ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 755 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 15081 - 15100 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15081 | ผลการประชุมสมัชชาเอฟ เอ โอ ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 34 | กษ | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมสมัชชาเอฟ เอ โอ ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ ๓๔ ณ เมืองนาดี สาธารณรัฐฟิจิ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๕ เมษายน ๒๕๖๑ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมประชุมฯ ซึ่งผลการประชุมฯ มีประเด็นเกี่ยวกับปัญหาความมั่นคงทางอาหารและพัฒนาคุณภาพชีวิตในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เช่น (๑) ประเทศสมาชิกเอฟ เอ โอ ควรร่วมกันขจัดความหิวโหยและการขาดแคลนสารอาหาร และแก้ไขปัญหาภาวะโภชนาการที่ไม่เหมาะสม ผ่านการจัดการดิน น้ำ และสภาพอากาศอย่างเหมาะสมต่อการผลิตสินค้าเกษตร การส่งเสริมการทำการเกษตรแบบผสมผสาน รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการผลิตสินค้าเกษตรที่หลากหลาย ซึ่งเป็นพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (๒) ไทยได้ดำเนินการผลักดันประเด็นที่สำคัญ โดยให้ประเทศสมาชิกเอฟ เอ โอ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกได้รับรู้และดำเนินการเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร ความมั่นคงทางอาหารและความยากจน ผ่านหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรอย่างยั่งยืน และการจัดการทรัพยากรดินและน้ำผ่านโครงการไทยนิยม ยั่งยืน รวมทั้งการมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal Unreported and Unregulated Fishing : IUU Fishing) (๓) รับทราบประเด็นที่ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกให้ความสำคัญในการรับมือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การทำเกษตรอย่างยั่งยืน การสร้างความรู้และเข้มแข็งให้เกษตรกรรายย่อย และการส่งเสริมการเคลื่อนย้ายเงินทุนและความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ เป็นต้น และ (๔) การหารือทวิภาคีระหว่างไทยและเกาหลีในประเด็นการเร่งรัดการเปิดตลาดสินค้าเกษตรระหว่างกัน และการหารือระหว่างไทยกับฟิจิในประเด็นการเร่งรัดให้เปิดตลาดสินค้าเกษตรและถ่ายทอดองค์ความรู้ของไทยให้แก่ฟิจิ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดปฏิบัติตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการขจัดความหิวโหยเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15082 | รัฐบาลไอร์แลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายโจเซฟ แอนโทนี คอตเตอร์ (Mr. Joseph Anthony Cotter)] | กต | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายโจเซฟ แอนโทนี คอตเตอร์ (Mr. Joseph Anthony Cotter) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งไอร์แลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายเบร็นดัน รอเจอรส์ (Mr. Brendan Rogers) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15083 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางกฤษดา แสวงดี) | สธ | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายหวาน ศรีเรือนทอง ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงสุขภาพจิตชุมชน) กลุ่มงานการแพทย์ กลุ่มบริการทางการแพทย์ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๒. นายวิรุฬห์ พรพัฒน์กุล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ๓. นางกฤษดา แสวงดี ดำรงตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ (ด้านแผนยุทธศาสตร์สาธารณสุข) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15084 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 | มท | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๕ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยเพิ่มบทนิยามและกำหนดระยะห่างจากเขตที่ดินของสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่นเป็นอาคาร รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์บางประการเพื่อให้ห้องแถว ตึกแถว หรือบ้านแถวซึ่งมีสภาพทรุดโทรมสามารถดัดแปลงหรือรื้อถอนอาคารเพื่อก่อสร้างอาคารใหม่ทดแทนอาคารเดิมได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการขออนุญาตก่อสร้างอาคารให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15085 | รัฐบาลฮังการีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งฮังการีประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายซิลเวสเตอร์ บุช (Mr. Szilveszter Bus)] | กต | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายซิลเวสเตอร์ บุช (Mr. Szilveszter Bus) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งฮังการีประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายเปเตอร์ ยาค็อบ (Mr. Peter Jakab) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15086 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงมหาดไทย) (นายทวีเกียรติ ศรีสกุลเมฆี) | มท | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายทวีเกียรติ ศรีสกุลเมฆี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งสถาปนิกใหญ่ (สถาปนิกทรงคุณวุฒิ) กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15087 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. .... | สว | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. .... โดยข้อสังเกตต่อการพิจารณาออกข้อกำหนดของประธานศาลฎีกากรณีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้อันทำให้ผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ การออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการแก้ไขข้อผิดพลาดหรือบกพร่องทางวิธีพิจารณา การออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ และการออกข้อกำหนดเกี่ยวกับกระบวนการตรวจพยานหลักฐานและการโต้แย้งนั้น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของคณะอนุกรรมการร่างข้อกำหนดของประธานศาลฎีกา ส่วนข้อสังเกตกรณีการพิจารณาการกระทำผิดเกี่ยวกับการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ได้นำมากำหนดไว้ตามร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้แล้ว และเห็นด้วยกับข้อสังเกตกรณีเมื่อศาลพิจารณาพิพากษาคดีโดยไม่มีตัวจำเลยเสร็จแล้วที่ให้หน่วยงานของรัฐเร่งติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15088 | รายงานผลการตรวจสอบที่มีข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง (เรื่อง สิทธิชุมชนและสิทธิในการมีส่วนร่วมของประชาชน กรณีกล่าวอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา) | สม | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานผลการดำเนินการและความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับรายงานผลการตรวจสอบที่มีข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง (เรื่อง สิทธิชุมชนและสิทธิในการมีส่วนร่วมของประชาชน กรณีกล่าวอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้ กสม. ทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15089 | ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. 2560-2564 รอบไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | ปง | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) รายงานผลการดำเนินงานและปัญหา/อุปสรรคที่พบในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ รอบไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยมีโครงการ/กิจกรรม จำนวนทั้งสิ้น ๗๓ โครงการ/กิจกรรม ดำเนินงานแล้วเสร็จ ๒๓ โครงการ/กิจกรรม อยู่ระหว่างดำเนินงาน ๓๔ โครงการ/กิจกรรม และยังไม่มีการดำเนินงาน ๑๖ โครงการ/กิจกรรม ซึ่งผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวพบว่า มีปัญหาและอุปสรรคจากการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ตระหนักถึงผลกระทบร้ายแรงของการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย การบูรณาการในระดับปฏิบัติงานยังไม่มีประสิทธิผลเพียงพอที่จะขับเคลื่อนให้การปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์บรรลุผลสำเร็จ รวมทั้งการบูรณาการข้อมูลสถิติระดับชาติในด้านต่าง ๆ ยังไม่มีประสิทธิภาพ และการทบทวนกฎหมายและอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลยังไม่มีความคืบหน้าอย่างเพียงพอ สำนักงาน ปปง. จึงได้เสนอแนวทางแก้ไขโดยให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ/คณะทำงาน เพื่อผลักดันและสร้างความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์และความเป็นเจ้าของร่วมกันในการเก็บรวบรวมข้อมูลและเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ทั้งนี้ คณะกรรมการ ปปง. พิจารณาเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ ๒. รับทราบแนวทางการดำเนินการของสำนักงาน ปปง. ที่จะเสนอให้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการประสานและกำกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายต่อไป ๓. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมมือในการดำเนินการของสำนักงาน ปปง. เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15090 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวพัดชา พงศ์กีรติยุต และ นายไพโรจน์ เจือประทุม) | กค | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวพัดชา พงศ์กีรติยุต ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๒. นายไพโรจน์ เจือประทุม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15091 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... | สว | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังได้มีการเตรียมความพร้อมในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกำหนดกรอบระยะเวลา เพื่อรองรับการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง และได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ส่วนการกันเงินรายได้เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของหน่วยงานนั้น กระทรวงการคลังจะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เสนอร่างกฎหมายพิจารณากำหนดจำนวนเงินสูงสุดในการกันเงินรายได้ไว้ในร่างกฎหมายที่จะมีการดำเนินการหลังร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... มีผลบังคับใช้ สำหรับหลักเกณฑ์ในการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดสำหรับทุนหมุนเวียนต่าง ๆ ต่อคณะรัฐมนตรี กระทรวงการคลังได้มีการออกพระราชกฤษฎีกาการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดและการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๑ แล้ว นอกจากนี้ การเสนองบประมาณรายจ่ายต่อฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ ซึ่งกำหนดให้ฝ่ายบริหารต้องมีการจัดทำข้อมูลการคลังด้านต่าง ๆ และคำอธิบายเกี่ยวกับหนี้ของรัฐบาลทั้งที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันและที่เสนอขอกู้เพิ่มเติม ดังนั้น เอกสารประกอบงบประมาณที่เสนอต่อฝ่ายนิติบัญญัติ จึงครอบคลุมรายละเอียดข้อมูลการกู้เงินและการค้ำประกันของรัฐบาล การชำระหนี้ ตลอดจนสถานะหนี้สาธารณะในภาพรวม เพื่อประกอบการพิจารณากลั่นกรองในการอนุมัติงบประมาณรายจ่าย รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการกู้เงินจะต้องชำระหนี้เงินกู้ตามกำหนดเวลาโดยเคร่งครัด และต้องจัดให้มีการกำกับดูแลการชำระหนี้ โดยกระจายภาระการชำระหนี้และคำนึงถึงต้นทุนในการชำระหนี้ เพื่อไม่ให้กระทบกับความสามารถในการดำเนินการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15092 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....[มาตรการป้องกันการกำหนดราคาโอนระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน (Transfer Pricing)] (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการป้องกันการกำหนดราคาโอนระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน (Transfer Pricing)] ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15093 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน 2561) | นร | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๑ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15094 | รายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2561 | พณ | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการจัดสถานการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ (Special 301) ประจำปี ๒๕๖๑ โดยผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative : USTR) ได้ประกาศผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้าตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ซึ่งประเทศไทยได้รับการปรับสถานะให้ดีขึ้นจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List : PWL) เป็นบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List : WL) เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ โดยสหรัฐฯ แสดงความพอใจต่อนโยบายและผลการดำเนินการของประเทศไทย เช่น การให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจากระดับนโยบายสูงสุดของรัฐบาล การแก้ไขปัญหางานค้างสะสม การจดทะเบียนสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า เป็นต้น รวมทั้งมีข้อกังวล/ข้อเสนอแนะ เช่น การบังคับใช้กฎหมายที่ยังคงพบสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาประสานข้อมูลและความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการทำงานให้เกิดผลอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านการค้าและการลงทุนของประเทศ และรักษาสถานะของประเทศไทยไว้ในบัญชี WL หรือผลักดันให้ประเทศไทยหลุดจากทุกบัญชีในอนาคต และควรเร่งดำเนินการแก้ไขข้อกังวลของสหรัฐฯ อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เพียงพอและมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าและนักลงทุนต่างชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อเสนอแนะในประเด็นต่าง ๆ ในรายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วภายในปี ๒๕๖๑ เพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากทุกบัญชีตามผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15095 | รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๔๖ โดยรายงานนี้กล่าวถึงการรับการใช้จ่ายเงินที่ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ผลการดำเนินงานของ กกพ. สำนักงาน กกพ. และกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในปีที่ล่วงมา รวมทั้งเหตุผลในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ งบการเงิน และบัญชีทำการพร้อมทั้งรายงานของผู้สอบบัญชี และแผนงานที่จะดำเนินการในภายหน้าของ กกพ. สำนักงาน กกพ. และกองทุนฯ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15096 | การปรับปรุงชื่อหน่วยงานขององค์ประกอบภายใต้คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2560 (เพิ่มเติม) | คค | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงชื่อหน่วยงานขององค์ประกอบภายใต้คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๔ คณะ ประกอบด้วย (๑) คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อประสานงานกับองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (๒) คณะกรรมการร่วมถาวรไทย-มาเลเซีย ว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ (๓) คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ และ (๔) คณะกรรมการแห่งชาติในการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15097 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านคมนาคม ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น | คค | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านคมนาคม ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น (Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism : MLIT) ระหว่างวันที่ ๔-๗ เมษายน ๒๕๖๑ ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่น ประกอบด้วย โครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และโครงการพัฒนาการขนส่งสินค้าทางรถไฟ (๒) โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ฝ่ายไทยขอให้ฝ่ายญี่ปุ่นช่วยเร่งรัดบริษัท Hitachi ในการผลิตและส่งมอบตัวรถให้ได้ตามกำหนดการหรือเร็วกว่าเดิม (๓) การร่วมพัฒนาโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ฝ่ายญี่ปุ่นสนใจเข้าร่วมพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม ๓ สนามบิน โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ ๓ และโครงการบริหารจัดการระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางของทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เส้นทางบางปะอิน-นครราชสีมา (๔) ความช่วยเหลือทางวิชาการ ฝ่ายญี่ปุ่นได้ให้ความช่วยเหลือในการทำการศึกษา ๒ โครงการ ได้แก่ การศึกษาจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบการขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระยะที่ ๒ (M-MAP 2) และการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีบางซื่อ (๕) ความร่วมมือด้านการบิน ฝ่ายไทยได้ขอให้ MLIT พิจารณาคำขอในการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ-ฮาเนดะ นาริตะ ฮอกไกโด ของบริษัทการบินไทยฯ (๖) ความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนน ฝ่ายญี่ปุ่นได้ร่วมวางมาตรการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนให้ไทย และ (๗) การศึกษาดูงาน คณะผู้แทนไทยได้เยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนาของบริษัท Honda สถานีขนส่งของบริษัท JR Bus Kanto และโรงงานของบริษัท Hitachi ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตขบวนรถไฟฟ้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15098 | ผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (Economic Committee : EC) ครั้งที่ 1/2561 | นร11 | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (Economic Committee : EC) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ ระหว่างวันที่ ๕-๖ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ เมืองพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี โดยมีรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นางปัทมา เธียรวิศิษฏ์สกุล) ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ ซี่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้วาระใหม่สำหรับการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค (Renewed APEC Agenda for Structural Reform : RAASR) (๒) การจัดทำรายงานนโยบายเศรษฐกิจเอเปค เรื่อง การปฏิรูปโครงสร้างและโครงสร้างพื้นฐานปี ๒๕๖๑ (APEC Economic Policy Report on Structural Reform and Infrastructure : AEPR 2018) (๓) การวิเคราะห์ทิศทางและแนวโน้มเศรษฐกิจของกลุ่มเอเปค (๔) การจัดกิจกรรมการหารือเชิงนโยบายภายใต้กลุ่มธรรมาภิบาลภาครัฐ (Public Sector Governance : PSG) เรื่อง ภาครัฐแบบเปิด (Open government) (๕) การหารือระดับนโยบายเรื่อง การตรวจสอบผลการดำเนินงานด้านความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Policy Discussion on Ease of Doing Business Stocktake) (๖) การหารือระดับนโยบายเรื่อง การให้บริการภาครัฐในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Policy Discussion on Provision of Public Services in Electronic Format : Public E-Services) และ (๗) การส่งเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) สู่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดกลางและรายย่อยระดับโลก (Promoting E-Commerce to Globalize Micro-Small and Medium Enterprises : MSMEs) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15099 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 23 ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 | คค | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๒๓ ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๗-๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยและรองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนเป็นประธานร่วม รวมทั้งความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการดังกล่าว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ดังนี้
๑. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้คณะทำงานด้านเทคนิคกระชับการเจรจาสัญญา ๒.๓ เพื่อส่งเสริมการปรึกษาหารือและการสร้างความเข้าใจร่วมกัน ๒. ฝ่ายไทยตกลงที่จะไม่จัดตั้งศูนย์ควบคุมการเดินรถ (ผังการเดินรถ) สำรองสำหรับโครงการระยะแรก (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้เตรียมการเพิ่มเครื่องคอมพิวเตอร์หลัก (เซิร์ฟเวอร์) ของระบบควบคุมการเดินรถจากศูนย์กลางสำรองไว้ใช้งาน ณ เชียงรากน้อย ในโครงการระยะที่สอง (ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย) ๓. ฝ่ายไทยจะดำเนินการให้มีการหารือร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในประเด็นการจ่ายไฟจากแหล่งไฟฟ้าภายนอกสำหรับโครงการ โดยฝ่ายจีนจะให้ความร่วมมือและสนับสนุนด้านเทคนิคอย่างเต็มที่ ๔. ฝ่ายไทยรับทราบรายงานความเห็นต่อผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการระยะที่สอง (นครราชสีมา-หนองคาย) ที่ฝ่ายจีนได้นำส่งให้ฝ่ายไทยแล้ว โดยฝ่ายจีนจะประมาณการราคาระบบไฟฟ้าและเครื่องกลรถไฟของโครงการระยะที่สองตามมาตรฐานรถไฟจีนต่อไป ๕. ฝ่ายจีนอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นสำหรับช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ และโดยที่โครงการในช่วงเส้นทางดังกล่าวเกี่ยวข้องกับไทย-ลาว-จีน จึงเสนอให้มีการจัดตั้งกลไกการหารือสามฝ่ายระหว่างไทย-ลาว-จีน เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันในประเด็นด้านเทคนิคและพิธีการศุลกากร ๖. ฝ่ายจีนเห็นชอบที่จะจัดเตรียมและนำส่งหลักสูตรการฝึกอบรมวิศวกรไทยด้านเทคโนโลยีการออกแบบรถไฟความเร็วสูงให้ฝ่ายไทย และเห็นว่าการฝึกอบรมอาจจะสามารถจัดขึ้นในประเทศไทยได้ ๗. โดยที่ไทยอยู่ระหว่างการจัดตั้งองค์กรใหม่เพื่อรับผิดชอบการบริหารจัดการเดินรถไฟความเร็วสูง ฝ่ายไทยจึงขอให้ฝ่ายจีนถ่ายทอดประสบการณ์ในการจัดตั้งองค์กรและส่วนที่เกี่ยวดังกล่าวต่อไป ๘. ฝ่ายจีนยินดีที่จะให้การสนับสนุนฝ่ายไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบราง ๙. ฝ่ายไทยขอให้ฝ่ายจีนสนับสนุนการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการส่งเสริมขีดความสามารถการทดสอบการก่อสร้าง การติดตั้ง การตรวจสอบ และการซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟความเร็วสูงในไทย ๑๐. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในหลักการให้จัดการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๒๔ ณ วันที่ ๑๘-๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ ณ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15100 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 454) พ.ศ. 2549] | กค | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกมาตรการส่งเสริมทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕๔) พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยเป็นการยกเลิกการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล และการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ บางกรณี ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ซึ่งกู้ยืมเงินตราจากต่างประเทศเพื่อให้กู้ยืมในต่างประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าว ควรพิจารณาถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ ตลอดจนผลกระทบต่อรายได้ของรัฐ ความน่าเชื่อถือในนโยบายส่งเสริมการลงทุน และความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้เสียภาษีที่ได้รับสิทธิประโยชน์อยู่แล้วประกอบด้วย นอกจากนี้ ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ตามมาตรการทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้อย่างน้อย ๓ ปี เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยของกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....