ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 758 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 15141 - 15160 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15141 | สรุปภาพรวมสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการประจำเดือนเมษายน 2561 | พณ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปภาพรวมสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการเดือนเมษายน ๒๕๖๑ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๐๗ (YoY) เป็นการเพิ่มอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๐ และเป็นอัตราที่สูงสุดในรอบ ๑๔ เดือน รวม ๔ เดือนแรกอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๐.๗๕ ซึ่งเป็นอัตราที่อยู่ในกรอบคาดการณ์เงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ร้อยละ ๐.๗-๑.๗ จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาพลังงาน การเพิ่มขึ้นของสินค้าเกษตรบางตัว และกำลังการบริโภคเฉลี่ยของประชาชนที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ในขณะที่ต้นทุนราคาสินค้าอุตสาหกรรมโดยรวมยังชะลอตัว ๒. แนวโน้มสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไปจะมีอัตราที่สูงขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคบางส่วนเริ่มคาดการณ์สถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการว่าจะเพิ่มสูงขึ้นตามราคาพลังงาน ประกอบกับโครงการลงทุนของภาครัฐและเอกชนเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรม ส่งผลให้ความต้องการและราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในไตรมาสที่สองจะอยู่ในกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลางที่รัฐบาลกำหนด ร้อยละ ๒.๕?๑.๕ และคาดว่าทั้งปีจะอยู่ในกรอบเงินเฟ้อที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ที่ร้อยละ ๐.๗-๑.๗
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15142 | การเสนอข้อมูลการต่ออายุโครงการ GSP ของสหรัฐฯ | พณ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อมูลการต่ออายุโครงการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preference : GSP) ของสหรัฐฯ ซึ่งได้ประกาศต่ออายุโครงการ GSP แก่ประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนา อีก ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑-๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ รวมทั้งจำเป็นต้องทบทวนรายชื่อประเมินคุณสมบัติประเทศที่ได้รับสิทธิด้วย โดยได้ประกาศรายชื่อประเทศที่ต้องถูกทบทวนประเมินคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย และคาซัคสถาน เป็นต้น โดยไทยไม่อยู่ในรายชื่อดังกล่าว เนื่องจากไทยมีแผนปฏิบัติการด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองสิทธิแรงงาน และการปราบปรามและการบังคับใช้กฎหมาย และการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี สภาผู้ผลิตสุกรสหรัฐฯ (National Pork Producers Council : NPPC) ได้ยื่นคำร้องขอให้ United States Trade Representatives (USTR) พิจารณาตัดสิทธิ GSP แก่ไทย เนื่องจากไทยไม่เปิดตลาดสินค้าให้แก่สหรัฐฯ อย่างเป็นธรรมและสมเหตุผลจากการที่ไทยห้ามนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ ที่มีสารเร่งเนื้อแดง ซึ่ง USTR จะนำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาข้อเท็จจริงก่อนที่จะประกาศรับคำร้องในช่วงพฤษภาคม ๒๕๖๑ ต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การติดตามการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านการคุ้มครองสิทธิแรงงานของไทย และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างใกล้ชิด เพื่อประโยชน์ต่อการทบทวนประเมินคุณสมบัติประเทศที่ได้รับสิทธิ (Country Assessment) เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับสิทธิ GSP อย่างต่อเนื่อง และการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ ในอนาคต อาทิ ขยายการค้าไปยังตลาดใหม่ ๆ และส่งเสริมผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนในประเทศที่ได้รับสิทธิดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15143 | การลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ในปี 2560 | กค | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ และเห็นชอบในหลักการและแนวทางการดำเนินการการลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ โดยผลการลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนระหว่างวันที่ ๓ เมษายน ถึงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ มีผู้มาลงทะเบียนทั้งสิ้น ๑๔.๒ ล้านคน ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติทั้งสิ้น ๑๑.๔ ล้านคน (เป็นผู้สูงอายุ ๓.๖ ล้านคน และเป็นผู้พิการ ๓.๘ แสนคน) ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยปัจจุบันมีผู้รับบัตรสวัสดิการฯ แล้ว ๑๑.๑ ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๖ ของผู้ที่ผ่านคุณสมบัติทั้งหมด และมีรายการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการฯ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ แล้ว ๒๗,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับแนวทางการดำเนินการการลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ สามารถลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ ได้ โดยผ่านกลไกการดำเนินงานของโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติและไม่มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถมาลงทะเบียนในการลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ ได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรพิจารณาวิธีการลงทะเบียนและวิธีการตรวจสอบการลงทะเบียนที่เหมาะสม รวมถึงการอำนวยความสะดวกที่จะเอื้อต่อการเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ของกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว และเมื่อกระทรวงการคลังดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนเพิ่มเติม และได้จำนวนผู้ลงทะเบียนที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์แล้ว ให้ดำเนินการตามนัยมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในโอกาสแรก แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง รวมทั้งควรประเมินจำนวนผู้ที่จะลงทะเบียนเพิ่มเติมและงบประมาณที่ต้องใช้ในเบื้องต้น ตลอดจนควรมีการติดตามผลภาระต่องบประมาณที่เกิดขึ้นจริงและผลสัมฤทธิ์ของโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15144 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2562-2564) และกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 (การปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี) | กค | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด โดยในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเสนอเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อคณะรัฐมนตรี ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องส่งเรื่องดังกล่าวให้กระทรวงการคลังและ/หรือสำนักงบประมาณก่อน เพื่อพิจารณาเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี แล้วให้ส่งเรื่องดังกล่าวพร้อมความเห็นของกระทรวงการคลังและ/หรือสำนักงบประมาณไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ คืนให้แก่ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15145 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร07 | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒ การปรับเปลี่ยนงบประมาณตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณของหน่วยงาน และปรับเปลี่ยนหน่วยงานต้นสังกัดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณ ๒. ให้นำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15146 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร07 | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๕๐ คน ตามสัดส่วนที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑๐ คน ให้ประกอบด้วย
๑. นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ๒. นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๓. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ๔. นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ๕. นางสาวจิราภรณ์ ตันติวงศ์ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ๖. นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๗. นางสาวอมรวดี จักรไพวงศ์ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ๘. นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ๙. นายภูมิรักษ์ ชมแสง รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ๑๐. นายสมหมาย ลักขณานุรักษ์ ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15147 | ร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีด้านการท่องเที่ยวเอเปคประจำปี พ.ศ. 2561 | กก | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีด้านการท่องเที่ยวเอเปคประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค ครั้งที่ ๑๐ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ณ เมืองพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี โดยร่างแถลงการณ์ฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ระหว่างประเทศสมาชิกเอเปคในการพัฒนาความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการลงทุนด้านการท่องเที่ยว การสร้างงาน และมาตรฐานอาชีพและเครื่องมือการฝึกสอน ซึ่งจะมีการดำเนินการในหลายมิติ เช่น (๑) สนับสนุนผู้ประกอบการในการเข้าถึงการบริการทางการเงิน นวัตกรรม และการสร้างงาน (๒) ให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสตรีต่อการมีส่วนร่วมในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ (๓) สร้างโอกาสในภาคการท่องเที่ยวโดยการเพิ่มขีดความสามารถในการอำนวยความสะดวกทางด้านการศึกษา การเข้าถึงทางการเงิน โครงสร้างพื้นฐาน และการจ้างงาน เป็นต้น ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทยนั้น หากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15148 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายดนัย เมนะโพธิ) | กต | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายดนัย เมนะโพธิ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15149 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต (จำนวน 5 คน 1. นางดาราพร ถิระวัฒน์ ฯลฯ) | กค | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ได้แก่ นางดาราพร ถิระวัฒน์ และนายอรรถพล อรรถวรเดช ๒. ด้านการเงินการธนาคาร ได้แก่ นางจรี วุฒิสันติ ๓. ด้านคอมพิวเตอร์ ได้แก่ นายอนุชิต อนุชิตานุกูล ๔. ผู้แทนผู้ประกอบการด้านธุรกิจภาคเอกชน ได้แก่ นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15150 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง | พม | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง โดยมีความคืบหน้าด้านการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งมีเป้าหมายดำเนินการระยะแรกในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ จำนวน ๕๐ ชุมชน ๗,๐๖๙ ครัวเรือน ณ เดือนเมษายน ๒๕๖๑ มีพื้นที่สามารถดำเนินการได้ ๒๙ ชุมชน ๒,๖๓๕ ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ ๓๗.๒๘ ของเป้าหมายดำเนินการทั้งหมด ประกอบด้วย บ้านที่สร้างแล้วเสร็จ จำนวน ๑,๑๙๐ ครัวเรือน จาก ๑๘ ชุมชน คิดเป็นร้อยละ ๑๖.๘๓ และบ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จำนวน ๑,๒๓๑ ครัวเรือน จาก ๑๙ ชุมชน โดยมีพื้นที่พร้อมเริ่มก่อสร้าง จำนวน ๒๑๔ ครัวเรือน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15151 | รายงานการประชุมคองเกรสนานาชาติของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ ครั้งที่ 23 (23rd International Congress of the UIHJ) | ยธ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมคองเกรสนานาชาติของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๒๓ (23rd International Congress of the UIHJ) ที่กระทรวงยุติธรรมและกรมบังคับคดีได้ร่วมจัดการประชุมขึ้นในหัวข้อเรื่อง “หลักประกันความยุติธรรมที่มั่นคงและยั่งยืน : เจ้าพนักงานบังคับคดี องค์ประกอบสำคัญของหลักธรรมาภิบาล (Guaranteeing a Secure and Sustainable Justice : the Judicial Officer, an Essential Element of Good Governance)” เมื่อวันที่ ๑-๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) เป็นประธานการประชุม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ให้กรมบังคับคดีเป็นสมาชิกถาวร (Full Member) ของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ ซึ่งการเป็นสมาชิกแบบสมาชิกถาวรดังกล่าวจะมีส่วนให้กรมบังคับคดีมีสิทธิเต็มรูปแบบในการแลกเปลี่ยนและแสดงความคิดเห็นและประสบการณ์ และลงคะแนนเสียงในประเด็นต่าง ๆ ในการบริหารจัดการสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาวิชาชีพของเจ้าพนักงานบังคับคดีและมาตรฐานการบังคับคดีแพ่งให้มีประสิทธิภาพและรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี และสามารถนำเสนอพัฒนาการการบังคับคดีของไทยที่มีความทันสมัยและมีความสอดคล้องกับมาตรฐานสากลให้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก อันจะเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ๒. ที่ประชุมพิจารณาเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ซึ่งจะมีวาระ ๓ ปี (๒๐๑๘-๒๐๒๑) โดยสมาชิกแบบถาวรของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศได้ลงคะแนนเลือกนายมาร์ค สมิช เจ้าพนักงานบังคับคดีประเทศเบลเยียม เป็นประธานกรรมการสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ และเลือกนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีบทบาทในการเสนอความคิดเห็นและเข้าร่วมบริหารงานของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15152 | ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี (คำสั่ง นร ที่ 122/2561) | นร04 | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๒๒/๒๕๖๑ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ โดยปรับปรุงการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในส่วนของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) โดยยกเลิกความในข้อ ๒.๒ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“๒.๒ มอบหมายให้กำกับดูแลองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐ ดังนี้ ๒.๒.๑ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ๒.๒.๒ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ๒.๒.๓ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ๒.๒.๔ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15153 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 33/2561 | นร | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๓๓/๒๕๖๑ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15154 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 1 รายการ และกรมสุขภาพจิต 2 รายการ) [ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วย 5 ชั้น 30 เตียง พร้อมซักฟอก จ่ายกลาง โรงครัว และพัสดุ พื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,910 ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) เป็นอาคารผู้ป่วย 3 ชั้น 30 เตียง พร้อมโรงครัวและพัสดุ พื้นที่ใช้สอย 968 ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ 1 หลัง] | สธ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จาก อาคารผู้ป่วย ๕ ชั้น ๓๐ เตียง พร้อมซักฟอก จ่ายกลาง โรงครัว และพัสดุ พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๑,๙๑๐ ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็น อาคารผู้ป่วย ๓ ชั้น ๓๐ เตียง พร้อมโรงครัวและพัสดุ พื้นที่ใช้สอย ๙๖๘ ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ๑ หลัง ในวงเงิน ๒๓.๘๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมสุขภาพจิต) รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15155 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 1 รายการ และกรมสุขภาพจิต 2 รายการ) (ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารพักเจ้าหน้าที่ 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 2,190 ตารางเมตร เป็นอาคารพักเจ้าหน้าที่ 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,576 ตารางเมตร โรงพยาบาลสวนปรุง ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 1 หลัง) | สธ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จาก อาคารพักเจ้าหน้าที่ ๗ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๒,๑๙๐ ตารางเมตร โรงพยาบาลสวนปรุง ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ๑ หลัง เป็น อาคารพักเจ้าหน้าที่ ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๑,๕๗๖ ตารางเมตร โรงพยาบาลสวนปรุง ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ๑ หลัง ในวงเงิน ๒๕.๙๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมสุขภาพจิต) รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15156 | การจัดทำฐานข้อมูลแรงงานนอกระบบ | นร | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลประกอบการบริหารจัดการและการกำหนดมาตรการในการกำกับดูแลผู้ใช้แรงงานในภาพรวมได้อย่างครบถ้วนทั้งระบบ และมีประสิทธิภาพ จึงมอบหมายให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำฐานข้อมูลแรงงานนอกระบบให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม เช่น แรงงานที่ทำงานไม่เต็มเวลา แรงงานที่รับงานไปทำที่บ้าน แรงงานที่ทำงานแบบเหมาช่วง แรงงานที่ทำงานระยะสั้น แรงงานผู้พิการ แรงงานผู้สูงวัย เป็นต้น ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ และให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15157 | การจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศในภาพรวม | นร04 | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของการรถไฟแห่งประเทศไทย) ให้กระทรวงคมนาคมเร่งจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศในภาพรวมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้มีความเชื่อมโยงกันทั้งระบบขนส่งหลัก ระบบขนส่งเสริม (Feeder System) และการพัฒนาระบบการจัดการสินค้า บริการ และโลจิสติกส์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน รวมทั้งเพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร และรองรับการขยายตัวของเมืองต่าง ๆ ด้วย และให้นำแผนแม่บทดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนด้วย นั้น ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว โดยในการจัดทำแผนงาน/โครงการภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมดังกล่าว ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือเป็นหลักการในการพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินงาน การกำหนดรายละเอียด การกำหนดรูปแบบรายการของแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบ ให้ยึดหลักความประหยัด คุ้มค่า ครบถ้วน จำเป็น เหมาะสม และประโยชน์ใช้สอยในแต่ละกรณีเป็นสำคัญ โดยไม่นำข้อจำกัดด้านงบประมาณมาเป็นปัจจัยที่ทำให้ต้องลดทอนภาระงานหรือปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานที่จำเป็นและควรต้องดำเนินการของแผนงาน/โครงการนั้น ๆ ออกไป ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาหรือผลกระทบด้านต่าง ๆ และทำให้เกิดความไม่คุ้มค่าในการแก้ไขปรับปรุงการดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ ในภายหลัง เช่น การกำหนดแนวสายทางที่กีดขวางทางน้ำ การออกแบบทางแยก/ทางลอดของถนนที่ไม่เหมาะสมกับสภาพการจราจรและไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15158 | การแต่งตั้งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกดำรงตำแหน่งประธานองค์กรระงับข้อพิพาทของ WTO | พณ | 22/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก (WTO) และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกให้ดำรงตำแหน่งประธานองค์กรระงับข้อพิพาทของ WTO โดยเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑ ที่ประชุมคณะมนตรีใหญ่ WTO ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ให้ดำรงตำแหน่งประธานองค์กรระงับข้อพิพาทของ WTO มีวาระดำรงตำแหน่ง ๑ ปี ซึ่งตามแนวปฏิบัติของ WTO ประธานองค์กรระงับข้อพิพาทจะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีใหญ่ WTO ในปี ๒๕๖๒ ต่อไป ดังนั้น นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ จะเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับการไว้วางใจจากประเทศสมาชิกให้ดำรงตำแหน่งประธานองค์กรสูงสุดของ WTO ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15159 | สรุปภาพรวมสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการประจำเดือนมีนาคม 2561 | พณ | 22/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปภาพรวมสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการประจำเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๗๙ (YoY) ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๙ เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ขยายตัวต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ ๐.๖๓ (YoY) โดยสาเหตุสำคัญของการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากปัจจัยด้านการบริโภคและการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนในหมวดที่มิใช่อาหารสด รวมทั้งการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาหมวดผักสด โดยดัชนีราคาผู้บริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๗๙ (YoY) จากการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคากลุ่มพลังงาน และการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาของกลุ่มอาหารบางรายการ เช่น ผักสด (มะนาว กะหล่ำปลี) เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป ชาสำเร็จรูป) และอาหารสำเร็จรูปและข้าว ในขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต ลดลงร้อยละ ๑.๔ (YoY) จากการลดลงของดัชนีราคาในเกือบทุกหมวด โดยเฉพาะหมวดผลผลิตเกษตรกรรม เช่น อาหาร ผลิตภัณฑ์ยาง ไม้ เป็นต้น และหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า ยานพาหนะ เป็นต้น ส่วนดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ ๒.๗ จากการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก หมวดซีเมนต์ หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต และหมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ๒. แนวโน้มสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ อุปสงค์โดยรวมยังขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะอุปสงค์ในภาคนอกเกษตรที่เกิดจากการลงทุนต่าง ๆ ของประเทศ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมทั้งภาคบริการและการส่งออกที่ยังขยายตัวได้สูงอย่างต่อเนื่อง สำหรับภาคเกษตร แม้ว่าจะยังคงมีปัญหากับราคาสินค้าเกษตรที่ยังหดตัว ส่งผลต่อรายได้และกำลังซื้อของประชาชนกลุ่มนี้ แต่ราคาสินค้าเกษตรสำคัญในเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลังสด รวมทั้งอาหารทะเลบางชนิด ในขณะที่สินค้าเกษตรสำคัญอื่น ๆ ยังมีปัจจัยด้านผลผลิตและความต้องการที่ยังไม่สมดุล โดยคาดว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในปี ๒๕๖๑ จะสามารถปรับตัวเข้าสู่กรอบเป้าหมายนโยบายการเงินตามที่รัฐตั้งไว้ที่ร้อยละ ๒.๕?๑.๕ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ ๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15160 | รายงานผลการเข้าร่วมงาน InternationaleTourismus Borse (ITB) 2018 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี | กก | 22/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเข้าร่วมงาน Internationale Tourismus Borse (ITB) 2018 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ ๗-๑๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งงาน ITB 2018 เป็นงานมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโลก โดยในปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดรูปแบบและกิจกรรมภายในคูหาประเทศไทยด้วย Theme : Amazing Thailand ในแนวคิด Open to the new shades of Thailand โดยเน้นสินค้าและบริการที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงชุมชน (Local Tourism) และประสบการณ์การเรียนรู้ตามทิศทางการตลาด Marketing 4.0 สำหรับกิจกรรมสำคัญภายในงาน เช่น การจัดงาน Thailand Networking Lunch โดยเชิญสื่อมวลชน บริษัทนำเที่ยวในตลาดยุโรป และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ารับฟังข้อมูลด้านนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย และการจัดงาน Thailand Mini Mart เป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายและสร้างพันธมิตรทางด้านการท่องเที่ยว โดยเน้นการเชิญผู้ประกอบการจากเมืองรองเพื่อมาพบปะเจรจาธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทย รวมทั้งการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยและการสาธิตงานหัตถกรรม เป็นต้น ทั้งนี้ ผลสำเร็จจากการเข้าร่วมงาน ITB 2018 ผู้ประกอบการไทย (Seller) ได้เจรจาธุรกิจกับบริษัทจากตลาดยุโรป (Buyer) เฉลี่ย ๒๖ ราย (มากกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งมีการเจรจาเฉลี่ย ๒๓ ราย) เป็นคู่ค้ารายเดิมเฉลี่ย ๑๖ ราย และรายใหม่เฉลี่ย ๑๐ ราย และมีแนวโน้มในการทำสัญญาเฉลี่ยร้อยละ ๕๘ ซึ่งในภาพรวมเป็นที่น่าพึงพอใจและสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยยังเป็นจุดหมายยอดนิยมทางการท่องเที่ยว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
.....