ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 57 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 1121 - 1140 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1121 | ขออนุมัติหลักการกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 | นร.01 | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
โดยการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดและค่าใช้จ่ายตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
และนำเสนอคณะกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้งบประมาณฯ ให้ความเห็นชอบ
เมื่อส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบผลการพิจารณาแล้ว ให้นำเสนอรองนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล พิจารณาให้ความเห็นชอบ
เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณโดยตรง
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1122 | ผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุม Global Forum for Food and Agriculture (GFFA) ครั้งที่ 16 และการประชุมระดับรัฐมนตรีเกษตรเบอร์ลิน ครั้งที่ 16 ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี | กษ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุม Global Forum for Food and Agriculture (GFFA) ครั้งที่ ๑๖ และการประชุมระดับรัฐมนตรีเกษตรเบอร์ลิน ครั้งที่ ๑๖ ณ
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๒ มกราคม ๒๕๖๗
โดยในการประชุมดังกล่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เห็นชอบและรับรองเอกสารแถลงการณ์
โดยไม่มีการลงนาม นอกจากนี้ ยังได้เข้าร่วมกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ๑)
เข้าร่วมในพิธีเปิดการจัดงานแสดงสินค้าเกษตรและอาหารไทย ภายใต้หัวข้อ “Local
To Global” ๒) เข้าชม Innovation Forum ๓)
ร่วมหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีประเทศต่าง ๆ และ ๔) ศึกษาดูงานตลาดสินค้าเกษตรและอาหารไทย
ณ ร้านค้า Vinh-Loi ซึ่งเป็นร้านค้าผู้นำเข้าและจำหน่ายสินค้าเกษตร
อาหาร และเครื่องอุปโภคไทยรายใหญ่ในเยอรมนี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1123 | ขอความร่วมมือหน่วยงานความมั่นคงในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประชาชน | นร. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อเตรียมความพร้อมในการระบายน้ำและการทำการเกษตรในพื้นที่ต่าง
ๆ ของเกษตรกร จึงขอให้กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานด้านความมั่นคงต่าง ๆ
โดยเฉพาะหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาเร่งดำเนินการขุดลอกแหล่งน้ำและคูคลองในพื้นที่ต่าง
ๆ ให้เหมาะสมแก่การรองรับและระบายน้ำในพื้นที่ นอกจากนี้
ขอให้กระทรวงกลาโหมเร่งรัดการดำเนินการจัดสรรพื้นที่ในความครอบครองของหน่วยงานต่าง
ๆ ในสังกัดกระทรวงกลาโหมที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้แก่ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งพิจารณาจัดสรรพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดด้วย
ทั้งนี้ ขอให้กระทรวงกลาโหมรายงานความคืบหน้าและแผนงานการปฏิบัติงานในเรื่องต่าง ๆ
ดังกล่าวข้างต้นต่อคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมครั้งต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1124 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑,๔๖๕ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพัน รวมทั้งสิ้น ๓๔๓,๙๐๗.๔
ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๒๒ รายการ วงเงิน ๑๖๒,๕๗๕.๒ ล้านบาท
และเมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว
ให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๒.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง
การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง)
สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๓. อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณ จำนวน ๑๑ หน่วย
ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา กรมการท่องเที่ยว กรมท่าอากาศยาน
สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมราชทัณฑ์
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สถาบันพระบรมราชชนก สถาบันวิทยาลัยชุมชุน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ผูกพันงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณพ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๒
เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ (เรื่อง
ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ)
เพื่อให้สามารถลงนามในสัญญาเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ ระยะเวลา ๕ ปี (๖๐ เดือน)
ได้ภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติ
และยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาการดำเนินงานจริง ๔.
รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น
รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน ค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1125 | ขอความเห็นชอบการดำเนินงานโครงการศูนย์การเรียนสำหรับเด็กในโรงพยาบาล | ศธ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินโครงการศูนย์การเรียนสำหรับเด็กในโรงพยาบาลต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ สำนักงบประมาณได้จัดเตรียมงบประมาณรองรับการดำเนินโครงการศูนย์การเรียนฯ
ไว้แล้ว สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นของภารกิจอย่างเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยพิจารณานำเงินนอกงบประมาณ
รวมถึงรายได้หรือเงินอื่นใดที่หน่วยงานที่ดำเนินการร่วมกันมีอยู่
หรือสามารถนำมาใช้จ่ายได้มาสมทบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานดังกล่าว
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ
และประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าว
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงาน ก.พ. เช่น ควรมีการรายงาน ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
ควรจัดครูไปประจำศูนย์การเรียนฯ ในจำนวนที่เหมาะสม
ควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วม ส่งเสริม
และสนับสนุนการจัดการศึกษาของโครงการศูนย์การเรียนฯ
ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างครูประจำศูนย์การเรียนฯ
และครูในสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งควรได้รับการสนับสนุนงบประมาณอย่างต่อเนื่อง
และควรจ้างครูผู้สอนประจำศูนย์การเรียนฯ
ให้สอดคล้องกับจำนวนของเด็กเจ็บป่วยที่เข้ารับการบริการในแต่ละปี เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1126 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ และนายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง) | มท. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
ดังนี้ ๑. นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1127 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1128 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการพัฒนาการเชื่อมโยงระบบการขนส่งทางรางระหว่างประเทศไทย สปป.ลาว และจีน ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา | สว. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
แนวทางการพัฒนาการเชื่อมโยงระบบการขนส่งทางรางระหว่างประเทศไทย สปป.ลาว และจีน
ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1129 | การเสนอกิจกรรมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 | นร. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒ และ ๙ มกราคม ๒๕๖๗) ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำโครงการหรือกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ให้ถูกต้อง
ละเอียดรอบคอบ เป็นไปตามกิจกรรมและโครงการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด นั้น
เนื่องจากจะมีการจัดประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ในวันที่ ๙ พฤษภาคม
๒๕๖๗ เพื่อหารือและเร่งรัดการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งจะได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงกิจกรรมต่าง
ๆ ดังกล่าวต่อไป
จึงขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งเสนอโครงการหรือกิจกรรมในความรับผิดชอบไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยด่วน
เพื่อให้ทันต่อการเสนอที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการฯ ตามกำหนดวันดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1130 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | พณ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง การส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
การส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๔ โดย ๑)
กำหนดให้ข้าวขาวและข้าวหักที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปและจะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามความตกลงระหว่างสหภาพยุโรปกับประเทศไทย
เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองการส่งออก (Export Certificate) ที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศไปประกอบการขอใบอนุญาตนำเข้า
(Import License) จากสหภาพยุโรป และ ๒) กำหนดให้ข้าวขาวที่ส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรและจะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามความตกลงระหว่างสหราชอาณาจักรกับประเทศไทยและกฎระเบียบของสหราชอาณาจักรที่เกี่ยวข้อง
เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองการส่งออก (Export Certificate) ที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศไปประกอบการขอใบอนุญาตนำเข้า (Import License) จากสหราชอาณาจักร (เดิม
กำหนดให้ทั้งข้าวขาวและข้าวหักที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรและจะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองการส่งอก (Export Certificate) ที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศไปประกอบการขอใบอนุญาตนำเข้า (Import
License) จากสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรตามลำดับ) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการอ้างบทอาศัยอำนาจในร่างประกาศฯ
โดยเห็นควรให้ตัดการอ้างวรรคหนึ่งของมาตรา ๕ ออก และระบุเป็นมาตรา ๕ (๕)
และวรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า
พ.ศ. ๒๕๒๒ เนื่องจากตามมาตรา ๕ ไม่มีอนุมาตราในวรรคอื่น และควรตัดข้อความ “เมื่อวันที่
๓๐ เมษายน ๒๕๒๒”
เนื่องจากวันเดือนปีดังกล่าวเป็นรายละเอียดซึ่งมิต้องระบุไว้ในบทอาศัยอำนาจของร่างประกาศฯ
นี้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1131 | มติสมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ | นร. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการเข้าพบของประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยและคณะเมื่อวันที่
๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ และได้นำเสนอมติสมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๖ จำนวน ๖
ประเด็น ได้แก่ ประเด็นเศรษฐกิจ การศึกษา สุขภาพ ความรุนแรง สิ่งแวดล้อม
และการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชน
ซึ่งถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องรับมาขับเคลื่อน
รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนในการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องด้วย
ทั้งนี้ มีประเด็นสำคัญที่จะต้องเร่งดำเนินการหลายเรื่อง เช่น การเฝ้าระวัง
ป้องกัน และช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ประสบความรุนแรงในสถาบันครอบครัว การป้องกัน การละเมิดและคุกคามเด็กในสถานศึกษา
ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นดังกล่าวข้างต้น ไปดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง
รวมทั้งให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1132 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการแก้ไขหนี้สินแบบองค์รวม Holistic Debt Management Framework ของคณะกรรมาธิการ การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา | สว. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
แนวทางการแก้ไขหนี้สินแบบองค์รวม Holistic
Debt Management Framework ของคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ
วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานศาลยุติธรรม
สำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1133 | ร่างหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent: LOI) ที่จะเริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี ไทย - บังกลาเทศ | พณ. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent
: LOI) ที่จะเริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี
ไทย-บังกลาเทศ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ
โดยร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ จะมีการลงนามในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๗
ในช่วงการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ (นางเชค ฮาซีนา)
ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๗ เมษายน ๒๕๖๗ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการเริ่มเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี
(Free Trade Area : FTA) ไทย-บังกลาเทศ
ภายในปี ๒๕๖๗ มีสาระสำคัญระบุว่าทั้งสองฝ่ายจะแลกเปลี่ยนผลการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility
Study) ที่แต่ละฝ่ายได้จัดทำไว้
และจะสานต่อการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อเร่งรัดกระบวนการที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งรวมถึงผ่านกลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade
Committee) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงที่จะเริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี
ไทย-บังกลาเทศ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1134 | การศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula One ในประเทศไทย | นร. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการหารือร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีและผู้บริหารบริษัทเอกชนจากต่างประเทศเมื่อวันที่
๒๒ เมษายน ๒๕๖๗ ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
เนื่องในโอกาสการเดินทางมาประเทศไทยเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการขยายการจัดการแข่งขันรถยนต์
Formula One ในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก
รวมทั้งเป็นการสร้างโอกาสและยกระดับศักยภาพของคนไทยและประเทศไทยในกิจกรรมประเภทนี้
ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) ศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula One ในประเทศไทย
เพื่อพิจารณาดำเนินการประมูลสิทธิการจัดการแข่งขันรถยนต์ดังกล่าวต่อไป ๒.
ให้การกีฬาแห่งประเทศไทยศึกษารายละเอียดด้านสนามแข่งขันรถยนต์ Formula One ที่เหมาะสมและการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสนามแข่งขันดังกล่าว ๓.
ให้กรุงเทพมหานครพิจารณาจัดทำแผนการพัฒนาพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการจัดการแข่งขันรถยนต์ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1135 | รัฐบาลสาธารณรัฐปานามาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐปานามาประจำประเทศไทย (นางสาวซารา เตเรซา เอเนเฆ ชุม) | กต. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวซารา เตเรซา เอเนเฆ ชุม (Ms. Sara Teresa Ng Shum) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐปานามาประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางสาวอิตเซล การินา เชน ชัน (Ms.
Itzel Karina Chen Chan) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1136 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์บน เหนือพื้นดินหรือพื้นน้ำในกิจการของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | คค. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์บน
เหนือพื้นดินหรือพื้นน้ำในกิจการของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดเงินค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์บริเวณบน
เหนือพื้นดินพื้นน้ำในอสังหาริมทรัพย์ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
ได้ดำเนินการโครงการระบบรถไฟฟ้า ซึ่งการเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวของ รฟม.
ได้ก่อภาระให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายส่งผลให้ไม่สามารถใช้สอยอสังหาริมทรัพย์นั้นได้ตามปกติแต่ไม่ได้สร้างภาระจนถึงขนาดที่
รฟม. จะต้องดำเนินการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์นั้น
เพื่อให้ รฟม. สามารถพิจารณากำหนดเงินค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์บน เหนือพื้นดินหรือพื้นน้ำแทนการเวนคืนที่ดินเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน
เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดเงินค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์ในบริเวณดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1137 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกันความเสียหายทื่เกิดแก่ชีวิตและร่างกายของคนโดยสาร พ.ศ. .... | คค. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการประกันความเสียหายที่เกิดแก่ชีวิตและร่างกายของคนโดยสาร พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการประกันความเสียหายที่เกิดแก่ชีวิตและร่างกายของคนโดยสารให้ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการให้บริการรถไฟฟ้า
โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการใช้ตั๋วโดยสารให้ได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
ที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข
และวงเงินความคุ้มครองสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชีวิตและร่างกายของคนโดยสาร
เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้กฎกระทรวงกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในมิติของผู้ที่ได้รับความคุ้มครอง
ผู้บังคับใช้และผู้ที่มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายลำดับรองฉบับดังกล่าว รวมถึงต้องพิจารณาทั้งในรายละเอียดข้อมูล
จำนวนเบี้ยประกันภัยและเงื่อนไขการรับประกันภัยของบริษัทประกันภัย
จึงอาจต้องประชุมร่วมกันเพื่อหารือในรายละเอียดของแนวทางการจัดให้มีการประกันภัยที่เหมาะสมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยต่อไป
ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ เงื่อนไข
และวงเงินความคุ้มครองสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชีวิตและร่างกายของคนโดยสาร
เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้กฎกระทรวงกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งในมิติของผู้ที่ได้รับความคุ้มครอง ผู้บังคับใช้และผู้ที่มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายลำดับรองฉบับดังกล่าว
ควรเร่งเสนอร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนโดยเร็ว
เพื่อให้กรมการขนส่งทางรางมีอำนาจและหน้าที่ในการควบคุมและกำกับดูแลการประกอบกิจการขนส่งทางรางโดยเฉพาะมาตรฐานความปลอดภัยและระดับการให้บริการ
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และร่างข้อ ๒
เห็นควรแก้ไขปรับปรุงนิยามคำว่า “ผู้รับประกันภัย” หมายความว่า
บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยประกันวินาศภัย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1138 | แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา | นร. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่สถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมามีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และอาจส่งผลกระทบต่อไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมในหลายมิติทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ
และสังคม รวมถึงการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง
นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
จึงได้มีคำสั่งสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๗ เรื่อง
แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา
โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายปานปรีย์ พหิทธานุกร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานกรรมการ มีหน้าที่และอำนาจ ๗
ประการ ซึ่งรวมถึงการติดตาม ตรวจสอบ
ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ในภาพรวมที่เกี่ยวข้องกับเมียนมาที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
การให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี
หรือคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการหรือแนวทางในการดำเนินการ
เพื่อปกป้องและรักษาผลประโยชน์แห่งชาติในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์ในเมียนมา
และการดำเนินการทางการทูตเชิงรุกที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนให้เกิดสันติภาพในเมียนมา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1139 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ | กต. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ
(Agreement between the Government
of the Kingdom of Thailand and the Government of the People’s Republic of
Bangladesh on Visa Exemption for Holders of Official Passports) และให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายปานปรีย์ พหิทธานุกร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามร่างความตกลงฯ
ทั้งนี้ ในกรณีมอบหมายผู้แทนให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้ผู้ลงนามดังกล่าว และให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ
โดยร่างความตกลงฯ
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการตรวจลงตราแก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางราชการของแต่ละฝ่ายในการเดินทางเข้า
เดินทางออกจาก เดินทางผ่าน
และพำนักอยู่ชั่วคราวในดินแดนของรัฐภาคีอีกฝ่ายหนึ่งเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๓๐ วัน
นับจากวันที่เดินทางเข้า โดยบุคคลเหล่านั้นจะต้องไม่เข้ารับการจ้างงานใด ๆ
ไม่ทำธุรกิจส่วนตัว หรือกิจการส่วนตัวอื่นใดในดินแดนของอีกฝ่าย ทั้งนี้
ระยะเวลาพำนักนั้นจะได้รับการขยายไปจนสิ้นสุดวาระการแต่งตั้งของบุคคลเหล่านั้น
เมื่อมีคำร้องขอของกระทรวงการต่างประเทศหรือสถานเอกอัครราชทูตของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งแจงเหตุผลและประโยซน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรติดตามประเมินผลและสื่อสารผลลัพธ์ของการดำเนินงานตามความตกลงดังกล่าวให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบ
และเห็นควรให้ความเห็นชอบให้ผู้แทนที่กระทรวงการต่างประเทศมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงดังกล่าว
โดยให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗
ที่ให้หน่วยงานที่ประสงค์จะทำความตกลงระหว่างประเทศทุกประเภทดำเนินการให้ถูกต้อง
ชัดเจน และปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1140 | รัฐบาลสาธารณรัฐอินเดียเสนอขอแต่งตั้งกงสุลสาธารณรัฐอินเดีย ณ จังหวัดเชียงใหม่ (นายประเณาว์ คเณศ) | กต. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประเณาว์ คเณศ (Mr. Pranav Ganesh) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลสาธารณรัฐอินเดีย
ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย กำแพงเพชร
ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน นครสวรรค์ น่าน พะเยา เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก แพร่
สุโขทัย ตาก อุทัยธานี และอุตรดิตถ์ สืบแทน นายกฤษณะ ไจยตันยะ (Mr. Krishna Chaitanya) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|