คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. รับทราบผลการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของนายกรัฐมนตรี และผลการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat : JCR) ไทย-ลาว ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๓-๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีประเด็นจากการประชุมที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญและจะร่วมกันผลักดัน จึงต้องมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป เช่น (๑) การยกระดับความสัมพันธ์ไทย-ลาว เป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อความเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” (๒) การยกระดับด่านท้องถิ่นบ้านปางมอน เมืองคอบ แขวงไซยะบุลี ให้เป็นด่านสากล (๓) การรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ภายในกรอบ ๙,๐๐๐ เมกะวัตต์ (๔) การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมอย่างไร้รอยต่อ (๕) การยกระดับการเชื่อมโยงด้านการค้าและการลงทุน (๖) การเชื่อมโยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและดิจิทัลไทย-ลาว โดยเฉพาะการเชื่อมโยงโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (๗) การพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร สปป.ลาว ตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices : GAP) และสนับสนุนให้ใช้การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) ในการซื้อขายสินค้าเกษตร และ (๘) การฉลองครบรอบ ๗๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว ในปี ๒๕๖๓ และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปฏิบัติตามผลการประชุมดังกล่าวให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
               ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ที่เห็นควรให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดำเนินงานด้วยความระมัดระวังและรอบคอบมิให้กระทบต่อความมั่นคงของทั้งสองประเทศ และควรพิจารณาให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว ในการรวมเส้นทางหมายเลข ๑๒ (R12) ให้เป็นเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองและเร่งรัดให้ สปป.ลาวดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย