ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 647 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 12921 - 12940 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12921 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่บัญญัติให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มาเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรแก้ไขข้อความในส่วนองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ตามร่างข้อ ๔ จาก “เลขาธิการสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม...” เป็น “เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม...” รวมทั้งเพิ่มเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นองค์ประกอบในคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ สำหรับการแก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นรองประธานกรรมการคนที่สาม ตามร่างข้อ ๔ นั้น เมื่อร่างระเบียบนี้กำหนดให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมิได้กำหนดบทเฉพาะกาลรองรับกรณีที่ยังไม่ได้แต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวไว้ กรณีจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการแต่งตั้งรองประธานดังกล่าวทันทีเมื่อระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12922 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) (การยกเว้นอากรขาเข้ายาในกลุ่มยากำพร้า) | กค | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นอากรขาเข้าผลิตภัณฑ์ยารักษาหรือยาป้องกันโรคในกลุ่มยากำพร้า เฉพาะที่ได้รับการขึ้นทะเบียน และระบุ (P) ต่อท้ายในเลขทะเบียนตำรับยา เว้นแต่ยากำพร้าที่มีการผลิตในประเทศ ๑๑ รายการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับเนื้อหาร่างประกาศดังกล่าวควรกำหนดให้ชัดเจนว่าเป็นการยกเว้นอากรในบัญชีรายการยากำพร้าตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนด เว้นแต่กลุ่มยา ๑๑ รายการที่มีการผลิตในประเทศ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับยากำพร้าที่ผลิตในประเทศและยากำพร้าที่ไม่เข้าข่ายที่จะได้รับการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ จึงจำเป็นต้องปรับปรุงเป็นระยะเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นปัจจุบัน และควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษี รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้ เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลาง และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีระบบฐานข้อมูลยากำพร้าของประเทศในด้านการผลิต การนำเข้า การกระจาย และการใช้ยากำพร้า ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12923 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า การจะออกกฎหมายลำดับรองควรมีการประชาสัมพันธ์และรับฟังข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม และต้องมีกระบวนการที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตามสมควร ตลอดจนเห็นควรให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสั่งการหรือประสานงานให้ภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องจัดทำหรือเตรียมแผนในการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงในบริเวณนอกทะเลอาณาเขตโดยเฉพาะบริเวณไหล่ทวีปซึ่งเป็นแหล่งผลิตปิโตรเลียมของประเทศไทย และมีการใช้อากาศยานเพื่อการลำเลียงขนส่งเป็นประจำ หรือบริเวณพื้นที่ซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้อาณาเขตของประเทศใด เพื่อให้การช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ตามที่เห็นสมควรด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12924 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... | สว | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับกระบวนการในการรับรองตนเองผ่านระบบบฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การพิจารณาอัตราการจัดเก็บค่าธรรมเนียม การกำหนดมาตรการเพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงของการใช้สุดท้ายหรือผู้ใช้สุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง และการรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนในการตราพระราชกฤษฎีกาตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12925 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. .... | สว | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า ควรเตรียมความพร้อมในการจัดให้มีร่างระเบียบเกี่ยวกับการรับฟังความคิดเห็นกรณีที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งร่วมกันเข้าชื่อเสนอกฎหมายตามพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๖ และในการดำเนินการตรวจสอบความจำเป็นในการตรากฎหมาย การรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง และการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย รวมทั้งการดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบเนื้อหาของร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับระบบอนุญาต ระบบคณะกรรมการ การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ระยะเวลาในการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ และการกำหนดโทษอาญาจะต้องมีการเตรียมความพร้อมและการสร้างความรับรู้ความเข้าใจให้แก่หน่วยงานของรัฐ สำหรับกลไกการตรวจสอบกฎหมายโดยศาลควรให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายนั้น ๆ และระมัดระวังมิให้เป็นการก้าวล่วงหรือใช้อำนาจที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ส่วนกฎหมายลำดับรองบางประเภทที่จะออกมาใช้บังคับต่อเมื่อมีสถานการณ์หรือเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น และต้องออกกฎหมายลำดับรองนั้น ไม่สามารถกำหนดเป็นหลักเกณฑ์ไว้ล่วงหน้าได้ จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์การกำหนดกรอบเวลาในการออกกฎหมายลำดับรอง นอกจากนี้ การกำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดทำแนวทางปฏิบัติในการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามร่างมาตรา ๒๔ วรรคหนึ่ง นั้น หากได้มีการจัดทำแนวทางปฏิบัติในเรื่องนั้นไว้แล้ว หน่วยงานของรัฐสามารถประกาศให้ทราบถึงแนวทางดังกล่าว และถือได้ว่าเป็นการดำเนินการตามร่างมาตรา ๒๔ แล้ว ทั้งนี้ ในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และรูปแบบเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลตัวบทกฎหมาย คำแปลของกฎหมาย และคำอธิบายสรุปสาระสำคัญ ควรมีการรับฟังความเห็นจากหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบการบังคับใช้กฎหมายประกอบด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12926 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง ศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลอาญาพระโขนง และศาลอาญามีนบุรี พ.ศ. .... | สว | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง ศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลอาญาพระโขนง และศาลอาญามีนบุรี พ.ศ. .... โดยสำนักงานศาลยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เกี่ยวกับการจัดทำแผนแม่บทในการจัดตั้งศาล การกำหนดหลักเกณฑ์การตั้งชื่อศาลตามตำแหน่งพื้นที่ การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดตั้งศาลขึ้นใหม่ในอนาคตควรจะพิจารณาเขตอำนาจศาลให้สอดคล้องกับเขตอำนาจของพนักงานสอบสวนต่อไป ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12927 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. .... | สว | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. .... โดยสำนักงาน ก.พ. ได้ร่วมกับองค์กรกลางบริหารงานบุคคลประเภทต่าง ๆ รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ซึ่งเห็นด้วยกับข้อสังเกตดังกล่าวเกี่ยวกับผลการให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรัฐเป็นผู้จัดทำประมวลจริยธรรมเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในความรับผิดชอบ และให้หน่วยงานของรัฐสามารถจัดทำข้อกำหนดจริยธรรมเพิ่มเติมจากประมวลจริยธรรมที่องค์กรกลางบริหารงานบุคคลหรือองค์กรที่มีหน้าที่จัดทำขึ้น รวมทั้งการเปิดเผยต่อสาธารณะได้ทราบถึงประมวลจริยธรรมและข้อกำหนดจริยธรรม โดยใช้ช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสมและสามารถเข้าถึงได้ง่าย ตลอดจนการเผยแพร่กรณีที่ได้ดำเนินการทางจริยธรรมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งในทางที่เป็นคุณและเป็นโทษ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมในกรณีที่เป็นการดำเนินการในทางที่เป็นโทษ และปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ด้วย ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12928 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการพิจารณาร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเกี่ยวกับการดำเนินการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร โดยพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นในทุก ๆ มิติอย่างรอบด้าน ก่อนการกำหนดมาตรฐานบังคับจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการฯ พิจารณาเหตุผลความจำเป็นในการกำหนดมาตรฐานบังคับในแต่ละเรื่อง ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแก้ไขปรับปรุงคู่มือสำหรับประชาชน จัดทำร่างประกาศคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรให้ครอบคลุมถึงการบูรณาการและการแลกเปลี่ยนตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลของหน่วยงานอื่นของรัฐ รวมทั้งเร่งรัดการจัดทำข้อตกลงหรือความร่วมมือระหว่างประเทศเกี่ยวกับการยอมรับผลการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานซึ่งกันและกัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12929 | รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ประกอบด้วยผลการดำเนินงานของ กกพ. ผลการดำเนินงานของสำนักงาน กกพ. ผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาไฟฟ้า และงบแสดงฐานะการเงินของสำนักงาน กกพ. ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12930 | รายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม - ธันวาคม 2561) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ภาวะเศรษฐกิจ โดยเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๑ ขยายตัวร้อยละ ๓.๔ จากระยะเดียวกันของปีก่อน และชะลอลงจากช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๑ เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในประเทศโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น่ากังวล เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องและสามารถรองรับความผันผวนของตลาดการเงินโลกได้ ๒. การดำเนินงานของ ธปท. ประกอบด้วย (๑) แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายการเงิน (๒) แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายสถาบันการเงิน และ (๓) แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายระบบการชำระเงิน ธปท. ได้ดำเนินงานด้านนโยบายระบบการชำระเงินต่าง ๆ ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๑ เช่น การดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment Master Plan) และมาตรฐาน Thai Standard QR Code สำหรับการชำระเงิน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12931 | รายงานผลการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในภูมิภาคอาเซียนและประเทศอาเซียนบวกสาม ณ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะ | พม | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในภูมิภาคอาเซียนและประเทศอาเซียนบวกสามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ณ ประเทศญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การพบปะและประชุมหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่ดำเนินการเกี่ยวกับคนพิการ ได้แก่ (๑) การพบปะและปรึกษาหารือ ณ สถานกงสุลใหญ่ นครโอซากา (๒) การประชุมหารือร่วมกับศูนย์การดำรงชีวิตอิสระ (Muchu Independent living Center : ILC) (๓) การประชุมหารือร่วมกับ International Communication Center for Persons with Disabilities : BIG-i (๔) การประชุมหารือร่วมกับศูนย์บริการผู้สูงอายุ Sun-Rose OSAKA (Elderly Nursing Home, Day Care Center, Day Service for Dementia) (๕) การประชุมหารือร่วมกับศูนย์ฝึกอาชีพสำหรับคนพิการของเมืองโออิตะ และ (๖) การประชุมหารือร่วมกับนิคมอุตสาหกรรมคนพิการ Japan Sun Industries (Taiyonoie) ๑.๒ ข้อเสนอแนะในการส่งเสริมสังคมที่ปราศจากอุปสรรคต่อคนพิการ ได้แก่ (๑) การพัฒนาศูนย์เรียนรู้นวัตกรรม เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ (๒) การกำหนดประเด็น Accessibility (การเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้) เป็นระเบียบวาระแห่งชาติ และการเร่งผลักดันให้มีกฎหมายด้านการจัดสภาพแวดล้อมสาธารณะที่ทุกคนเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ (Accessibility All Act : AAA) และ (๓) การส่งเสริมเมืองที่เป็นมิตรสำหรับทุกคน (Smile City For All) ตามหลัก Smart Living และ Smart Service ๑.๓ ข้อเสนอแนะในการเสริมพลังคนพิการ ได้แก่ (๑) การส่งเสริมการจ้างงานคนพิการให้เป็นรูปธรรมทั้งกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน (๒) การให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลคนพิการมากขึ้น และ (๓) การให้ความสำคัญต่อกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นคนพิการและคนพิการติดเตียง ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรพิจารณาให้การดำเนินการของศูนย์เรียนรู้นวัตกรรม เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ในมาตรการการจัดทำบัญชีแห่งชาติ ด้านเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ ซึ่งสามารถผลักดันไปสู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมโดยสามารถใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนานวัตกรรมตามความต้องการของภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12932 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายอดุลย์ บัณฑุกุล) | สธ | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอดุลย์ บัณฑุกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12933 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวทิพย์วรรณ ปริญญาศิริ) | สธ | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวทิพย์วรรณ ปริญญาศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนักวิชาการอาหารและยาทรงคุณวุฒิ (ด้านอาหารและยา) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12934 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมผู้นำโต๊ะกลมของการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 2 | กต | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมผู้นำโต๊ะกลมของการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ ๒ และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยสาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศที่เข้าร่วมการประชุม จำนวน ๓๘ ประเทศ โดยมุ่งเน้นความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ ความเชื่อมโยง ความยั่งยืน ความสัมพันธ์ระดับประชาชน บนพื้นฐานของการเปิดกว้างและครอบคลุม ความโปร่งใส การได้ประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย การรักษาสิ่งแวดล้อม การมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และการเคารพกฎหมายภายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ได้กำหนดทิศทางความร่วมมือภายใต้กรอบสายแถบและเส้นทาง (BRI) ใน ๕ มิติ ได้แก่ (๑) ความเชื่อมโยงทางนโยบาย (๒) ความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานทุกมิติ (๓) การส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (๔) การเสริมสร้างความเข้มแข็งของความร่วมมือให้ปฏิบัติได้จริงและมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และ (๕) การพัฒนาการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนในมิติต่าง ๆ โดยจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation : BRF) ครั้งที่ ๒ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ ๒๕-๒๗ เมษายน ๒๕๖๒ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12935 | การจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับปี พ.ศ. 2562-2564 | วธ | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ (Executive Program for Cultural Cooperation for the Years 2019-2021 between the Ministry of Culture of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Culture and Tourism of the People’s Republic of China) ภายใต้ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๔๔ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนอื่นที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในแผนปฏิบัติการฯ ซึ่งฝ่ายจีนเสนอที่จะให้มีการลงนามในปลายเดือนเมษายน ๒๕๖๒ โดยสาระสำคัญของแผนปฏิบัติการฯ มุ่งเน้นความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น คณะผู้แทนรัฐบาลด้านวัฒนธรรม บุคลากรและเจ้าหน้าที่ทางด้านวัฒนธรรม ศิลปิน และบุคคลที่มีบทบาทในด้านศิลปะและวัฒนธรรมทั้งจากภาครัฐและเอกชน ผ่านความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนบุคลากร การเพิ่มพูนการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างกันในสาขาทางด้านวัฒนธรรมที่หลากหลาย อาทิ การสนับสนุนความร่วมมือเกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ การบริการสาธารณะทางด้านวัฒนธรรม อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และตลาดวัฒนธรรม ตลอดจนความร่วมมือทางด้านศิลปะการแสดง พิพิธภัณฑ์และหน่วยงานด้านมรดกวัฒนธรรม นอกจากนี้ ยังสานต่อโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมไทย-จีน รวมถึงการแสดงดนตรีและวัฒนธรรม “สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน” การสนับสนุนการเจรจาแลกเปลี่ยนทางวิชาการและวัฒนธรรมระหว่างกัน และการสนับสนุนการจัดการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ ๔๕ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้กระทรวงวัฒนธรรมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรองรับเพื่อดำเนินการดังกล่าวไว้แล้ว จากรายการค่าใช้จ่ายในการพัฒนาความร่วมมือและความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับต่างประเทศ โดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ส่วนปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12936 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงการเดินรถไฟร่วมกันระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | คค | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามความตกลงการเดินรถไฟร่วมกันระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย รวมทั้งอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนสำหรับการลงนามดังกล่าว โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถไฟระหว่างประเทศครอบคลุมทั้งด้านการโดยสารและการขนส่งสินค้าทางรถไฟ การกำหนดนิยามคำศัพท์และการตีความ เช่น สถานีระหว่างประเทศ สถานีชายแดน ทรัพย์สินร่วม เป็นต้น รวมถึงการระบุถึงกรรมสิทธิ์ที่ดิน พนักงานสถานีระหว่างประเทศ การจัดการเดินรถผ่านแดน การจัดหาล้อเลื่อนและการคิดค่าลากจูง ความรับผิดชอบต่อความเสียหาย และค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมล้อเลื่อน ความรับผิดชอบต่อการสูญเสียชีวิต การบาดเจ็บ สินค้าสูญหาย และอื่น ๆ ตลดจนการอำนวยความสะดวกในการเดินรถผ่านแดน และการชำระบัญชี โดยการลงนามความตกลงฯ จะมีขึ้นในระหว่างพิธีฉลองความสำเร็จในการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) พิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างอาคารด่านศุลกากรและถนนเชื่อมต่อฝั่งกัมพูชา พิธีเปิดสถานีรถไฟด่านพรมแดนบ้านคลองลึก พิธีลงนามความตกลงการเดินรถไฟร่วมกันระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และพิธีส่งมอบรถไฟดีเซลราง วันจันทร์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ณ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12937 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานการปฏิบัติงานพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน | วธ | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานการปฏิบัติงานพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน จำนวน ๘๗๕,๑๗๔,๑๗๘ บาท ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว โดยขอให้สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และหากมีงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินการที่บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ขอให้นำส่งคืนสำนักงบประมาณในโอกาสแรกด้วย ๑.๒ สำหรับเงินเดือนข้าราชการ จำนวน ๒๔๗ อัตรา อัตราเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ที่ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้วในแผนงานบุคลากรภาครัฐไปดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12938 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวสาวิตรี ชำนาญกิจ) | นร05 | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวสาวิตรี ชำนาญกิจ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12939 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ (จำนวน 10 คน 1. นายภูมิรักษ์ ชมแสง ฯลฯ) | อื่นๆ | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ จำนวน ๑๐ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) ในฐานะประธานกรรมการวัคซีนแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายภูมิรักษ์ ชมแสง ๑.๒ รองศาสตราจารย์ประสบศรี อึ้งถาวร ๑.๓ นายเจษฎา โชคดำรงสุข ๑.๔ ศาสตราจารย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ๑.๕ ศาสตราจารย์พรทิพภา เล็กเจริญสุข ๑.๖ นายอำนวย กาจีนะ ๑.๗ รองศาสตราจารย์พิเศษทวี โชติพิทยสุนนท์ ๑.๘ นางวิชชุดา จริยะพันธุ์ ๑.๙ รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ ๑.๑๐ นายวิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร ๒. ให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติในครั้งต่อไปให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12940 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานแทนตำแหน่งว่าง (จำนวน 3 คน/รูป 1. พระพรหมบัณฑิต ฯลฯ) | ศธ | 17/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน ๓ คน/รูป อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พระพรหมบัณฑิต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านพุทธศาสนาและการศึกษา) ๒. นายวิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส ด้านการศึกษาเอกชน และด้านการศึกษาสำหรับ ผู้มีความสามารถพิเศษ) ๓. รองศาสตราจารย์อนุชาติ พวงสำลี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการบริหารการศึกษา)
|
.....