ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 60 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 1181 - 1200 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1181 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 | คค. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน
และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน
(กปถ.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้ว
เห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน ผลการดำเนินงานทางการเงิน
งบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน
และกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของ กปถ. ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
และรายงานการประเมินผลการใช้ทรัพย์สินของกองทุนฯ
เนื่องจากยังคงมีความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการดำเนินงานซึ่งควรแก้ไขโดยเร็ว
เช่น กระบวนการตรวจสอบสถานะลูกหนี้ค่าหมายเลขทะเบียนรถก่อนนำออกประมูลครั้งใหม่
(ลูกหนี้ส่วนต่าง) มีข้อบกพร่อง และทำให้รัฐเสียหาย ความเสี่ยงในการอนุมัติโครงการเพื่อให้เงินช่วยเหลือเงินอุดหนุนหรือค่าใช้จ่ายเพื่อมาดำเนินการพันธกิจต่าง
ๆ ไม่เต็มตามกรอบวงเงินงบประมาณ และการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินโครงการที่ได้รับการอนุมัติจัดสรรมีประสิทธิภาพค่อนข้างน้อย
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป ทั้งนี้
ให้กระทรวงคมนาคมนำรายงานในเรื่องนี้ไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อรัฐสภาได้รับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1182 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2550 เรื่อง การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร | กค. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ มกราคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร) ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ตรงตามเจตนารมณ์ของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
โดยไม่กระทบต่อฐานะทางการเงินของ ธ.ก.ส. และมีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน
รวมถึงป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ ธ.ก.ส. โดยให้ถือใช้ข้อความตามที่ปรับปรุงแล้ว
แทนข้อความเดิมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธ.ก.ส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ
เช่น ๑)
ควรสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกหนี้เกี่ยวกับวิธีการดำเนินคดีที่เปลี่ยนแปลงไป ๒)
ควรกำหนดแผนบริหารจัดการหรือมาตรการจัดการหนี้สินที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ยหรือเบี้ยปรับหรือผลกระทบในด้านอื่น
ๆ ที่เป็นภาระแก่เกษตรกรเกินสมควร ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้กระทรวงการคลังร่วมกับ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้เกษตรกรที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(Non-Performing
Loans : NPLs) ซึ่งยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีให้มีการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของลูกหนี้แต่ละรายเพื่อให้เกษตรกรกลุ่มนี้ยังคงมีศักยภาพในการชำระหนี้ได้ต่อไปโดยไม่ถูกดำเนินคดีด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1183 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นางสาวพลอย ธนิกุล) | นร.04 | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวพลอย ธนิกุล
เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1184 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนประกันสังคม สำหนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 | รง. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนประกันสังคม
สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบ
และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1185 | รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ของหน่วยรับงบประมาณ และแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ และรับทราบผลการพิจารณาคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการบริหารการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
รวมทั้งเร่งกำหนดมาตรการเพิ่มรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ
เพื่อนำไปสู่การลดการขาดดุลงบประมาณให้ต่ำกว่ากว่าร้อยละ ๓.๐ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในช่วงถัดไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1186 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางพิมลพรรณ ต่างวิวัฒน์) | สธ. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางพิมลพรรณ ต่างวิวัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งนายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กรมการแพทย์
ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1187 | ผลการพิจารณาญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตฉ้อโกงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ | กค. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาญัตติ เรื่อง
ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตฉ้อโกงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปได้ว่า ๑) ในส่วนของแนวทางการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตฉ้อโกง
กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ เกี่ยวกับผู้สอบบัญชีและสำนักงานสอบบัญชีเพื่อให้มีกฎหมายที่สอดรับกับแนวทางการตรวจสอบและบทลงโทษผู้ที่ทำการทุจริตผ่านตลาดทุนไทย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์
ภายใต้โครงการบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์เข้มแข็ง
โดยเน้นมาตรการป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นและมาตรการส่งเสริมการทำหน้าที่ของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์และผู้ที่เกี่ยวข้อง
ตลาดหลักทรัพย์ได้บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย
โดยการตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์
และร่วมมือกับสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยในการจัดอบรมให้ความรู้กับผู้ลงทุน
รวมถึงบุคลากรในหน่วยงานยุติธรรม (อาทิ ทนายความ อัยการ ผู้พิพากษา) กระทรวงพาณิชย์
โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ศึกษาและพัฒนากฎหมายที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกรมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความทันสมัยและทันเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
และ ๒) ในส่วนของข้อเสนอแนะ สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ เห็นว่า
ควรปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยให้สภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจในการกำกับดูแลผู้ทำบัญชี
ผู้สอบบัญชี สำนักงานบัญชี และสำนักงานสอบบัญชี เพื่อตรวจสอบคุณภาพของการปฏิบัติงานในเชิงรุก
และปรับปรุงแก้ไขบทลงโทษให้ครอบคลุมบทลงโทษของสำนักงานสอบบัญชี สมาคม ตลาดตราสารหนี้ไทย
เห็นว่า
ควรเพิ่มมาตรการในการยืดหรืออายัดทรัพย์สินจากการกระทำความผิดที่มีลักษณะเป็นการทุจริตฉ้อโกงที่เกี่ยวกับการออกหลักทรัพย์
ให้ครอบคลุมไปถึงทรัพย์สินที่ได้มาหรือสงสัยว่าจะได้มาจากการกระทำความผิดหรือที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้ไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะอยู่ในความครอบครองของบุคคลใดก็ตาม
และกำหนดแนวทางหรือมาตรการในการเยียวยาความเสียหายให้กับนักลงทุนที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1188 | ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ในท้องที่เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | คค. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ในท้องที่เขตวังทองหลาง
เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี
อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ในท้องที่เขตวังทองหลาง
เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี
อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
โดยให้ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชบัญญัตินี้
และให้เจ้าหน้าที่เวนคืนเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนภายในระยะเวลา ๔ ปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1189 | การกำหนดกระบวนการรับรองสินค้าเกษตรที่ปลอดการเผา | นร. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (เรื่อง แนวทางเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM2.5) มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการลดหรือห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผา
และต่อมาได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง การแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง
PM2.5 ที่เกิดจากการเผา)
มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการในเรื่องนี้ตามกระบวนการของกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและรวดเร็ว
รวมทั้งไม่ให้ขัดต่อข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) นั้น โดยที่ปัจจุบันยังคงมีปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง
PM2.5 ที่เกิดจากการเผาอยู่อย่างต่อเนื่อง
จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โดยให้ดำเนินมาตรการภายในประเทศและมาตรการนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผาอย่างเท่าเทียมกัน
และไม่เลือกปฏิบัติ (ตามหลักการ National Treatment ของ WTO) ทั้งนี้
ให้ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งเจรจาทำความตกลงประเทศเพื่อนบ้านที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดกระบวนการรับรองสินค้าเกษตรที่ปลอดการเผาให้ชัดเจนและเป็นที่รับรู้ร่วมกันเพื่อรองรับการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวข้างต้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1190 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายชาญวิชญ์ สิริสุนทรานนท์) | มท. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชาญวิชญ์ สิริสุนทรานนท์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกรม (ผู้อำนวยการสูง) กรมโยธาธิการและผังเมือง
ให้ดำรงตำแหน่งสถาปนิกใหญ่ (สถาปนิกทรงคุณวุฒิ) กรมโยธาธิการและผังเมือง
กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1191 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การขยายโอกาสการมีงานทำและส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุที่เหมาะสมกับวัยและประสบการณ์ ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา | รง. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การขยายโอกาสการมีงานทำและส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุที่เหมาะสมกับวัยและประสบการณ์
ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปได้ว่า กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการจัดหางานสร้างโอกาสการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ ทำให้มีผู้สูงอายุได้รับการบรรจุงาน
จำนวน ๒๐ คน ก่อให้เกิดรายได้ ๒,๑๖๐,๐๐๐ บาท
มีนโยบายวางแผนการพัฒนากำลังคนให้แก่คนทุกช่วงวัยที่สอดคล้องยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี
โดยการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน New-Skill Up-Skill และ Re-Skill
ให้แก่แรงงานในระบบและแรงงานนอกระบบ
และได้ร่วมมือกับภาคธุรกิจเอกชนสนับสนุนโครงการ “สร้างสุขวัยเก๋า”
เพื่อขยายโอกาสให้กลุ่มผู้สูงอายุทั่วประเทศได้ฝึกอาชีพ
สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว จำนวน ๒๐๐ คน
รวมถึงได้มีมาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุซึ่งอนุญาตให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จ้างผู้สูงอายุที่มีอายุ
๖๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไปเข้าทำงาน สามารถหักรายจ่ายได้ ๒ เท่า ประกอบกับได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ต่าง ๆ เช่น
การลดระยะการส่งเงินสมทบเพื่อให้เกิดสิทธิรับบำนาญชราภาพ เป็นต้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1192 | ร่างปฏิญญาว่าด้วยนโยบายการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและทั่วถึง | อว. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยนโยบายการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและทั่วถึง
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นผู้เข้าร่วมรับรองปฏิญญาดังกล่าว โดยร่างปฏิญญาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตจำนงร่วมกันในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ
กระตุ้นให้เกิดการวิจัยการพัฒนา และนวัตกรรมที่มีความรับผิดชอบและความเท่าเทียมกัน
เพื่อการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพต่อความท้าทายของวิกฤตระดับโลก
รวมทั้งเพื่อเร่งความก้าวหน้าไปสู่การบรรลุเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และเพื่อเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนโดยไม่จำกัดสาขาความร่วมมือ
ซึ่งครอบคลุม ๔ กิจกรรม เช่น การออกแบบและการขับเคลื่อนนโยบาย การเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรม
การเสริมสร้างค่านิยมร่วมในความร่วมมือระหว่างประเทศและการกำกับดูแลเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ) รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ที่ กต ๐๗๐๓/๒๖๗ ลงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๗) เห็นว่าร่างปฏิญญาฯ
ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้ข้อบังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาว่าด้วยนโยบายการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและทั่วถึง
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1193 | การแต่งตั้งเอกอัครราชทูต หัวหน้าคณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม (นางกาญจนา ภัทรโชค) | กต. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางกาญจนา ภัทรโชค ตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
หัวหน้าคณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม
อีกตำแหน่งหนึ่ง เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1194 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การวิจัยทางคลินิกและการจัดการข้อมูลการใช้สมุนไพรในคน ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา | สธ. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การวิจัยทางคลินิกและการจัดการข้อมูลการใช้สมุนไพรในคน ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าวแล้ว
โดยสรุปผลได้ว่าปัจจุบันภาครัฐได้มีการกำหนดนโยบายในการพัฒนางานวิจัยด้านสมุนไพรอยู่แล้ว
โดยแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปี พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ได้มีการกำหนดและมอบหมายให้หน่วยบริหารและจัดการทุนจัดสรรทุนด้านการวิจัยสมุนไพรและได้มีการกำหนดจัดกลุ่มพืชสมุนไพรเป้าหมายที่ควรมุ่งเน้นสำหรับการจัดสรรทุนวิจัย
รวมทั้งมีแผนการดำเนินงานด้านการส่งเสริมการประกอบการและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของภาคเอกชนด้วยการใช้นวัตกรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพร
นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำฐานข้อมูลเชิงประจักษ์และฐานข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้สมุนไพรด้วย
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1195 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถานว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา | กต. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถานว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา
โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปานปรีย์ พหิทธานุกร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามร่างความตกลงฯ
ทั้งนี้ ในกรณีมอบหมายผู้แทนให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ลงนามดังกล่าว และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการตรวจลงตราแก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของแต่ละฝ่ายในการเดินทางเข้า
เดินทางออกจาก เดินทางผ่านและพำนักอยู่ชั่วคราวในดินแดนของรัฐภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง
เป็นระยะเวลาไม่เกิน ๓๐ วัน นับจากวันที่เดินทางเข้า โดยระยะเวลาพำนักสะสมรวมกันจะต้องไม่เกิน
๙๐ วันภายในแต่ละช่วงเวลา ๑๘๐ วัน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถานว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาดำเนินมาตรการในการคัดกรองนักท่องเที่ยวชาวคาซัคสถานอย่างเข้มงวด
รวมถึงติดตามและประเมินผลกระทบทางด้านความมั่นคงจากชาวคาซัคสถานเป็นระยะ
เนื่องจากในห้วงที่ผ่านมาพบความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มก่อการร้ายท้องถิ่นในคาซัคสถานกับกลุ่มก่อการร้ายสากล
จึงมีความเป็นไปได้ที่กลุ่มดังกล่าวอาจแสวงประโยชน์จากการยกเว้นการตรวจลงตรา
โดยใช้ไทยเป็นทางผ่านหรือเป็นพื้นที่หลบซ่อน (safe heaven)
และให้กระทรวงการต่างประเทศสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงผลประโยชน์ที่ไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1196 | การขอยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (แบบ ตม.6) | กต. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินการยกเว้นการยื่นแบบ
ตม.๖ ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นการชั่วคราว (ระหว่างวันที่ ๑
พฤศจิกายน ๒๕๖๖-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๗)
ภายหลังการยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวฯ (แบบ ตม.๖) มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ
๔๗.๑๘ โดยยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับผลกระทบทางด้านความมั่นคงอย่างมีนัยสำคัญ ๒. เห็นชอบในหลักการการขอยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
(แบบ ตม.๖) ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ ๑๕ เมษายน
๒๕๖๗-๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๒.๑
ขยายให้คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรผ่านช่องทางของด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา
ได้รับการยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
(แบบ ตม.๖) (จะสิ้นสุดวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๗) ๒.๒
กำหนดให้คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรผ่านช่องทางของด่านตรวจคนเข้าเมืองทางบก
ได้รับการยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (แบบ ตม.๖)
จำนวน ๗ ด่าน เช่น ด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๑ จังหวัดหนองคาย
ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๒ จังหวัดมุกดาหาร ฯลฯ ๒.๓ กำหนดให้คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรผ่านช่องทางของด่านตรวจคนเข้าเมืองทางน้ำที่เดินทางมากับเรือสำราญและกีฬา
ได้รับการยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
(แบบ ตม.๖) จำนวน ๕ ด่าน เช่น ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต
ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดระยอง ฯลฯ ๓. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
โดยได้รับยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าว ซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
(ตม.๖) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๔. มอบหมายให้หน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกำกับติดตามและประเมินผลกระทบจากการออกประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ภายหลังครบระยะเวลาที่ประกาศไว้
(๖ เดือน) ทั้งนี้ หากมีผลกระทบต่อความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งชาติ
หน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องอาจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1197 | มาตรการเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดจากการเผา | นร. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗
เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง PM2.5
มอบหมายการดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง PM2.5
ที่เกิดจากการเผา
และได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืนขึ้น
โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานกรรมการ
รวมทั้งได้อนุมัติงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ส่งผลให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม พบว่าในหลายพื้นที่ยังมีการเผาและมีฝุ่นละออง
PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานมาก
และส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน
จึงขอมอบหมายให้ส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องยกระดับการปฏิบัติการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง
PM2.5 ที่เกิดจากการเผา
และเร่งดำเนินมาตรการในส่วนที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ ๑.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยทหารในพื้นที่ระดมกำลังในการลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงต่อการเผา
และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมเครื่องมือในการดับไฟ รวมทั้งให้จับกุมและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่ลักลอบเผาป่าทุกกรณี ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้จังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินการจัดชุดปฏิบัติการเฝ้าระวัง
ลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยงต่อการเผา (ตามข้อ ๑) อย่างเคร่งครัด ๓.
ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำกับดูแล กวดขัน
และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้จับกุมผู้ลักลอบเผาในพื้นที่ทำการเกษตรด้วย ๔. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินกรณีฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และพิจารณาใช้มาตรการการปฏิบัติงานนอกที่ตั้งของส่วนราชการ
(Work From Home) ตามความจำเป็นเหมาะสม ๕.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาตัดสิทธิการได้รับความช่วยเหลือชดเชยต่าง
ๆ จากภาครัฐของเกษตรกร
หากตรวจพบว่าเกษตรกรดังกล่าวดำเนินการเผาในพื้นที่ทำการเกษตรของตนเอง ๖.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพิ่มความถี่การปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อป้องกันและบรรเทาสถานการณ์ไฟป่า
หมอกควัน และฝุ่นละออง โดยเร่งด่วน และให้ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคง เช่น
กองทัพบก กองทัพอากาศ
ในการจัดหาเฮลิคอปเตอร์เพื่อช่วยเหลือในการดับไฟป่าให้เพียงพอด้วย ๗.
ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดชุดเคลื่อนที่และหน่วยปฏิบัติการเยี่ยมบ้านเพื่อดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างทั่วถึง
ทันท่วงที รวมทั้งสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลแก่กลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะเยาวชนและผู้สูงอายุ ๘.
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ให้แก่จังหวัดเพื่อให้ทันต่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาในช่วงสถานการณ์วิกฤตปี ๒๕๖๗
ตามขั้นตอน ความเหมาะสม และความจำเป็นเร่งด่วน ๙.
ให้กระทรวงการต่างประเทศยกระดับการร่วมมือและเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีการเผาอยู่มาก
เช่น สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เพื่อให้ช่วยกวดขันปราบปรามการเผาในพื้นที่ รวมทั้งการเพิ่มช่องทางการติดต่อระหว่างกันในการแจ้งจุดที่มีการเผาเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1198 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet | กค. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (เรื่อง ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล
กรณีการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท
ผ่าน Digital Wallet) ตามที่คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet เสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital
Wallet เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์
๒๕๖๗ (เรื่อง ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล
กรณีการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet) โดยให้คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท
ผ่าน Digital Wallet สรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวมแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน
๒ สัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1199 | ร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - เวียดนาม ครั้งที่ 5 | กต. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-เวียดนาม ครั้งที่ ๕ และให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
(นายปานปรีย์ พหิทธานุกร) ร่วมรับรองร่างบันทึกการประชุมฯ ครั้งที่ ๕ ซึ่งร่างบันทึกการประชุมฯ
เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมของรัฐบาลไทยและเวียดนามที่จะส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้าน
การทบทวนการพัฒนาการความสัมพันธ์ในด้านต่าง ๆ และกำหนดทิศทางความร่วมมือในระยะต่อไปของทั้ง
๒ ประเทศ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) ความเป็นหุ้นส่วนเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืน (๒)
ความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน และ (๓) ความเป็นหุ้นส่วนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ตามที่ทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-เวียดนาม
ครั้งที่ ๕ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงผลประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1200 | การควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า | นร. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้ามีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของนักเรียนและนักศึกษา
จึงขอมอบหมายการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ดังนี้ ๑.
มาตรการด้านการปราบปราม ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการปราบปราม
จับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบอย่างจริงจัง
เด็ดขาด และต่อเนื่อง โดยให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เช่น
กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค
และกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
รวมทั้งให้ดำเนินมาตรการลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอย่างเคร่งครัดด้วย
๒.
มาตรการด้านการป้องกัน ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันการเข้าถึงและใช้บุหรี่ไฟฟ้า
เช่น การเผยแพร่ความรู้และรณรงค์เรื่องโทษของบุหรี่ไฟฟ้า
การสร้างความตระหนักรู้ถึงข้อกฎหมายและบทลงโทษต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบ
รวมถึงการตรวจตราที่เข้มงวดเกี่ยวกับการมี การใช้
และการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานศึกษาทุกระดับ
|