ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 760 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 15181 - 15200 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15181 | รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี 2560 และรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | สม | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๐ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับสิทธิต่าง ๆ ๕ ส่วนหลัก ได้แก่ (๑) สถานการณ์ด้านสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (๒) สถานการณ์ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง เช่น การทรมานและการบังคับสูญหาย สิทธิในกระบวนการยุติธรรม (๓) สถานการณ์ด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เช่น สิทธิทางการศึกษา สิทธิการทำงาน (๔) สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของบุคคล ๖ กลุ่ม เช่น กลุ่มเด็ก กลุ่มสตรี และ (๕) สถานการณ์ที่เป็นประเด็นร่วม ๕ ประเด็น เช่น การค้ามนุษย์ สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และรายงานผลการปฏิบัติงานของ กสม. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกอบด้วย ๒ ส่วนหลัก ได้แก่ รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๖๐ ของ กสม. ซี่งมีภารกิจการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การตรวจสอบเรื่องร้องเรียนและจัดทำรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙-๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ โดยมีผลการพิจารณา/ตรวจสอบเรื่องร้องเรียน รวมทั้งสิ้น ๑,๐๐๙ เรื่อง และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของ กสม. ตามที่ กสม. เสนอ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นชอบและมีความเห็นเพิ่มเติมต่อข้อเสนอแนะของ กสม. โดยให้ส่งความเห็นของหน่วยงานดังกล่าวไปเพื่อ กสม. พิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับประเด็นข้อสังเกตและข้อเสนอแนะตามรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15182 | ร่างพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓ โดยเพิ่มวัตถุประสงค์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ให้มีอำนาจประกอบกิจการระบบจำหน่ายไฟฟ้าและดำเนินธุรกิจหรือกิจการอื่นใดที่เป็นประโยชน์แก่ กฟภ. เพิ่มอำนาจในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของ กฟภ. ทั้งในและนอกราชอาณาจักร ปรับปรุงองค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ ตลอดจนคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของผู้รักษาการแทนผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น การดำเนินการตามวัตถุประสงค์บางประการที่ควรต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี การกำหนดขอบเขตวัตถุประสงค์ของ กฟภ. ให้ชัดเจนและไม่กว้างขวางเกินไป และการดำเนินการที่ไม่เกี่ยวกับการประกอบกิจการระบบจำหน่ายไฟฟ้าโดยตรงต้องไม่นำมาคิดคำนวณอัตราค่าไฟฟ้าของประชาชน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ และฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการให้เงินทดแทนแก่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นจากการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15183 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกิจการอวกาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ดศ | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกิจการอวกาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกิจการอวกาศ พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ และแก้ไขชื่อส่วนราชการให้สอดคล้องกับการปรับปรุงส่วนราชการในปัจจุบันตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๕๙ และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15184 | ร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วท | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มกลไกในการกำกับดูแล โดยเพิ่มระบบการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสี หรือเครื่องกำเนิดรังสีที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับใช้เพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์และไม่มีวัสดุกัมมันตรังสีเป็นส่วนประกอบ และใช้งานในสถานพยาบาลหรือสถานพยาบาลสัตว์ เป็นอีกระบบหนึ่งในการกำกับดูแล ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้นำหลักการของร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งนายเจตน์ ศิรธรานนท์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เห็นควรปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มความเข้มแข็งของกลไกการตรวจสอบติดตามผลการประเมินเครื่องกำเนิดรังสีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้แก่ผู้รับบริการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15185 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับไปพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สว | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณาและข้อสังเกตร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับไปพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งนายเจตน์ ศิรธรานนท์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ] ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติฉบับที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอมีหลักการคล้ายกับร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียกร่างขึ้น โดยกำหนดให้มีกลไกในการควบคุมเครื่องกำเนิดรังสีเป็นส่วนประกอบ ซึ่งใช้งานในสถานพยาบาลหรือสถานพยาบาลสัตว์ แต่มีความแตกต่างกันในประเด็นการควบคุมเครื่องกำเนิดรังสีดังกล่าว โดยร่างพระราชบัญญัติที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (นายเจตน์ ศิรธรานนท์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) เสนอได้วางกลไกให้มีกฎหมายเฉพาะในการควบคุมดูแล แต่ร่างพระราชบัญญัติที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียกร่างขึ้น (อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี) ได้กำหนดให้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลตามกฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ เพียงแต่นำระบบแจ้งการครอบครองหรือการใช้เครื่องกำเนิดรังสีมาใช้บังคับ และกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีอำนาจออกกฎกระทรวงที่เกี่ยวกับเครื่องกำเนิดรังสีดังกล่าวเท่านั้น ๑.๒ เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อาจมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยคำนึงถึงหลักการข้างต้นและนำหลักการของร่างพระราชบัญญัติที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (นายเจตน์ ศิรธรานนท์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) เสนอไปประกอบการพิจารณา ส่วนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เสนอโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาตินั้น เห็นควรชะลอการพิจารณาเพื่อรอร่างพระราชบัญญัติฯ ของคณะรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อพิจารณาไปพร้อมกันต่อไป ๒. ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายเจตน์ ศิรธรานนท์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ที่คณะรัฐมนตรีขอรับไปพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในกำหนดเวลา พร้อมให้แจ้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปด้วยว่า ควรชะลอการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายเจตน์ ศิรธรานนท์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) เพื่อรอร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา เพื่อพิจารณาไปพร้อมกันต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15186 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดดอนเมือง ตำบลสีกัน อำเภอดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ให้แก่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) พ.ศ. .... | พศ | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดดอนเมือง ตำบลสีกัน อำเภอดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ให้แก่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดดอนเมือง ตำบลสีกัน อำเภอดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ ๘ ไร่ ๒ งาน ๘๘ ตารางวา ให้แก่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการท่าอากาศยาน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15187 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม 2 ฉบับ | นร09 | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยร่างกฎกระทรวงทั้ง ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการของกรมทรัพยากรธรณีและกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15188 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี 2561 | พณ | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี ๒๕๖๑ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ในการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี ๒๕๖๑ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญคือ ให้สมาชิกเอเปคยืนยันและตระหนักถึงความร่วมมือในการเปิดเสรีการค้าและการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เช่น การสนับสนุนการค้าพหุภาคี การดำเนินการตามเป้าหมายโบกอร์ การจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก ความเชื่อมโยงภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก การลงทุน มาตรการที่มิใช่ภาษี เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า เศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตและการค้าดิจิทัล ความสามารถทางการแข่งขันของการค้าภาคบริการ การส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน มีนวัตกรรมและทั่วถึง การพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) การคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ร่างแถลงการณ์ฯ ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งในหลักการของร่างแถลงการณ์ฯ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันผลกระทบทางลบจากเทคโนโลยี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15189 | การลงนามในบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือด้านทรัพยากรแร่ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐโมซัมบิก | พณ | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือด้านทรัพยากรแร่ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐโมซัมบิก โดยเห็นชอบการยกเลิกบันทึกความเข้าใจฉบับเดิมซึ่งลงนามเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ และให้ความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจฉบับใหม่ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือด้านทรัพยากรแร่ระหว่างสองประเทศครอบคลุมสาขาต่าง ๆ เช่น การสำรวจทรัพยากรแร่ การส่งเสริมการลงทุนในการใช้ประโยชน์ การค้าและการสร้างมูลค่าเพิ่มทรัพยากรแร่ การวิจัยและเทคโนโลยี รวมถึงการจัดตั้งคณะทำงานว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรแร่ระหว่างไทยและโมซัมบิก เป็นต้น โดยให้กระทรวงพาณิชย์สามารถเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฉบับใหม่ ในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐโมซัมบิกของคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนการค้า ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เพื่อขยายความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศในภูมิภาคแอฟริกา รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว และหลังจากการลงนามแล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งผลการรับรองผูกพันความตกลงของราชอาณาจักรไทยต่อสาธารณรัฐโมซัมบิกอย่างเป็นทางการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการเจรจาเกี่ยวกับการจัดทำบันทึกความเข้าใจดังกล่าวให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรกำหนดเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมจากการดำเนินกิจกรรมภายใต้บันทึกความเข้าใจดังกล่าว เพื่อให้การกำหนดกิจกรรม โครงการ และกระบวนการการดำเนินการต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศสามารถดำเนินการได้ในทางปฏิบัติและนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาทรัพยากรแร่ของทั้งสองประเทศในระยะต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15190 | ร่างยุทธศาสตร์ชาติ | นร11 | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งกำหนดให้วิสัยทัศน์ของประเทศไทย คือ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยมุ่งสู่เป้าหมายได้ภายในระยะเวลา ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ด้วยยุทธศาสตร์ ๖ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านความมั่นคง กำหนดให้มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการักษาความสงบภายในประเทศและมีความพร้อมในการเผชิญภัยคุกคามในอนาคต (๒) ด้านความสามารถในการแข่งขัน กำหนดให้มีการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศทั้งในด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวและบริการ (๓) ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ กำหนดให้มีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทางด้าน ใจ สติปัญญา กาย และสภาพแวดล้อม ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เพื่อให้เป็นคนคุณภาพของสังคม (๔) ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาค กำหนดให้มีกลไกการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี (๕) ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กำหนดให้มีการใช้ รักษา และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนบนหลักการของการมีส่วนร่วมและธรรมาภิบาล และ (๖) ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ กำหนดให้มีการปรับปรุงกลไกภาครัฐให้มีขีดสมรรถนะสูง สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมร่างยุทธศาสตร์ชาติอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ในการแก้ไขเพิ่มเติมร่างยุทธศาสตร์ชาติดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคำนึงถึงสภาวการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศที่อาจเปลี่ยนแปลงไปและอยู่นอกเหนือการควบคุม และอาจส่งผลต่อร่างยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ เช่น สถานการณ์การเมืองโลก ภาวะเศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด เป็นต้น และให้พิจารณาแนวทางหรือกำหนดกลไกที่ทำให้ร่างยุทธศาสตร์ชาติสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อย่างเหมาะสมด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำร่างยุทธศาสตร์ชาติที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้วเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบตามขั้นตอน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15191 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 3/2561 | อื่นๆ | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วย รับทราบแนวทางการพัฒนาเมืองใหม่อัจฉริยะน่าอยู่ และแผนการพัฒนาเมืองใหม่อัจฉริยะตัวอย่างในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) การให้ความเห็นชอบการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๑ และรับทราบการแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมในคณะกรรมการนโยบายและคณะกรรมการบริหาร ๒. รับทราบ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยกำหนดให้การดำเนินการใด ๆ ที่คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกได้อนุมัติให้ความเห็นชอบ หรือดำเนินการไปแล้ว ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒/๒๕๖๐ เรื่อง การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ลงวันที่ ๑๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๘/๒๕๖๐ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ยังคงมีผลใช้บังคับได้ต่อไปจนกว่าคณะกรรมการนโยบายตามพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ๒๕๖๑ จะได้มีมติให้ยกเลิกหรือกำหนดเป็นอย่างอื่น ๓. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนดำเนินการตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องและรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกทราบต่อไป ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการฯ เห็นควรดำเนินการตามกระบวนการด้วยความละเอียดรอบคอบตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง อย่างถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ภาครัฐและภาคเอกชนจะได้รับ เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความคุ้มค่าของการลงทุนเป็นสำคัญ และในการพัฒนาเมืองใหม่อัจฉริยะน่าอยู่ ควรให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงพื้นที่โดยรอบ ผลประโยชน์ของชุมชนและสังคมโดยรวม รวมทั้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15192 | รายงานผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ครั้งที่ 2 | มท | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ครั้งที่ ๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การลงพื้นที่ ครั้งที่ ๒ (วันที่ ๒๑ มีนาคม-๑๐ เมษายน ๒๕๖๑) มีประชาชนเข้าร่วมเวทีประชาคม ๗,๙๘๑,๑๔๕ คน และครั้งที่ ๓ (วันที่ ๑๑ เมษายน-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑) มีประชาชนเข้าร่วมเวทีประชาคม ๗,๖๒๐,๕๐๑ คน และขณะนี้ทีมขับเคลื่อนฯ ระดับตำบลอยู่ระหว่างลงพื้นที่ ครั้งที่ ๔ (วันที่ ๑๖ พฤษภาคม-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑) โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงพื้นที่ที่เน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันกับประชาชนแทนการบรรยายเพียงอย่างเดียว และเพิ่มประเด็นในการลงพื้นที่ ๒ เรื่อง คือ (๑) ให้ข้อมูลแก่เกษตรกรเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการปลูกข้าวให้มีมูลค่าสูงขึ้น และมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ เช่น การลดต้นทุนการผลิต และ (๒) ให้ตอบแบบสอบถามความเข้มแข็งและศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน ๑.๒ การวิเคราะห์แผนงาน/โครงการที่คาดว่าหมู่บ้าน/ชุมชนจะเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน (หมู่บ้าน/ชุมชนละสองแสนบาท) ณ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ มีโครงการที่คาดว่าจะเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณฯ รวม ๘๘,๔๐๐ โครงการ จาก ๗๘,๖๒๕ หมู่บ้าน/ชุมชน (คิดเป็นร้อยละ ๙๘.๐๒ ของหมู่บ้าน/ชุมชนทั้งหมด) จำแนกได้ ๖ ประเภทโครงการ คือ (๑) สร้างอาชีพ สร้างรายได้ จำนวน ๑๒,๕๓๓ โครงการ (๒) แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร จำนวน ๔,๘๑๑ โครงการ (๓) สาธารณูปโภค จำนวน ๖๙,๒๒๔ โครงการ (๔) สาธารณสุข จำนวน ๑๑ โครงการ (๕) สิ่งแวดล้อม จำนวน ๖๕๓ โครงการ และ (๖) อื่น ๆ จำนวน ๑,๑๖๘ โครงการ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาและการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่หมู่บ้าน/ชุมชนเสนอขอภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน (หมู่บ้าน/ชุมชนละสองแสนบาท) ทั้งนี้ โดยให้คำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วนและความพร้อมของหมู่บ้าน/ชุมชนแต่ละแห่งเป็นสำคัญ เพื่อให้ประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชนได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่สอดคล้องกับความต้องการของตนอย่างแท้จริง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15193 | รายงานมาตรการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ไตรมาสที่ 2 | นร07 | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น รวมทั้งสิ้น ๖ กระทรวง ๑๔ หน่วยงาน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐-๓๐ มีนาคม ๒๕๖๑ เป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๔๗๙.๙๐ ล้านบาท โดยดำเนินการจากการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และ/หรือโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๒,๔๒๖.๒๖ ล้านบาท และดำเนินการจากการโอนเปลี่ยนแปลงรายการเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี จำนวน ๕๓.๖๔ ล้านบาท มีประชาชนและเกษตรกรได้รับการช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู จำนวน ๓๐๕,๗๕๐ ราย พื้นที่การเกษตรได้รับการฟื้นฟู จำนวน ๑,๐๖๕,๙๕๑ ไร่ เส้นทางคมนาคม ถนนได้รับการปรับปรุง ซ่อมแซม จำนวน ๒๕๑ สายทาง ระบบส่งน้ำ พนัง ฝาย และแหล่งน้ำได้รับการซ่อมแซม ฟื้นฟู จำนวน ๓๑๑ แห่ง รวมทั้งอาคารสถานที่ ทรัพย์สินทางราชการได้รับการซ่อมแซม ปรับปรุง จำนวน ๒๗๕ รายการ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการตามมาตรการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยให้ประชาชนทราบโดยทั่วถึงด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15194 | รายงานผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร07 | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายงานผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๒,๙๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ไตรมาสที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐-๓๐ มีนาคม ๒๕๖๑ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๔๗๐,๕๕๘.๘๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๐.๗๑ ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ ๑.๕๘ (เป้าหมายกำหนดไว้ ร้อยละ ๕๒.๒๙) โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ ๑ จำนวน ๕๗๒,๗๙๐.๗๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๙.๗๕ สำหรับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน เช่น รายการค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างประสบปัญหาเรื่องความพร้อมของพื้นที่ กรรมสิทธิ์ที่ดิน และราคาที่ดิน ทำให้การดำเนินการล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด มีการประกวดราคาหลายครั้งเนื่องจากผู้รับจ้างขาดคุณสมบัติ ไม่มีผู้ยื่นเสนอราคา หรือมีผู้เสนอราคารายเดียว ทำให้การดำเนินงานไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ และเป็นรายการที่มีคุณลักษณะพิเศษเฉพาะหรือจัดหาจากต่างประเทศ เป็นต้น ๑.๒ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งรัดการปฏิบัติงานและการเบิกจ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน รวมทั้งกำกับดูแลการใช้จ่ายและการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด มีความโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ได้รับ ผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพของหน่วยงานเป็นสำคัญ ตลอดจนหารือหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาโดยเร็วต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว รวมทั้งให้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของการดำเนินงานต่าง ๆ และให้นำเสนอแผนงาน/โครงการที่มีความพร้อมมาดำเนินการเป็นลำดับแรก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15195 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... | ดศ | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หลักการเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีฐานะเป็นนิติบุคคล และไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานศาลยุติธรรม เกี่ยวกับความชัดเจนของคำนิยาม การบังคับใช้กับหน่วยงานของรัฐ การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ การกำหนดวิธีการเกี่ยวกับการทำลายข้อมูลการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี ลักษณะต้องห้ามของประธาน กรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ การดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการ เบี้ยประชุมอนุกรรมการและกรรมการผู้เชี่ยวชาญ การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการที่มีมาตรฐานในการบังคับใช้เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การเตรียมความพร้อมรองรับของทุกภาคส่วนและประชาชน สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิอุทธรณ์ที่ไม่รับเรื่องร้องเรียนของเจ้าของข้อมูลต่อศาล และปัญหาการใช้สิทธิร้องเรียนตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมไปดำเนินการตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การขอจัดตั้งหน่วยงานตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ) ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. แล้วให้แจ้งผลการดำเนินการไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ และฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เห็นว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่เคยมีกฎหมายที่กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับเป็นการทั่วไป จึงควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการที่มีมาตรฐานในการบังคับใช้ดังกล่าว โดยในระยะเริ่มแรกจะต้องมีการเพิ่มเติมความรู้ความเข้าใจ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมรองรับของทุกภาคส่วนและประชาชนให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่มุ่งหวังจะแก้ไขปัญหาที่เกิดจากเรื่องดังกล่าวที่เพียงพอและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15196 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (จำนวน 10 ราย 1. นายณัฐชาติ จารุจินดา ฯลฯ) | คค | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กรรมการที่ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพพ้นจากตำแหน่งตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๑๙ [มาตรา ๑๘ (๓)] และอนุมัติให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานกรรมการ ๒. พลเอก วราห์ บุญญะสิทธิ์ กรรมการ ๓. นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๔. นายสมศักดิ์ ห่มม่วง กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๕. รองศาสตราจารย์ธำรงรัตน์ มุ่งเจริญ กรรมการ ๖. นายยุกต์ จารุภูมิ กรรมการ ๗. นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ กรรมการ ๘. นายชัยชนะ มิตรพันธ์ กรรมการ ๙. รองศาสตราจารย์วันชัย รัตนวงษ์ กรรมการ ๑๐. นายวิชิต จรัสสุขสวัสดิ์ กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15197 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ (จำนวน 9 คน 1. นายประกิต วาทีสาธกกิจ ฯลฯ) | สธ | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ จำนวน ๙ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายประกิต วาทีสาธกกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ ๒. นางนันทวรรณ วิจิตรวาทการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสาธารณสุข ๓. นายปกป้อง ศรีสนิท กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๔. นางทิชา ณ นคร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิสตรีหรือสิทธิเด็ก ๕. นายจิรชัย มูลทองโร่ย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสื่อสาร/ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ๖. นางสมศรี เผ่าสวัสดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรเอกชนที่มีวัตถุประสงค์มิใช่เป็นการแสวงหากำไร และดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับด้านการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชน ๗. นายอิศรา ศานติศาสน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรเอกชนที่มีวัตถุประสงค์มิใช่เป็นการแสวงหากำไร และดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับด้านการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชน ๘. นางสาวลักขณา เติมศิริกุลชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรเอกชนที่มีวัตถุประสงค์มิใช่เป็นการแสวงหากำไร และดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับด้านการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชน ๙. นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรเอกชนที่มี วัตถุประสงค์มิใช่เป็นการแสวงหากำไร และดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับด้านการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15198 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) พ.ศ. .... | รง | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายกำหนดเวลากรณีนายจ้างยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและนำส่งเงินสมทบ โดยวิธีการนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ออกไปอีก ๗ วันทำการนับแต่วันที่พ้นกำหนดวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการหักเงินสมทบไว้ โดยให้มีผลใช้บังคับสำหรับค่าจ้างตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา ๑๒ เดือน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้กระทรวงแรงงานเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างมาตรการจูงใจเพื่อให้นายจ้างเกิดความเชื่อมั่นในการชำระเงินผ่านระบบ e-Payment และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้จ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้มากยิ่งขึ้น อันเป็นการส่งเสริมสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจของนายจ้าง ซึ่งจะส่งผลที่ดีขึ้นในการจัดอันดับความยากง่ายในการเข้าไปประกอบธุรกิจของประเทศไทย (Doing Business) ในการประเมินของธนาคารโลกครั้งต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15199 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2561 และแนวโน้มปี 2561 | นร11 | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๑ และแนวโน้มปี ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๑ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๑ ขยายตัวร้อยละ ๔.๘ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๔.๐ ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ ๒๐ ไตรมาส และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๑ ขยายตัวจากไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๐ ร้อยละ ๒.๐ (QoQ_SA) โดยการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๓.๖ การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคของรัฐบาลขยายตัวร้อยละ ๑.๙ การลงทุนรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๔ การส่งออกสินค้ามีมูลค่า ๖๑,๗๘๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๙.๙ การนำเข้าสินค้ามีมูลค่า ๕๕,๑๕๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๖.๓ การผลิตสาขาอุตสาหกรรม และสาขาการขายส่ง การขายปลีก และการซ่อมแซมขยายตัวเร่งขึ้น สาขาโรงแรมและภัตตาคาร และสาขาการขนส่งและการคมนาคมขยายตัวดีต่อเนื่อง ในขณะที่สาขาเกษตรกรรมและสาขาก่อสร้างกลับมาขยายตัวและเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ ๑.๒ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๐.๖ บัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๑๗.๑ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (๕๓๙.๗ พันล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๓.๓ ของ GDP เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ อยู่ที่ ๒๑๕.๖ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ มีมูลค่าทั้งสิ้น ๖,๔๕๔.๒ พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๒ ของ GDP ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๑ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๒-๔.๗ (ค่ากลางการประมาณการร้อยละ ๔.๕) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลกและระดับราคาสินค้าในตลาดโลก แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐบาลและการลงทุนภาครัฐยังอยู่ในเกณฑ์สูง การฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งการปรับตัวดีขึ้นและการกระจายตัวมากขึ้นของฐานรายได้ประชาชนในระบบเศรษฐกิจ ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๘.๙ การบริโภคภาคเอกชน และการสะสมทุนถาวรรวมขยายตัวร้อยละ ๓.๗ และร้อยละ ๔.๗ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ ๐.๗-๑.๗ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๘.๔ ของ GDP
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15200 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 4/2561 | นร | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ ในพื้นที่ภาคเหนือ (กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดพิจิตร และจังหวัดอุทัยธานี) โดยนายกรัฐมนตรีกำหนดตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดพิจิตร และจังหวัดนครสวรรค์ และจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ ณ จังหวัดนครสวรรค์ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
.....