ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 55 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 1081 - 1100 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1081 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ จุดตัดทางรถไฟกับถนนสาย พบ.1010 แยก ทล.4-บ้านหนองโรง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 1 แห่ง ของกรมทางหลวงชนบท | คค. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ
จุดตัดทางรถไฟกับถนนสาย พบ.๑๐๑๐ แยก ทล.๔ - บ้านหนองโรง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
๑ แห่ง ของกรมทางหลวงชนบท จากเดิมจำนวน ๑๓๘,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็น จำนวน ๑๕๒,๖๗๔,๖๕๒.๘๓ บาท (เพิ่มขึ้น ๑๔,๐๗๔,๖๕๒.๘๓
บาท) และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ - พ.ศ. ๒๕๖๙
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงชนบทและการรถไฟแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1082 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เกี่ยวกับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ EEC Visa แนวทางการให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ และการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) | สกพอ. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(กพอ.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เกี่ยวกับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ
EEC Visa และแนวทางการให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
(EEC) และการปรับแนวทางดำเนินการโครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล
(โครงการ EECd) โดยนำออกจากการดำเนินการภายใต้ประกาศ กพอ. เรื่อง
หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน
พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามมติ กพอ. ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น
ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรบูรณาการการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ให้แล้วเสร็จ อันจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาตรวจลงตราแก่ชาวต่างชาติได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นตามนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกของรัฐบาล กระทรวงพลังงาน เห็นว่าในประเด็นการจัดหาพลังงานให้เพียงพอและตรงตามความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่
กระทรวงพลังงานซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานจัดหาพลังงาน
ขอให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกคำนึงถึงเรื่องการจัดหาพลังงานให้มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ
เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานในการส่งเสริมการพัฒนาพิเศษของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กระทรวงแรงงาน เห็นควรกำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
มีอำนาจเพิกถอนหนังสืออนุญาตทำงานที่กำหนดตามร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ในกรณีที่คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ตามร่างประกาศคณะกรรมการฯ ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเกี่ยวกับสิทธิทำงานตำแหน่งหน้าที่การทำงานที่เลขาธิการฯ
ได้ออกหนังสืออนุญาตทำงานให้เช่นเดียวกับการเพิกถอนการอนุญาตให้เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรที่กำหนดตามร่างประกาศคณะกรรมการฯ
เพื่อให้การบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ในด้านการอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1083 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวจันทร์เพ็ญ เมฆาอภิรักษ์) | อว. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวจันทร์เพ็ญ
เมฆาอภิรักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1084 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติให้ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสิ่งแวดล้อม น้ำ และการเกษตรแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร | กษ. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสิ่งแวดล้อม
น้ำ และการเกษตรแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความร่วมมือระหว่างกันในสาขาเกษตร
และพัฒนาศักยภาพการผลิตในภาคการเกษตรบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันตามกฎหมายและกฎระเบียบข้อบังคับของทั้งสองฝ่าย
โดยมีสาขาความร่วมมือ ได้แก่ การผลิตพืชผล ปศุสัตว์ ประมง มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช
ความปลอดภัยอาหาร การแปรรูปอาหาร การจัดการน้ำและที่ดิน เครื่องจักรกลการเกษตร
การใช้เทคโนโลยีทันสมัยในสาขาการเกษตร การแลกเปลี่ยนการค้าสินค้าการเกษตร
ระบบกฎระเบียบด้านการเกษตร การประกันภัยการเกษตร และสาขาอื่น ๆ
ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน โดยดำเนินการผ่านรูปแบบต่าง ๆ เช่น
การแลกเปลี่ยนข้อมูลสถิติ เทคนิคและวิทยาศาสตร์
การแลกเปลี่ยนการเยือนของข้าราชการและผู้เชี่ยวชาญในสาขาเกษตร
การจัดประชุมระหว่างข้าราชการ และระหว่างผู้เชี่ยวชาญในสาขาเกษตรและการค้า
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและข้อสังเกตของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นควรปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอาหาร
พ.ศ. ๒๕๒๒ อย่างเคร่งครัด
เพื่อควบคุมการนำเข้าอาหารให้ถูกสุขลักษณะและปราศจากอันตรายแก่ผู้บริโภค
ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคในด้านความปลอดภัยของอาหาร
และในการแลกเปลี่ยนข้อมูลสถิติ เทคนิค และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับน้ำบาดาล
ควรหารือกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล รวมทั้งควรพิจารณาประเด็นด้านความมั่นคง
และต้องมีการจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลก่อนมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1085 | แนวทางการสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชน | สคทช | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชนของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียดและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เห็นว่าควรมีแนวทางบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานด้านระบบฐานมูลที่ดินหนึ่งเดียวที่มีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
เพื่อประโยชน์ในการวางแผนพัฒนาและสร้างมูลค่าที่ดิน และพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เห็นว่าการดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่ป่าไม้ ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1086 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี 2567 [2024 APEC Women and the Economy Forum (WEF) Statement] | พม. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจประจำปี
๒๕๖๗ [2024 APEC Women and the Economy Forum (WEF) Statement]
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างแถลงการณ์ฯ
ในการประชุมระดับสูงสำหรับผู้กำหนดนโยบายด้านสตรีและเศรษฐกิจ (High - Level Policy Dialogue on Women and the
Economy : HLPDWE) ในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ
เมืองอาเรกิปา สาธารณรัฐเปรู โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างพลังสตรีในทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
โดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังแก่สตรีและเด็กหญิง เช่น ด้านการศึกษา
อาชีพที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (Science,
Technology, Engineering and Mathematics : STEM) รวมถึงการสร้างโอกาสด้วยการเข้าถึงบริการทางการเงิน
การส่งเสริมความเสมอภาคเท่าเทียมด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อป้องกันความรุนแรงต่อสตรี
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าร่างแถลงการณ์ฯ
ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
ประกอบกับไม่มีการลงนามในร่างถ้อยแถลงการณ์ฯ ดังนั้น ร่างถ้อยแถลงการณ์ฯ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตาม
มาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาให้ความสำคัญในเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้หญิง
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการตีตราในสังคมตามมา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1087 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ (ASEAN Recommendations on Quality Health Care) | สธ. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
(ASEAN Recommendations on
Quality Health Care) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขร่วมรับรองร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
โดยร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนฯ มีสาระสำคัญเป็นการเสนอแนวทางที่สำคัญในการยกระดับและส่งเสริมการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนและในภูมิภาค
เพื่อมุ่งให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพัฒนาการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิและการแพทย์ดั้งเดิมและการแพทย์เสริมในประเทศสมาชิกอาเซียน
รวมถึงการเข้าถึงระบบการให้บริการสุขภาพถ้วนหน้าและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่าร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนฯ
มิได้มีการใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ดังนั้น จึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตาม ม. ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1088 | มาตรการชะลอการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง ปี 2566/67 | พณ. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์การผลิตและการตลาดมันสำปะหลัง
ปี ๒๕๖๖/๖๗ และแนวทางการรักษาเสถียรภาพราคาหัวมันสด ปี ๒๕๖๖/๖๗ และเห็นชอบมาตรการชะลอการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง
ปี ๒๕๖๖/๖๗ วงเงินงบประมาณ ๕๖.๙๖๓ ล้านบาท เพื่อให้การกำกับดูแลมันสำปะหลังเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ดูแลเกษตรกรให้ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อการเพาะปลูกและช่วยเหลือให้เกษตรกรมีเงินหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและจะเบิกจ่ายจากงบประมาณ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน
เพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ซ้ำซ้อน และทันต่อสถานการณ์
โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ทั้งในส่วนของข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร
จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรติดตามกำกับการดำเนินการให้ถูกต้องตามเงื่อนไขของมาตรการฯ
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1089 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ (1. ศาสตราจารย์ดุสิต เวชกิจ ฯลฯ จำนวน 12 คน) | ทส. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ
จำนวน ๑๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.
ศาสตราจารย์ดุสิต เวชกิจ ผู้แทนด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๒.
นายวิจารย์ สิมาฉายา ผู้แทนด้านสิ่งแวดล้อม ๓. นายศศิน
เฉลิมลาภ ผู้แทนด้านทรัพยากรธรณี ๔.
รองศาสตราจารย์ธรรมศักดิ์ ยีมิน ผู้แทนด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ๕.
รองศาสตราจารย์อรพรรณ ศรีเสาวลักษณ์ ผู้แทนด้านเศรษฐศาสตร์ ๖.
นางพวงทอง อ่อนอุระ ผู้แทนด้านนิติศาสตร์ ๗.
นายนิวัติ ธัญญะชาติ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๘.
นายไมตรี จงไกรจักร์ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๙. นายมนูญ
คุ้มรักษ์ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๑๐.
นายพิษณุพงษ์ เหล่าลาภผล ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและขายฝั่ง ๑๑. นายเหลด
เมงไซ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งด้านการประมง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1090 | ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ระหว่างศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหารกับ Direction Générale de l'Armement สาธารณรัฐฝรั่งเศส | กห. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1091 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ตำบลธงชัย และตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ตำบลธงชัย
และตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่ตั้งแต่แนวชายฝั่งทะเลออกไปในทะเลเป็นระยะ
๑,๐๐๐ เมตร ของตำบลธงชัย
และตำบลแม่รำาพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเขตพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรยกเว้นให้กับส่วนราชการในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะและประชาชน
เช่น การขุดลอก การถม เท เติม หรือเสริมทรายชายหาด การปลูกสร้างท่าเทียบเรือ
เขื่อนป้องกันตลิ่ง เขื่อนป้องกันคลื่น และรอดักทราย
โดยไม่ควรกำหนดให้ต้องขอความเห็นชอบหรือขออนุญาตจากอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตามข้อ
๔ ข้อ ๕ ข้อ ๘ และข้อ ๙ ของร่างกฎกระทรวง
ซึ่งอาจเกินจากขอบอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มิได้บัญญัติไว้ให้เป็นอำนาจของอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เห็นว่าการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาวนั้น
จะต้องมีการพัฒนาบนพื้นฐานความยั่งยืนของเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ภาคการผลิต
และธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน มีการจัดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและชุมชนท่องเที่ยว
โดยคำนึงถึงความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว
พร้อมการบริหารจัดการจำนวนนักท่องเที่ยว
รวมทั้งการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยว เช่น การปล่อยมลพิษ
การจัดการขยะและของเสีย การทำลายสิ่งแวดล้อมทางทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ให้ทราบถึงความสำคัญและความจำเป็นในการออกกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งนี้อย่างต่อเนื่องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1092 | ผลการสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 | สกพอ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้ว โดยเห็นว่า
งบการเงินดังกล่าวเป็นการแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1093 | ร่างแถลงการณ์ร่วมในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 13 | มท. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน
ครั้งที่ ๑๓ (Joint Statement of The Thirteenth ASEAN
Ministers Meeting on Rural Development and
Poverty Eradication) ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ณ
สาธารณรัฐสิงคโปร์ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน
มีหนังสือแจ้งผลการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและรับรองแล้ว
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมการดำเนินงานและเสริมสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนของอาเซียน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1094 | ร่างปฏิญญาสำหรับการประชุมรัฐภาคีสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์ (Treaty on the Prohibition of Nuclear Weapons-TPNW) ครั้งที่ 2 (Second Meeting of States Parties-2MSP) | นร.08 | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาสำหรับการประชุมรัฐภาคีสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์
(Treaty on the
Prohibition of Nuclear Weapon : TPNW) ครั้งที่
๒ (Second Meeting of States Parties :
2MSP) และให้เอกอัครราชทูต
ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์
ครั้งที่ ๒ หรือผู้แทน ร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐภาคีสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์
อาทิ ๑) แสดงความกังวลต่อผลกระทบด้านมนุษยธรรมอันเกิดจากอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการอยู่รอดของมนุษย์
และ ๒)
การขู่หรือการใช้อาวุธนิวเคลียร์ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรของสหประชาชาติ
โดยรัฐภาคีประณามการกระทำดังกล่าว ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้ประสานงาน
เสนอมาตรการปฏิบัติของไทยเพื่อให้เป็นไปตามเนื้อหาร่างปฏิญญาฯ รวมทั้งการปฏิบัติตามสนธิสัญญาต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น
สนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast
Asia Nuclear Weapon-Free Zone : SEANWFZ) ด้วย และจำเป็นต้องวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานภายใต้ร่างปฏิญญาฯ
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1095 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี รวม 4 ฉบับ (คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 166/2567-169/2567) | นร.04 | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
รวม ๔ ฉบับ ดังนี้ ๑. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๖๖/๒๕๖๗ เรื่อง
มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง
ลงวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ๒. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๖๗/๒๕๖๗ เรื่อง
มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ๓. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๖๘/๒๕๖๗ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1096 | ร่างกฎกระทรวงการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในการประกอบกิจการปิโตรเลียมในทะเลในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย พ.ศ. .... | พน. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในการประกอบกิจการปิโตรเลียมในทะเลในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดภาระหน้าที่ของผู้ได้รับสัญญาซึ่งทำสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
ในการดำเนินงานที่จำเป็นทั้งปวงที่เกี่ยวกับการเคลื่อนย้าย การกำจัดที่สมควร
การรื้อถอน หรือการกอบกู้แท่นผลิตหรือสิ่งติดตั้งใดในทะเล
รวมทั้งโครงก่อสร้างเทียมและอุปกรณ์ปากหลุมที่องค์กรร่วมฯ
เห็นว่าใช้ประโยชน์มิได้หรือไม่จำเป็นสำหรับการดำเนินงานอีกต่อไป
การจ่ายเงินและการใช้เงินจากกองทุนรื้อถอน
การเสนอแผนงานและขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติอนุญาต
ตลอดจนความรับผิดชอบของผู้ได้รับสัญญา ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้ร่างกฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามหลักปกติที่กำหนดไว้ในมาตรา
๕ แห่งพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๓๓ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1097 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายวิชัย ไชยมงคล ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | สธ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๔ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายวิชัย ไชยมงคล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ๒. พลเรือโท นิกร เพชรวีระกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(นายสันติ พร้อมพัฒน์) ๓. นายกิตติกร โล่ห์สุนทร ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1098 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... | มท. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านไร่
จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
ในท้องที่ตำบลทัพหลวง ตำบลห้วยแห้ง ตำบลบ้านไร่ และตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านไร่
จังหวัดอุทัยธานี โดยได้มีการกำหนดแผนผัง และการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองรวมจำแนกออกเป็น
๑๐ ประเภท
ซึ่งแต่ละประเภทจะกำหนดลักษณะกิจการที่ให้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์การใช้ที่ดินแต่ละประเภทนั้น
ๆ ตลอดจนกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามแผนผังโครงการคมนาคมและขนส่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1099 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติให้ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานการค้าต่างประเทศแห่่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน | พณ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานการค้าต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานการค้าต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
อันจะนำไปสู่การเพิ่มโอกาสทางการค้าระหว่างกัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรผลักดันให้มีความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้
โดยเฉพาะค่านิยม ธรรมเนียมประเพณี ข้อปฏิบัติทางศาสนา มาตรฐานที่จำเป็น
และพฤติกรรมผู้บริโภค รวมทั้งการพัฒนาสินค้าเพื่อการส่งออก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ฮาลาล
เครื่องสำอาง เกษตรและอาหาร ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย
พร้อมทั้งควรมีการประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อยกระดับสินค้าและบริการให้สามารถตอบโจทย์ตลาดดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1100 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 | นร.02 | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันศุกร์ที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๒.๐๐ น. ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|