ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | หลักการแนวทางการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้านำเข้าราคาไม่เกิน 1,500 บาท (De minimis threshold) เป็นการชั่วคราว | กค. | 04/06/2567 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักการแนวทางการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้านำเข้าราคาไม่เกิน
๑,๕๐๐ บาท (De minimis
threshold) เป็นการชั่วคราว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีมูลค่าไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นอากรสำหรับของที่นำเข้าซึ่งแต่ละรายผู้รับในประเทศมีราคารวมค่าขนส่งและค่าประกันภัย
(Cost Insurance and Freight : CIF) ที่มีมูลค่ามากกว่า ๑
บาทแต่ไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาท โดยให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด
๑๕ วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. รับทราบร่างประกาศกรมศุลกากร ที่ ../๒๕๖๗ เรื่อง
กำหนดราคาของที่นำเข้า ซึ่งได้รับยกเว้นอากรตามประเภท ๑๒ ภาค ๔
แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นอากรศุลกากรให้ของที่นำเข้าซึ่งมีราคาไม่เกิน
๑ บาท โดยให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด ๑๕ วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๔.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าในการยกร่างกฎหมายแก้ไขประมวลรัษฎากรจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคำนึงถึงพันธกรณีตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ
ตามแนวปฏิบัติสากล (International Practices) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการนำเข้า
ส่งออก และการค้าระหว่างประเทศ สำนักงบประมาณ เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม
(สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม : สมอ.) กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา :
อย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมและพิจารณาความเป็นไปได้ในการกำหนดให้สินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่สั่งซื้อผ่าน
e-Commerce Platform ต่าง ๆ ต้องมีมาตรฐานตามที่
สมอ. หรือ อย. กำหนด ตามแต่กรณี ทั้งนี้
เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) ในประเทศให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสินค้าประเภทเดียวกัน |