ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 42 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 821 - 840 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
821 | ร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพื่อยกเลิกมาตรา 14 และมาตรา 41) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม 2561)] | นร | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเห็นควรเสนอแนะคณะรัฐมนตรีชะลอร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพื่อยกเลิกมาตรา ๑๔ และมาตรา ๔๑) ไว้ก่อน และให้กระทรวงพาณิชย์แก้ไขพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๗ ในภาพรวมทั้งฉบับ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
822 | การให้การรับรองกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน | พณ | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในการรับรองกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ แจ้งการให้การรับรองกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ต่อคณะกรรมการร่วมกำกับการดำเนินงานภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA Joint Committee : ACFTA-JC) เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นชอบกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาที่จำเป็นอันเกิดจากผลกระทบของการรับรองกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๖. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามการดำเนินงานเพื่อบังคับใช้กฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการใช้ประโยชน์ของภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
823 | ขอความเห็นชอบร่างความตกลงการค้าบริการอาเซียน | พณ | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงการค้าบริการอาเซียน (ASEAN Trade in Services Agreement : ATISA) ซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อนำมาใช้แทนร่างความตกลงการค้าบริการอาเซียนฉบับปัจจุบันที่จัดทำมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ เพื่อปรับปรุงให้เป็นความตกลงที่ทันสมัย โดยเพิ่มหลักเกณฑ์ที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดทำกฎระเบียบด้านบริการของสมาชิกอาเซียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และไม่เป็นอุปสรรคทางการค้าบริการเกินความจำเป็น รวมทั้งช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการใช้มาตรการทางการค้าบริการของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยมีกำหนดการลงนามร่างความตกลงฯ ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ ๒๕ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๓-๒๖ เมษายน ๒๕๖๒ ณ จังหวัดภูเก็ต ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างความตกลงฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างความตกลงฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในร่างความตกลงฯ ๕. ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่าไทยพร้อมที่จะให้ร่างความตกลงฯ มีผลผูกพันต่อไป เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว ๖. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
824 | การกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ | รง | 18/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ ๒๐ เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๑ ได้มีมติเห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ จำนวน ๔ กลุ่ม (กลุ่มสาขาอาชีพช่างเครื่องกล กลุ่มสาขาอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์ กลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์) รวม ๑๙ สาขาอาชีพ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้นำการประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ ๘) ลงวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลใช้บังคับต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรมีมาตรการที่จะทำให้แน่ใจได้ว่าแรงงานเหล่านี้จะได้รับการพัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงานให้ตรงตามความต้องการของตลาดและมีประสิทธิภาพการผลิตของแรงงาน (Labor productivity) เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
825 | การลงนามพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมความตกลงต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น | พณ | 18/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมความตกลงต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น (Frist Protocol to Amend the Agreement on Comprehensive Economic Partnership among Member States of the Association of Southeast Asian Nations and Japan) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Comprehensive Economic Partnership Agreement : AJCEP) โดยแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทเรื่องข้อยกเว้นด้านความมั่นคงเกี่ยวกับมาตรการที่ใช้ปกป้องผลประโยชน์เรื่องความมั่นคงและการยกเลิกมาตรการดังกล่าว การเพิ่มเติมข้อผูกพันเกี่ยวกับการค้าบริการ เช่น อนุญาตให้ผู้ให้บริการของภาคีสมาชิกสามารถถือหุ้นในกิจการได้ร้อยละ ๔๙ เพิ่มเติมข้อผูกพันเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา ในการเข้าเมืองและการพำนักในประเทศ รวมทั้งเพิ่มเติมการลงทุนให้ครอบคลุมเรื่องการคุ้มครองการลงทุน การส่งเสริมการลงทุน และการอำนวยความสะดวกการลงทุน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมความตกลงต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างพิธีสารฯ แล้ว ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฯ เมื่อสภานิติบัญญัติให้ความเห็นชอบร่างพิธีสารฯ แล้ว ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในร่างพิธีสารฯ ๕. ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่าไทยพร้อมที่จะให้พิธีสารฯ มีผลผูกพันต่อไป เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบต่อร่างพิธีสารฯ ๖. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณากลุ่มธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบในทางลบและวางมาตรการรองรับอย่างเหมาะสม รวมทั้งควรมีการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามข้อผูกพันภายใต้พิธีสารฯ เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
826 | รายงานผลการดำเนินการออกกฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 | พณ | 18/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการออกกฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าได้พิจารณากฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน ๓๘ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) กฎหมายลำดับรองที่พระราชบัญญัติฯ กำหนดให้ออก จำนวน ๑๘ ฉบับ และ (๒) กฎหมายลำดับรองที่ออกเพื่อสนับสนุนการกำกับดูแลการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าให้มีประสิทธิภาพ จำนวน ๒๐ ฉบับ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าได้ดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้วภายในกำหนดระยะเวลา ๓๖๕ วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติฯ ใช้บังคับ (ครบกำหนดวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
827 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ยางรถใหม่ เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2555 พ.ศ. .... | พณ | 18/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ยางรถใหม่ เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ยางรถใหม่เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๕ อันเป็นการลดความซ้ำซ้อนของการบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการขออนุญาตจากทางราชการ เพื่อใช้มาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในการควบคุมการนำเข้าสินค้ายางล้อเนื่องจากมีความเข้มงวดในการตรวจสอบมากกว่าและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการอ้างบทอาศัยอำนาจในการออกประกาศ และรูปแบบการกำหนดวันใช้บังคับ เพื่อให้ร่างประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับสอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถยนต์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
828 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ (ร่างพระราชบัญญัติข้าว พ.ศ. ....) | สว | 18/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติข้าว พ.ศ. .... (นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในกำหนดเวลา พร้อมให้แจ้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปด้วยว่า คณะรัฐมนตรีรับหลักการร่างพระราชบัญญัติข้าว พ.ศ. .... ที่เสนอโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และให้ส่งความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
829 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 3 ราย 1. นายสาโรจน์ สุวัตถิกุล ฯลฯ) | พณ | 18/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นายสาโรจน์ สุวัตถิกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวสุทัศนีย์ ราชเรืองระบิน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายกีรติ รัชโน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
830 | การแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (จำนวน 5 คน 1. พลตำรวจโท ไกรบุญ ทรวดทรง ฯลฯ) | พณ | 18/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า รวม ๕ คน แทนประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการเดิมที่ดำรงตำแหน่งมาครบวาระสามปี เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. พลตำรวจโท ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการ ๒. พันเอก (พิเศษ) ดิเรก ดีประเสริฐ รองประธานกรรมการ ๓. นายสรรพงศ์ สังขพงศ์ กรรมการ ๔. นายธีรพล กาญจนากาศ กรรมการ ๕. นายวิเชียร ชุบไธสง กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
831 | ผลการสรรหากรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (เพิ่มเติม) (นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา) | พณ | 18/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอชื่อ นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ให้ได้รับเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป และให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๑ กรณีให้บุคคลที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าประชุมร่วมกันเพื่อเลือกกันเองเป็นประธานกรรมการและรองประธานกรรมการหนึ่งคน ก่อนเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อมีคำสั่งแต่งตั้งต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
832 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิทธิบัตร (จำนวน 12 คน 1. นายมงคล รักษาพัชรวงศ์ ฯลฯ) | พณ | 18/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิทธิบัตร จำนวน ๑๒ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ ๑.๑ นายมงคล รักษาพัชรวงศ์ สาขาวิศวกรรมศาสตร์ ๑.๒ นายพงศ์พันธ์ อนันต์วรณิชย์ สาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๑.๓ นายธีรยศ เวียงทอง สาขาวิศวกรรมศาสตร์ ๑.๔ นายอุดมเกียรติ นนทแก้ว สาขาวิศวกรรมศาสตร์ ๑.๕ นางสาวณัฐนันท์ สินชัยพานิช สาขาเภสัชศาสตร์ ๑.๖ นายพีระ เจริญพร สาขาเศรษฐศาสตร์ ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๒.๑ นายชำนาญ ภัตรพานิช สาขาเภสัชศาสตร์ ๒.๒ นายวิชา ธิติประเสริฐ สาขาเกษตรศาสตร์ ๒.๓ นายนำชัย เอกพัฒนพานิชย์ สาขานิติศาสตร์ ๒.๔ นายบุญสนอง รัตนสุนทรากุล สาขาอุตสาหกรรม ๒.๕ นายชลธิศ เอี่ยมวรวุฒิกุล สาขาวิศวกรรมศาสตร์ ๒.๖ นายเกรียงศักดิ์ ขาวเนียม สาขาวิทยาศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
833 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และกำหนดสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 18/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และกำหนดสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเลื่อนวันใช้บังคับของประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และกำหนดสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ จากเดิมที่กำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เป็นให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ปรับแก้ไขร่างประกาศดังกล่าวให้เป็นไปตามรูปแบบที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ ตรวจพิจารณา และตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
834 | ขอความเห็นชอบการขยายพื้นที่ดำเนินงานโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา | กษ | 13/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายพื้นที่ดำเนินงานโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา เพื่อให้เกษตรกรที่มีความสนใจ พร้อมทั้งพื้นที่ที่มีศักยภาพในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้เข้าร่วมโครงการฯ ได้อย่างทั่วถึง จากพื้นที่เป้าหมาย ๒ ล้านไร่ ใน ๓๓ จังหวัด เพิ่มเติมอีก ๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย มุกดาหาร ยโสธร และอำนาจเจริญ สำหรับจังหวัดอื่นที่เกษตรกรมีความสนใจเข้าร่วมโครงการฯ พื้นที่มีศักยภาพในการปลูกข้าวโพดและมีน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าวโพด พร้อมทั้งมีผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการรับซื้อผลผลิต สามารถที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ได้ โดยต้องได้รับความยินยอมจากสมาคมประกันวินาศภัยไทยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรก่อน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ อย่างใกล้ชิด และควรให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงด้านการตลาด ตลอดจนติดตามผลการดำเนินงานและประเมินผลสำเร็จของโครงการฯ ทั้งในส่วนของการปรับเปลี่ยนมาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา และการทำประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ ควรกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่าและประหยัด รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ในกรณีที่มีการขยายพื้นที่ดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาในจังหวัดอื่นที่เกษตรกรมีความสนใจเข้าร่วมโครงการฯ นอกเหนือจาก ๔ จังหวัดที่เพิ่มเติมในครั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
835 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง | กต | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๓ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา ครั้งที่ ๙ ที่ประชุมได้กล่าวขอบคุณอินเดียสำหรับการมีบทบาทในการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยอินเดียได้เชิญชวนให้ประเทศลุ่มน้ำโขงใช้ประโยชน์จากเงินกู้ (credit line) จำนวน ๑ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน-อินเดีย เมื่อปี ค.ศ. ๒๐๑๕ สำหรับพัฒนาโครงการส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคด้วย ๑.๒ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๑ ที่ประชุมได้หารือทิศทางการดำเนินความร่วมมือในอนาคต โดยเห็นควรนำยุทธศาสตร์ Free and Open Indo-Pacific Strategy ของญี่ปุ่น และกรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคอื่น ๆ รวมทั้งแผนแม่บทความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) (ค.ศ. ๒๐๑๙-๒๐๒๓) มาเป็นแนวทางในการจัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือฉบับใหม่ โดยไทยได้เน้นย้ำท่าทีต่อการเป็นประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น โดยเน้นการส่งเสริมความร่วมมือในการสร้างความเชื่อมโยงทั้งด้านกายภาพ กฎระเบียบ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านโครงการ Third Country Training Program และจะร่วมกับญี่ปุ่นจัดการประชุม Green Mekong Forum ต่อไป ๑.๓ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๘ ที่ประชุมแสดงความชื่นชมการสนับสนุนทางการเงินจากสาธารณรัฐเกาหลีที่ได้ประกาศเพิ่มงบประมาณสำหรับกองทุน Mekong-ROK Cooperation Fund จากปีละ ๑.๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น ๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย New Southern Policy เพื่อขยายความร่วมมือกับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงและบรรลุเป้าหมายการลดช่องว่างการพัฒนาในอาเซียน โดยไทยได้เน้นย้ำบทบาทของไทยในการเป็นประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อสนับสนุนนโยบาย New Southern Policy พร้อมทั้งเสนอให้ที่ประชุมพิจารณานำแผนแม่บท ACMECS มาเป็นแนวทางในการดำเนินความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลีในอนาคต ๑.๔ การประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑๑ ไทยได้แสดงความพร้อมของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑๑ ในปี ๒๕๖๒ ซึ่งจะเป็นวาระครบรอบ ๑๐ ปี ของกรอบความร่วมมือฯ โดยเน้นย้ำบทบาทของไทยในการเป็นประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงร่วมกับสหรัฐอเมริกาเพื่อสร้างความสมดุลทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ไทยควรให้ความสำคัญในการผลักดันโครงการภายใต้ความร่วมมือต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศสมาชิก ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของความร่วมมือทั้ง ๔ กรอบ เพื่อลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำของประเทศสมาชิกให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป รวมทั้งควรผลักดันความร่วมมือในสาขาที่ประเทศหุ้นส่วนการพัฒนามีความรู้และความเชี่ยวชาญ เช่น ความเชื่อมโยงด้านดิจิทัลและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ความเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและด้านกฎระเบียบ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
836 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2561 | กษ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามที่ กนป. เสนอ ดังนี้
๑. ที่ประชุมเห็นชอบโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร เสนอ โดยจะช่วยเหลือค่าครองชีพให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันที่มีปาล์มน้ำมันซึ่งให้ผลผลิตแล้ว (อายุมากกว่า ๓ ปี) และขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ ราย พื้นที่ไม่เกิน ๒,๒๕๐,๐๐๐ ไร่ โดยให้ความช่วยเหลือตามพื้นที่ปลูกจริง ในอัตราไร่ละ ๑,๕๐๐ บาท ครัวเรือนละไม่เกิน ๑๕ ไร่ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓,๔๕๘,๒๐๖,๒๕๐ บาท และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร รับผิดชอบโครงการฯ ทำหน้าที่กำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์ วิธีการกำกับดูแล และดำเนินการโครงกรฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒. ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบมาผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าบางปะกง จำนวน ๑๖๐,๐๐๐ ตัน ให้เสร็จโดยเร็ว โดยให้ กฟผ. รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคากิโลกรัมละ ๑๘ บาท ส่งที่ท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าบางปะกง และให้หน่วยงาน เช่น โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ลานเท และ/หรือ องค์การคลังสินค้า ที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ. จะต้องซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรในปริมาณที่สอดคล้องกับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ได้จำหน่ายให้กับ กฟผ. ในราคาที่สอดคล้องกับราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ได้จำหน่ายให้กับ กฟผ. ณ อัตราน้ำมันร้อยละ ๑๘ โดยให้ กฟผ. เป็นผู้รับภาระในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขนส่งและการเก็บรักษา ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดวัตถุดิบและคุณภาพผลิตภัณฑ์ของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ๔. ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงาน เร่งรัดการออกประกาศมาตรฐานคุณภาพ บี ๑๐๐ ใหม่ เพื่อให้สามารถรองรับการผสม บี ๑๐ โดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
837 | กระทรวงพาณิชย์ส่งมอบกิจกรรมเทใจมอบความสุขเทศกาลปีใหม่ให้แก่ประชาชน ปี 2562 | พณ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกิจกรรมเทใจมอบความสุขเทศกาลปีใหม่ให้แก่ประชาชน ปี ๒๕๖๒ โดยมีกิจกรรมสำคัญ ๓ ด้าน (๑๙ กิจกรรม) ได้แก่ (๑) ลดค่าครองชีพและดูแลราคาสินค้า (๒) ขยายเวลาให้บริการและอำนวยความสะดวกทางการค้า และ (๓) บริการพิเศษสำหรับผู้ประกอบการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
838 | ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 (เรื่อง มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ) | พน | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอว่า โดยที่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ได้มีมติเกี่ยวกับมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศแล้ว ดังนั้น เพื่อให้แนวทางการดำเนินมาตรการฯ มีความชัดเจนและสอดคล้องกับมติ กนป. ดังกล่าว กระทรวงพลังงานจึงขอแก้ไขข้อความของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ) ในส่วนที่เกี่ยวกับการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จากเดิมความว่า “..กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) จะดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ ๑๖๐,๐๐๐ ตัน ในราคา ๑๘ บาทต่อกิโลกรัม โดยร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จัดหาจากเกษตรกรผู้ผลิตที่ลานเทและโรงงานสกัดที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะรับมอบน้ำมันปาล์มดิบที่ท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าบางปะกง..” เป็น “..กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบมาผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าบางปะกง จำนวน ๑๖๐,๐๐๐ ตัน โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคากิโลกรัมละ ๑๘ บาท ส่งที่ท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าบางปะกง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ลานเท และ/หรือองค์การคลังสินค้าที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จะต้องซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรในปริมาณที่สอดคล้องกับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ได้จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในราคาที่สอดคล้องกับราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ได้จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ณ อัตราน้ำมันร้อยละ ๑๘ โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับภาระในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขนส่งและการเก็บรักษา..”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
839 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ (จำนวน 3 ราย 1.หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ฯลฯ) | นร04 | 26/11/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งหนึ่งปี ในวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๓ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม) ๒. นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์) ๓. พลเอก ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี [อยู่ในบังคับบัญชารองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ)]
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
840 | ขอแจ้งรายชื่อโฆษกกระทรวงพาณิชย์และรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 26/11/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ที่ ๗๙๓/๒๕๖๑ เรื่อง การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงพาณิชย์และรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ สั่ง ณ วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ โดยมอบหมายให้ นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ เป็นโฆษกกระทรวงพาณิชย์ และ นายสุพพัต อ่องแสงคุณ เป็นรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
.....