ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 54 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 1061 - 1080 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1061 | การขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ระดับรัฐมนตรีว่าด้วยน้ำเพื่อความมั่งคั่งร่วมกัน (Ministerial Declaration on Water for Shared Prosperity) ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมน้ำโลก ครั้งที่ 10 | นร.14 | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างแถลงการณ์ระดับรัฐมนตรีว่าด้วยน้ำเพื่อความมั่งคั่งร่วมกัน (Ministerial Declaration on Water for Shared Prosperity) ซี่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมน้ำโลก ครั้งที่ ๑๐
มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๘-๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ เมืองบาหลี
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
และอนุมัติให้รัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรีเป็นผู้รับรองร่างแถลงการณ์ฯ
โดยร่างแถลงการณ์ฯ จัดทำขึ้นเพื่อประกาศเจตจำนงทางการเมือง
โดยมีวัตถุประสงค์ในการผลักดันความท้าทายด้านทรัพยากรน้ำของโลกให้เกิดการขับเคลื่อนเป็นนโยบาย
แผนงาน และการดำเนินการต่าง ๆ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1062 | โครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment Platform) | สพร. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) เป็นผู้ดำเนินโครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment Platform) โดยให้หน่วยงานรัฐและสถาบันการเงินร่วมมือกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน)
ในการสนับสนุนข้อมูลและร่วมกำหนดแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะต่อไป
ตามที่สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดจากการดำเนินโครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment
Platform) ให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
รวมทั้งให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เห็นควรคำนึงถึงความสอดคล้องได้มาตรฐานเดียวกับบริการระบบชำระเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ความโปร่งใสในการบริหารจัดการการชำระเงินของรัฐ และมาตรการดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ
เพื่อให้ระบบแพลตฟอร์มบริการได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ
รองรับประชาชนใช้งานพร้อมกันได้จำนวนมากรวมถึงรองรับมาตรการอื่น ๆ
ของรัฐในการช่วยเหลือประชาชน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลที่แข็งแกร่ง
และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน นำไปสู่การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนต่อไป สำนักงบประมาณ เห็นควรมีการกำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพและพร้อมให้บริการ
โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ศักยภาพของหน่วยงาน ความพร้อมและทักษะของบุคลากรของหน่วยงาน
กรอบระยะเวลาในการดำเนินโครงการ รวมถึงแพลตฟอร์มการชำระเงิน
หรือบริการที่เกี่ยวข้องที่ได้รับการพัฒนา หรือให้บริการโดยสถาบันการเงินของภาครัฐ
เพื่อลดภาระงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1063 | ร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยในการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย พ.ศ. .... | อว. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยในการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับความปลอดภัยในการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าหากร่างกฎกระทรวงฯ
มีผลบังคับใช้ ผู้รับใบอนุญาตควรปฏิบัติตามร่างกฎกระทรวงฯ อย่างเคร่งครัด
รวมถึงหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับด้วย
เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยจากการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยภายในประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเตรียมความพร้อมในการกำหนดแนวทางการตรวจสอบเชิงรุก
ณ สถานประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตควบคู่ไปด้วย เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากความประมาทหรือการขาดความรู้เท่าทัน
อันจะนำไปสู่การเพิ่มระดับความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ประชาชน
และสิ่งแวดล้อมโดยรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1064 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับการลงทุนในแผนงานระยะยาวใหม่ ปี 2566 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับการลงทุนในแผนงานระยะยาวใหม่ ปี ๒๕๖๖ จำนวน ๕ แผนงาน ภายในกรอบวงเงินรวม
๓,๐๕๒.๐๐
ล้านบาท โดยให้ทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๑๕/๔๕๗๑ ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ นร ๑๑๒๔/๙๐๓ ลงวันที่ ๑๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรเร่งเตรียมความพร้อมระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย
(Grid Modemization) เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด
(Energy Transition) และแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยที่มุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
(Renewable Energy) และควรพิจารณาใช้จ่ายเงินลงทุนจากเงินรายได้เป็นลำดับแรก
โดยพิจารณาฐานะการเงินในแต่ละปีประกอบด้วย
และกู้เงินเพื่อลงทุนตามความจำเป็นในภารกิจหลักขององค์กรเพื่อลดความเสี่ยงจากภาระหนี้ขององค์กรในระยะยาว สำนักงบประมาณ เห็นควรบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และพิจารณาเบิกเงินกู้เท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดภาระดอกเบี้ยต่อองค์กรในระยะยาว
โดยการดำเนินการกู้เงินดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ภายใต้วัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอย่างถูกต้องครบถ้วน
ประโยชน์ที่จะได้รับ และคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณากู้เงินตามความจำเป็นโดยพิจารณาฐานะการเงินในปีนั้น
ๆ ประกอบด้วย เพื่อลดความเสี่ยงด้านภาระหนี้สินขององค์กรในระยะยาว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1065 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การเข้าถึงโดยสะดวกถ้วนหน้า (Accessibility for all in Action : AAA) ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การเข้าถึงโดยสะดวกถ้วนหน้า (Accessibility for all in Action : AAA) ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม
และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1066 | รายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วน ตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เรื่อง มาตรการด้านความปลอดภัยของรถรับ-ส่งนักเรียน | มท. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วน
ตามหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ เรื่อง
มาตรการด้านความปลอดภัยของรถรับ - ส่งนักเรียน ซึ่งมีผลการดำเนินการในภาพรวม
สรุปได้ ดังนี้ ๑) การดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เช่น กระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
จัดทำแนวปฏิบัติในการควบคุมดูแลรถรับ-ส่งนักเรียน และขอความร่วมมือให้สถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด
๒) การดำเนินการตามข้อเสนอแนะด้านบริหารจัดการ เช่น กระทรวงศึกษาธิการได้กำชับและติดตามสถานศึกษาทุกแห่งปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน
พ.ศ. ๒๕๖๒ และพัฒนาหลักสูตรและสร้างวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยทางถนนเพื่อใช้เป็นหลักสูตรในการจัดการเรียนการสอน
กระทรวงคมนาคมกำหนดแนวปฏิบัติในการอนุญาตให้รถรับจ้างรับ - ส่งนักเรียน และทบทวนกฎหมายสำหรับการรับ
- ส่งนักเรียนเป็นการเฉพาะ ๓)
การดำเนินการตามข้อเสนอแนะด้านการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น ให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกันภายใต้กลไกคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนและมีแผนยุทธศาสตร์หรือคณะทำงานด้านความปลอดภัยรถรับ
- ส่งนักเรียนในทุกจังหวัด โดยใช้แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๗๐ เป็นกรอบในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์เพื่อความสอดคล้องกัน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1067 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ทส. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus) และนกชนหิน หรือนกหิน (Buceros
vigil หรือ Rhinoplax vigil) เป็นสัตว์ป่าสงวน
เพิ่มเติม จากที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.
๒๕๖๒ ตามลำดับ และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงชนิดสัตว์ป่าคุ้มครองตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
มีผลใช้บังคับไปพร้อมกัน ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรพิจารณาแจ้งเรื่องการปรับปรุงสถานะความคุ้มครองสัตว์ป่าตามกฎหมายของประเทศไทยให้ประเทศภาคีอนุสัญญา
CITES รับทราบ
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
ทั้งยังเป็นการแสดงบทบาทที่แข็งขันของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1068 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาระบบการแรงงาน : การจัดทำประมวลกฎหมายแรงงาน ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาระบบการแรงงาน
: การจัดทำประมวลกฎหมายแรงงาน ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1069 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพิ้นที่เขตการปกครองพิเศษพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่เขตการปกครองพิเศษพัทยา
อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่ตั้งแต่แนวชายฝั่งทะเลออกไปในทะเลเป็นระยะทาง
๑,๐๐๐ เมตร ของเขตการปกครองพิเศษพัทยา
อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
เป็นเขตพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นควรยกเว้นให้กับส่วนราชการในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะและประชาชน
เช่น การขุดลอก การถม เท เติม หรือเสริมทรายชายหาด การปลูกสร้างท่าเทียบเรือ
เขื่อนป้องกันตลิ่ง เขื่อนป้องกันคลื่น และรอดักทราย โดยไม่ควรกำหนดให้ต้องขอความเห็นชอบหรือขออนุญาตจากอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตามร่างข้อ
๔ ร่างข้อ ๕ ร่างข้อ ๘ และร่างข้อ ๙ ซึ่งอาจเกินจากบทอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มิได้บัญญัติไว้ให้เป็นอำนาจของอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีเกิดเหตุจำเป็นเร่งด่วนหรือเหตุที่มาจากภัยอันเกิดจากธรรมชาติ
ซึ่งอาจส่งผลกระทบหรืออาจเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือชีวิตของประชาชน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าการมีมาตรการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบังคับใช้กฎหมายทั้งสองฉบับอาจก่อให้เกิดการสับสนแก่ประชาชนในการปฏิบัติตามกฎหมาย
และเมื่อร่างกฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับแล้ว ก็ควรจะได้แก้ไขปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมฯ เพื่อยกเลิกมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในส่วนที่มีความซ้ำช้อนหรือขัดแย้งกับมาตรการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งตามร่างกฎกระทรวงนี้ต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรมีการกำหนดมาตรการในการป้องกันการศึกษา
และตรวจสอบถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง
ตลอดจนการห้ามดำเนินกิจกรรมหรือกระทำการใด ๆ
ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งไว้โดยเฉพาะอันเป็นการป้องกันมิให้ชายฝั่ง
ระบบนิเวศชายฝั่ง ตลอดจนความสมดุลของธรรมชาติถูกทำลายตามหลักการป้องกันล่วงหน้า |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1070 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีปัญหามลภาวะทางอากาศในพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคเหนือตอนบน | ทส. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กรณีปัญหามลภาวะทางอากาศในพื้นที่ ๘ จังหวัด ภาคเหนือตอนบน ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในเรื่องดังกล่าวมีความเหมาะสมในหลักการ
และเป็นการศึกษาที่ครอบคลุมในหลายมิติ
ส่วนใหญ่สอดคล้องกับการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ
“การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ปี ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1071 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร | ปสส. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร
เจริญศรี) รายงานว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่
๔/๒๕๖๗ วันศุกร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗
ที่ประชุมได้กำหนดการพิจารณาการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยวิสามัญ) ในวันอังคารที่
๑๘ ถึงวันศุกร์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๗
เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ในวันอังคารที่
๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๗ และร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ในวันพุธที่ ๑๙ ถึงวันศุกร์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๗ ทั้งนี้
คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรและคณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรจะหารือร่วมกันเพื่อกำหนดช่วงเวลาการอภิปรายงบประมาณของแต่ละกระทรวงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1072 | การมอบโบราณวัตถุ 20 รายการ คืนให้ราชอาณาจักรกัมพูชา | วธ. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงวัฒนธรรม
โดยกรมศิลปากรมอบโบราณวัตถุ ๒๐ รายการ คืนให้ราชอาณาจักรกัมพูซา
เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีของความตกลงทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา
รวมทั้งเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา
และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นภาคีที่ยึดมั่นและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในความตกลงทวิภาคีอย่างเคร่งครัด
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการยกเว้นเงื่อนไขภายใต้ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาในการต่อต้านการเคลื่อนย้ายโดยผิดกฎหมายและการลักลอบขนข้ามแดนซึ่งสังหาริมทรัพย์ทางวัฒนธรรมและส่งคืนให้แก่ประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิด
ข้อ ๔ วรรคสอง ที่กำหนดให้ค่าใช้จ่ายทั้งปวงอันเนื่องมาจากการส่งคืนและการส่งมอบสังหาริมทรัพย์ทางวัฒนธรรมให้เป็นภาระของภาคีที่ร้องขอ
นั้น ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร)
ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ การโอนเงินจัดสรร
และหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินรายได้อื่นในโอกาสแรก ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าผู้ส่งออกโบราณวัตถุดังกล่าว
จะต้องปฏิบัติพิธีการศุลกากร ณ ท่าหรือที่ที่ส่งออก ตลอดจนปฏิบัติตามข้อห้ามหรือข้อจำกัดสำหรับการส่งออกตามกฎหมายอื่นให้ครบถ้วน
ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1073 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงอุตสาหกรรม) | อก. | 21/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๓ คณะ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า ๒. คณะกรรมการประสานงานแห่งชาติเพื่อการปฏิบัติให้เป็นไปตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1074 | การจัดทำความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย (ไทเป) กับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย | กต. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย
(ไทเป) กับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย [Agreement between the Thailand Trade and Economic Office
in Taipei (TTEO) and the Taipei Economic and Cultural Office in Thailand (TECO)
for the Promotion and Protection of Investments] และอนุมัติให้ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย
(ไทเป) ลงนามร่างความตกลงฯ สำหรับฝ่ายไทย
กับผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ซึ่งจะเป็นผู้ลงนามฝ่ายไต้หวัน
รวมทั้งอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายไต้หวัน เพื่อให้ความตกลงฯ
มีผลใช้บังคับภายหลังการลงนาม โดยร่างความตกลงฯ
จัดทำขึ้นเพื่อปรับปรุงและแทนที่ความตกลงฯ ฉบับเดิม
ให้สอดคล้องกับบริบทของการลงทุนในปัจจุบันที่เน้นการส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืน
ซึ่งมีการปรับปรุงข้อบทให้มีความชัดเจน รัดกุม
และเป็นไปตามกรอบการเจรจาความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศ
โดยมีข้อบทที่สำคัญ เช่น (๑)
การกำหนดขอบเขตความคุ้มครองการลงทุนของนักลงทุนอีกฝ่ายเฉพาะการลงทุนทางตรงที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
(๒)
การกำหนดให้มีกระบวนการระงับข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานผู้มีอำนาจของทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับการตีความและบังคับใช้ความตกลงฯ
และ (๓)
การกำหนดให้มีคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการลงทุนเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลและทบทวนการปฏิบัติตามความตกลงฯ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและภาคธุรกิจรับทราบและถือปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1075 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาววารุณี ปั้นกระจ่าง และนางสาวจิราพร สุดานิช) | กต. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาววารุณี ปั้นกระจ่าง ดำรงตำแหน่งเอกอัครรราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1076 | ขอความเห็นชอบการรับรองร่างแถลงการณ์เวียงจันทน์ว่าด้วยความเสมอภาค การเข้าถึง และสิ่งแวดล้อม : การพัฒนาความสามารถในการปรับตัวรับกับสภาพภูมิอากาศของเด็กปฐมวัยในอาเซียน (Vientiane Statement on Equity, Access and Environment: Advancing Climate Resilience in Early Childhood Settings in ASEAN) | ศธ. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์เวียงจันทน์ว่าด้วยความเสมอภาค การเข้าถึง และสิ่งแวดล้อม : การพัฒนาความสามารถในการปรับตัวรับกับสภาพภูมิอากาศของเด็กปฐมวัยในอาเซียน (Vientiane Statement on Equity, Access and Environment: Advancing Climate Resilience in Early Childhood Settings in ASEAN) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบและรับรองร่างแถลงการณ์ฯ โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเพื่อสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ร่วมของอาเซียนและความมุ่งมั่นที่จะผลักดันการดูแลและการจัดการศึกษาแก่เด็กปฐมวัยและบูรณาการการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศเข้าด้วยกัน ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการดูแลและการจัดการศึกษาเด็กปฐมวัยที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมแก่เด็กทุกคนในอาเซียน เช่น การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อการวางแผนและการปฏิบัติด้านการดูแลและการศึกษาแก่เด็กปฐมวัย การส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในด้านการดูแลและจัดการศึกษาให้แก่เด็กปฐมวัย การเพิ่มการจัดสรรงบประมาณด้านการดูแลและการศึกษาเด็กปฐมวัย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ที่เห็นควรเพิ่มเติมประสบการณ์ในลักษณะ Project Approach การบูรณาการงานระหว่างหน่วยงานแบบพหุภาคี
เพื่อสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย
อีกทั้งการติดตามประเมินผลด้านการพัฒนาความสามารถในการปรับตัวสำหรับเด็กปฐมวัย ครู
และผู้ปกครองที่ต้องอาศัยการเก็บข้อมูลที่ต่อเนื่องเพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1077 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ และนายภูผา ลิกค์) | กษ. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๗) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ดังนี้ ๑. นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(นายอรรถกร ศิริลัทธยากร)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1078 | ขอความเห็นชอบให้กรมศิลปากรรับมอบโบราณวัตถุ จำนวน 2 รายการ กลับคืนให้ประเทศไทยจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา | วธ. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรับมอบโบราณวัตถุ จำนวน
๒ รายการ ได้แก่ ประติมากรรมสำริดรูปพระศิวะ (The
Standing Shiva) หรือ Golden Boy และประติมากรรมรูปสตรีพนมมือ
(The Kneeling Female) คืนจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร)
รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนและหน้าที่และอำนาจต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1079 | การเป็นประธานกรอบความร่วมมือเอเชียของประเทศไทยและการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชียในปี 2568 | กต. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอตัวเป็นประธานการประชุมกรอบความร่วมมือเอเชีย
(Asia Cooperation Dialogue :
ACD) วาระปี ๒๕๖๗ - ๒๕๖๘ ของประเทศไทย เพื่อขอรับ ความเห็นชอบจากประเทศสมาชิก
ACD ต่อไป เห็นชอบในหลักการการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีในช่วงที่ประเทศไทยเป็นประธาน
ACD ซึ่งรวมถึง ๑) การประชุมระดับรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ
๒) การประชุมระดับรัฐมนตรีคู่ขนานกับการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ๓)
การประชุมระดับรัฐมนตรี และ ๔) การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยไทยจะเสนอตัวเป็นประธาน
ACD ให้แก่ประเทศสมาชิกพิจารณาในการประชุมระดับรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ ๑๙ ที่สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ ๑๑ -
๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๗ และจะมีการส่งมอบตำแหน่งประธาน ACD ในช่วงการประชุมระดับรัฐมนตรีในช่วงเดือนกันยายน
๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1080 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี) | นร.04 | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๗๖/๒๕๖๗ เรื่อง
แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|