ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 752 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 15021 - 15040 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15021 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 สายกรุงเทพมหานคร - แม่สาย (เขตแดน) รวมทางยกระดับอนุสรณ์สถานแห่งชาติ - รังสิต ตอนบ้านห้วยยาง - บ้านพุแค เป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน | คค | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ สายกรุงเทพมหานคร-แม่สาย (เขตแดน) รวมทางยกระดับอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิต ตอนบ้านห้วยยาง-บ้านพุแค เป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ สายกรุงเทพมหานคร-แม่สาย (เขตแดน) รวมทางยกระดับอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิต ตอนบ้านห้วยยาง-บ้านพุแค ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15022 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในความร่วมมือทางวิชาการในสาขาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้กฎหมายและกฎระเบียบของแต่ละประเทศบนพื้นฐานของความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกัน โดยความร่วมมือจะดำเนินการในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และผู้แทนของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งการจัดสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการ การศึกษาดูงาน และการพัฒนาโครงการที่เห็นชอบร่วมกัน ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดพิธีลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งควรเปิดโอกาสให้ทั้งสองประเทศสามารถเชิญผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้าร่วมในกระบวนการทำงานหรือให้ความรู้เพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะในประเด็นที่ทั้งสองประเทศอาจจะยังขาดองค์ความรู้ เพื่อยกระดับความสามารถของทั้งสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15023 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านโคก-ม่วงเจ็ดต้น จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... | มท | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านโคก-ม่วงเจ็ดต้น จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้นและตำบลบ้านโคก อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมีการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม และพื้นที่ลุ่มน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำ รวมถึงควรมีการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ และควรจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้เป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมืองด้วย ควรมีการยกเว้นให้สามารถติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนขนาดเล็กเพื่อสนับสนุนภาคการเกษตรและใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ได้ รวมทั้งควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการบุกรุกพื้นที่อนุรักษ์ป่าไม้ ตลอดจนพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรม และบริเวณริมฝั่งแหล่งน้ำสาธารณะเพื่อรักษาฐานเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมของชุมชนให้มีคุณภาพดีอย่างยั่งยืน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15024 | ขออนุมัติความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC ครั้งที่ 2 และเห็นชอบในหลักการต่อการรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC ครั้งที่ 3 | นร08 | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC ครั้งที่ ๒ [มีการจัดประชุมไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ] และเห็นชอบในหลักการต่อการรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC ครั้งที่ ๓ ณ ประเทศไทย (จะมีการจัดประชุมภายในเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร) โดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการจัดการประชุมดังกล่าว โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ครั้งที่ ๒ เป็นเอกสารแสดงเจตจำนงในการกำหนดแนวทางความร่วมมือในอนาคตร่วมกันของประเทศสมาชิกในกลุ่ม BIMSTEC เช่น การจัดเตรียมแผนปฏิบัติการที่ครอบคลุมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลของประเทศสมาชิก การเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอวกาศระหว่างประเทศสมาชิก การจัดตั้งสภาวิทยาศาสตร์เทือกเขาหิมาลัยภายใต้กรอบ BIMSTEC เพื่อศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศวิทยาบริเวณเทือกเขาหิมาลัย เป็นต้น ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายพลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ในกรณีการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC ครั้งที่ ๓ ณ ประเทศไทย หากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณซึ่งก่อให้เกิดภาระงบประมาณหรือภาระการคลังในอนาคต ที่เข้าข่ายตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15025 | หนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมการโอนที่เกี่ยวข้องในการซื้อที่ดิน อาคาร และห้องชุด เพื่อใช้เป็นที่พำนักและที่ทำการของสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลในดินแดนของแต่ละฝ่ายระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจอร์แดน | กต | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมการโอนที่เกี่ยวข้องในการซื้อที่ดิน อาคาร และห้องชุด เพื่อใช้เป็นที่พำนักและที่ทำการของสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลในดินแดนของแต่ละฝ่ายระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจอร์แดน มีสาระสำคัญเพื่อขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการขึ้นทะเบียนโฉนดที่ดินจากรัฐบาลจอร์แดน และมีรายละเอียดเกี่ยวกับ (๑) ให้รัฐบาลของแต่ละฝ่ายสามารถถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน อาคาร และห้องชุดสำหรับใช้เป็นที่พำนักและที่ทำการของสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลในดินแดนของอีกฝ่ายได้ (๒) ให้รัฐบาลของแต่ละฝ่ายได้รับการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์สำหรับการซื้อที่ดิน อาคาร และห้องชุดดังกล่าว และ (๓) ให้หนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าวมีผลนับจากวันที่รัฐบาลจอร์แดนอนุมัติการซื้อที่ดินของรัฐบาลไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการพิจารณาดำเนินการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าว ขอให้เป็นไปอย่างโปร่งใส และคุ้มค่า โดยคำนึงถึงเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ในโอกาสต่อไปหากกระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมการโอนที่เกี่ยวข้องในการซื้อที่ดิน อาคาร และห้องชุด เพื่อใช้เป็นที่พำนักและที่ทำการของสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลในดินแดนของแต่ละฝ่ายระหว่างรัฐบาลไทยกับประเทศต่าง ๆ ดังเช่นกรณีนี้อีก ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามนัยมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของกระทรวงการคลังอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปพิจารณาประเด็นการให้ส่วนราชการอื่น ๆ ที่ประจำอยู่ในประเทศที่กระทรวงการต่างประเทศจะมีการจัดซื้อหรือก่อสร้างอาคารเข้ามาอยู่รวมกันตามนโยบาย One Roof Policy ด้วย ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการติดต่อประสานงานระหว่างส่วนราชการและบุคลากรภายนอกที่มาติดต่อ รวมทั้งสอดคล้องกับหลักการของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๙ [เรื่อง การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามมาตรา ๒๓ วรรคสี่ สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)] ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการทำหนังสือสัญญาตามมาตา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงควรปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๔๐ ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วย โดยกำหนดว่าการทำหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน ส่วนการทำสัญญาซื้อขายนั้น เมื่อดำเนินการแล้วให้เสนอคณะรัฐมนตรีทราบ ไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15026 | ผลการหารือทวิภาคีของนายกรัฐมนตรีในห้วงการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS Summit) ครั้งที่ 6 ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | กต | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบผลการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และมนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในห้วงการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS Summit) ครั้งที่ ๖ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เมื่อวันที่ ๓๐-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ได้แก่ (๑) การหารือฯ กับนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เช่น การส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาพิสูจน์สัญชาติแรงงานลาวในไทยให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ และการเพิ่มเส้นทางหมายเลข ๑๒ ให้เป็นเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศ และการเปิดพื้นที่ควบคุมร่วมกันที่จุดผ่านแดนมุกดาหาร-สะหวันนะเขต (๒) การหารือฯ กับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เช่น การสนับสนุนและดูแลการลงทุนของภาคเอกชนไทยในด้านการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี และการธนาคาร และ (๓) การหารือฯ กับมนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เช่น การสนับสนุนบทบาทของไทยในการเป็นประธาน ACMECS อาเซียน และเอเปคในระหว่างปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕ และการสร้างความร่วมมือในลักษณะไตรภาคีระหว่างไทย-จีน-ญี่ปุ่น ภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นต้น และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปฏิบัติให้เป็นไปตามผลการหารือฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เช่น หน่วยงานด้านความมั่นคงควรเตรียมการที่จำเป็นสำหรับรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่มีแนวโน้มขยายตัวจากความเชื่อมโยง รวมทั้งการแลกเปลี่ยนทางการค้าและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดความมั่นคงร่วมกันอย่างยั่งยืนต่อไป การเพิ่มบทบาทความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และให้ระมัดระวังในประเด็นความมั่นคงโดยเฉพาะกรณีการจัดตั้งศูนย์บูรณาการความร่วมมือการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคงล้านช้าง-แม่โขง ที่อาจจะกระทบต่อเขตแดนและอธิปไตยของไทย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15027 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ | นร11 | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ความก้าวหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ ได้แก่ (๑) การเตรียมการจัดทำแผนแม่บทเพื่อรองรับยุทธศาสตร์ชาติ (๒) การดำเนินการตามแผนการปฏิรูป (๓) การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ (๔) การสร้างการรับรู้และขยายหุ้นส่วนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ และ (๕) การบูรณาการข้อมูลสวัสดิการภาครัฐ สำหรับการดำเนินการในระยะต่อไป จะดำเนินการนำร่างระเบียบหลักเกณฑ์และวิธีการติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย รวมทั้งจะเปิดระบบ eMENSCR เพื่อใช้เป็นกลไกในการติดตามการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ๒. นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการว่า การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศจะต้องให้ความสำคัญกับภาระงบประมาณของประเทศและการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ในการดำเนินการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ให้กำหนดตัวชี้วัดที่มีความยืดหยุ่นพอสมควรด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15028 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2561 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 | กค | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ มียอดหนี้สาธารณะคงค้าง จำนวนทั้งสิ้น ๖,๔๕๔,๑๖๘.๘๙ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๑.๐๔ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยเป็นหนี้รัฐบาล จำนวน ๕,๑๔๕,๐๒๘.๙๘ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๙๑๘,๘๙๘.๑๖ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จำนวน ๓๘๑,๐๔๖.๙๔ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๙,๑๙๔.๘๑ ล้านบาท ๒. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ เพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ ซึ่งได้มีการปรับปรุงแผนฯ ครั้งที่ ๑ มีวงเงินรวมในแผนฯ ๑,๗๖๐,๑๔๗.๐๔ ล้านบาท โดย ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ กระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้ เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๗๕๐,๑๒๑.๐๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๒.๖๒ ของแผนฯ ๓. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ของรัฐวิสาหกิจ จากการติดตามผลการดำเนินโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจพบว่า มีรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๓ แห่ง ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ มีการดำเนินการล่าช้ากว่าแผน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15029 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเลิกอัตราเงินเดือนข้าราชการทหารของนายทหารสัญญาบัตรยศจอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ หรือพลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก ที่ครองอัตราจอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ รับเงินเดือนระดับ น.๙ เป็นกำหนดให้นายทหารสัญญาบัตรยศพลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก อัตราเงินเดือนพลเอกพิเศษ พลเรือเอกพิเศษ พลอากาศเอกพิเศษ ให้ได้รับเงินเดือนระดับ น.๙ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับโครงสร้างและการบริหารจัดการกำลังพลของกระทรวงกลาโหม ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ระเบียบ และอัตราตำแหน่งเฉพาะกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติฯ ซึ่งการปรับปรุงแก้ไขยศทหาร อัตรา และระดับเงินเดือนของนายทหารสัญญาบัตรนั้น อาจส่งผลกระทบต่อข้าราชการตำรวจและข้าราชการประเภทอื่นโดยรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15030 | ขอความเห็นชอบให้มหาวิทยาลัยอมตะ (Amata University) จัดการศึกษาหลักสูตรของมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันในประเทศไทย | ศธ | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้มหาวิทยาลัยอมตะ (Amata University) จัดการศึกษาในหลักสูตร Master of Science (M.S.) in Engineering (Intelligent Manufacturing System) ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan University : NTU) ในประเทศไทย ตามความในข้อ ๔ แห่งคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๖๐ เรื่อง การส่งเสริมการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยคณะกรรมการพัฒนาการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ (คพอต.) ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับแนวปฏิบัติของหน่วยราชการและรัฐวิสากิจในการติดต่อกับฝ่ายไต้หวัน เช่น การดำเนินการใด ๆ จะต้องกระทำด้วยวัตถุประสงค์เพื่อเศรษฐกิจ วิชาการ สังคม และวัฒนธรรม และไม่ให้มีการจัดทำเอกสารใด ๆ กับฝ่ายไต้หวัน ในลักษณะเป็นความตกลงระหว่างประเทศ (รัฐบาลไทยและรัฐบาลไต้หวัน) ก่อนดำเนินการในขั้นตอนอื่น ๆ ต่อไป และให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น หากผู้สำเร็จการศึกษาจาก NTU ประสงค์จะเข้ารับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนจำเป็นต้องดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการรับรองคุณวุฒิและการกำหนดเงินเดือน ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๔.๓/ว ๑๔ ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ และการส่งเสริมสนับสนุนหรือมีมาตรการจูงใจให้ผู้สำเร็จการศึกษาได้ทำงานในประเทศไทย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดย คพอต. ประสานงานกับบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การจัดทำข้อตกลงเพิ่มเติมที่บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) จะจัดทำกับ NTU มีความสอดคล้องกับข้อตกลงการจัดการศึกษา โดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศที่จัดทำระหว่าง คพอต. และบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15031 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2560/2561 | อก | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ ในเขตคำนวณราคาอ้อย ๑ ๒ ๓ ๔ ๖ ๗ และ ๙ ในอัตรา ๘๘๐ บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ ๕๒.๘๐ บาทต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ต่อเมตริกตัน และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ เท่ากับ ๓๗๗.๑๔ บาทต่อตันอ้อย ๑.๒ กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ ในเขตคำนวณราคาอ้อย ๕ ในอัตรา ๘๓๐ บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ ๔๙.๘๐ บาทต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ต่อเมตริกตัน และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ เท่ากับ ๓๕๕.๗๑ บาทต่อตันอ้อย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการในกรณีที่ราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ ต่ำกว่าราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ ให้เกิดความเป็นธรรมต่อเกษตรกรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สอดคล้องกับพันธกรณีที่ไทยมีอยู่กับต่างประเทศ และเป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้เร่งดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยอ้อยและน้ำตาลทรายให้สอดคล้องกับแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๖๑ เรื่อง การแก้ไขปัญหากฎหมายเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ เช่น การพิจารณาแนวทางในการรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การค้าน้ำตาลทรายของโลก และเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด มีความสอดคล้องกับข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการบริหารจัดการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย และอุตสาหกรรมต่อเนื่องของไทยในระยะยาวต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15032 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตะกุด และตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... | คค | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตะกุด และตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงชนบทสาย ข๒ ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองสระบุรี และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปดำเนินการสำรวจและจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แล้วเสร็จตามแผนการที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15033 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร09 | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ รวมทั้งอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15034 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจความปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... | รง | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจความปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการของกระทรวงแรงงาน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจความปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15035 | ขออนุมัติเลื่อนฐานะกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครแอดิเลด เครือรัฐออสเตรเลีย เป็นกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครแอดิเลด เครือรัฐออสเตรเลีย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางอะแมนดา-เจน ยานโนพูลอส (Mrs. Amanda-Jane Giannopoulos)] | กต | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเลื่อนฐานะ นางอะแมนดา-เจน ยานโนพูลอส (Mrs. Amanda-Jane Giannopoulos) กงสุลกิตติมศักดิ์ สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครแอดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลีย เครือรัฐออสเตรเลีย เป็น กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครแอดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลีย เครือรัฐออสเตรเลีย โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมรัฐเซาท์ออสเตรเลีย และดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี สืบแทน นางโจแอน มูเรียล วอลตัน (Mrs. Joan Muriel Walton) ซึ่งถึงแก่กรรม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15036 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ ในส่วนค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือ) | กค | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของบริษัทของห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters หรือ IHQ) จากเดิมซึ่งเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับรายได้ค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ เป็น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ เฉพาะค่าสิทธิที่เกิดจากผลการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่กระทำขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าการวิจัยและพัฒนานั้นจะกระทำโดย IHQ หรือโดยการจ้างผู้อื่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับปรุงมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการจัดทำประมาณการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่จะได้รับในครั้งนี้ให้ชัดเจน โดยจัดทำประมาณการรายได้อย่างน้อย ๓ ปี เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยของกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐต่อไป นอกจากนี้ กรมสรรพากรควรเร่งออกกฎหมายลำดับรองกำหนดวิธีการและเงื่อนไขการได้สิทธิประโยชน์เมื่อพระราชกฤษฎีกาฯ มีผลบังคับใช้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15037 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อการพัฒนาปาเลสไตน์ ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 | กต | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อการพัฒนาปาเลสไตน์ ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๓ (Draft Joint Statement of the Third Ministerial Meeting of the Conference on Cooperation among East Asian Countries for Palestinian Development) ที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อการพัฒนาปาเลสไตน์ (Conference on Cooperation among East Asian Countries for Palestinian Development : CEAPAD) ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๓ ในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ การส่งเสริมข้อริเริ่มของ CEAPAD ให้เป็นเวทีที่มีประสิทธิภาพในการประสานงาน การแบ่งปันประสบการณ์และองค์ความรู้ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกให้กับปาเลสไตน์ การจับคู่ระหว่างสาขาการพัฒนาที่ได้รับความสำคัญและตรงตามความต้องการของปาเลสไตน์กับทรัพยากรของประเทศเอเชียตะวันออกที่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่ปาเลสไตน์ การจัดทำแผนการดำเนินงาน ๓ ปี ซึ่งสมาชิก CEAPAD จะให้ความช่วยเหลือแก่ปาเลสไตน์ตามสาขาที่มีทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ การยกระดับสำนักเลขานุการของปาเลสไตน์ที่รับผิดชอบการประสานงานระหว่างสมาชิก CEAPAD และการสนับสนุนสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (United Nations Relief and Works Agency for Palestine Refugees in the Near East : UNRWA) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ รวมถึงการมีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการประชุม CEAPAD ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มรายละเอียดในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ได้แก่ (๑) กำหนดประเด็นความสำคัญ และ/หรือสาขาที่จำเป็นเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือ (Prioritized Sectors) เพื่อประโยชน์ในการจัดทำแผน ๓ ปี และ (๒) กำหนดรูปแบบการบริหารจัดการ การจัดสรรทุน และลักษณะของการดำเนินการของกองทุน (Trust Fund) ภายใต้กลไก CEAFAM (CEAPAD Facilitation Mechanism) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศในฐานะเจ้าภาพในการจัดประชุมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อการพัฒนาปาเลสไตน์ ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๓ ดำเนินบทบาทและแสดงท่าทีของประเทศไทยด้วยความรอบคอบ รัดกุม ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อการพัฒนาปาเลสไตน์ ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๓) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15038 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร51 | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๔๐,๘๒๑,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ กอ.รมน. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุมและกำกับดูแลโครงการฯ ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งควรพิจารณาดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยจัดให้มีระบบติดตามประเมินผลโครงการฯ และรายงานความก้าวหน้าให้คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทราบอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15039 | รายงานผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ครั้งที่ 3 | มท | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ครั้งที่ ๓ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการลงพื้นที่ครั้งที่ ๑-๓ ของทีมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ระดับตำบล ได้ลงพื้นที่จัดเวทีประชาคมครบถ้วนทุกหมู่บ้าน/ชุมชนแล้ว โดยครั้งที่ ๑ (๒๑ กุมภาพันธ์-๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑) มีประชาชนเข้าร่วมเวทีประชาคม ๘.๗๘ ล้านคน ครั้งที่ ๒ (๒๑ มีนาคม-๑๐ เมษายน ๒๕๖๑) มีประชาชนเข้าร่วมเวทีประชาคม ๗.๙๘ ล้านคน และครั้งที่ ๓ (๑๑ เมษายน-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑) มีประชาชนเข้าร่วมเวทีประชาคม ๗.๖๒ ล้านคน และขณะนี้ทีมขับเคลื่อนฯ ระดับตำบลอยู่ระหว่างการลงพื้นที่ครั้งที่ ๔ (ระหว่างวันที่ ๑๖ พฤษภาคม-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑) โดยลงพื้นที่แล้ว ๔๑,๓๙๐ แห่ง มีประชาชนเข้าร่วมเวทีประชาคม ๓.๙๖ ล้านคน ๒. ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ตามที่ได้รับงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เช่น (๑) โครงการมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้ดำเนินการสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมาย ๘.๒ ล้านคน โดยเป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประสงค์พัฒนาตน ๔.๑ ล้านคน (๒) โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน (หมู่บ้าน/ชุมชนละสองแสนบาท) มี ๘๐,๗๘๗ หมู่บ้าน/ชุมชนเสนอโครงการแล้ว (จากทั้งหมด ๘๒,๒๓๓ หมู่บ้าน/ชุมชน) โดยคณะกรรมการบริหารงานอำเภอ/คณะกรรมการของกรุงเทพมหานครได้พิจารณาอนุมัติโครงการแล้ว ๖๗,๖๙๗ หมู่บ้าน/ชุมชน และ (๓) โครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนโดยศาสตร์พระราชาตามแนวทางประชารัฐ ผ่านกองทุนหมู่บ้าน กองทุนละไม่เกินสามแสนบาท ได้จัดประชุมการเปิดปฏิบัติการโครงการฯ เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๑ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15040 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ | กต | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
.....