ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 754 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 15061 - 15080 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15061 | แนวทางการพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 (กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี) และผลการดำเนินงานโครงการที่สำคัญ | คค | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ (จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี) และผลการดำเนินงานโครงการที่สำคัญ โดยกระทรวงคมนาคมได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ (จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี) เน้นการเสริมศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาโครงข่ายเส้นทางและระบบขนส่งย่อยที่เชื่อมต่อกับระบบหลักของประเทศและอนุภูมิภาคตามแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ และแนวตะวันออก-ตะวันตก พัฒนาเมืองสถานีขนส่งระบบราง รวมถึงสนับสนุนการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวและสร้างรายได้ตลอดปี ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงห่วงโซ่มูลค่าของระบบเศรษฐกิจภาคเข้ากับระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีแนวทางการพัฒนาที่สำคัญ ๓ แนวทาง ประกอบด้วย (๑) การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางบก ให้ครอบคลุมเพื่อกระจายความเจริญ เพิ่มระดับในการเข้าถึงพื้นที่ภายในภาคและระหว่างภาค และเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน (๒) การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางราง เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและยกระดับเศรษฐกิจของภาคโดยรวม และ (๓) การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางน้ำ ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมและเต็มประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15062 | แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 | กก | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ (จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี) โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รวบรวมแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ มาตรการสำคัญ และแผนงานที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ โดยมีเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถของการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ ให้เต็มตามศักยภาพและความพร้อมของพื้นที่ และการต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นจากโครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐในอนาคต และเพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือที่สร้างและกระจายรายได้สู่ชุมชนและเมืองรอง รวมทั้งเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ๒ และขยายโอกาสไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดกิจกรรมการท่องเที่ยว/ส่งเสริมสถานที่และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดต่าง ๆ โดยใช้การบอกเล่าเรื่องราวเชื่อมโยงกับข้อมูลทั้งทางประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม วิถีชุมชนอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการให้เหมาะสมตามแต่กรณี รวมทั้งให้พิจารณาจัดระบบคมนาคมขนส่งให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกในการเดินทางไป-กลับ ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงการเดินทางโดยรถไฟกับระบบการขนส่งอื่นในแต่ละพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทั้งในส่วนของกายภาพและกำหนดเวลาการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้การเดินทางเป็นไปด้วยความสะดวกและมีความต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15063 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อการพัฒนาปาเลสไตน์ ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 | กต | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อการพัฒนาปาเลสไตน์ (Conference on Cooperation among East Asian Countries for Palestinian Development : CEAPAD) ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๓ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย ญี่ปุ่น และปาเลสไตน์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานร่วมของการประชุม CEAPAD ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร โดยวัตถุประสงค์ของการจัดประชุมฯ เพื่อแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์และเข้มแข็งของไทยในเวทีระหว่างประเทศในการมีส่วนร่วมพัฒนารัฐปาเลสไตน์ โดยเฉพาะการดำเนินความสัมพันธ์และการสร้างพันธมิตรทางการเมืองกับกลุ่มประเทศมุสลิม เพื่อแสดงความตั้งใจและเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยในการมีปฏิสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์กับปาเลสไตน์ รวมทั้งเพื่อแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในการดำเนินความร่วมมือกับญี่ปุ่น และเพื่อตอกย้ำบทบาทที่โดดเด่นของไทยในการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมระหว่างประเทศต่าง ๆ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ ในการแสดงบทบาทและท่าทีของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการด้วยความรอบคอบ รัดกุม เพื่อให้การประชุมฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุตามวัตถุประสงค์ของการประชุมฯ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดการประชุมฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่กระทรวงการต่างประเทศได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ส่วนการก่อหนี้ผูกพันและการใช้จ่ายเงินสำหรับการดำเนินภารกิจดังกล่าว จะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืน ตามนัยของกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15064 | ร่างพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร11 | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามมติที่ประชุมระหว่างรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งแก้ไขตามประเด็นข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยมีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๒๑ กำหนดให้มีสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทำหน้าที่ให้ความเห็น คำปรึกษา และข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี จัดทำร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกำหนดกรอบทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมทั้งของประเทศและโลก รวมทั้งกำหนดให้มีสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อดำเนินงานในฐานะฝ่ายเลขานุการของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนี่ง แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... แล้วให้ส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15065 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (นายณรงค์ เชื้อบุญช่วย และ นายพีระ ทองโพธิ์) | นร | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ดังนี้
๑. นายณรงค์ เชื้อบุญช่วย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ๒. นายพีระ ทองโพธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15066 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (นายอนุกูล เจิมมงคล) | นร06 | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอนุกูล เจิมมงคล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติได้มีคำสั่งให้ข้าราชการรักษาราชการแทน ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15067 | ร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) (วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน 2561) | นร | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15068 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม 4 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลม ; ข้อกำหนดด้านเสียงจากยางล้อที่สัมผัสผิวถนน การยึดเกาะบนถนนพื้นเปียก และความต้านทานการหมุน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....) | อก | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถยนต์และส่วนพ่วง ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถจักรยานยนต์และโมเปด และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลม : ข้อกำหนดด้านเสียงจากยางล้อที่สัมผัสผิวถนน การยึดเกาะถนนบนพื้นเปียก และความต้านทานการหมุน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๔ ฉบับ ได้แก่ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถยนต์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถจักรยานยนต์และโมเปด ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลม : ข้อกำหนดด้านเสียงจากยางล้อที่สัมผัสผิวถนน การยึดเกาะถนนบนพื้นเปียก และความต้านทานการหมุน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเร่งรัดดำเนินการโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ณ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการช่วยยกระดับมาตรฐานและการวิจัยที่นำไปสู่การเพิ่มมูลค่าและการสร้างนวัตกรรมในอุตสาหกรรมยานยนต์และยางล้อของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15069 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ
๑. ด้านสังคม ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ และ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาและผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการในช่วง ๓ ปีที่ผ่านมา ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๓ เดือน โดยให้รายงานความคืบหน้าดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการและรายงานผลการปฏิรูปการศึกษาในประเด็นต่าง ๆ เพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนี้ ๑.๑ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนักเรียน เช่น ๑.๑.๑ ลดการบ้านนักเรียนเพื่อให้นักเรียนสามารถมีเวลาอยู่กับผู้ปกครองมากขึ้น และส่งเสริมให้มีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศหรือดิจิทัล มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ปกครอง เพื่อให้เกิดการวิเคราะห์และสามารถเตรียมข้อมูลเพื่อนำมาใช้ในการอภิปรายในชั้นเรียนต่อไป ๑.๑.๒ เน้นการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล กล้าพูด กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม รวมทั้งปลูกฝังให้เกิดความรักชาติ ยึดมั่นในศาสนา และเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย และมีจิตอาสา ๑.๑.๓ มีแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย หน้าที่พลเมือง ศีลธรรม และคุณธรรมเป็นการเฉพาะ ๑.๑.๔ ปรับปรุงหนังสือแบบเรียนให้แยกส่วนของแบบฝึกหัดออกจากหนังสือแบบเรียน เพื่อให้นักเรียนรุ่นหลังสามารถใช้หนังสือแบบเรียนต่อจากรุ่นก่อนได้ ๑.๑.๕ ทบทวนแนวทางการออกข้อสอบวัดผลการศึกษาในวิชาต่าง ๆ ให้เป็นข้อสอบในเชิงอัตนัยที่เน้นการคิดวิเคราะห์มากยิ่งขึ้น โดยอาจใช้วิธีการสอบเก็บคะแนนเป็นระยะ ๆ ร่วมด้วย เช่น สอบเก็บคะแนนภายหลังสิ้นสุดคาบเรียน สอบเก็บคะแนนประจำสัปดาห์ หรือประจำเดือน เพื่อลดภาระนักเรียนในการสอบปลายภาคการศึกษา เป็นต้น ๑.๑.๖ ทบทวนระบบการสอบวัดผลและการสอบคัดเลือกในทุกระดับชั้นให้เหมาะสม เช่น ความเหมาะสมของการจัดให้มีการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาในชั้นอนุบาล และแนวทางการดำเนินการคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาในปัจจุบัน เป็นต้น ๑.๒ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับครู เช่น ๑.๒.๑ พัฒนาครูโดยการจัดสรรวงเงินต่อหัวในการพัฒนาเพิ่มพูนความรู้ของครู (คูปองครู) ให้เหมาะสม ๑.๒.๒ ปรับปรุงแนวทางการประเมินครู โดยให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการจัดการเรียนการสอน รวมทั้งกำหนดให้ครูต้องปฏิบัติงานในด้านการเรียนการสอน หรือปฏิบัติงานให้แก่โรงเรียน และสถาบันการศึกษาเป็นหลัก ทั้งนี้ ให้พิจารณากำหนดค่าตอบแทนให้แก่ครูอย่างเหมาะสม ๑.๓ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ เช่น ๑.๓.๑ ระมัดระวังไม่ให้เกิดการทุจริตในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์และอุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนต่าง ๆ การดำเนินโครงการอาหารกลางวัน เป็นต้น ทั้งนี้ ควรส่งเสริมให้มีการทำการเกษตรชุมชนเพื่อนำผลผลิตมาบริโภคเป็นอาหารกลางวันในโรงเรียนเสริมจากงบประมาณที่รัฐจัดสรรให้ด้วย ๑.๓.๒ เน้นการทำโครงการวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางปฏิบัติได้จริงหรือพัฒนาต่อยอดไปได้ ตามเป้าหมายการพัฒนาที่กำหนดไว้ ๑.๓.๓ ปรับปรุงโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการให้เหมาะสม เพื่อให้การบริหารงานภายในของกระทรวงมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๒. ด้านการบริหาราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๐ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการปฏิรูปตำรวจจากการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ในแต่ละครั้ง เพื่อจะได้พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และต่อมาเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานความคืบหน้าการดำเนินการปฏิรูปตำรวจ โดยเฉพาะประเด็นที่อยู่ในความสนใจและเป็นความต้องการของประชาชนไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศทุก ๆ ๓ เดือน เพื่อเสนอคณะกรรมการปฏิรูปประเทศพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการปฏิรูปตำรวจดังกล่าว โดยในระยะแรกควรพิจารณาแนวทางการปฏิรูปให้ครอบคลุมถึงการสร้างความสมดุลในการปฏิบัติภารกิจและใช้อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ทั้งในส่วนของศาล อัยการ และตำรวจ กระบวนการพิสูจน์หลักฐาน การทำสำนวนสืบสวนสอบสวน รวมทั้งกระบวนการปฏิบัติงานของหน่วยงานภายในของตำรวจ เช่น การบริหารงานจราจรที่กองบังคับการตำรวจจราจรต้องรับผิดชอบแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ร่วมกับสถานีตำรวจในพื้นที่ เป็นต้น ๒.๒ ในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของตำรวจ เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นต้น ควรให้มีการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างการปฏิบัติงานให้เหมาะสม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษควรรับดำเนินการเฉพาะคดีพิเศษ ซึ่งเป็นไปตามกรอบวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งหน่วยงานเท่านั้น รวมทั้งควรพิจารณากำหนดสัดส่วนให้มีจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปปฏิบัติงานในหน่วยงานนี้อย่างเหมาะสมเท่าที่จำเป็น และมีบุคลากรอื่นที่มีความรู้และประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น งานตุลาการ กฎหมายระหว่างประเทศ การประสานงานกับต่างประเทศ/องค์กรระหว่างประเทศ เป็นต้น มาร่วมปฏิบัติงานในกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15070 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2560 | ทส | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นการเสนอภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ ในช่วง พ.ศ. ๒๕๕๙-กันยายน ๒๕๖๐ ที่ส่งผลต่อสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขา โดยแบ่งเป็นสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นและสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมลง รวมถึงการคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์สิ่งแวดล้อมในอนาคตและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ทุกภาคส่วนต้องตระหนักถึงความสำคัญและมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่เยาวชนและประชาชนทุกช่วงวัยให้มีความตระหนักรู้ในคุณค่า และร่วมอนุรักษ์ ดูแล พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งและยั่งยืน รวมทั้งควรพิจารณานำเสนอประเด็นหรือข้อมูลที่มีความสอดคล้องกับเป้าหมาย/ตัวชี้วัดตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสอดคล้องกับตัวชี้วัดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Indicators) ขององค์การสหประชาชาติ ที่เกี่ยวข้องด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน (Baseline Data) ในการติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายตามรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15071 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย พ.ศ. .... | สว | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า ในการจัดทำ Host Country Agreement เพื่อกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันของรัฐบาลไทยแก่ศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center : ADPC) ควรต้องอยู่บนพื้นฐานหรือหลักของความจำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ ADPC และการได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันต้องสอดคล้องกับองค์กรในลักษณะเดียวกัน ซึ่งอาจเทียบเคียงได้กับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานหรือ IOM ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้มีการดำเนินงานในลักษณะเฉพาะด้าน โดยไทยจะได้รับประโยชน์จาก ADPC ในฐานะที่เป็นองค์การระหว่างประเทศซึ่งจะช่วยส่งเสริมบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการบริหารจัดการภัยพิบัติในภูมิภาค และยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินโครงการความร่วมมือที่เป็นประโยชน์กับไทยและประเทศในภูมิภาค โดยชุมชนและประชาชนในพื้นที่จะได้รับประโยชน์ในด้านการเตรียมพร้อมรับมือและการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15072 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายสาโรจน์ ขอจ่วนเตี๋ยว) | ศธ | 12/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสาโรจน์ ขอจ่วนเตี๋ยว ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15073 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายหวาน ศรีเรือนทอง) | สธ | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายหวาน ศรีเรือนทอง ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงสุขภาพจิตชุมชน) กลุ่มงานการแพทย์ กลุ่มบริการทางการแพทย์ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๒. นายวิรุฬห์ พรพัฒน์กุล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ๓. นางกฤษดา แสวงดี ดำรงตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ (ด้านแผนยุทธศาสตร์สาธารณสุข) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15074 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายวิรุฬห์ พรพัฒน์กุล) | สธ | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายหวาน ศรีเรือนทอง ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงสุขภาพจิตชุมชน) กลุ่มงานการแพทย์ กลุ่มบริการทางการแพทย์ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๒. นายวิรุฬห์ พรพัฒน์กุล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ๓. นางกฤษดา แสวงดี ดำรงตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ (ด้านแผนยุทธศาสตร์สาธารณสุข) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15075 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ครั้งที่ 3 | กต | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ กรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมฯ ซี่งได้มีการหารือประเด็นความร่วมมือต่าง ๆ เช่น สิ่งแวดล้อม แรงงาน การพัฒนาสังคม การติดตามความคืบหน้าและผลักดันความร่วมมือทวิภาคีในสาขาต่าง ๆ เช่น สาธารณสุข ความมั่นคงทางอาหาร การค้า การสนับสนุนซึ่งกันและกันในกรอบเวทีระหว่างประเทศต่าง ๆ รวมถึงเห็นพ้องให้มีการจัดประชุม mid-year review และให้เร่งพิจารณาทบทวนสถานะความตกลงที่มีอยู่ (๒๘ ฉบับ) และที่คั่งค้าง (๘ ฉบับ) ด้วย รวมทั้งเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ซึ่งมีการปรับแก้ถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนในประเด็นการลงทุนและสาธารณสุข และหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนเกี่ยวกับพัฒนาการในภูมิภาคของแต่ละฝ่าย โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการทูตกับรัฐกาตาร์ (กรณีประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐกาตาร์ เมื่อเดือนมิถุนายน ปี ๒๕๖๐) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15076 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนเมษายน 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๖ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๐ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมด จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำทั้ง ๘ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘๓ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔๙ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15077 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2561 (ครั้งที่ 14) | พน | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ (ครั้งที่ ๑๔) เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยคณะกรรมการฯ มีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันดีเซลหมุนช้า ลง ๐.๑๕ บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา ๒ ปี และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำในราชอาณาจักร และน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ๑.๒ รับทราบการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สัมปทานจะสิ้นสุดอายุในปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๖ ได้แก่ (๑) การใช้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิตในการประมูลแปลงสำรวจ G๑/๖๑ และแปลงสำรวจ G๒/๖๑ (๒) หลักการสำคัญที่ต้องกำหนดในข้อตกลงการส่งมอบสิ่งติดตั้ง (๓) เงื่อนไขของการประมูล ได้แก่ การกำหนดแปลง การกำหนดปริมาณก๊าซธรรมชาติ การเสนอราคาก๊าซธรรมชาติตามสูตรราคาอ้างอิง และการเสนอร้อยละของปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไรที่รัฐจะได้รับ และ (๔) แผนการบริหารจัดการการประมูลแปลงสัมปทานที่จะสิ้นสุดอายุ ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท หรือขนาดของอาคาร และมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดประเภท หรือขนาดของอาคาร และมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลและควบคุมการออกแบบอาคารก่อสร้าง หรือดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร ให้เป็นไปตามมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และเพื่อให้การใช้พลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับกฎข้อบังคับใช้ควรเอื้อต่อระบบเศรษฐกิจและสามารถปฏิบัติได้จริง และควรนำเกณฑ์การประเมินอาคารเขียวภาครัฐมาพิจารณาประกอบการจัดทำร่างกฎกระทรวงฯ รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้ควรคำนึงถึงความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ และควรมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์กฎกระทรวงดังกล่าวให้เกิดการรับรู้อย่างกว้างขวาง เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักในด้านการประหยัดพลังงานให้กับประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15078 | สรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 40 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2560-31 มีนาคม 2561) | นร | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๔๐ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น การดำเนินโครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์ การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การจัดกิจกรรมส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสร้างความปรองดอง และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ของศูนย์ดำรงธรรม ๒. การปฏิรูปประเทศ กขร. มีมติเห็นชอบการเพิ่มประสิทธิภาพของสถานีตำรวจ เช่น การจัดให้มีเกณฑ์การวิเคราะห์โครงสร้างขนาดของสถานีตำรวจในมาตรฐานเดียวกัน การปรับปรุงการทำงานของแต่ละสถานีตำรวจให้มีความเป็นมาตรฐาน และให้วางระบบการประเมินผลงานตามพันธสัญญาการให้บริการประชาชน ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย (๑) ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ โดยใช้มาตรการทางกฎหมายในการตรวจสอบเว็บไซต์ที่เข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมาย (๒) ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การประกาศวาระแห่งชาติ “สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” การกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ๔ กลุ่มอุตสาหกรรม ๑๖ สาขาอาชีพ (๓) ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ การดำเนินโครงการ Startup Club ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา/อาชีวศึกษา การจัดทำระบบจดทะเบียนให้กับนักลงทุน (Angel Investor) (๔) การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เช่น การจัดทำโครงการส่งเสริมความสามารถทางนวัตกรรมสำหรับผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๑ การเปิดตัวสถาบันวิทยาการนวัตกรรม (NIA Academy) (๕) ด้านการต่างประเทศ เช่น การหารือทวิภาคีระหว่าง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับนายกรัฐมนตรีเครือรัฐออสเตรเลีย เพื่อส่งเสริมให้มีการขยายตัวทางการค้าการลงทุน และการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ [Greater Mekong Subregion (GMS) Summit] ครั้งที่ ๖ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (๖) การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เช่น การบริหารจัดการน้ำตามแผนการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และ (๗) ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การพัฒนาบุคลากรภาครัฐเพื่อรองรับ Thailand 4.0 การสร้างการรับรู้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้แก่ประชาชนและหน่วยงานของรัฐ และการปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15079 | แจ้งผลการดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง | กค | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งของผู้กระทำความผิดภายหลังการใช้บังคับมาตรการลงโทษทางแพ่งตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยระหว่างวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๙-๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้เสนอคดีให้คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งพิจารณาใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด ๒๗ ราย รวม ๑๐ คดี ซึ่งมี ๙ คดี ที่ผู้กระทำความผิดยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยที่ผู้กระทำความผิด ๒๕ ราย ได้ชำระค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ผลประโยชน์ที่ได้จากการกระทำความผิด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๓,๘๘๖,๖๔๐.๘๗ บาท และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดินให้กับกระทรวงการคลังแล้ว และมี ๑ คดี ที่ผู้กระทำความผิด ๒ ราย ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. ได้นำส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องคดีผู้กระทำความผิดดังกล่าวต่อศาลแพ่งแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15080 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่อง โครงการอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาวะและการเจริญเติบโตของนักเรียน ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง โครงการอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาวะและการเจริญเติบโตของนักเรียน โดยกระทรวงศึกษาธิการได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบด้วยกับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมาธิการฯ โดยมีข้อเสนอแนะให้แก้ไขเพิ่มเติมข้อความเล็กน้อย เช่น เพิ่มเติมหน่วยงานในการตรวจวัดและประเมินนักเรียนเป็นระยะ ๆ เพิ่มเติมให้หน่วยงานจากกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดูแลตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึงเข้าสู่วัยเรียน เพิ่มเติมหน่วยงาน องค์กร ที่จะสนับสนุนหลักโภชนาการในโรงเรียน รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำ “นมโรงเรียน” เป็น “อาหารเสริม (นม) โรงเรียน” เป็นต้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
.....