ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 757 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 15121 - 15140 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15121 | ขออนุมัติใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการจ่ายเงินงบอุดหนุนเฉพาะกิจโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด | พม | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๑ ในวงเงิน ๑,๔๓๗,๙๔๗,๘๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดสำหรับผู้มีสิทธิที่จะได้รับเงินต่อเนื่อง ๖ เดือน (เมษายน-กันยายน ๒๕๖๑) ที่สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งงบประมาณไว้ ซึ่งได้รวมผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียนไว้และรอรับสิทธิเมื่อมีกำหนดคลอดระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-กันยายน ๒๕๖๑ และผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียน และพิสูจน์สิทธิผ่านในเดือนเมษายน ๒๕๖๑ เป็นเดือนแรกไว้ด้วยแล้ว โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องสอดคล้องรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดให้มีมาตรการเพื่อกำกับดูแลการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดให้เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ ตลอดจนกำหนดให้มีกลไกในการติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินอุดหนุนดังกล่าวที่ชัดเจน โปร่งใส เป็นรูปธรรม ตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างเคร่งครัด และจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15122 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านเศรษฐกิจ ดังนี้
๑. ตามที่ประธานสมาคมการค้า Air Business College พร้อมคณะนักธุรกิจจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน นั้น ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนกับสาธารณรัฐประชาชนจีนให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมให้นักลงทุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาลงทุนในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (East Economic Corridor : EEC) ๒. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๑ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการจัดทำความร่วมมือในด้านการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) กับสาธารณรัฐประชาชนจีนให้มากยิ่งขึ้น นั้น มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กำกับติดตามให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมในการจัดตั้งหน่วยงานรองรับการดำเนินการเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาดังกล่าวในรูปแบบองค์การมหาชนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15123 | การเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี | นร05 | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะเดินทางไปสหภาพยุโรป ในระหว่างวันอังคารที่ ๑๙-วันอังคารที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๑ จึงให้เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๑ ไปเป็นวันพุธที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15124 | การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ 3/2515/7 เลขที่ 5/2515/9 และเลขที่ 3/2549/71 (การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2515/7 และเลขที่ 2/2515/9) | พน | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. ให้บริษัท เชลล์ อินทีเกรทเต็ด แก๊ส ไทยแลนด์ พีทีอี ลิมิเต็ด โอนสิทธิประโยชน์ และพันธะ ซึ่งถืออยู่ทั้งหมดในอัตราร้อยละ ๒๒.๒๒๒๒ ตามสัปทานปิโตรเลียม เลขที่ ๓/๒๕๑๕/๗ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข ๑๖ และ ๑๗ และสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ ๕/๒๕๑๕/๙ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข ๑๕ ให้แก่บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ๒. ให้บริษัท ไทยเอนเนอร์จี จำกัด โอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะ ซึ่งถืออยู่ทั้งหมดในอัตราร้อยละ ๒๒.๒๒๒๒ ตามสัปทานปิโตรเลียม เลขที่ ๓/๒๕๔๙/๗๑ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G12/48 ให้แก่บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15125 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการบริหารองค์การมหาชน และขอจัดกลุ่มองค์การมหาชน | นร | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๗ (เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนฯ หลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมฯ และการพัฒนาการดำเนินงาน และการประเมินผลองค์การมหาชน) วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง แนวทางการบริหารของคณะกรรมการองค์การมหาชน) และวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง การจัดกลุ่มองค์การมหาชนกรณีสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)] เกี่ยวกับการบริหารองค์การมหาชน และขอจัดกลุ่มองค์การมหาชน ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีสาระสำคัญครอบคลุมใน ๓ ประเด็นหลัก ได้แก่ (๑) การปรับหลักเกณฑ์การกำหนดกรอบวงเงินรวมสำหรับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรสำหรับองค์การมหาชนใหม่ (๒) การจัดกลุ่มใหม่สำหรับสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ และสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) และ (๓) กำหนดให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นองค์การมหาชนกลุ่มที่ ๑ พัฒนาและดำเนินการตามนโยบายสำคัญเฉพาะด้าน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. จัดให้มีกลไกในการทบทวนความเหมาะสมของสัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรขององค์การมหาชนแต่ละแห่งอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงภารกิจ รายได้ และเงินทุนสะสมของแต่ละองค์การมหาชน รวมทั้งยึดหลักการที่มิให้มีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเกินกว่าความจำเป็นและไม่เป็นภาระงบประมาณของประเทศ และให้นำเสนอคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนพิจารณาเป็นประจำทุกปี เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์การมหาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การปรับกรอบวงเงินรวมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเป็นไม่เกินร้อยละ ๔๐ ของแผนการใช้จ่ายเงินประจำปี การยกเว้นการกำหนดให้องค์การมหาชนที่มีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรต่อแผนการใช้จ่ายเงินประจำปีเกินกว่าที่กำหนดไว้ต้องส่งแผนการปรับปรุงค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเป็นเวลา ๓ ปี เสนอคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนพิจารณา การทบทวนหลักเกณฑ์และปรับปรุงการจัดกลุ่มองค์การทั้งหมดโดยรวมใหม่ตามสภาพการณ์เปลี่ยนแปลงของสถานการณ์และนโยบายปัจจุบัน การกำหนดนโยบายหรือหลักเกณฑ์ในการให้ผู้บริหารลำดับที่ ๑ และ ๒ ขององค์การมหาชนเข้าดำรงตำแหน่งและหมดวาระการดำรงตำแหน่งพร้อมกันเพื่อประโยชน์ในการบริหารองค์การต่อไป และการให้หน่วยงานจัดทำแผนอัตรากำลังและแผนการใช้จ่ายงบประมาณด้านบุคลากรให้สอดคล้องกับภารกิจและบทบาทของหน่วยงาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) และกระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบพระชนมพรรษา เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนดตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ [เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (องค์การสวนสัตว์) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) เร่งศึกษาแนวทางการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (องค์การสวนสัตว์) รวมทั้งการแก้ไขกฎหมายขององค์การสวนสัตว์ให้สอดรับกับแนวทางการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ เรื่อง การทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชน) ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15126 | สรุปผลการประชุมระหว่างประเทศระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ (International Ministerial Conference on Inland Water Transport) | คค | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมระหว่างประเทศระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ (International Ministerial Conference on Inland Water Transport) ภายใต้คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งสหประชาชาติสำหรับภูมิภาคยุโรป (United Nations Economic Commission for Europe : UNECE) ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๑ เมษายน ๒๕๖๑ ณ เมือง Wroclaw สาธารณรัฐโปแลนด์ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร) เป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุมฯ โดยวัตถุประสงค์ของการประชุมฯ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ และแนวทางปฏิบัติด้านคมนาคมขนส่งทางน้ำภายในประเทศของประเทศต่าง ๆ โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมบทบาทของการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ การใช้ประโยชน์จากศักยภาพของการขนส่งทางน้ำอย่างเต็มที่ และคำนึงถึงความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้นำเสนอประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการคมนาคมขนส่งของไทยในระยะ ๒๐ ปี ที่กำหนดเป้าหมายการพัฒนาด้านขนส่ง ๔ เรื่อง ได้แก่ ประสิทธิภาพ ความสะอาดและปลอดภัย ความเสมอภาคและเท่าเทียม และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งนำเสนอบทบาทด้านการคมนาคมขนส่งทางน้ำภายในประเทศของไทย เช่น การที่ไทยเข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมการประสานการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง (Joint Committee on Coordination of Commercial Navigation on the Lancang-Mekong River : JCCCN) เพื่อร่วมกันบริหารจัดการและพัฒนาแหล่งน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้ให้การรับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ (Ministerial Declaration of the International Conference on Inland Transport) มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมบทบาทของการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ เพื่อส่งเสริมการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ รวมถึงกองเรือพาณิชย์และท่าเรือให้ทันสมัย และเพื่อส่งเสริมให้สาขาการขนส่งทางน้ำภายในประเทศมีขีดความสามารถในการแข่งขันและเป็นที่ต้องการของสาขาการขนส่ง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15127 | รายงานผลการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๕ เมษายน ๒๕๖๑ เพื่อศึกษาแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากประเทศต้นแบบและนำแนวคิดมาปรับใช้กับประเทศไทย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้นำคณะเข้าพบหารือกับผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และเอกชนเฉพาะทางที่เกี่ยวข้อง โดยมีประเด็นสำคัญโดยสรุปคือ ภาครัฐควรมีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวก กำหนดนโยบาย สร้างเครือข่าย เชื่อมโยงพื้นที่สร้างสรรค์ของเอกชน และสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมให้เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยจัดจ้างงานจากแหล่งภายนอก (outsource) และสนับสนุนให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์มากขึ้น โดยปัจจัยความสำเร็จในการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์คือ การสร้างเวทีสาธารณะให้บุคคลจากต่างสาขาได้พบปะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แบ่งปันทักษะและประสบการณ์ (cross discipline) และผู้ประกอบการจะต้องได้รับการปลูกฝังแนวคิด (mindset) การทำธุรกิจแบบมืออาชีพ (entrepreneurship) เพื่อให้เข้าใจถึงการทำธุรกิจตามกลไกตลาด สะท้อนต้นทุน กำไรที่แท้จริง รู้จักคิด วิเคราะห์ วางแผน เพื่อขยายธุรกิจ และเตรียมพร้อมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทุกเมื่อ ๒. แนวทางการดำเนินการต่อไปของกระทรวงพาณิชย์ เช่น ร่วมมือกับองค์กรด้านการวิจัยนวัตกรรมทางนโยบาย (Nesta) ในการพัฒนาบุคลากรภาครัฐและยกระดับกระบวนการจัดทำนโยบาย เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจสร้างสรรค์สาขาต่าง ๆ มาเผยแพร่องค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ นักออกแบบ นักคิด และนักสร้างสรรค์ชาวไทย ศึกษาวิเคราะห์ถึงมาตรการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อออกมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการและพื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15128 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมีนาคม 2561 | พณ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทย การส่งออกของไทยในเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ ๗.๑ (YoY) หรือคิดเป็นมูลค่า ๒๒,๓๖๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๓ เมื่อรวมไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๑ ขยายตัวร้อยละ ๑๑.๓ (YoY) ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ ๗ ปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น สินค้าอุตสาหกรรมของไทยมีการยกระดับเทคโนโลยีขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง และการส่งออกกระจายสู่ตลาดศักยภาพและตลาดใหม่อื่น ๆ ได้มากขึ้นตามแนวทางการสร้างหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และกระชับความสัมพันธ์เชิงรุก ด้านการนำเข้า คิดเป็นมูลค่า ๒๑,๐๙๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๙.๕ (YoY) โดยเป็นการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ เช่น สินค้าเชื้อเพลิง สินค้าทุน และวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปเพื่อใช้ในการผลิตในประเทศ ส่งผลให้การค้าเกินดุล ๑,๒๖๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านการส่งออกรายสินค้าและรายตลาด โดยสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวครั้งแรกในรอบ ๑๖ เดือน ที่ร้อยละ ๓.๓ (YoY) สินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๓ ที่ร้อยละ ๗.๗ (YoY) และด้านการส่งออกรายตลาดยังคงขยายตัวได้ดีในทุกตลาดสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอาเซียน ขณะที่จีนกลับมาหดตัวจากปัจจัยระยะสั้น เนื่องจากฐานมูลค่าส่งออกปีก่อนอยู่ในระดับสูงและมาตรการควบคุมปริมาณส่งออกยางพาราทำให้ส่งออกน้อยลง ส่วนตลาดเอเชียใต้ แอฟริกา ตะวันออกกลางมีการขยายตัวในอัตราสูง ๒. แนวโน้มการส่งออกปี ๒๕๖๑ คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทิศทางราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นตามอุปสงค์โลก และความสามารถในการปรับตัวของผู้ส่งออกไทย โดยสินค้าสำคัญที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก แผงวงจรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15129 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 1 รายการ และกรมสุขภาพจิต 2 รายการ) (ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อสร้างอาคารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เป็นอาคาร คสล. 5 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 3,520 ตารางเมตร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงคราม ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม 1 หลัง) | สธ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการ จาก อาคารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เป็นอาคาร คสล. ๕ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๓,๕๒๐ ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงคราม ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ๑ หลัง เป็น รายการอาคารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เป็นอาคาร คสล. ๕ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๓,๕๒๐ ตารางเมตร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงคราม ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ๑ หลัง วงเงิน ๔๕.๓๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15130 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. .... | รง | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. ๒๕๔๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน โดยกำหนดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเป็นเงินในอัตรา ๖๐๐ บาทต่อเดือน ต่อบุตร ๑ คน จำนวนคราวละไม่เกิน ๓ คน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการรองรับในเรื่องจำนวนเงินของกองทุนประกันสังคมที่จะลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของกองทุนประกันสังคมในระยะยาว รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการและกำหนดกลไกการตรวจสอบอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินสงเคราะห์บุตรเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราที่กำหนด และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15131 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามง่าม จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... | มท | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15132 | รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ประจำปี พ.ศ. 2559 | ยธ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ของสำนักงาน ป.ป.ส. ประกอบด้วย ผลการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะในด้านกำลังพล การสับเปลี่ยนหมุนเวียน การใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. รวมทั้งด้านเครื่องมืออุปกรณ์ในการทำงาน โดยเป็นการรายงานผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๑๙ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. เห็นชอบให้นำความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ควรประสานกับหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อแต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และวางระบบการจัดการบุคลากรในการปฏิบัติหน้าที่ให้เพียงพอและมีความต่อเนื่อง รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการใช้อำนาจตามกฎหมายและเทคนิคการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับยาเสพติด ควรบูรณาการการปฏิบัติงานและร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิผล ตลอดจนควรมีแผนปฏิบัติการตามข้อเสนอแนะดังกล่าวที่ชัดเจนและมีตัวชี้วัดผลงานที่เป็นรูปธรรมด้วย เป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี และให้นำรายงานผลการปฏิบัติงานฯ พร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้สำนักงาน ป.ป.ส. รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15133 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงยุติธรรม) (นายนิยม เติมศรีสุข) | ยธ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนิยม เติมศรีสุข ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15134 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล พ.ศ. .... | คค | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงชนบท ตามโครงการถนนเลี่ยงเมืองทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง และควรให้กรมทางหลวงชนบทร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของการพัฒนาปรับปรุงโครงข่ายถนนในความรับผิดชอบตามความจำเป็นเร่งด่วนและความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนของภาครัฐและช่วยให้การพัฒนาโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15135 | รัฐบาลสาธารณรัฐยูกันดาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งสาธารณรัฐยูกันดาประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางดอโรที ซามาลี ฮยูฮา (Mrs. Dorothy Samali Hyuha)] | กต | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางดอโรที ซามาลี ฮยูฮา (Mrs. Dorothy Samali Hyuha) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐยูกันดาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สืบแทน นางสาวนิมิชา ยายานท์ มาทวานี (Miss Nimisha Jayant Madhvani) ซึ่งมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย และเป็นเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐยูกันดาประจำประเทศไทยคนล่าสุดที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายอักษรสาส์นตราตั้ง เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15136 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งกำหนดให้คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) อาจกำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับการเยียวยาโดยให้ได้รับเงินเดือนหรือเงินประจำตำแหน่งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับร่างมาตรา ๓ อาจมีความซ้ำซ้อนกับบทบัญญัติในร่างมาตรา ๔ เกี่ยวกับการเยียวยาข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา และการปรับเพิ่มเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ควรคำนึงถึงผลกระทบและความเหลื่อมล้ำระหว่างข้าราชการทุกประเภท ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ เช่น การพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับเงินเดือนหรือเงินประจำตำแหน่ง เป็นกรณีที่จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเป็นคราว ๆ ไป มิใช่เป็นการกำหนดให้ ก.พ.อ. มีอำนาจปรับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งได้เอง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองซึ่งต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15137 | ผลการดำเนินการตามมาตรา 5/8 แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 เรื่อง แนวทางการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชน | นร12 | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยกเลิกแนวทางการบริหารของคณะกรรมการองค์การมหาชน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒ และเห็นชอบผลการดำเนินการตามมาตรา ๕/๘ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ เรื่อง แนวทางการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชน ซึ่งได้มีการกำหนดแนวปฏิบัติในการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชนตามมาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งการส่งเสริมให้คณะกรรมการองค์การมหาชนมีเครื่องมือกำกับการปฏิบัติงาน และแนวทางการควบคุมกิจการขององค์การมหาชน และให้องค์การมหาชนที่จัดตั้งโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม นำไปใช้เป็นแนวปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. เช่น การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและคณะอนุกรรมการ ควรเพิ่มจำนวนที่ปรึกษาของคณะกรรมการเป็นจำนวนไม่เกิน ๔ คน การปรับการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเป็นไม่ให้เกินกว่าร้อยละสามสิบของงบประมาณค่าใช้จ่ายตามแผนการใช้จ่ายเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการองค์การมหาชนในปีงบประมาณนั้น การปรับถ้อยคำเกี่ยวกับการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการองค์การมหาชนให้สอดคล้องกับมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ และการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการไว้ด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. เร่งชี้แจงกับองค์การมหาชนที่ต้องนำแนวทางการบริหารของคณะกรรมการองค์การมหาชนไปใช้เป็นแนวปฏิบัติให้ชัดเจนและมีความเข้าใจตรงกัน เพื่อให้บรรลุผลตามเป้าประสงค์ของสำนักงาน ก.พ.ร. ต่อไป ๓. ในส่วนของการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรไม่ให้เกินกว่าร้อยละสามสิบของงบประมาณค่าใช้จ่ายตามแผนการใช้จ่ายเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการองค์การมหาชนในปีงบประมาณ ยกเว้นองค์การมหาชนที่มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้เป็นการเฉพาะนั้น ให้สำนักงาน ก.พ.ร. จัดให้มีกลไกในการทบทวนความเหมาะสมของสัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรขององค์การมหาชนแต่ละแห่งอย่างต่อเนื่อง โดยให้คำนึงถึงภารกิจ รายได้ และเงินทุนสะสมของแต่ละองค์การมหาชน รวมทั้งยึดหลักการที่มิให้มีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเกินกว่าความจำเป็น และไม่เป็นภาระงบประมาณของประเทศ และนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเพื่อพิจารณาเป็นประจำทุกปีด้วย เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์การมหาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๔. สำหรับประเด็นการใช้ระบบสัญญาจ้างกับเจ้าหน้าที่ขององค์การมหาชนทุกตำแหน่ง ให้องค์การมหาชนระบุรายละเอียดการจ้างงานในสัญญาจ้างให้ชัดเจน โดยเฉพาะการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษตามผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ขึ้นอยู่กับผลประกอบการขององค์การมหาชน แต่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนพิเศษทุกปี เพื่อป้องกันการตีความที่แตกต่างกันระหว่างหน่วยงานกับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งให้กำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณระยะเวลาของสัญญาจ้างและหลักเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อการเลื่อนหรือการดำรงอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อให้สัญญาจ้างมีสาระสำคัญที่ครบถ้วนสมบูรณ์ มีมาตรฐานเดียวกัน และสามารถพัฒนาบุคลากรขององค์การมหาชนได้ตามเป้าหมายของหน่วยงานด้วย ๕. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่หรือยุบเลิกองค์การมหาชนที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่และวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งหน่วยงาน ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่หรือยุบเลิกองค์การมหาชน) เป็นประจำทุกปีงบประมาณ เพื่อให้เกิดการประเมินผลสัมฤทธิ์และปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และให้พิจารณาส่งเสริมให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการภาครัฐ (Citizen Engagement) ในสาขาและรูปแบบต่าง ๆ เช่น การสร้างเครือข่ายประชารัฐ และการถ่ายโอนภารกิจด้านการปฏิบัติไปให้หน่วยงานภายนอกภาครัฐ เป็นต้น เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ รวมทั้งคำนึงถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของภาครัฐและประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสำคัญ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15138 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 9/2561 เรื่อง มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ | สลธ.คสช. | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙/๒๕๖๑ เรื่อง มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ลงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการบรรเทาความเสียหายแก่ผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยขยายระยะเวลาการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ เพื่อให้สามารถประกอบกิจการและชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ได้ในที่สุดบนพื้นฐานความเป็นจริงในสังคม ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15139 | สรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2561 | นร10 | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ โดยนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานการประชุมได้มีประเด็นข้อสั่งการให้คณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่ารับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) การปรับปรุงระบบการให้บริการประชาชน โดยทดแทนการใช้สำเนาเอกสารทางราชการ อาทิ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ด้วยเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก (๒) การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีตามแนวทาง อาทิ กรณีส่วนราชการกำหนดแผนงาน/โครงการขนาดใหญ่ หรือมีระยะเวลาดำเนินการผูกพันมากกว่าหลายปีงบประมาณ ให้จัดทำเป็นแผนแม่บท โดยแบ่งเป็นแผนงาน/โครงการย่อยที่จะดำเนินการในแต่ละปี เพื่อจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี และกำหนดแผนงาน/โครงการต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ (๓) ให้ทุกส่วนราชการ โดยกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับโครงการประชารัฐ โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ให้แก่ข้าราชการในพื้นที่ และข้าราชการท้องถิ่น เพื่อให้สามารถชี้แจงข้อมูลให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ เป็นต้น ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15140 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2561 | ดศ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ประธานกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบและมีมติในประเด็นต่าง ๆ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ ได้แก่ ความคืบหน้าการดำเนินการของยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่ภาคตะวันออก ความคืบหน้าการดำเนินการรวมร่างพระราชบัญญัติกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การอวกาศแห่งชาติ พ.ศ. .... และนโยบายการกำหนดสิทธิในการส่งและรับสัญญาณและการเข้าตลาดของดาวเทียมต่างชาติ (Landing Right and Market Access Policy) ๒. ที่ประชุมได้พิจารณาในประเด็นต่าง ๆ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ ได้แก่ แนวทางการบริหารเอกสารข่ายงานดาวเทียมและสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมตามมาตรา ๖๐ แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๓. ที่ประชุมได้มีมติในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ โครงการดาวเทียม THEIA ของประเทศสหรัฐอเมริกา และแนวทางการดำเนินงานเพื่อจัดตั้งสำนักงานประสานงานภูมิภาค (Regional Liaison Office : RLO) ของสำนักงานกิจการอวกาศส่วนนอกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office of Outer Space Affairs) ในประเทศไทย
|
.....