ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 25 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 481 - 500 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
481 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถจักรยานยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง กำหนดให้รถจักรยานยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการรถจักรยานยนต์ใช้แล้วเข้ามาในราชอาณาจักร
เพื่อลดปริมาณการนำเข้ารถจักรยานยนต์ใช้แล้วที่ไม่จำเป็นและลดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งยกเว้นให้รถบางประเภทสามารถนำเข้าได้ภายใต้กำกับดูแลของหน่วยงานอื่น
โดยไม่ต้องขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์
เพื่อลดขั้นตอนการทำงานและเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนตามนโยบายรัฐบาล
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
482 | ร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 29) พ.ศ. 2509 พ.ศ. .... | พณ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง
(ฉบับที่ ๒๙) พ.ศ. ๒๕๐๙ พ.ศ. .... (สินค้าเทวรูป
ชิ้นส่วนของเทวรูป พระพุทธรูป และชิ้นส่วนของพระพุทธรูป) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง
(ฉบับที่ ๒๙) พ.ศ. ๒๕๐๙ เนื่องจากได้มีพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ
ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๓๕ กำกับดูแลการส่งออกสินค้าเทวรูป ชิ้นส่วนของเทวรูป
พระพุทธรูป และชิ้นส่วนของพระพุทธรูปแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
483 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ | กษ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติการดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่
ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ ๑,๓๒๙.๒๒ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๒๖๔.๒๐
ล้านบาท และจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกรมส่งเสริมการเกษตร
จำนวน ๖๕.๐๒ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมวิชาการเกษตร) นำมาตรการตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗
และที่แก้ไขเพิ่มเติมรวมถึงระเบียบที่เกี่ยวข้องพิจารณาบังคับใช้โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบพื้นที่และเกษตรกรให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่มีการระบาดจริง
และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งควรพิจารณาส่งเสริมการเพาะปลูกมันสำปะหลังให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่
และสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกมันสำปะหลังตามมาตรฐานวิชาการ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังทั้งระบบต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑ ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาแนวทางในการดำเนินการป้องกันและตรวจสอบไม่ให้มีการนำเข้าหรือลักลอบนำเข้ามันสำปะหลังที่เป็นโรคใบด่าง
รวมถึงแนวทางการกำจัดแมลงหวี่ขาวยาสูบที่เป็นพาหะของโรค
ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ด้วย ๒.๒
ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่ได้รับการชดเชยตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ไปแล้ว
แต่ภายหลังพบว่ามีการลักลอบนำมันสำปะหลังที่ติดโรคมาปลูกใหม่
หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าว ๒.๓
ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการจัดให้เกษตรกรมีการทำประกันภัยผลผลิตมันสำปะหลังเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาในกรณีต่าง
ๆ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
484 | การป้องกันและตรวจสอบการบุกรุกที่ดินของรัฐและแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ทำการเกษตรในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ | นร. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย และทุกหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบที่ดินประเภทต่าง ๆ
ของรัฐกำกับดูแล ติดตาม และตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินในความรับผิดชอบให้ถูกต้อง
รวมทั้งพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันและตรวจสอบที่เข้มงวดเพื่อไม่ให้มีการบุกรุกเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐอย่างผิดกฎหมาย ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อมูลการทำการเกษตรในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิให้ถูกต้อง
ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน โดยอย่างน้อยให้มีข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนเกษตรกร ชนิดของพืช
ประเภทและจำนวนของพื้นที่ที่ถูกบุกรุก แนวโน้มการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของการบุกรุก
ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหาการทำการเกษตรในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิดังกล่าว
และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปภายใน ๓ เดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
485 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน พ.ศ. .... | กษ. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน
เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบการสามารถขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้
อันเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและสอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับวิธีการชำระค่าธรรมเนียมโดยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์
(e-Payment)
และรูปแบบการออกใบอนุญาตผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้ด้วย
ควรมีการประชาสัมพันธ์สื่อสารทำความเข้าใจและสร้างการรับรู้การดำเนินการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวกับผู้เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
486 | ผลการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง ครั้งที่ 9 | กต. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong
Economic Cooperation Strategy : ACMECS) ครั้งที่ ๙ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) การรับรองปฏิญญาพนมเปญของการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี--เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ ๙ ซึ่งมีการเพิ่มเติมประเด็น
เช่น ข้อเสนอของประเทศไทยในการผลักดันหลักการใหม่เรื่อง
“อนุภูมิภาคที่มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้” รับทราบข้อเสนอของญี่ปุ่นในการจัดการประชุม
ACMECS สมัยพิเศษ
ที่กรุงโตเกียว ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณเดือนกันยายน-พฤศจิกายน) ปี ๒๕๖๔ (๒)
ที่ประชุมได้หารือในประเด็นต่าง ๆ เช่น ยินดีต่อพัฒนาการอย่างต่อเนื่องของ ACMECS สนับสนุนการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนา ACMECS
ย้ำความสำคัญของการยกระดับความร่วมมือของประเทศสมาชิก ACMECS
(๓) ถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี โดยย้ำความสำคัญของการร่วมกันขับเคลื่อนความร่วมมือ ACMECS อย่างรอบคอบ มุ่งพัฒนาศักยภาพให้ ACMECS
มีความเข็มแข็งจากภายใน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าประเทศสมาชิก ACMECS
ต้องเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาความเชื่อมโยงในทุกมิติให้เป็นไปตามแผนแม่บท ACMECS ระยะ ๕ ปี (ค.ศ. ๒๐๑๙-๒๐๒๓) และยกระดับความร่วมมือระหว่างหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของ
ACMECS กับองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนการฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงหลังการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
กรณีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการตามผลการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ ๙ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่าที่จำเป็นตามความเหมาะสมต่อไป และการดำเนินการตามแผนแม่บท
ACMECS
ระยะ ๕ ปี (ค.ศ. ๒๐๑๙-๒๐๒๓) ให้คำนึงถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงาน
ตลอดจนปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
487 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการกำหนดมาตรการจัดระเบียบในการส่งน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 85) พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... | พณ. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการกำหนดมาตรการจัดระเบียบในการส่งน้ำมันดีเซลหมุนเร็วออกไปนอกราชอาณาจักร
(ฉบับที่ ๘๕) พ.ศ. ๒๕๔๑ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์
ว่าด้วยการกำหนดมาตรการจัดระเบียบในการส่งน้ำมันดีเซลหมุนเร็วออกไปนอกราชอาณาจักร
(ฉบับที่ ๘๕) พ.ศ. ๒๕๔๑
เนื่องจากการกำกับดูแลการส่งออกน้ำมันดีเซลมีการกำหนดไว้เป็นการเฉพาะตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต
พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
488 | ขอขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 | ทส. | 11/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบการดำเนินการและผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน
๒๕๖๓ และเห็นชอบขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
โดยให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
ภายใน ๑๒๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตฯ
ซึ่งผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓
มีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐได้มายื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
จำนวน ๕๘,๙๒๓ แห่ง มีจำนวนคำขออนุญาตฯ ที่ยื่นเกินจากบัญชีที่สำรวจไว้เดิมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ จำนวน ๓๘,๑๑๐ แห่ง
เนื่องจากการตรวจสอบพบว่ามีการตกสำรวจและมีจำนวนคำขอที่ยังไม่ได้ยื่นตามบัญชีที่สำรวจไว้เดิม
จำนวน ๑,๐๙๕ แห่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดระยะเวลา
๑๒๐ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ในครั้งนี้แล้ว
ห้ามมิให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาตอีกอย่างเด็ดขาด
และหากปรากฏว่ายังมีส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐใดฝ่าฝืน
ให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานศาลปกครอง เช่น
ควรกำหนดหลักเกณฑ์การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ให้สอดคล้องกับหลักการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
หากส่วนราชการยื่นคำขออนุญาตฯ ไม่ทันภายในกำหนดระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีให้ขยายในคราวนี้อีก
ให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบอย่างเคร่งครัดต่อไป เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
489 | โครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ฤดูการผลิตปี 2563/2564 | อก. | 11/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบแผนการดำเนินการตามมาตรการแก้ปัญหาอ้อยไฟไหม้ เช่น แผนการลดปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบ
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ ร้อยละ ๐ การหักเงินชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยไฟไหม้ตันละ ๓๐
บาท และการขอรับการสนับสนุนเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อลดต้นทุนการตัดอ้อยสดให้กับชาวไร่อ้อยในอัตราที่เหมาะสมอย่างน้อย
๒ ฤดูการผลิต เป็นต้น ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
โดยในส่วนของการขอรับการสนับสนุนเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อลดต้นทุนการตัดอ้อยสดให้กับชาวไร่อ้อยในอัตราที่เหมาะสมอย่างน้อย
๒ ฤดูการผลิต
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปศึกษาผลดีผลเสียและความคุ้มค่าของการดำเนินการดังกล่าว
รวมทั้งแนวทางการลดต้นทุนการผลิตอื่น ๆ ที่มีความยั่งยืนและไม่เป็นภาระงบประมาณ
ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒.
อนุมัติในหลักการโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ฤดูการผลิตปี
๒๕๖๓/๒๕๖๔ ภายในกรอบวงเงิน ๖,๐๖๕,๕๕๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย
การช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยทุกรายที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีส่งโรงงานเท่านั้น
ในอัตรา ๑๒๐ บาทต่อตัน ในวงเงิน ๕,๙๓๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
สำหรับชดเชยต้นทุนเงินในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน ของ ธ.ก.ส. บวก
๑ และค่าบริหารจัดการรายละ ๕ บาท วงเงิน ๑๓๑,๕๕๐,๐๐๐ บาท
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น (๑) กระทรวงอุตสาหกรรมควรมีมาตรการในการควบคุม
ตรวจสอบ และกำกับดูแลอย่างเคร่งครัดในการจ่ายเงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิตามโครงการฯ
อย่างรอบคอบ ถูกต้อง และครบถ้วน และ (๒) โครงการฯ อาจมีผลเป็นการอุดหนุนจากรัฐซึ่งกระทบต่อพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลก
(WTO) จึงเห็นควรรับฟังความคิดเห็นของกระทรวงพาณิชย์ด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
490 | ร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมให้ทันสมัย 6 ประเด็น) | นร.09 | 11/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมให้ทันสมัย
๖ ประเด็น) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.
๒๕๓๕
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มช่องทางโฆษณาทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์นอกจากทางหนังสือพิมพ์
การจัดส่งหนังสือหรือเอกสาร การกำหนดให้บริษัทมหาชนจำกัดสามารถใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการประชุมคณะกรรมการและการประชุมผู้ถือหุ้น
การเรียกประชุมกรรมการ
และการมอบฉันทะให้บุคคลอื่นเข้าประชุมผู้ถือหุ้นแทนโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-proxy) เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของบริษัทมหาชนจำกัด
และส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของบริษัทมหาชนจำกัดให้มีประสิทธิภาพ
มีความทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน ของกระทรวงพาณิชย์
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวของกระทรวงพาณิชย์
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
491 | รายงานประจำปี 2562 ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) | พณ. | 05/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี
๒๕๖๒ ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน)
โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑) การจัดฝึกอบรม ประชุม สัมมนา
ให้กับประชาชนและบุคลากรของภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ (๒)
การดำเนินโครงการวิจัยในประเด็นที่เกี่ยวกับการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ (๓)
การเผยแพร่ผลงานวิชาการผ่านช่องทางต่าง ๆ
และการขยายเครือข่ายการสร้างองค์ความรู้และการให้บริการวิชาการเพื่อการค้าและการพัฒนาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
และ (๔) การดำเนินงานของศูนย์ศึกษาวิเคราะห์แนวโน้มด้านการค้าและการพัฒนา
โดยมีการจัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อรับฟังความคิดเห็น
เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
492 | การยื่นขอเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงเพื่อระงับการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping: AD) และการอุดหนุน (Countervailing : CVD) สินค้าน้ำตาลที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศไทย ในรูปแบบการกำหนดราคาขั้นต่ำและ/หรือโควตาภาษี (Undertaking Agreement) | อก. | 05/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการยื่นขอเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงเพื่อระงับการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด
(Anti-Dumping : AD) และการอุดหนุน (Countervailing
: CVD) สินค้าน้ำตาลที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศไทย
ในรูปแบบการกำหนดราคาขั้นต่ำและ/หรือโควตาภาษี (Undertaking Agreement) ตามร่างกรอบเจรจาจัดทำความตกลงเพื่อระงับการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าน้ำตาลที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศไทยกับสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์รับไปดำเนินการประสานผู้ประกอบการน้ำตาลในประเทศไทยที่ส่งออกน้ำตาลทรายไปยังสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
จัดทำข้อมูลสนับสนุนเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหารัฐบาลไทยให้การอุดหนุนสินค้าน้ำตาลที่ส่งออกไปสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ให้กรมคุ้มครองการค้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (TRAV) กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามรับไปพิจารณาโดยด่วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
493 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ 2. นายวิทยากร มณีเนตร) | พณ. | 05/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒.
นายวิทยากร มณีเนตร
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
494 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ [ASEAN Economic Ministers (AEM) Retreat] ครั้งที่ 27 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 27/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ
[ASEAN Economic Ministers (AEM) Retreat] ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒-๓ มีนาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
(VDO Conference) โดยที่ประชุม AEM Retreat ครั้งที่ ๒๗ ได้มีการแลกเปลี่ยนแนวทางการรับมือและฟื้นฟูประเทศจากสถานการณ์โควิด-๑๙
และเร่งรัดการดำเนินงานตามกรอบการฟื้นฟูของอาเซียน
และแผนการดำเนินการในการส่งเสริมความร่วมมือและประสานงานระหว่างองค์กรรายสาขา
รวมทั้งเห็นชอบการขยายรายการสินค้าจำเป็น (Essential Goods) ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการดำเนินมาตรการที่มิใช่ภาษีและสินค้าจำเป็นภายใต้แผนปฏิบัติการฮานอยว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของอาเซียนให้เข้มแข็งในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของโควิด-๑๙
และเห็นชอบประเด็นด้านเศรษฐกิจที่บรูไนดารุสซาลามในฐานะประธานอาเซียนผลักดันให้ร่วมกันดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จในปี
๒๕๖๔ (Priority Economic Deliverables : PEDs) รวมถึงแสดงความกังวลเกี่ยวกับความตกลงด้านเศรษฐกิจที่ตกลงแล้วแต่ยังค้างการมีผลบังคับใช้เป็นเวลายาวนาน
และแนวทางปรับปรุงการบังคับใช้ความตกลงด้านเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้
ที่ประชุมได้รับทราบสถานะล่าสุดของการดำเนินการเพื่อริเริ่มทบทวนความตกลงการค้าสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย
(ASEAN-India Trade in Goods Agreement : AITIGA) และปัญหาจากประกาศศุลกากรของสาธารณรัฐอินเดียด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า
(CAROTAR 2020) ความคืบหน้าการจัดทำร่างกรอบขอบเขตความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สหภาพยุโรป
(Draft Framework Setting Out the Parameters of a Future EU-ASEAN
Agreement on Trade and Investment) และความคืบหน้าในการให้สัตยาบันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
(Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) ของแต่ละประเทศ สำหรับการประชุมที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การหารือระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน
(ASEAN Business Advisory Council : ASEAN-BAC) และการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์
ซึ่งได้มีการหารือเกี่ยวกับการร่วมกันผลักดันและฟื้นฟูเศรษฐกิจและการค้าการลงทุนด้วยมาตรการต่าง
ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
495 | การออกประกาศกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษีและการกำหนดค่าธรรมเนียมพิเศษในการส่งออกข้าวไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร | พณ. | 27/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง การส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร
(ฉบับที่ ๗๖) พ.ศ. ๒๕๓๙
และกำหนดให้ข้าวขาวและข้าวหักที่ส่งออกไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองการส่งออก
(Export Certificate) ที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศไปประกอบการขอใบอนุญาตนำเข้า
(Import License) เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
และกำหนดให้การส่งออกข้าวขาวไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรต้องเสียค่าธรรมเนียมพิเศษ
และร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การกำหนดค่าธรรมเนียมพิเศษในการส่งออกข้าวไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษในการส่งออกสินค้าข้าวไปสหภาพยุโรป (ฉบับที่ ๔)
พ.ศ. ๒๕๔๘ และกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับการส่งออกข้าวไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรขึ้นใหม่
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า
ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การกำหนดค่าธรรมเนียมพิเศษในการส่งออกข้าวไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร
พ.ศ. .... ควรระบุวรรคหนึ่งของมาตรา ๖ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจในการกำหนดค่าธรรมเนียมพิเศษให้ชัดเจน
และหากร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ทั้ง ๒ ฉบับ อ้างถึงเพียงสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามความตกลงระหว่างประเทศไทยกับสหราชอาณาจักร
ก็อาจครอบคลุมปริมาณโควตาสินค้าข้าวที่สหราชอาณาจักรจัดสรรให้ไทยเป็นการเฉพาะเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้น ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ น่าจะอ้างถึงทั้งปริมาณโควตาสินค้าข้าวที่ไทยได้รับจัดสรรตามปริมาณโควตาสินค้าข้าวตามหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักร
เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ ควบคู่ไปกับกฎระเบียบของสหราชอาณาจักรที่ ๒๐๒๐/๑๔๓๒
ด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
496 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายอภิชาติ สุภาแพ่ง และนายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ | พณ. | 27/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ๒. นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
497 | การเข้าร่วมงาน Expo 2025 Osaka Kansai | พณ. | 27/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยเข้าร่วมงาน
EXPO 2025 Osaka Kansai ระหว่างวันที่ ๑๓ เมษายน-๑๓
ตุลาคม ๒๕๖๘ ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น
โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักรับผิดชอบการเข้าร่วมงาน EXPO
2025 Osaka Kansai ในนามประเทศไทย รวมถึงเป็นผู้นำเสนอรายละเอียดแผนงานและแผนเงินให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
การเตรียมการเข้าร่วมงาน Expo 2025 Osaka Kansai กระทรวงสาธารณสุขควรทำงานร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถนำเสนอศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในด้านสาธารณสุข
รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและการแพทย์ได้อย่างครบถ้วนและมีความหลากหลาย
โดยเฉพาะเทคโนโลยีหุ่นยนต์ อุปกรณ์การแพทย์ ยา
และอุตสาหกรรมความงามและการดูแลสุขภาพ รวมทั้งคัดเลือกวิสาหกิจที่มีศักยภาพด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เข้าร่วมกิจกรรมภายในงานดังกล่าว
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า และความครอบคลุมของทุกแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในการเข้าร่วมงานดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
498 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 11/2564 และครั้งที่ 12/2564 | นร.11 | 20/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๔ ซึ่งพิจารณาอนุมัติโครงการสร้างรายได้ด้วยแฟรนไชส์ฝ่าโควิด-๑๙
ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
และอนุมัติการปรับปรุงรายละเอียดโครงการเราชนะ ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
กระทรวงการคลัง รวมทั้งรับทราบแนวทางการพิจารณากลั่นกรองและติดตามประเมินผลโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
และรายงานสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามผลการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และข้อเสนอแนะต่อการพิจารณากลั่นกรองโครงการ
และการกำกับดูแลการดำเนินงานตามแผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
(๑) กรมพัฒนาธุรกิจการค้าควรปรับแนวทาง/กิจกรรมดำเนินโครงการสร้างรายได้ด้วยแฟรนไชส์ฝ่าโควิด-๑๙
ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ในปัจจุบัน และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ และ (๒) ให้กระทรวงมหาดไทยกำชับให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐในส่วนภูมิภาคที่จะจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
ถือปฏิบัติแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
(ภายใต้กลุ่มแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น
: ระดับพื้นที่) โดยเฉพาะการจัดทำข้อเสนอโครงการที่มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ
และมีการกำหนดแผนดำเนินโครงการที่ได้คำนึงถึงการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ในพื้นที่เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
499 | ขอเพิ่มครัวเรือนเป้าหมายเกษตรกรโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563 | กษ. | 20/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบขยายจำนวนครัวเรือนเกษตรกรเป้าหมายโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย
ปี ๒๕๖๓ จาก ๒๐๒,๐๑๓ ครัวเรือน เป็น ๒๐๒,๑๗๓ ครัวเรือน
โดยเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ วงเงินงบประมาณ ๓,๔๔๐,๐๔๙,๗๓๕ บาท
รวมถึงค่าบริหารจัดการโครงการสำหรับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
ครัวเรือนละ ๗ บาท โดยมอบหมายให้ ธ.ก.ส.
ดำเนินการโอนเงินให้เกษตรกรได้ตั้งแต่วันถัดจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
และเห็นชอบขยายระยะเวลาโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี ๒๕๖๓
จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมส่งเสริมการเกษตร) ควรมีการกำกับและตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เพื่อให้สามารถตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการฯ
ได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ
เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับ ติดตามการดำเนินโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี
๒๕๖๓ ที่ขอขยายจำนวนครัวเรือนเกษตรกรเป้าหมายเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ ให้ถูกต้อง
โปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้รายงานผลการดำเนินการไปยังนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
500 | การดำเนินโครงการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรของรัฐบาล | นร. | 20/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรในโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลเป็นไปอย่างเหมาะสม
ถูกต้อง โปร่งใส บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
โดยไม่เกิดปัญหาความล่าช้า ชะงักงัน หรือจำเป็นต้องพิจารณาทบทวนเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของการดำเนินโครงการนั้น
ๆ ในภายหลัง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณและผลสัมฤทธิ์ของโครงการได้ ดังนั้น
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ทุกส่วนราชการที่รับผิดชอบการดำเนินโครงการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกร
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
พิจารณาจัดทำโครงการ กำหนดกลุ่มเป้าหมายและขั้นตอนการดำเนินงานให้ชัดเจน รัดกุม
ปฏิบัติได้จริงภายในระยะเวลาที่กำหนด
และตอบสนองต่อปัญหาและความเดือดร้อนของเกษตรกรอย่างแท้จริงและครบถ้วน โดยแนวทางการดำเนินการจะต้องเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้
ส่วนราชการเจ้าของโครงการจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญของโครงการให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นปัจจุบันก่อนนำเสนอโครงการตามขั้นตอนต่อไปด้วย
|