ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 23 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 441 - 460 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
441 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... | กค. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
๑๐๐ ปี กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๐๐
ปี กระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
442 | ขอความเห็นชอบในหลักการโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ฤดูการผลิต 2562/2563 และรายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการส่งเสริมเกษตรกรให้เพาะปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนการปลูกยาสูบ | กค. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย
ฤดูการผลิต ๒๕๖๒/๒๕๖๓ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบเนื่องจากขาดรายได้เพื่อใช้ในการดำรงชีวิต
และรับทราบรายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการส่งเสริมเกษตรกรให้เพาะปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนการปลูกยาสูบ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง การยาสูบแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรเร่งดำเนินโครงการในส่วนของการเพาะปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนการปลูกยาสูบ
เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่ต่อเนื่องและดำรงชีพได้อย่างยั่งยืนต่อไป
และการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ควรพิจารณาให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
พ.ศ. ๒๕๖๒
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการให้การยาสูบแห่งประเทสไทยจัดทำรายละเอียด
หลักเกณฑ์ และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือ
พร้อมทั้งตรวจสอบสิทธิของเกษตรกรผู้ปลูกต้นยาสูบที่จะได้รับความช่วยเหลือให้เกิดความโปร่งใส
ตรวจสอบได้
โดยปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี
พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
443 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย ครั้งที่ 2 | พณ. | 21/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย
ครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๒๗ กันยายน
๒๕๖๔ โดยเป็นการประชุมในรูปแบบวีดิทัศน์ทางไกล ซึ่งมีสาระสำคัญที่จะหยิบยกในการประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย
ครั้งที่ ๒ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้จัดการประชุมเตรียมการฝ่ายไทยกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่
๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ เพื่อพิจารณาประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ (๑) สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (๒) การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านนโยบาย
กฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุนที่เกี่ยวข้อง และการหารือความเป็นไปได้ในการสร้างความร่วมมือระหว่างกัน
และ (๓) การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการจัดทำความตกลงการค้าเสรี ทั้งนี้
หากในการประชุมคณะทำงานร่วมฯ ดังกล่าว มีผลให้มีการตกลงในประเด็นอื่น ๆ
ด้านเศรษฐกิจการค้า ที่นอกเหนือจากท่าทีฯ ดังกล่าว อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าสองฝ่าย
โดยไม่มีการจัดทำเป็นความตกลงหรือหนังสือสัญญาขึ้นมา
ขอให้กระทรวงพาณิชย์และผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวสามารถดำเนินการได้
และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบในภายหลัง รวมทั้ง รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย ครั้งที่ ๒
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบความร่วมมือที่จะเกิดขึ้น
เพื่อใช้โอกาสดังกล่าวในการขยายตลาดไปยังประเทศสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียได้เพิ่มขึ้นในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
444 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ และนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์) | พณ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. นายณรงค์ พูลพิพัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ๒. นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
445 | ขอความเห็นชอบปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนาคตระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (สหราชอาณาจักร) | พณ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนาคตระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(อาเซียน) และสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (สหราชอาณาจักร)
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมดังกล่าว
โดยร่างปฏิญญาร่วมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดทิศทางการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
การค้า และการลงทุนร่วมกัน ที่จะนำไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่น
และครอบคลุม สามารถฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-๑๙ ได้อย่างรวดเร็ว และยั่งยืน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงคมนาคม โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนาคตระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(อาเซียน) และสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (สหราชอาณาจักร)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
446 | ให้ตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ในระบบดาวเทียม | นร.04 | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ปัจจุบันรายการโทรทัศน์ในระบบดาวเทียมมีการโฆษณาขายสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่าง
ๆ อย่างหลากหลายและต่อเนื่อง เพื่อจูงใจให้ประชาชนซื้อสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าว
อย่างไรก็ตามสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ดังกล่าวส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการรับรองคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย
ซึ่งอาจส่งผลกระทบเสียหายและเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ ดังนั้น
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการตรวจสอบการนำเสนอข้อมูลสินค้าและผลิตภัณฑ์ในสื่อดังกล่าว
การกำหนดราคา รวมทั้งคุณภาพมาตรฐานของสินค้าและผลิตภัณฑ์ดังกล่าวข้างต้นให้ถูกต้อง
เหมาะสม เป็นธรรม และให้ดำเนินการทางกฎหมายแก่ผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
447 | การร่วมรับรองและให้ความเห็นชอบเอกสารและท่าทีไทยในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 53 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสาร จำนวน ๑๔ ฉบับ ที่จะมีการรับรอง
จำนวน ๓ ฉบับ เช่น ร่างกรอบเศรษฐกิจหมุนเวียน สำหรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ร่างแผนงานบันดาร์เสรีเบกาวัน เป็นต้น และให้ความเห็นชอบ จำนวน ๑๑ ฉบับ เช่น
ร่างการพัฒนาแผนการดำเนินการในการปฏิบัติตามความตกลงว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน
ร่างบัญชีรายการสินค้าจำเป็นในกลุ่มสินค้าอาหารและสินค้าเกษตร
ร่างแผนงานด้านการค้าและการลงทุนอาเซียน-สหภาพยุโรป (ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔) เป็นต้น
ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่
๕๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าว
ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ขอให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีก
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารและให้ความเห็นชอบร่างเอกสารในฐานะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(AEM)
ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
(AEC Council) หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างกรอบเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมแสดงความยินดีต่อเจตจำนงการขอเข้าร่วมสมาชิกความตกลง
AANZFTA ของชิลี และไม่ขัดข้องหากภาคีสมาชิกเห็นชอบให้เพิ่มข้อบทในการเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่เป็นการทั่วไป
(open accession clause) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ ๕๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
448 | ผลการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้าและกลไกสนับสนุนอื่น ๆ เพื่ออำนวยความร่วมมือหลังจากเสร็จสิ้นการทบทวนนโยบายการค้าระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการค้าระหว่างประเทศแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ | พณ. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้าและกลไกสนับสนุนอื่น
ๆ
เพื่ออำนวยความร่วมมือหลังจากเสร็จสิ้นการทบทวนนโยบายการค้าระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการค้าระหว่างประเทศแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๔ และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการปรับแก้ไขถ้อยคำในร่างความตกลงฯ
นั้น กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการปรับแก้ไขถ้อยคำแล้วและทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในหลักการของร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้
โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
ในรูปแบบออนไลน์และส่งเอกสารให้อีกฝ่ายลงนาม ผ่านช่องทางการทูตแล้ว เมื่อวันที่ ๑๙
กรกฎาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
449 | ผลการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก เรื่องการเจรจาจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง | พณ. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก
เรื่องการเจรจาจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔
โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ (นายสรรเสริญ สมะลาภา)
เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ที่ประชุมได้เห็นพ้องให้เร่งสรุปผลการเจรจาความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง ก่อนการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก
ครั้งที่ ๑๒ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน-๓ ธันวาคม ๒๕๖๔
โดยใช้ร่างความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง
ฉบับล่าสุด เป็นพื้นฐานในการหารือในประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อยุติต่อไป
และต้องมีการปฏิบัติที่เป็นพิเศษแก่ประมงพื้นบ้านของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุด
(๒)
ไทยได้กล่าวถ้อยแถลงเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของไทยที่จะผลักดันให้การเจรจาจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง สามารถสรุปผลได้โดยเร็ว เช่น
ห้ามการอุดหนุนแก่การทำประมงผิดกฎหมาย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
450 | ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2564 - 2565) | พณ. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการค้าของประเทศไทย ภายใต้เศรษฐกิจดิจิทัล ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการค้าภายในประเทศและการค้าข้ามพรมแดน (๒) การพัฒนาสภาพแวดล้อมและปัจจัยการสนับสนุนการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (๓) การสร้างความเชื่อมั่นในธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และ (๔) การพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถใช้ประโยชน์จากธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่ายงานหลักในการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคนนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมข้อสังเกตของกระทรวงอุตสาหกรรมและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น ควรมีการยืนยันตัวตนลูกค้าในการเข้าใช้งานที่มีความน่าเชื่อถือและสะดวก ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลและการอนุมัติ อนุญาตต่าง ๆ ทั้งในส่วนของการอนุญาตให้ประกอบกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษี การเชื่อมโยงบริการของรัฐแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ และกำกับดูแลมาตรฐานสินค้าให้ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติตามได้โดยสะดวก ไม่ซ้ำซ้อน มีภาระการดำเนินการน้อย รวมทั้งพัฒนากลไกการคุ้มครองผู้บริโภคที่สามารถยุติข้อร้องเรียนและเยียวยาผู้บริโภคได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑ เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นข้อจำกัดและเป็นอุปสรรคในการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๓ [เรื่อง การแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service)] ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะในส่วนของการอนุญาตให้ประกอบกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับจัดเก็บภาษี การเชื่อมโยงบริการของรัฐแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) และการกำกับดูแลมาตรฐานสินค้า เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติตามได้โดยสะดวก ไม่ซ้ำซ้อน มีภาระการดำเนินการน้อย ๒.๒ พัฒนากลไกการคุ้มครองผู้บริโภคในด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน สามารถยุติข้อร้องเรียนและเยียวยาผู้บริโภคได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
451 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์) | พณ. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
452 | ร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 32) พ.ศ. 2516 พ.ศ. .... (สินค้ากากถั่ว) | พณ. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง
(ฉบับที่ ๓๒) พ.ศ. ๒๕๑๖ พ.ศ. .... (สินค้ากากถั่ว) มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง
(ฉบับที่ ๓๒) พ.ศ. ๒๕๑๖ ซึ่งกำหนดห้ามมิให้ส่งออกสินค้า ๓ รายการ ได้แก่ กากถั่ว
ปลาป่น และอาหารสัตว์ที่ผสมสำเร็จรูปเนื่องจากได้มีประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
การส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒๙) พ.ศ. ๒๕๑๗ ประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง การส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๖๑) พ.ศ. ๒๕๒๒ และประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วย
การส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ ๒๕๒๖ กำหนดให้สินค้าปลาป่นและอาหารสัตว์ที่ผสมสำเร็จรูป
ไม่เป็นสินค้าควบคุมที่ต้องมีหนังสืออนุญาตให้ส่งออกอีกต่อไป
และปัจจุบันมีการนำกากถั่วชนิดอื่นนอกจากกากถั่วเหลืองมาใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ในประมาณเล็กน้อย
จึงไม่มีความจำเป็นต้องควบคุมการส่งออกอีกต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
453 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีศึกษา โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร ถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ | ปช. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต
กรณีศึกษา โครงการ ๑ หมู่บ้าน ๑ กิโลเมตร ถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ ให้รัฐบาลควรทบทวนนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง
โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดสร้างถนนพาราซอยล์ซีเมนต์
เพื่อทำการศึกษาในด้านต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
454 | ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจของเอเปค (APEC Business Advisory Council: ABAC) และการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ประจำปี 2021 (Ministers Responsible for Trade Meeting 2021) | พณ. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจของเอเปค
และการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ประจำปี ๒๐๒๑ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการกระชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยนิวซีแลนด์ได้จัดการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจของเอเปค
เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ และการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ประจำปี ๒๐๒๑ เมื่อวันที่
๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว สรุปได้ ดังนี้ (๑) การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจของเอเปค
ได้เน้นย้ำเรื่องการกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-๑๙
ที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนในเอเปคอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม (๒) การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค
ประจำปี ๒๐๒๑ มีการแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นการสนับสนุนความร่วมมือในการรับมือโควิด-๑๙
ในระดับภูมิภาคและระบบการค้าพหุภาคี และ (๓) รัฐมนตรีการค้าเอเปคได้ร่วมรับรองแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีการค้าเอเปค
ประจำปี ๒๕๖๔ แถลงการณ์เอเปคเรื่องห่วงโซ่อุปทานวัคซีนโควิด-๑๙ และแถลงการณ์เอเปคเรื่องการบริการเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีความจำเป็น
โดยมีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำแต่ไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ มิถุนายน
๒๕๖๔) เห็นชอบ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพลังงาน ที่เห็นควรมีการติดตามอย่างใกล้ชิดถึงแนวทางการปรับปรุงรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมตามพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์
ติดตามประเด็นที่เกี่ยวข้องจากการประชุมอย่างใกล้ชิด
และหารือถึงการบูรณาการกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อนดำเนินการในระยะต่อไป
และควรพิจารณาถึงความจำเป็นของประเทศไทยที่ยังต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
และยังคงมีการดำเนินนโยบายการอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลในบางกรณีเป็นการเฉพาะเจาะจง
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนเฉพาะกลุ่ม
ในช่วงที่เกิดสถานการณ์วิกฤติที่จำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน
โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
455 | ร่างกฎกระทรวงข้อมูลการอุดมศึกษา พ.ศ. .... | อว. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงข้อมูลการอุดมศึกษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และระยะเวลาเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานของสถาบันอุดมศึกษาแก่สาธารณชน
และการจัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษาและมาตรฐานการอุดมศึกษา
การวิจัยและนวัตกรรม การให้บริการทางวิชาการ
และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องของสถาบันอุดมศึกษาให้แก่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
รวมทั้งกำหนดให้หน่วยงานของรัฐและหน่วยงานภาคเอกชนตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติกำหนด
ต้องส่งข้อมูลเกี่ยวกับการอุดมศึกษาให้แก่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ตามที่ได้รับการร้องขอด้วย ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่เห็นควรปรับแก้ถ้อยคำในร่างข้อ ๒ วรรคสอง จาก “การดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลที่ไม่ต้องเปิดเผยให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของทางราชการ”
เป็น
“การดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของทางราชการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ต้องเปิดเผยด้วย”
และปรับแก้ถ้อยคำในร่างข้อ ๔ วรรคสอง จาก “การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดส่งข้อมูลที่ไม่ต้องเปิดเผยให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของทางราชการ”
เป็น
“การดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของทางราชการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ต้องเปิดเผยด้วย”
รวมทั้งข้อมูลเพิ่มเติมของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรกำหนดกลไกและมาตรการในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบฐานข้อมูลการอุดมศึกษาให้มีความทันสมัย
รวมทั้งควรเชื่อมโยงฐานข้อมูลด้านการอุดมศึกษาและฐานข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมไว้ด้วยกัน
และควรเร่งสร้างแนวปฏิบัติไปดำเนินการตามร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้
และให้ความสำคัญกับการรักษาและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
456 | ข้อตกลงยอมรับร่วมรายสาขาสำหรับวัสดุอาคารและสิ่งก่อสร้างของอาเซียน (ASEAN Sectoral Mutual Recognition Arrangement for Building and Construction Materials) | อก. | 10/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างข้อตกลงยอมรับร่วมรายสาขาสำหรับวัสดุอาคารและสิ่งก่อสร้างของอาเซียน (ASEAN Sectoral Mutual Recognition Arrangement for
Building and Construction Materials) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการยอมรับผลการทดสอบหรือการรับรองผลิตภัณฑ์วัสดุอาคารและสิ่งก่อสร้างที่ออกโดยหน่วยตรวจสอบรับรองที่ได้รับการขึ้นบัญชีในประเทศสมาชิกอาเซียน
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นลงนามในร่างข้อตกลงฯ
ดังกล่าว และเมื่อลงนามแล้วให้กระทรวงอุตสาหกรรมส่งข้อตกลงฯ ดังกล่าว ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๓.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างข้อตกลงฯ
ดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่า
ประเทศไทยพร้อมที่จะให้ข้อตกลงดังกล่าวมีผลผูกพัน
เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบข้อตกลงดังกล่าวแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
457 | การประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นสอย่างไม่เป็นทางการ (Informal Gathering of Cairns Group Ministers) | พณ. | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ (๑)
การเปลี่ยนแปลงชื่อการประชุมจากการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์ ครั้งที่ ๔๒ เป็นการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์อย่างไม่เป็นทางการ
(๒) ผลการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์อย่างไม่เป็นทางการ และ (๓) แถลงการณ์ของรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์
วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ (นายสรรเสริญ สมะลาภา)
เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑. ที่ประชุมเห็นพ้องว่าการลดการอุดหนุนสินค้าเกษตรที่บิดเบือนการค้า
ควรเป็นผลลัพธ์ด้านการเจรจาสินค้าเกษตรที่ยอมรับได้ในการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก
ครั้งที่ ๑๒
โดยกรอบการเจรจาเรื่องการอุดหนุนภายในสินค้าเกษตรที่จัดทำโดยกลุ่มเคร์นส์สามารถนำไปเป็นพื้นฐานสำหรับการเจรจาเพื่อลดการอุดหนุนที่บิดเบือนการค้าสำหรับประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลกได้
รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการปฏิรูปทุกสาขาของการเจรจาสินค้าเกษตรอย่างเท่าเทียม ๒. ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์
(นายสรรเสริญ สมะลาภา) ได้กล่าวถ้อยแถลงเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของไทยในการผลักดันให้เกิดการปฏิรูปสินค้าเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก
เช่น การสนับสนุนให้การค้าสินค้าเกษตรเป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรรม
ลดการบิดเบือนทางการค้า และการลดอุปสรรคทางการค้า
โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เป็นต้น และได้เสนอให้สร้างพันธมิตร
“เพื่อนกลุ่มเคร์นส์” เพื่อผลักดันข้อเสนอของกลุ่มให้ได้รับการสนับสนุนมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
458 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวเก็จพิรุณ เกาะสุวรรณ์) | พณ. | 27/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวเก็จพิรุณ เกาะสุวรรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์ (นักวิชาการพาณิชย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์
๒๕๖๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
459 | การส่งเสริมการใช้ยาฟ้าทะลายโจรเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) | ยธ. | 27/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบการปลูกและการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรและพืชสมุนไพรอื่น ๆ ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ
และปลูกสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและพืชสมุนไพรอื่น ๆ ในพื้นที่ ๑๔๑ ไร่ เป็นการเริ่มต้น
เพื่อช่วยผู้ต้องขังในเรือนจำกรณีเจ็บป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และโรคอื่น
ๆ รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับประชาชนทั่วไป และเห็นชอบในหลักการที่จะส่งเสริมให้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อและยังไม่มีอาการ
เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาและลดภาระระบบสาธารณสุข ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าหากมีการปลูกสมุนไพรฟ้าทะลายโจรในปริมาณมากและเกินความต้องการ
ควรสนับสนุนให้มีการออกจำหน่ายภายนอกเรือนจำ
เพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้ต้องขังอีกทางหนึ่ง
และควรปฏิบัติตามแนวทางการใช้สารแอนโดรกราโฟไลด์ ในผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรเพื่อรักษาโรคโควิด 19 ตามหลักการของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
และเงื่อนไขการใช้ยาตามแนบท้ายประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง
บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ อย่างเร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสรรพคุณของพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและพืชสมุนไพรอื่น
ๆ เพื่อนำมาใช้เป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)
ให้มีความชัดเจนในทุกมิติ เช่น อาการป่วยและปริมาณยาที่เหมาะสมในการใช้พืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและพืชสมุนไพรอื่น
ๆ แต่ละชนิดในการรักษา ข้อควรระวัง อาการข้างเคียง แนวทางการผลิต/จำหน่าย/แจกจ่าย
เป็นต้น เพื่อให้มีแนวทางในการดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้อง
ชัดเจน มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป ทั้งนี้
ให้นำความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้
เพื่อกำกับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการและขับเคลื่อนการดำเนินการเกี่ยวกับพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร
รวมทั้งพืชสมุนไพรอื่น ๆ (เช่น กระชายขาว) ในภาพรวมทั้งระบบและครบวงจร
ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เช่น การเพาะปลูก การวิจัยและการพัฒนา การผลิต
การนำไปใช้ประโยชน์ เป็นต้น รวมทั้งให้พิจารณาแนวทางการพัฒนาคุณภาพสมุนไพรไทยให้เป็นที่ยอมรับและสร้างความมั่นใจในระดับสากล
เพื่อให้มีการนำพืชสมุนไพรไปใช้ในการรักษาโรคให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สมุนไพรและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรต่อไป ๔.
ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณากำหนดแนวทางหรือมาตรการในการป้องกันเพื่อมิให้เกิดการกักตุนยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและพืชสมุนไพรอื่น
ๆ ตลอดจนควบคุมราคาสินค้าดังกล่าวให้มีความเหมาะสม
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเกี่ยวกับการจดลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรเกี่ยวกับพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเพื่อดำเนินการให้ถูกต้อง
เหมาะสม เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
460 | กรอบความตกลงว่าด้วยข้อตกลงยอมรับร่วมของอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Mutual Recognition Arrangements: AFA on MRA) ฉบับปรับปรุงแก้ไข | อก. | 27/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกรอบความตกลงว่าด้วยข้อตกลงยอมรับร่วมของอาเซียน
(ASEAN Framework Agreement on Mutual Recognition
Arrangements : AFA on MRA) ฉบับปรับปรุงแก้ไข มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงว่าด้วยข้อตกลงยอมรับร่วมของอาเซียน ฉบับปี ๒๕๔๑ ให้ทันสมัยมากขึ้น
โดยกำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องรับรอง
หรือยอมรับผลของกระบวนการตรวจสอบและรับรองที่ได้ดำเนินการตามบทบัญญัติภายใต้ข้อตกลงยอมรับร่วมรายสาขา
และจะนำไปใช้กับข้อตกลงยอมรับร่วมรายสาขาสำหรับทุกผลิตภัณฑ์
ทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยครอบคลุม ๕ สาขา ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
รวมถึงสาขาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นลงนามในร่างกรอบความตกลงฯ
ฉบับปรับปรุงแก้ไขดังกล่าว และเมื่อลงนามแล้ว
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมส่งกรอบความตกลงฯ ดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง
แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powres) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างกรอบความตกลงฯ
ฉบับปรับปรุงแก้ไขดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘
(เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรเร่งดำเนินการสร้างความรับรู้ให้ผู้มีส่วนได้เสียรับทราบกรอบความตกลงฯ
ที่จะมีการบังคับใช้ในอนาคต
ควบคู่ไปกับการเร่งส่งเสริมการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและเร่งพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการในส่วนของการทดสอบมาตรฐานและพัฒนาบุคลากรสำหรับการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานให้เพียงพอ
เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความเชื่อมั่นของสินค้าไทยกับผู้บริโภคในภูมิภาคอาเซียน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |