ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 756 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 15101 - 15120 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15101 | โครงการระบบส่งไฟฟ้าเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ระยะที่ 3 | พน | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการระบบส่งไฟฟ้าเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ระยะที่ ๓ ในวงเงินลงทุนรวม ๗,๒๕๐ ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงโครงการโรงไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ระยะที่ ๓ เข้ากับระบบไฟฟ้าของ กฟผ. ซึ่ง กฟผ. ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับเอกชนไว้แล้ว (ปริมาณกำลังผลิตไฟฟ้ารวม ๕,๐๐๐ เมกะวัตต์) และอนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนประจำปี ๒๕๖๑ สำหรับโครงการฯ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๕๓.๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงาน และ กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ การจัดทำแผนรองรับความเสี่ยงในการดำเนินโครงการฯ และการควบคุมการดำเนินโครงการฯ ให้มีต้นทุนการดำเนินงานที่ประหยัดมากที่สุด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับ กฟผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้า ระบบส่งไฟฟ้า และระบบจำหน่ายไฟฟ้าในภาพรวม ที่สอดคล้องกับหลักการในการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ฉบับใหม่ โดยให้ดำเนินการจัดทำแผนดังกล่าวให้แล้วเสร็จก่อนการริเริ่มลงทุนโครงการลงทุนด้านพลังงานไฟฟ้าในระยะต่อไป ๓. สำหรับการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในอนาคต หรือการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนในระยะต่อไป ให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำปัจจัยด้านความสามารถของระบบส่งไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐาน หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องของ กฟผ. ที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ และต้นทุนในการพัฒนาหรือก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้าใหม่ที่จะมารองรับหรือเชื่อมต่อโครงการโรงไฟฟ้ามาประกอบการพิจารณาริเริ่มโครงการลงทุนหรือประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนรายใหม่ด้วย เพื่อป้องกันมิให้เกิดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนและผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าในอนาคต
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15102 | การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ 3/2515/7 เลขที่ 5/2515/9 และเลขที่ 3/2549/71 (การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2549/71) | พน | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. ให้บริษัท เชลล์ อินทีเกรทเต็ด แก๊ส ไทยแลนด์ พีทีอี ลิมิเต็ด โอนสิทธิประโยชน์ และพันธะ ซึ่งถืออยู่ทั้งหมดในอัตราร้อยละ ๒๒.๒๒๒๒ ตามสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ ๓/๒๕๑๕/๗ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข ๑๖ และ ๑๗ และสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ ๕/๒๕๑๕/๙ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข ๑๕ ให้แก่บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ๒. ให้บริษัท ไทยเอนเนอร์จี จำกัด โอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะ ซึ่งถืออยู่ทั้งหมดในอัตราร้อยละ ๒๒.๒๒๒๒ ตามสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ ๓/๒๕๔๙/๗๑ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G12/48 ให้แก่บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15103 | ขอความเห็นชอบการแก้ไขสัญญาให้ผู้ประกอบการครัวการบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้บริการครัวการบินแก่สายการบินที่เปิดให้บริการเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานแห่งอื่นนอกเหนือจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | คค | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาโครงการครัวการบิน (Catering Services) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ครั้งที่ .. ระหว่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กับบริษัท ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด และร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาโครงการครัวการบิน (Catering Services) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ครั้งที่ .. ระหว่าง ทอท. กับบริษัท แอลเอสจี สกายเชฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาแล้ว ก่อนการลงนามในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม โดยสาระสำคัญของร่างสัญญาเป็นการเพิ่มเงื่อนไขให้ผู้รับอนุญาตสามารถใช้พื้นที่โครงการครัวการบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นฐานการผลิตเพื่อให้บริการครัวการบิน ณ ท่าอากาศยานแห่งอื่นนอกเหนือจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม โดย ทอท. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐที่เห็นควรให้ ทอท. ติดตามและประเมินประสิทธิภาพการให้บริการครัวการบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการครัวการบินแก่สายการบินที่ให้บริการเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และพิจารณาเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับความต้องการใช้บริการครัวการบินที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขให้ ทอท. มีสิทธิยกเลิกข้อตกลงได้ หากท่าอากาศยานแห่งอื่นมีความพร้อมที่จะเปิดให้มีการแข่งขันในการให้บริการครัวการบิน และเมื่อแก้ไขสัญญาแล้ว ทอท. ควรกำกับติดตามให้การดำเนินงานตามสัญญาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพตามข้อกำหนดของสัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสิทธิภาพการดำเนินงาน รายได้ และขีดความสามารถในการให้บริการครัวการบินแก่เที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการครัวการบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กำหนดกลไกการติดตามและประเมินผลให้ผู้ประกอบการครัวการบินดำเนินการตามเงื่อนไขของสัญญาโครงการครัวการบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่เสนอแก้ไขเพิ่มเติมมาในครั้งนี้อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15104 | ร่างพระราชบัญญัติสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติเพื่อการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค กำหนดให้มีสำนักงานคณะกรรมการสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติ ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ไม่ใช่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ที่เห็นควรกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติให้มีความรัดกุม เหมาะสม และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อให้การจัดตั้งองค์กรของผู้บริโภคเป็นตัวแทนในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคและสามารถดำเนินการร่วมกับภาครัฐได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ประเด็นเกี่ยวกับแหล่งรายได้ในการดำเนินกิจการของสำนักงานคณะกรรมการสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติ ซึ่งกำหนดให้รัฐบาลพึงจัดสรรให้เป็นจำนวนที่เพียงพอนั้น ควรปรับแก้ไขถ้อยคำเพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณและสอดคล้องกับการรักษาวินัยทางการเงินการคลังของรัฐด้วย รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินในประเด็นเกี่ยวกับองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติ บทบาทและภารกิจอาจซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นของรัฐ กลไกการตรวจสอบการใช้เงินสนับสนุนจากรัฐ การกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติต้องรักษาวินัยทางการเงินการคลัง การกำหนดบทบาทภารกิจให้ชัดเจนและการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การกำหนดชื่อร่างพระราชบัญญัติไม่ควรมีคำว่า “แห่งชาติ” ตลอดจนการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภครับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15105 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐลัตเวียว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ | กต | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐลัตเวียว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Latvia on Exemption of Visa Requirements for Holders of Diplomatic, Service and Official Passports) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม และอนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายลัตเวียเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลบังคับใช้ต่อไป โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการตรวจลงตราแก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตหรือราชการที่มีอายุใช้ได้ของแต่ละฝ่ายในการเดินทางเข้า ออก แวะผ่าน และพำนักอยู่ในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน ภายในระยะเวลา ๑๘๐ วันใด ๆ นับตั้งแต่วันที่เดินทางเข้า โดยมีเงื่อนไขว่า บุคคลเหล่านั้นจะต้องไม่ทำงานใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินกิจการของตนเองหรือกิจการงานส่วนตัวอื่นในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ กำหนดจะมีการลงนามในร่างความตกลงฯ ในวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๑ ที่ประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15106 | ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน พ.ศ. .... | คค | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ราคาเริ่มต้น ๑๖ บาท ราคาสูงสุด ๔๒ บาท แต่เนื่องจากการปรับปรุงอัตราค่าโดยสารดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับในวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ซึ่งตามสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินกำหนดให้ต้องประกาศราชกิจจานุเบกษาให้ประชาชนทราบก่อนวันใช้บังคับไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน (โดยจะต้องประกาศให้ทราบก่อนวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๑) ประกอบกับตามสัญญาฯ กำหนดให้หากภาครัฐไม่ดำเนินการหรือดำเนินการล่าช้า คู่สัญญาสามารถใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากภาครัฐได้ ดังนั้น จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยไปดำเนินการเจรจากับคู่สัญญาในการยืดระยะเวลาการปรับอัตราค่าโดยสาร โดยรัฐบาลไม่ต้องชดเชยแต่ประการใด ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ไปดำเนินการเจรจากับคู่สัญญาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมทั้งการแบ่งเบาภาระประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล โดยต้องดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายและสัญญาที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15107 | การปรับปรุงกรอบวงเงินลงทุนของแผนพัฒนาระบบไฟฟ้า ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555 - 2559) | มท | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินการปรับปรุงกรอบวงเงินลงทุนของแผนพัฒนาระบบไฟฟ้า ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙) ประกอบด้วย ๑๒ โครงการ ๒ แผนงาน วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๙๙,๙๔๓.๖๘ ล้านบาท และโครงการลงทุนด้านการพัฒนาพลังงานทดแทนของบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กรอบวงเงินร่วมลงทุน ๗,๗๕๒.๐๐ ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนในส่วนของบริษัท พีอีเอฯ ในวงเงิน ๗๗๙.๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ กฟภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงิน การบริหารความเสี่ยงและควบคุมการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ การพิจารณาความเป็นไปได้ในการบริหารและใช้ประโยชน์สินทรัพย์ที่เกิดจากการดำเนินโครงการต่าง ๆ การเร่งรัดการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วให้เป็นไปตามแผนพัฒนาระบบไฟฟ้าฯ (ปรับแผนการลงทุน) การคำนึงถึงผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงการลงทุนดังกล่าว และการเตรียมความพร้อมในขั้นตอนการดำเนินงานและการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในการจัดทำแผนพัฒนาระบบไฟฟ้าของ กฟภ. ในระยะต่อไป ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. ร่วมกับกระทรวงพลังงานบูรณาการรวมแผนระบบไฟฟ้าดังกล่าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนพลังงานในภาพรวมของประเทศ (ประกอบด้วย ๕ แผนหลัก) และเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาในคราวเดียวกัน เพื่อให้การพัฒนาระบบไฟฟ้าในภาพรวมของประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้การพัฒนาระบบไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีต้นทุนการผลิตที่เหมาะสมและเกิดความมั่นคงทางด้านพลังงาน ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดกลไกในการประเมินและทบทวนแผนพลังงานในภาพรวมทั้ง ๕ แผนหลักอย่างต่อเนื่องด้วย เพื่อให้สามารถปรับปรุงแผนพลังงานให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับให้ กฟภ. ดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนพัฒนาระบบไฟฟ้าที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมถึงการดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ก่อนนำโครงการดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรี รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยกำกับให้ กฟภ. เร่งพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการที่มีวงเงินลงทุนสูง เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ตลอดจนติดตาม ประเมินผล แล้วรายงานผลการดำเนินงานต่อกระทรวงพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15108 | ร่างยุทธศาสตร์ชาติ | นร11 | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ชาติที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติได้พิจารณาและแก้ไขตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑ แล้ว โดยได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขร่างยุทธศาสตร์ชาติตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตามมติคณะรัฐมนตรีที่ให้คำนึงถึงสภาวการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศที่อาจเปลี่ยนแปลงไปและอยู่นอกเหนือการควบคุมและอาจส่งผลต่อร่างยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ เช่น สถานการณ์การเมืองโลก ภาวะเศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด เป็นต้น รวมทั้งมีการปรับปรุงแก้ไขตัวชี้วัด ประเด็นยุทธศาสตร์ และการใช้คำศัพท์ให้ถูกต้อง เหมาะสม และสามารถดำเนินการได้ในทางปฏิบัติแล้ว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติปรับแก้ไขถ้อยคำตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้อง ชัดเจน แล้วให้นำเสนอประธานกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ชาติฉบับภาษาอังกฤษสำหรับใช้ในการเผยแพร่และสร้างการรับรู้แก่ประเทศต่าง ๆ และองค์การระหว่างประเทศต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15109 | หลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... พร้อมปฏิทินโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร07 | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... พร้อมปฏิทินโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15110 | การประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ครั้งที่ 8 | กต | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนแม่บท ACMECS ระยะ ๕ ปี (ค.ศ. ๒๐๑๙-๒๐๒๓) [ACMECS Master Plan (2019-2023)] และร่างปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ของการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) ครั้งที่ ๘ (8th ACMECS Summit) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร โดยแผนแม่บทฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ในยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ส่วนร่างปฏิญญากรุงเทพฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกัน ๑.๒ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งที่ ๘ และเป็นผู้ร่วมให้การรับรองแผนแม่บทฯ และร่างปฏิญญากรุงเทพฯ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินภารกิจเพื่อการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งที่ ๘ ให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืน ตามนัยของกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนแม่บทฯ และร่างปฏิญญากรุงเทพฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุน ACMECS (ACMECS Fund) หรือกองทุนและทรัสต์เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ACMECS (ACMECS Infrastructure Fund and Trust) เห็นควรให้มีการหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดตั้ง เพื่อให้สามารถดำเนินการให้เกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ในทางปฏิบัติ รวมทั้งในกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณแผ่นดินจะต้องมีการพิจารณาตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในภายหลัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15111 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมีนาคม 2561 และแนวโน้มปี 2561 | อก | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ และแนวโน้มปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ ๒.๖ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลให้ดัชนีขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ น้ำตาลทราย การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และน้ำมันพืช ด้านการนำเข้าของภาคอุตสาหกรรมไทย การนำเข้าเครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ มีมูลค่า ๑,๓๘๐.๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๒.๙ (YoY) ส่วนการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) มีมูลค่า ๗,๔๙๖.๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๕.๙ (YoY) ด้านสถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ การประกอบกิจการ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM) มีโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการ ๓๔๖ โรงงาน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๔.๕ และมียอดเงินลงทุนรวม ๑๑,๙๐๔ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๑๓.๖ ขณะที่การเลิกกิจการ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM) มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการ ๑๒๗ ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๒.๓ และมีเงินทุนของการเลิกกิจการมีมูลค่ารวม ๑,๙๔๖ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑๕.๒ ๒. คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทย ปี ๒๕๖๑ จะขยายตัวเป็นบวกในช่วงร้อยละ ๒.๕-๓.๐ (ปี ๒๕๖๐ ขยายตัวร้อยละ ๒.๕) โดยมีการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ สำหรับการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากรายได้ครัวเรือนนอกภาคเกษตร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15112 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นางเกศณีย์ ผลานุวงษ์) | กต | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางเกศณีย์ ผลานุวงษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ การแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15113 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นางอมรา กลับประทุม) | กค | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอมรา กลับประทุม เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทน นายสันติ กีระนันทน์ ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15114 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ (จำนวน 6 คน 1. นายประทีป เจริญพร ฯลฯ) | ทส | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ จำนวน ๖ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายประทีป เจริญพร ด้านการบริหารจัดการที่ดิน ๒. นายอิทธิพล ศรีเสาวลักษณ์ ด้านกฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับที่ดิน ๓. นายมานัส ฉั่วสวัสดิ์ ด้านการจัดการที่ดินของรัฐ ๔. นายมณฑล สุดประเสริฐ ด้านการผังเมือง ๕. นายประยุทธ หล่อสุวรรณศิริ ด้านการจัดการที่ดินป่าไม้ ๖. นายสิริวิชญ กลิ่นภักดี ด้านการจัดรูปที่ดินและจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15115 | การแต่งตั้งกรรมการสภาสถาปนิก (จำนวน 5 คน 1. นายทวีเกียรติ ศรีสกุลเมฆี ฯลฯ) | มท | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาสถาปนิก จำนวน ๕ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายทวีเกียรติ ศรีสกุลเมฆี ๒. นางดวงขวัญ จารุดุล ๓. นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ๔. นายสมชาย วัฒนะวีระชัย ๕. นายธนภัทร เลาหจรัสแสง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15116 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านชีววิทยาศาสตร์ (นายบุญชัย สมบูรณ์สุข) | วท | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายบุญชัย สมบูรณ์สุข เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารในคณะกรรมการบริหารศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15117 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายณรงค์ แผ้วพลสง) | ศธ | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายณรงค์ แผ้วพลสง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค ๑๕ (เชียงใหม่) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15118 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง (จำนวน 13 ราย 1. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ฯลฯ) | มท | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง รวม ๑๓ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ ๒. พลอากาศเอก ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ กรรมการอื่น ๓. พลตรี ปรัชญา เฉลิมวัฒน์ กรรมการอื่น ๔. นางมยุรศิริ พงษ์ธรานนท์ กรรมการอื่น ๕. นายนิวัติ ลมุนพันธ์ กรรมการอื่น ๖. ศาสตราจารย์สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ กรรมการอื่น ๗. นายเดชบุญ มาประเสริฐ กรรมการอื่น ๘. นายสราวุธ เบญจกุล กรรมการอื่น ๙. นายมนัส แจ่มเวหา กรรมการอื่น ๑๐. ศาสตราจารย์บุญเสริม กิจศิริกุล กรรมการอื่น ๑๑. นายมนตรี บุญพาณิชย์ กรรมการอื่น ๑๒. นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ กรรมการอื่น ๑๓. นายสุวิชญ โรจนวานิช กรรมการอื่น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15119 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (จำนวน 6 คน 1. ศาสตราจารย์ สุรศักดิ์ ลิขสิทธิ์วัฒนกุล ฯลฯ) | ยธ | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย รวม ๖ คน (แทนผู้ที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ศาสตราจารย์สุรศักดิ์ ลิขสิทธิ์วัฒนกุล ประธานกรรมการ ๑.๒ นายรอยล จิตรดอน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๔ นายภัคพล งามลักษณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๕ ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๖ นายสุรงค์ บูลกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยในครั้งต่อไปให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามนัยของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย ทั้งนี้ การสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิครั้งต่อไปให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาทบทวนระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การสรรหาประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การมหาชน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกรณีการเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ไม่ได้ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย รวมทั้งกระทรวงยุติธรรมยังไม่ได้มีการแก้ไขระเบียบให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เรื่อง ผลการดำเนินการตามมาตรา ๕/๘ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ของสำนักงาน ก.พ.ร. ในขณะที่องค์การมหาชนอื่น ๆ เช่น ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) ได้มีการแก้ไขระเบียบและนำเสนอคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวแล้ว ดังนั้น สำนักงาน ก.พ.ร. จึงควรกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนเพื่อให้การสรรหาและแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การมหาชนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15120 | กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 4/2561 | นร04 | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการนายกรัฐมนตรีในการเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดพิจิตร และจังหวัดนครสวรรค์ และประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ ณ จังหวัดนครสวรรค์ ระหว่างวันจันทร์ที่ ๑๑-วันอังคารที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
.....