ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 30 จากทั้งหมด 335 หน้า แสดงรายการที่ 581 - 600 จากข้อมูลทั้งหมด 6683 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 581 | แผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศปีงบประมาณ 2564 (แผนปฏิบัติการประจำปี 2564) | พณ. | 12/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ปีงบประมาณ ๒๕๖๔ (แผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๖๔)
ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ครั้งที่
๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติแผนปฏิบัติการระยะยาว
กองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประจำปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘
และแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ ๒๕๖๔
(แผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๖๔) ซึ่งเป็นโครงการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวม ๑๑
หน่วยงาน จำนวน ๒๓๗ โครงการ วงเงิน ๑,๐๔๗,๖๐๒,๕๐๐ บาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 582 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers: AEM) ครั้งที่ 52 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 12/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(ASEAN Economic Ministers : AEM) ครั้งที่ ๕๒
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ (นายสรรเสริญ
สมะลาภา) เป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๔-๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๓
ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่
การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๕๒ เช่น รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจที่เวียดนามผลักดันให้บรรลุผลสำเร็จในปี
๒๕๖๓ และการแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์และการตอบสนองต่อการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
(COVID-19) เป็นต้น การประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน
ครั้งที่ ๓๔ เช่น ข้อตกลงที่ได้ข้อสรุปและพร้อมจะลงนามภายในปีนี้ ได้แก่ ข้อตกลงยอมรับร่วมสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
ข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวัสดุก่อสร้าง การทบทวนข้อตกลงยอมรับร่วมในผลการตรวจสอบและรับรองของอาเซียน
และประเด็นที่ได้ข้อสรุปแล้ว ได้แก่ กรอบความตกลงอาเซียนด้านยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
และระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน เป็นต้น รวมทั้งการหารือของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา
และการหารือระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 583 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมการค้าภายใน พ.ศ. .... | พณ. | 06/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมการค้าภายใน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบพิเศษข้าราชการกรมการค้าภายในเพิ่มขึ้นจากเครื่องแบบข้าราชการพลเรือน
รวมทั้งวิธีการแต่งเครื่องแบบดังกล่าว เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจของกรมการค้าภายใน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการกำหนดเครื่องแบบพิเศษของส่วนราชการรับไปพิจารณาความคุ้มค่าและภาระของข้าราชการในกรณีหน่วยงานต่าง
ๆ เสนอให้มีเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 584 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 1 ปี ของกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 06/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ ๑ ปี
ของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีผลงานที่สำคัญ เช่น (๑) การประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกพืชเกษตร
๕ ชนิด วงเงินรวม ๗๑,๒๐๒ ล้านบาท สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ ๗.๒๙ ล้านครัวเรือน (๒)
การผลักดันการค้าชายแดน สามารถสร้างมูลค่าการค้าชายแดนรวม ๑.๐๒ ล้านล้านบาท เช่น
การเปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ ๒ การเจรจาแก้ไขปัญหาด่านนาตาล-ปากแซง
และการเจรจากับสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเปิดด่านโหยวอี้กวนและด่านตงชิงได้สำเร็จ (๓)
การจัดงานลดราคาสินค้าร่วมกับภาคเอกชน คิดเป็นมูลค่า ๒๑,๖๐๐ ล้านบาท และ (๔) การยกระดับโชห่วยเป็นสมาร์ทโชห่วยได้กว่า
๒๘,๐๐๐ แห่ง และยกระดับสมาร์ทโชห่วยเป็นสมาร์ทโชห่วยเดลิเวอรี่ จำนวน ๒,๖๕๕ ร้าน เป็นต้น
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 585 | ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค เรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Virtual Ministers Responsible for Trade Meeting on Covid - 19: VMRT) | พณ. | 06/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค
เรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Virtual
Ministers Responsible for Trade Meeting on Covid-19 : VMRT) โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์
(นายสรรเสริญ สมะลาภา) เป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๕
กรกฎาคม ๒๕๖๓ โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อรับมือกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
และเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาค
ของรัฐมนตรีการค้าเอเปคและผู้แทนระดับสูงของแต่ละเขตเศรษฐกิจ (๒) การกล่าวถ้อยแถลงของประเทศไทย
เช่น การสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีและเสริมสร้างความโปร่งใสในการแจ้งมาตรการรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ต่อองค์การการค้าโลก (WTO) การส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและใช้มาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้า
รวมทั้งการเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อโดยเฉพาะการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว
และการรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่การผลิตและส่งเสริมการมีห่วงโซ่อุปทานที่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
เป็นต้น และ (๓) การร่วมรับรองแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค และปฏิญญาเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้าในการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีความจำเป็น
โดยรัฐมนตรีการค้าเอเปค ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 586 | นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (กากถั่วเหลือง ปลาป่น และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) ปี 2564 - 2566 | พณ. | 06/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์
(กากถั่วเหลือง ปลาป่น และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) คราวละ ๓ ปี
โดยกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้า (กากถั่วเหลือง ปลาป่น และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) ปี
๒๕๖๔-๒๕๖๖ ทุกกรอบการค้าและจากประเทศนอกความตกลง ตามมติคณะกรรมการนโยบายอาหาร
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ (ครั้งที่ ๗๙) เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๓
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานกรรมการนโยบายอาหารเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับควานเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ เช่น
ให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดมาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันมิให้อุตสาหกรรมภายในประเทศได้รับผลกระทบจากนโยบายและมาตรการนำเข้าด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์การใช้และการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์อื่น
ๆ ที่สามารถนำมาใช้ทดแทนกากถั่วเหลือง ปลาป่น และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (เช่น
เนื้อป่น เนื้อและกระดูกป่น ข้าวสาลี และกากดีดีจีเอส) อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งดำเนินการส่งเสริมให้มีการผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ในประเทศให้มากยิ่งขึ้น
เพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ฯ
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 587 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม) | พณ. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 588 | ขอปรับค่าอาหารกลางวันของนักเรียน | ศธ. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการปรับอัตราค่าอาหารกลางวันของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่
๑-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จาก อัตรา ๒๐ บาท/คน/วัน เป็น
อัตราค่าอาหารกลางวันที่เหมาะสมตามจำนวนนักเรียนและขนาดโรงเรียน ตั้งแต่ ๒๔-๓๖
บาท/คน/วัน และให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
โดยให้นำความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
และคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรนำจำนวนนักเรียนจากทุกสังกัดมาเป็นข้อมูลประกอบในการปรับค่าอาหารกลางวัน
ควรพิจารณาราคาวัตถุดิบและค่าบริหารจัดการที่สะท้อนต้นทุนคงที่ของโรงเรียนแต่ละขนาดอย่างแท้จริง
ควรมีกลไกการติดตาม กำกับดูแล และตรวจสอบการดำเนินโครงการอาหารกลางวัน เป็นต้น
ไปประกอบด้วย ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 589 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ..) | กค. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีอัตราอากร ๑
ท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ และยกเลิกบัญชีอัตราอากร ๓
ท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ แล้วให้ใช้บัญชีอัตราอากร ๓ ท้ายร่างประกาศฉบับนี้แทน
เพื่อให้สิทธิตามหลักการต่างตอบแทนแก่สาธารณรัฐเกาหลีภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (Asean-Korea Free Trade Agreement : AKFTA) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการที่ได้จัดทำตามมาตรา
๒๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ
จนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
๓.
ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรประสานความร่วมมือให้สาธารณรัฐเกาหลีเร่งลดภาษีในรายการสินค้าอ่อนไหวของตนเพื่อประโยชน์ต่อผู้ส่งออกของไทย
และประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรับทราบมาตรการดังกล่าวอย่างทั่วถึง และควรมีการติดตามข้อมูลการใช้สิทธิพิเศษภายใต้ความตกลง
AKFTA ว่าในแต่ละปีมีสถิติการนำเข้า/ส่งออกมากน้อยเพียงใด
เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับสถิติที่ได้ประมาณการไว้ และมีการสอบถามข้อมูลความเห็นเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการต่อการใช้สิทธิพิเศษภายใต้ความตกลง
AKFTA ในโอกาสแรก รวมทั้งควร จัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่ได้รับในครั้งนี้ให้ชัดเจน
ตลอดจนจัดทำประมาณการรายได้กำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
เพื่อใช้ประกอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 590 | ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ซึ่งเป็นร่างพระราชบัญญัติที่ต้องออกเพื่อให้การเป็นไปตามสนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก
(WIPO Copyright Treaty : WCT) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบแล้ว
โดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.
๒๕๓๗ เกี่ยวกับอายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์ในงานภาพถ่าย
โดยให้การคุ้มครองงานภาพถ่ายตลอดอายุผู้สร้างสรรค์และต่อไปอีก ๕๐ ปี
นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย
ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการคุ้มครองมาตรการทางเทคโนโลยี
ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ให้บริการ
เพื่อสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างผู้ให้บริการและเจ้าของลิขสิทธิ์ในการส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรมบนสื่ออินเทอร์เน็ต
และเพิ่มการกำหนดโทษสำหรับความผิดในการให้บริการ ผลิต ขาย หรือแจกจ่าย ซึ่งบริการ
ผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์ ที่ทำให้มาตรการทางเทคโนโลยีไม่เกิดผล
เพื่อให้การป้องปรามการละเมิดลิขสิทธิ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 591 | รายงานผลการชดเชยส่วนต่างราคาหน้ากากอนามัย | พณ. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการชดเชยส่วนต่างราคาหน้ากากอนามัย
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓)
โดยกระทรวงพาณิชย์ได้รับจัดสรรงบประมาณค่าชดเชยส่วนต่างราคาหน้ากากอนามัยให้ผู้ผลิต
๑๑ ราย จำนวน ๑๐๘ ล้านบาท และได้จัดสรรหน้ากากอนามัยจากบริษัทผู้ผลิตรวม ๓๙,๕๖๖,๕๐๐
ชิ้น โดยมีผู้ผลิต ๒ ราย ได้แก่ บริษัท เอ็น.เอ็น.สกายเทรด จำกัด และบริษัท ไทยฮอสพิทอล
โปรดักส์ จำกัด ที่ไม่ได้ผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์
(เนื่องจากผลิตหน้ากากอนามัยชนิด 3D)
จึงเหลือผู้ผลิต ๙ ราย โดยผู้ผลิต ๒ รายดังกล่าว ได้ยื่นหนังสือขอรับการชดเชยส่วนเกินราคาหน้ากากอนามัย
แต่กรมการค้าภายในได้ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการจ่ายเงินชดเชย
จึงไม่ได้จ่ายเงินชดเชยส่วนเกินราคาหน้ากากอนามัยให้โรงงานผู้ผลิตหน้ากากอนามัยให้แก่ผู้ผลิตทั้ง
๒ ราย ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ จำนวน ๑๐๘ ล้านบาท
และได้ส่งคืนกรอบวงเงินงบประมาณกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนแล้ว
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 592 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ต้องได้รับใบอนุญาต พ.ศ. .... | ดศ. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ต้องได้รับใบอนุญาต
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การควบคุมดูแลธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล
ตลอดจนประเภทธุรกิจบริการที่ควรมีการควบคุมดูแล เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและยอมรับในระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล
รวมทั้งเพื่อป้องกันความเสียหายแก่สาธารณชนหรือประชาชนที่ใช้บริการ โดยเฉพาะเมื่อเป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับตัวตนของบุคคลในโลกออนไลน์
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับการให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มีอำนาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ
ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติที่เห็นว่า
เพื่อให้การให้บริการระบบการพิสูจน์และยืนยันตนที่ภาครัฐได้จัดทำขึ้นมีความน่าเชื่อถือและเป็นไปตามมาตรฐานสากล
ควรมีการกำหนดกลไกในการควบคุมดูแลอย่างเหมาะสมเช่นเดียวกับผู้ให้บริการภาคเอกชนด้วย
ควรพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ที่ผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวต้องปฏิบัติมิให้ซ้ำซ้อนกับหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจที่กำหนดโดยหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลหลัก
(Lead Regulators) เพื่อมิให้เป็นภาระแก่ผู้ประกอบกิจที่ถูกกำกับดูแลเกินสมควร
และควรกำหนดว่าหากผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้มีการให้บริการหรือประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานกำกับดูแลใด
ๆ เป็นการเฉพาะ และหากหน่วยงานกำกับดูแลนั้นมีการกำหนดกฎเกณฑ์หรือมาตรฐานในรายละเอียดที่เกี่ยวกับบริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล
ก็ให้ดำเนินการตามกฎเกณฑ์เฉพาะนั้นด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ในการดำเนินการของหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแล ควรคำนึงถึงผลกระทบด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสำคัญประกอบด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 593 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางในสำหรับรถจักรยานยนต์และโมเปดต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 08/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางในสำหรับรถจักรยานยนต์และโมเปดต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการออกกฎกระทรวงเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
(ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยเป็นการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางในสำหรับรถจักรยานยนต์และโมเปดต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ยางในสำหรับรถจักรยานยนต์และโมเปดที่ออกสู่ท้องตลาดให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพ
สร้างความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้ผู้ผลิต
ผู้นำเข้า และผู้จำหน่ายได้ทราบก่อนบังคับใช้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 594 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ฯลฯ รวม 3 ราย) | พณ. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
ดังนี้ ๑. นายรณรงค์
พูลพิพัฒน์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายทศพล
ทังสุบุตร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ๓. นายวุฒิไกร
ลีวีระพันธุ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 595 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า | พณ. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า
ตามมติคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า ในการประชุมลับครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๙
กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไปแต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 596 | ขอความเห็นชอบขยายระยะเวลาดำเนินการตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2562 - 2563 | พณ. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินการตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน
ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๓ ออกไปอีก ๓ เดือน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกันยายน ๒๕๖๓
เป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๓ โดยใช้กรอบงบประมาณดำเนินการเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้
(๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๒) จำนวน ๑๓,๓๗๘.๙๙ ล้านบาท
ซึ่งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
ได้จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ให้แก่เกษตรกรแล้ว ๙ งวด เป็นเงิน ๖,๗๒๙.๕๗ ล้านบาท
คงเหลือจำนวน ๖,๖๔๙.๔๒ ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ให้แก่เกษตรกร
และเป็นค่าบริหารจัดการของ ธ.ก.ส. (กันยายน ๒๕๖๒-ธันวาคม ๒๕๖๓)
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับ (๑) การติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง การเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามระยะเวลาโครงการฯ
ที่กำหนด และการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ
เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการจัดทำนโยบายที่เกี่ยวข้องต่อไป (๒) การพิจารณาเร่งรัดดำเนินมาตรการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินออกจากตลาดควบคู่ไปกับการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ
ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๓ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศ
และลดภาระงบประมาณในการจ่ายชดเชยส่วนต่างรายได้ที่จ่ายให้แก่เกษตรกรกรณีราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำมาก
และ (๓) การบูรณาการแนวทางการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันและอนาคต
โดยคาดการณ์แนวโน้มความต้องการในตลาดกับพื้นที่ปลูกปาล์มที่มีอยู่
และปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันที่จะออกสู่ตลาด เพื่อหาแนวทางในการลดอุปทานและเพิ่มอุปสงค์
โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน
เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาเชิงนโยบายในการบริหารจัดการทั้งระบบ และพิจารณาความซ้ำซ้อนของมาตรการที่รัฐให้ความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกร
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 597 | โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2563/64 มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2563/64 และโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง | พณ. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง
ปี ๒๕๖๓/๖๔ และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี
๒๕๖๓/๖๔ (ประกอบด้วย
โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกมันสำปะหลังและการบริหารจัดการการนำเข้าส่งออก)
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. อนุมัติในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง
ปี ๒๕๖๓/๖๔ กรอบวงเงิน ๙,๗๘๘,๙๓๓,๗๙๘.๔๐ บาท
และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๓/๖๔
(ประกอบด้วย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังและโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร)
กรอบวงเงิน ๑๑๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณนั้น
ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้มีการจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน
เพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
ทั้งในส่วนของข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่
จำนวนพื้นที่เพาะปลูก จำนวนสถาบันเกษตรกร ให้ถูกต้องครบถ้วน ไม่ซ้ำซ้อน
ตลอดจนจัดให้มีระบบการรายงานการติดตามและการประเมินผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินโครงการ
เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน
สำหรับประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลังสำหรับอัตราค่าใช้จ่ายและกรอบวงเงินการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ (เรื่อง ขออนุมัติงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙
เพื่อดำเนินงานโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง)
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามมาตรการการดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายมันสำปะหลัง
รวมทั้งให้ดำเนินการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง
โดยป้องกันและควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์และท่อนพันธุ์จากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคทั้งในและประเทศเพื่อนบ้าน
และให้ความสำคัญกับการดำเนินการวิจัยและพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ต้านทานโรคใบด่างมันสำปะหลังด้วย ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง
ปี ๒๕๖๓/๖๔ และมาตรการคู่ขนาน ควรมีการตรวจสอบเกษตรกรผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ
ตลอดจนกลไกการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาเป้าหมายกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงอย่างเหมาะสมและถูกต้อง
และควรกำกับดูแลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์โครงการ/มาตรการอย่างแท้จริง
สำหรับโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง
ควรกำจัดต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคและแมลงหวี่ขาวยาสูบพาหะนำโรคในทุกพื้นที่ที่พบการระบาด
รวมทั้งจ่ายค่าชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคใบด่างมันสำปะหลังโดยเร็ว
และควรเตรียมจัดหาท่อนพันธุ์มันสำปะหลังที่มีคุณภาพและปลอดโรคใบด่างมันสำปะหลังไว้สำหรับให้เกษตรกรใช้เพาะปลูกในฤดูการผลิตปีถัดไปด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 598 | การร่วมรับรองและให้ความเห็นชอบเอกสารในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 52 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสาร
จำนวน ๗ ฉบับ ที่จะมีการรับรองและให้ความเห็นชอบในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(ASEAN Economic Minister : AEM) ครั้งที่ ๕๒
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๔-๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๓
ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) โดยไม่มีการลงนาม
โดยร่างเอกสารที่จะให้การรับรอง จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ร่างดัชนีวัดการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน
ร่างเอกสารข้อริเริ่มร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีในการเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ และร่างแผนปฏิบัติการของอาเซียนบวกสามว่าด้วยการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
และร่างเอกสารที่จะให้ความเห็นชอบ จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่
ร่างแผนการดำเนินงานภายใต้กรอบความตกลงด้านการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับสหรัฐอเมริกา
และการขยายการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔
ร่างแผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมระหว่างอาเซียนและแคนาดาด้านการค้าและการลงทุน
ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘ ร่างแผนงานด้านการค้าและการลงทุนอาเซียน-สหภาพยุโรป (ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔)
และร่างแผนงานความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย สำหรับปี
๒๕๖๓-๒๕๖๘ และเอกสารข้อเสนอแนะสำหรับการสัมมนา
“การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคในสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียและอาเซียน”
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในส่วนของร่างดัชนีวัดการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน
ข้อ ๓.๑ ที่กำหนดให้ใช้สัดส่วนของประชากรที่ใช้แพลตฟอร์มหรือเครื่องมือดิจิทัลสำหรับการธนาคารเท่านั้น
และข้อ ๓.๒ ที่กำหนดให้ใช้สัดส่วนของประชาชนที่ใช้แพลตฟอร์มหรือเครื่องมือดิจิทัลสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงิน
เป็นเครื่องมือชี้วัดการบูรณาการด้านดิจิทัล นั้น
ภายใต้กรอบกฎหมายของไทยที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันอาจไม่สามารถดำเนินการได้
ไปพิจารณาด้วย ๓.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารในการประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 599 | โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/64 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/64 | พณ. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลความคืบหน้าการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปี ๒๕๖๓/๖๔ ซึ่งได้จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกรแล้ว ๗ ครั้ง จำนวน ๒๐๗,๗๙๖
ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ ๔๕.๙๗ ของเกษตรกร จำนวน ๔๕๒,๐๐๐ ราย จำนวนเงิน ๖๐๖.๓๐
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๐๕ ของวงเงินจ่ายขาดทั้งหมด (จำนวน ๑,๕๕๒.๗๘ ล้านบาท)
คงเหลืองบประมาณจ่ายขาด ๙๔๖.๔๘ ล้านบาท และรับทราบมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปี ๒๕๖๓/๖๔ ประกอบด้วย โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปีการผลิต ๒๕๖๓/๖๔ (สนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้สามารถรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และเก็บสต็อกไว้เพื่อดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาด
วงเงินสินเชื่อ ๑,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท วงเงินงบประมาณชดเชยดอกเบี้ย ๑๕.๐๐ ล้านบาท
โดยใช้งบประมาณกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร) การบริหารจัดการการนำเข้า
การดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และการดูแลความสมดุล
โดยแจ้งปริมาณการครอบครอง การนำเข้า สถานที่เก็บ การตรวจสอบสต็อก
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
อนุมัติในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๓/๖๔
กรอบวงเงิน ๑,๙๑๒,๒๑๐,๒๔๕ บาท
และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่ม
โดยสถาบันเกษตรกร ปี ๒๕๖๓/๖๔ กรอบวงเงิน ๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณนั้น ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้มีการจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์
คำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
รวมทั้งบูรณาการข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่
จำนวนพื้นที่เพาะปลูก จำนวนสถาบันเกษตรกร ให้ถูกต้องครบถ้วน ไม่ซ้ำซ้อน
ตลอดจนจัดให้มีระบบการรายงาน การติดตาม
และการประเมินผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินโครงการฯ
เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน
สำหรับประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๓.
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
(๑) การดำเนินโครงการฯ
ส่งผลให้ภาระที่รัฐต้องรับชดเชยค่าใช้จ่ายมียอดคงค้างเพิ่มขึ้น
แต่ยังคงไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของงบประมาณ (๒) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
จัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน ตลอดจนจัดให้มีระบบรายงาน
การติดตามและการประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่เกษตรกรได้รับจากการดำเนินโครงการฯ
และ (๓)
กระทรวงพาณิชย์ควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนในการสร้างเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผ่านมาตรการโครงการคู่ขนาน
รวมถึงวางแผนบริหารจัดการผลผลิตร่วมกับผู้ประกอบการและเครือข่ายตลอดห่วงโซ่การผลิต
และควรมีการติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 600 | ร่างพระราชบัญญัติสมาคมการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยได้มีหนังสือขอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ.
๒๕๐๙ เพื่อให้สมาคมการค้าสามารถนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ได้ จึงเห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์รับประเด็นดังกล่าวไปพิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติสมาคมการค้า
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... อีกครั้งหนึ่ง ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
