ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 56 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 1101 - 1120 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1101 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... | มท. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านไร่
จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
ในท้องที่ตำบลทัพหลวง ตำบลห้วยแห้ง ตำบลบ้านไร่ และตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านไร่
จังหวัดอุทัยธานี โดยได้มีการกำหนดแผนผัง และการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองรวมจำแนกออกเป็น
๑๐ ประเภท
ซึ่งแต่ละประเภทจะกำหนดลักษณะกิจการที่ให้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์การใช้ที่ดินแต่ละประเภทนั้น
ๆ ตลอดจนกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามแผนผังโครงการคมนาคมและขนส่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1102 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติให้ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานการค้าต่างประเทศแห่่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน | พณ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานการค้าต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานการค้าต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
อันจะนำไปสู่การเพิ่มโอกาสทางการค้าระหว่างกัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรผลักดันให้มีความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้
โดยเฉพาะค่านิยม ธรรมเนียมประเพณี ข้อปฏิบัติทางศาสนา มาตรฐานที่จำเป็น
และพฤติกรรมผู้บริโภค รวมทั้งการพัฒนาสินค้าเพื่อการส่งออก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ฮาลาล
เครื่องสำอาง เกษตรและอาหาร ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย
พร้อมทั้งควรมีการประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อยกระดับสินค้าและบริการให้สามารถตอบโจทย์ตลาดดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1103 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 | นร.02 | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันศุกร์ที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๒.๐๐ น. ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1104 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) | กษ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๙ คณะ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวง ๒. คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ๓. คณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ๔. คณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนตามแนวทางในการป้องกัน
แก้ไขและฟื้นฟูผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ๕. คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ๖. คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ๗. คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร ๘. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1105 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (1. นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ฯลฯ รวม 7 คน) | ทส. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ
รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ประธานกรรมการ ๒. รองศาสตราจารย์ ดร.สิรี ชัยเสรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการบริหารเศรษฐกิจการเกษตร ๓. นางรวีวรรณ ภูริเดช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ๔. ศาสตราจารย์ ดร.ศันสนีย์ ไชยโรจน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นางรัตนา เล็งศิริวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการเงิน ๖. นายสุเมธ เหล่าโมราพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านบริหารธุรกิจและการตลาด ๗. นายทศพล ทังสุบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านนิติศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1106 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงานศาลปกครอง | ศป. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของสำนักงานศาลปกครอง ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินการทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1107 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 19 (The nineteenth session of the United Nations Forum on Forests - UNFF19) | ทส. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมผู้บริหารระดับสูงในการประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๑๙ (The nineteenth session of
the United Nations Forum on Forests - UNFF 19) และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำและตระหนักถึงสถานการณ์ด้านป่าไม้ในปัจจุบัน เช่น ตระหนักว่าป่าไม้มีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้มีแนวโน้มลดลงและเสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่อง
และประเทศภาคีจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า
และเพื่อฟื้นฟูป่าไม้และความเสื่อมโทรมของดิน โดยจะดำเนินการ เช่น
ดำเนินงานร่วมกันเพื่อป้องกัน อนุรักษ์ และฟื้นฟูป่าไม้และระบบนิเวศป่าไม้อย่างยั่งยืน
โดยการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมเชิงนโยบาย ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ
และลดความขัดแย้งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ในทุกระดับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1108 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน 2 โครงการ (โครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง จังหวัดชลบุรี และโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง) | กษ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน ๒
โครงการ ประกอบด้วย ๑) โครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง จังหวัดชลบุรี จากเดิม ๑๔ ปี
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๑๗ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ.
๒๕๖๙) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม และ ๒) โครงการกิ่วคอหมา
จังหวัดลำปาง จากเดิม ๑๙ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๒๒ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๘ - พ.ศ. ๒๕๖๙) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) เร่งรัดการดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง
จังหวัดชลบุรี และโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง
ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบเวลาที่ได้รับการขยายไว้ในครั้งนี้อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ควรเร่งรัดดำเนินการทั้ง ๒
โครงการให้เป็นไปตามแผนไม่ให้เกิดความล่าช้าและขอขยายระยะเวลาก่อสร้างออกไปอีก และมีแผนการติดตามตรวจสอบและเร่งรัดให้การดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จตามระยะเวลาที่ขอขยายไว้
ควรประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงความถูกต้อง โปร่งใส และประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชน รวมทั้งความคุ้มค่าที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1109 | การปราบปรามยาเสพติด | นร. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ (เรื่อง การเร่งรัดการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด) มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องบูรณาการแผนงาน ประสานงาน ขับเคลื่อน
และติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภาพรวม นั้น
เนื่องจากในปัจจุบันยาเสพติดยังเป็นปัญหาสำคัญที่เป็นภัยคุกคามความสงบสุขและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
จึงขอกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด
เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับหน่วยงานของรัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานในการปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังเละเด็ดขาด
ให้มีผลการจับกุมผู้กระทำผิดที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมภายใน ๙๐ วัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดเป้าหมายที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้กำหนดเป็นพื้นที่สีแดงที่มีปัญหายาเสพติดรุนแรง
จำนวน ๒๕ จังหวัด
โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนและให้รางวัลแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้สำเร็จตามเป้าหมาย
ในขณะเดียวกันก็จะมีบทลงโทษสำหรับเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องและละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
ทั้งนี้
ขอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดติดตามการดำเนินงานในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและรายงานผลต่อนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1110 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1111 | ร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา จำนวน 4 ฉบับ | อว. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ ๑.๑
ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ.... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
การวิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓
ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔
ร่างพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน
๔ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๔
ฉบับดังกล่าวเป็นร่างพระราชบัญญัติที่จะตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖
การปฏิรูปประเทศ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1112 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้
คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ
ดังนี้ ๑.๑
นายภูมิธรรม เวชยชัย ๑.๒
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ๑.๓
นายพิชัย ชุณหวชิร ๑.๔
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ๑.๕ พลตำรวจเอก
พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ๑.๖
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ๒. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ผู้รักษาราชการแทนข้างต้น
จะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1113 | มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน | พน. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.เห็นชอบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน
เป็นมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ดำเนินการในช่วงเดือนมกราคม
ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๗ และมาตรการด้านไฟฟ้า ที่ดำเนินการในช่วงเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคม
๒๕๖๗
เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่
๑) มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง โดยตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน ๓๓
บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗
ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และตรึงราคาขายปลีก LPG ที่ระดับ ๔๒๓ บาทต่อถังขนาด ๑๕ กิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน
๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๗ และ ๒) มาตรการด้านไฟฟ้า ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า
(ก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม) แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน ๓๐๐
หน่วยต่อเดือน จำนวน ๑๙.๐๕ สตางค์ต่อหน่วย ตั้งแต่พฤษภาคม-สิงหาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายและแหล่งงบประมาณในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน
ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น เห็นควรพิจารณาดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสถานการณ์
รวมทั้งพิจารณาราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้นเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในการใช้พลังงาน
รวมถึงเร่งศึกษาการกำหนดมาตรการระยะยาวเพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินการ
เร่งรัดดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์อย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ
ความพร้อมและความสามารถทางการเงินของภาครัฐ ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอน
รวมทั้งเร่งสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
และให้มีการรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ เพื่อให้การดำเนินมาตรการดังกล่าวบรรลุผลสัมฤทธิ์และมีความคุ้มค่าอย่างแท้จริง
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และโดยที่ในปัจจุบันราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันและไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะคงตัวอยู่ในระดับสูงโดยผลของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศในภูมิภาคต่าง
ๆ หาก Subsidize มากเกินไปก็อาจกระทบต่อการเคลื่อนไหวของกลไกตลาด
และอาจทำให้มีการใช้พลังงานโดยไม่คุ้มค่า
สมควรที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ร่วมกันพัฒนาแหล่งพลังงานอื่นเพื่อใช้ทดแทน Fossil
Fuel ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1114 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์) | พณ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1115 | ร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการ ในคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน พ.ศ. .... | คค. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการ
ในคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการแต่งตั้งประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการ
ในคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ ๕ ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมสนอ
โดยให้ปรับแก้ไขชื่อของร่างประกาศตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1116 | การขยายระยะเวลาการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวัน เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว | กต. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลาการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวัน
เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวัน
และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน ๓๐ วัน เป็นกรณีพิเศษ เพิ่มเติมอีก ๖ เดือน
ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ จนถึงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวอินเดียและไต้หวันที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
และช่วยเพิ่มรายได้ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยในภาพรวม
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดให้ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางของสาธารณรัฐอินเดีย
ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินสามสิบวัน
เป็นกรณีพิเศษ และ ๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง กำหนดให้ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางของไต้หวัน
ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินสามสิบวัน
เป็นกรณีพิเศษ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการแก้ไขปรับปรุงร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ รวม ๒ ฉบับ
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1117 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี 2567 และเอกสารที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี
๒๕๖๗ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ๑. ร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี
๒๕๖๗ มีสาระสำคัญ เช่น (๑) การปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ปุตราจายา ค.ศ. ๒๐๔๐
และเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในปีต่าง ๆ (๒) การแสดงความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก
สมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๓ (๓)
การเน้นย้ำเพื่อขับเคลื่อนวาระงานเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (๔)
การยึดมั่นในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการโครงสร้างความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระยะที่
๓ และแผนแม่บทความเชื่อมโยงในเอเปค (๕) การส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและการหารือเรื่องปัญญาประดิษฐ์
(๖)
การให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนแผนการดำเนินการเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถภาคบริการเอเปค
(๗) การสนับสนุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจนอกระบบมาสู่เศรษฐกิจที่เป็นทางการ และ
(๘) การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับสตรีวิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อมและรายย่อย และกลุ่มผู้ที่ยังไม่ใด้รับการปลดปล่อยทางเศรษฐกิจ เป็นต้น ๒. ร่างปฏิญญาอาเรกีปาของรัฐมนตรีด้านสตรีและรัฐมนตรีการค้าเอเปค
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมของสตรีในการค้าผ่าน
(๑) การเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยการมีส่วนร่วมของสตรีในการค้า (๒)
การแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศเกี่ยวกับข้อมูลและนโยบายการค้าบนพื้นฐานของเพศสภาพ
(๓) การส่งเสริมการพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างศักยภาพ และ (๔)
การระบุแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านการเงิน การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล
และนโยบายที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี ๒๕๖๗
และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าร่างถ้อยแถลงฯ และร่างปฏิญญาฯ
จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี
๒๕๖๗ และเอกสารที่เกี่ยวข้องในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1118 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบายการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ เพื่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | ศธ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
ข้อเสนอเชิงนโยบายการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์
เพื่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปผลได้ว่า
เห็นชอบในหลักการของรายงานการพิจารณาศึกษาดังกล่าวโดยได้มีการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์
เช่น กำหนดแผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐
และฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ เพื่อวางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอุดมศึกษาดิจิทัลและได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์เพื่อการเรียนการสอนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
เช่น จัดทำโครงการแพลตฟอร์มเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Open Learning Platform) และได้จัดทำโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย
พัฒนาการเรียนการสอนออนไลน์ในระบบเปิด นอกจากนี้
มีความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์
ควรครอบคลุมรายวิชาออนไลน์และจัดทำให้อยู่ในรูปแบบที่เผยแพร่ สืบค้นได้ เพื่อให้ผู้สนใจสามารถเข้าใช้ฐานข้อมูลแหล่งเรียนรู้
ส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ข้อจำกัด ขอบเขตและแนวปฏิบัติที่เหมาะสมในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการศึกษาเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากการใช้
AI ที่ไม่เหมาะสม ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1119 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระค่าภาคหลวงและรายได้อื่น ๆ จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พน. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระค่าภาคหลวงและรายได้อื่น ๆ
จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซีย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระค่าภาคหลวงและรายได้อื่น
ๆ จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซีย
พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อขยายขอบเขตวัตถุประสงค์ของการใช้เงินบำรุงการวิจัยให้ครอบคลุมถึงหัวข้อการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม
อาทิ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) โดยเฉพาะการดักจับและการจัดเก็บคาร์บอน
(CCS) และการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการจัดเก็บคาร์บอน (CCUS) รวมถึงการบริหารและประเมินโครงการวิจัย พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1120 | ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่
(ฉบับที่ ..) พ.ศ .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่
พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ มาตรา ๑๒ (๑๑) ทั้งอนุมาตรา
โดยแก้ไขปรับปรุงลักษณะต้องห้ามของผู้ใหญ่บ้าน
และกำหนดการกระทำความผิดตามกฎหมายและฐานความผิดตามบัญชี ก และบัญชี ข
ท้ายพระราชบัญญัติฯ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรม ที่เห็นว่าร่างข้อ ๑๒ (๑๑)
มิได้กำหนดระยะเวลาของการลงโทษไว้แต่อย่างใดทำให้ไม่สอดคล้องกับเหตุผลในการเสนอแก้ไขร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|