู้ถูกเพิกถอนการขึ้นทะเบียนเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์มีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่ออธิบดีกรมปศุสัตว์ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคำสั่ง คำวินิจฉัยของอธิบดีกรมปศุสัตว์ถือเป็นที่สุด ซึ่งการอุทธรณ์ต่ออธิบดีกรมปศุสัตว์มีเฉพาะกรณีตามข้อ ๔ (๓) (๔) และ (๕) เท่านั้น เนื่องจากตามข้อ ๔ (๑) เป็นกรณีที่ผู้ถูกเพิกถอนตาย และ (๒) เป็นกรณีที่ผู้ถูกเพิกถอนแสดงความประสงค์ขอยกเลิกการขึ้นทะเบียนเอง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบรายงานเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ ในเรื่องนี้ไม่ทันเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
969 | ร่างกฎกระทรวงการจัดเก็บข้อมูลของสัตว์ที่เข้าสู่โรงฆ่าสัตว์ และเนื้อสัตว์ที่ออกจากโรงฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ พ.ศ. ....) | กษ | 15/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการจัดเก็บข้อมูลของสัตว์ที่เข้าสู่โรงฆ่าสัตว์ และเนื้อสัตว์ที่ออกจากโรงฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดเก็บข้อมูลของสัตว์ที่เข้าสู่โรงฆ่าสัตว์และเนื้อสัตว์ที่ออกจากโรงฆ่าสัตว์ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบย้อนกลับและเรียกคืนเนื้อสัตว์ และกำหนดชนิดของสัตว์ ได้แก่ ไก่งวงและนกกระทาให้เป็นสัตว์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลตามมาตรการตรวจสอบควบคุมเพื่อป้องกันมิให้มีโรคระบาดที่เกิดกับสัตว์ติดต่อมาสู่คน และตรวจสอบสารตกค้างในเนื้อสัตว์เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลของสัตว์ที่เข้าสู่โรงฆ่าสัตว์ และเนื้อสัตว์ที่ออกจากโรงฆ่าสัตว์ควรกำหนดให้ชัดเจนว่า จัดเก็บเฉพาะกรณีโรงฆ่าสัตว์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่านั้น ไม่รวมโรงฆ่าสัตว์ของเอกชน เพื่อเป็นการลดภาระด้านการจัดเก็บเอกสารและงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และในการกำหนดให้ ไก่งวง และนกกระทาเป็นสัตว์อื่น ควรพิจารณาว่าจะให้มีการยกเว้นการจัดเก็บอากรฆ่าสัตว์ด้วยหรือไม่ รวมทั้งควรเพิ่มเรื่องการเก็บข้อมูลการขนส่งซากสัตว์และเนื้อสัตว์จากโรงฆ่าสัตว์ไปถึงปลายทาง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดมาตรการเพื่อกำกับดูแลด้านสุขลักษณะตลอดกระบวนการการผลิตและการจำหน่ายไก่งวงและนกกระทาเพื่อสุขอนามัยและความปลอดภัยของประชาชนผู้บริโภค โดยเตรียมการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่วงและนกกระทา และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงก่อนกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ รวมทั้งอาจพิจารณามาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาและปรับปรุงระบบการเลี้ยงไก่งวงและนกกระทา ตลอดจนกระบวนการฆ่าและชำแหละ และการจำหน่ายให้เข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานด้วยอีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบรายงานเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ในเรื่องนี้ไม่ทันเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
970 | ร่างกฎกระทรวงออกตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 รวม 3 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทของโรงฆ่าสัตว์ พ.ศ. ....) | กษ | 15/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทของโรงฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดวันและเวลาฆ่าสัตว์ วันและเวลาเปิดและปิดโรงฆ่าสัตว์และโรงพักสัตว์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียน การเพิกถอนการขึ้นทะเบียนและคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์ พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทของโรงฆ่าสัตว์ กำหนดวันและเวลาฆ่าสัตว์ วันและเวลาเปิดและปิดโรงฆ่าสัตว์และโรงพักสัตว์ รวมทั้งการขึ้นทะเบียน การเพิกถอนการขึ้นทะเบียน และคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียน การเพิกถอนการขึ้นทะเบียนและคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์ พ.ศ. .... ในข้อ ๑ (๓) ควรกำหนดให้มีการเพิ่มเอกสารใบรับรองแพทย์ในแบบคำขอขึ้นทะเบียนพนักงานตรวจโรคสัตว์เพื่อประกอบการพิจารณาคุณสมบัติด้วย รวมทั้งในข้อ ๔ ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ได้กำหนดให้ผู้ถูกเพิกถอนการขึ้นทะเบียนเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์มีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่ออธิบดีกรมปศุสัตว์ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคำสั่ง คำวินิจฉัยของอธิบดีกรมปศุสัตว์ถือเป็นที่สุด ซึ่งการอุทธรณ์ต่ออธิบดีกรมปศุสัตว์มีเฉพาะกรณีตามข้อ ๔ (๓) (๔) และ (๕) เท่านั้น เนื่องจากตามข้อ ๔ (๑) เป็นกรณีที่ผู้ถูกเพิกถอนตาย และ (๒) เป็นกรณีที่ผู้ถูกเพิกถอนแสดงความประสงค์ขอยกเลิกการขึ้นทะเบียนเอง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบรายงานเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ ในเรื่องนี้ไม่ทันเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
971 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 รวม 3 ฉบับ (ร่างกฏกระทรวงการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. ....) | กษ | 15/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการขนส่งสัตว์และเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตประกอบกิจการฆ่าสัตว์ การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการฆ่าสัตว์ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ และมาตรฐานการขนส่งสัตว์และเนื้อสัตว์ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรแก้ไขร่างกฎกระทรวงการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... ข้อ ๙ (๕) เป็น “ต้องมีระบบรวบรวมน้ำเสีย และมีระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบระบายน้ำทิ้ง และการจัดการมูลฝอยสิ่งปฏิกูลและของเสียที่เหมาะสม ตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... ควรพิจารณามาตรการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อให้ความรู้และกระตุ้นให้ผู้ประกอบกิจการฆ่าสัตว์ที่ได้รับอนุญาตก่อนวันที่กฎกระทรวงฉบับนี้ใช้บังคับ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
972 | ร่างกฎกระทรวงการจัดเก็บข้อมูลของสัตว์ที่เข้าสู่โรงฆ่าสัตว์ และเนื้อสัตว์ที่ออกจากโรงฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงการจัดเก็บข้อมูลของสัตว์ที่เข้าสู่โรงฆ่าสัตว์ และเนื้อสัตว์ที่ออกจากโรงฆ่าสัตว์ พ.ศ. ....) | กษ | 15/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการจัดเก็บข้อมูลของสัตว์ที่เข้าสู่โรงฆ่าสัตว์ และเนื้อสัตว์ที่ออกจากโรงฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดเก็บข้อมูลของสัตว์ที่เข้าสู่โรงฆ่าสัตว์และเนื้อสัตว์ที่ออกจากโรงฆ่าสัตว์ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบย้อนกลับและเรียกคืนเนื้อสัตว์ และกำหนดชนิดของสัตว์ ได้แก่ ไก่งวงและนกกระทาให้เป็นสัตว์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลตามมาตรการตรวจสอบควบคุมเพื่อป้องกันมิให้มีโรคระบาดที่เกิดกับสัตว์ติดต่อมาสู่คน และตรวจสอบสารตกค้างในเนื้อสัตว์เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลของสัตว์ที่เข้าสู่โรงฆ่าสัตว์ และเนื้อสัตว์ที่ออกจากโรงฆ่าสัตว์ควรกำหนดให้ชัดเจนว่า จัดเก็บเฉพาะกรณีโรงฆ่าสัตว์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่านั้น ไม่รวมโรงฆ่าสัตว์ของเอกชน เพื่อเป็นการลดภาระด้านการจัดเก็บเอกสารและงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และในการกำหนดให้ ไก่งวง และนกกระทาเป็นสัตว์อื่น ควรพิจารณาว่าจะให้มีการยกเว้นการจัดเก็บอากรฆ่าสัตว์ด้วยหรือไม่ รวมทั้งควรเพิ่มเรื่องการเก็บข้อมูลการขนส่งซากสัตว์และเนื้อสัตว์จากโรงฆ่าสัตว์ไปถึงปลายทาง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดมาตรการเพื่อกำกับดูแลด้านสุขลักษณะตลอดกระบวนการการผลิตและการจำหน่ายไก่งวงและนกกระทาเพื่อสุขอนามัยและความปลอดภัยของประชาชนผู้บริโภค โดยเตรียมการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่วงและนกกระทา และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงก่อนกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ รวมทั้งอาจพิจารณามาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาและปรับปรุงระบบการเลี้ยงไก่งวงและนกกระทา ตลอดจนกระบวนการฆ่าและชำแหละ และการจำหน่ายให้เข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานด้วยอีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบรายงานเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ในเรื่องนี้ไม่ทันเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
973 | ร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ไทย-ศรีลังกา | พณ | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) ไทย-ศรีลังกา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเจรจาจัดทำ FTA ไทย-ศรีลังกา แบบกรอบกว้าง ซึ่งมีสาระสำคัญครอบคลุม ๒๐ ประเด็น เช่น การค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน พิธีการศุลกากร กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ทรัพย์สินทางปัญญา พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งแวดล้อม แรงงาน เป็นต้น โดยศรีลังกาเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหารือเพื่อกำหนดกรอบการเจรจา FTA ไทย-ศรีลังกา (Scoping Session) ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า ร่างกรอบการเจรจาฯ ไม่จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และควรเพิ่มเติมเรื่องการระงับข้อพิพาท ต้องหลีกเลี่ยงกระบวนการอนุญาโตตุลาการ เพื่อความรอบคอบในการเจรจาและป้องกันการเสียเปรียบของไทย โดยจะต้องแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจาเพื่อให้ได้ข้อยุติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบการเจรจาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งดำเนินการจัดทำกฎหมายกำหนดวิธีการที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาที่จำเป็นอันเกิดจากผลกระทบของการทำหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การเตรียมการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
974 | ร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศญี่ปุ่น ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม | ทส | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศญี่ปุ่น ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ โดยร่างบันทึกความร่วมมือฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างอำนวยความสะดวกและพัฒนาความร่วมมือซึ่งกันและกันในสาขาสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากจะมีการจัดทำความตกลงเกี่ยวกับการถ่ายโอนเทคโนโลยี รายละเอียดด้านเทคนิค รวมถึงเรื่องการจัดสรรงบประมาณสำหรับกิจกรรมภายใต้ร่างบันทึกความร่วมมือฯ การคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่มีชั้นความลับตามที่ระบุไว้ในร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในอนาคต ควรส่งร่างความตกลงดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาต่อไปด้วย และควรให้ความสำคัญกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นผลมาจากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้บันทึกความร่วมมือฯ ที่ต้องใช้สิทธิให้สอดคล้องกับกฎหมายและกฎข้อบังคับของแต่ละประเทศที่จะต้องทำข้อตกลงแยกออกไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามบันทึกความร่วมมือฯ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น และเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
975 | รายงานผลการเดินทางเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 01/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๒ มีนาคม ๒๕๖๑ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวของไทย โดยเฉพาะการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจระหว่างไทยและฮ่องกง เพื่อเชื่อมต่อการค้าของไทยทั้งในระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาค พร้อมทั้งเพื่อให้มีการติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวนโยบายเศรษฐกิจของจีนและฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเดินทางเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกงในครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้รับเสด็จทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นองค์ประธานโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจบันเทิงไทย (Thai Night) และเยี่ยมชมงาน Hong Kong International Film & TV Market (FILMART) ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าภาพยนตร์และธุรกิจบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค รวมทั้งได้พบหารือกับรองผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้บริหารระดับสูงภาครัฐและเอกชน ผู้นำเข้าและนักธุรกิจรายสำคัญของฮ่องกง โดยมีประเด็นหารือกันในเรื่องการเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เยี่ยมชมความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานฮ่องกง-มาเก๊า-จูไห่ และ Cyber Port Center (แหล่งรวมนักธุรกิจ Start-Up รุ่นใหม่ของฮ่องกง) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
976 | ข้อเสนอการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เพิ่มเติม | นร12 | 01/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (๑) ข้อเสนอหลักการ มาตรการ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เพิ่มเติม ประกอบด้วยมาตรการและวิธีการให้ส่วนราชการต้องปฏิบัติเพิ่มเติม รวม ๒ ประเด็น ได้แก่ ประเด็นที่ ๑ ระบบราชการที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงกัน และประเด็นที่ ๒ ระบบราชการที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย และ (๒) แผนการดำเนินการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐสู่การเป็นระบบราชการ ๔.๐ และการกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการ โดยแบ่งแผนการดำเนินการเป็น ๒ ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น (มีนาคม-กันยายน ๒๕๖๑) เป็นการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และเตรียมความพร้อมให้แก่หน่วยงานรัฐดำเนินการตามหลักการ มาตรการ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เพิ่มเติม และระยะยาว (ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป) เป็นการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามแผน/แนวทางที่กำหนดเป็นประจำทุกปี ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรเปิดโอกาสให้ส่วนราชการซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางการดำเนินการของสำนักงาน ก.พ.ร. ควรใช้มาตรการและวิธีการพัฒนาระบบราชการที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ครอบคลุมของสอดคล้องกับบริบทของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป ควรให้ส่วนราชการจัดทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศและภารกิจหลักก่อน โดยมีการสำรวจกฎหมายที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย ควรบูรณาการเครื่องมือการประเมินผลต่าง ๆ เพื่อลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน ควรมีความยืดหยุ่นในเรื่องของวิธีการและระยะเวลาเพื่อเปิดโอกาสให้ส่วนราชการสามารถประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับภารกิจหน้าที่ที่แตกต่างกัน ควรเพิ่มการพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์และจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Scientist) ให้แก่บุคลากรภาครัฐ ควรสนับสนุนส่งเสริมให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ พัฒนาศักยภาพและความสามารถในการให้บริการประชาชนทั้งด้านการบริหารจัดการและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะระบบดิจิทัลให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ควรปรับปรุงกฎระเบียบ ขั้นตอนการปฏิบัติงานให้มีความทันสมัย ควรสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันให้ทุกหน่วยงานอย่างทั่วถึงเกี่ยวกับแนวทางและวิธีการ ตลอดจนการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดการดำเนินการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) รับไปดำเนินการเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และแผนการปฏิรูปประเทศอย่างต่อเนื่องด้วย ๔. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาศึกษา ทบทวนการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้สอดคล้องกับบริบทของการบริหารราชการและการพัฒนาประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคำนึงถึงเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน และภาระของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
977 | การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เพื่อเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า | พณ | 01/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๔๑,๖๔๘,๒๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ (สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า) รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งการจัดทำฐานข้อมูล การศึกษา วิเคราะห์ วิจัย เกี่ยวกับสินค้า บริการ และพฤติกรรมในการประกอบธุรกิจ ควรมุ่งเน้นการศึกษาเชิงลึกธุรกิจแต่ละประเภทที่มีแนวโน้มจะก่อให้เกิดการผูกขาดตลาด ตลอดจนกำหนดแนวทางการทำงานที่ชัดเจน เป็นระบบ และให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า รวมถึงวางแนวปฏิบัติในการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนและสอบสวนการกระทำความผิดที่สอดคล้องตามหลักสากล อีกทั้งควรมีการติดตาม ประเมินผล และเผยแพร่ผลการดำเนินงานภายใต้แผนงานการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้สาธารณชนรับทราบเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
978 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐแอฟริกากลาง | กต | 17/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๓๙๙ (ค.ศ. ๒๐๑๘) ที่ได้รับการรับรองเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑ เกี่ยวกับสาธารณรัฐแอฟริกากลาง โดยคงมาตรการลงโทษทางอาวุธ การห้ามเดินทาง และการอายัดทรัพย์สินต่อสาธารณรัฐแอฟริกากลางตามที่ระบุไว้ในข้อมติฯ ที่ ๒๓๓๙ (ค.ศ. ๒๐๑๗) ตลอดจนข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้องออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ ๒. กรณีที่ UNSC ได้ออกข้อมติเพื่อคงไว้ซึ่งมาตรการลงโทษกรณีสาธารณรัฐแอฟริกากลางเป็นประจำทุกปี และเนื้อหาของข้อมติใหม่มิได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของมาตรการลงโทษที่มีอยู่เดิม ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา และหากกรณีที่ UNSC จะรับรองข้อมติเพื่อเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญหรือยกเลิกมาตรการลงโทษกรณีสาธารณรัฐแอฟริกากลาง เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศเสนอเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญหรือยกเลิกมาตรการลงโทษดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักข่าวกรองแห่งชาติถือปฏิบัติและปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการลงโทษสาธารณรัฐแอฟริกากลาง โดยเฉพาะรายชื่อบุคคลและองค์กรที่ต้องถูกมาตรการลงโทษ (ห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สิน) ให้ทันสมัยตามข้อมูลเว็บไซต์ของสหประชาชาติ (United Nations : UN) (
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
979 | ค่าตอบแทน ค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ และสิทธิประโยชน์อื่นของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า คณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการสรรหา ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 | พณ | 17/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบค่าตอบแทน ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ และสิทธิประโยชน์อื่นของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า คณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการสรรหา ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับ (๕ ตุลาคม ๒๕๖๐) และให้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ (คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าและสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเท่าที่จำเป็นตามภารกิจของคณะอนุกรรมการชุดนั้น ๆ เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณในระยะยาว รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการวางระบบติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงาน และความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งหน่วยงาน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
980 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 17/04/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่รัฐบาลมีนโยบายในการบริหารจัดการการตลาดปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มของประเทศทั้งระบบให้มีความยั่งยืน เพื่อให้สามารถป้องกันปัญหาราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มที่ไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกร โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดมาก นั้น ให้กระทรวงกลาโหมบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกวดขันการปราบปรามและจับกุมการลักลอบนำเข้าปาล์มน้ำมันผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง และให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อดำเนินการให้ราคาปาล์มน้ำมันเป็นไปตามระดับราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อเกษตรกรด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีของประเทศไทยที่ประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและทำให้ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะต้องครอบคลุมถึงการตรวจสอบและติดตามวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากต่างประเทศให้ถูกต้องและได้มาตรฐานด้วย ๑.๓ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอให้มีศักยภาพที่เข้มแข็ง สามารถแข่งขันได้กับต่างประเทศ รวมทั้งให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมมาตรการรองรับกรณีที่แรงงานจากอุตสาหกรรมสิ่งทออาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่นด้วย ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการรวบรวมและจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์พัฒนาความเป็นเลิศด้านต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วหรือที่มีแผนจะจัดตั้งขึ้นใหม่ของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ และให้พิจารณากำหนดแนวทางให้สถาบันการศึกษาในแต่ละภูมิภาคมีศูนย์พัฒนาความเป็นเลิศในแต่ละด้านอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับศักยภาพของสถาบันและของพื้นที่ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและภาระงบประมาณของประเทศ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้ ให้นำข้อมูลดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการปฏิรูปการศึกษาให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๆ ๓ เดือน โดยให้ครอบคลุมถึงประเด็นที่เป็นความต้องการของประชาชนด้วย นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานความคืบหน้าดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒.๓ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการปฏิรูปตำรวจ โดยเฉพาะประเด็นที่อยู่ในความสนใจและเป็นความต้องการของประชาชนไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศทุก ๆ ๓ เดือน เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ [เรื่อง ผลการประชุมขยะทะเลระดับอาเซียน เรื่อง การลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Conference on Reducing Marine Debris in ASEAN Region)] ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วน รวมทั้งบริษัท ห้างร้าน หรือสถานประกอบการต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการลดการใช้วัสดุที่ผลิตขึ้นจากพลาสติกเนื่องจากจะกลายเป็นขยะตกค้างที่ย่อยสลายได้ยาก เช่น การใช้ถุงพลาสติกใส่สินค้าเท่าที่จำเป็นและกระตุ้นให้ผู้ซื้อสินค้านำถุงผ้ามาใส่สินค้าเอง การให้ส่วนลดราคาสินค้ากรณีที่ลูกค้าไม่ใช้ถุงพลาสติก นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการจูงใจสำหรับบริษัท ห้างร้าน และสถานประกอบการต่าง ๆ เพื่อลดปริมาณการใช้วัสดุที่ผลิตจากพลาสติกอีกทางหนึ่งด้วย
|
.....