ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 649 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 12961 - 12980 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12961 | ผลการตรวจสอบยืนยันความก้าวหน้าของการดำเนินการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนของไทย | คค | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการตรวจสอบเบื้องต้น (Preliminary Debriefing Report) ของคณะผู้ตรวจสอบขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ที่เข้ามาดำเนินการตรวจสอบยืนยันความก้าวหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนของไทย (Full ICAO Coordinated Validation Mission : Full ICVM) ระหว่างวันที่ ๑๓-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ โดยผลการตรวจสอบเบื้องต้น (Preliminary Debriefing) พบว่า ระดับประสิทธิผลของการนำมาตรฐาน ICAO มาใช้บังคับในประเทศ (Effective Implementation : EI) ของไทยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๖๕.๐๗ สูงกว่าค่าเป้าหมายที่ ICAO กำหนด คือ ร้อยละ ๖๐ ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบสามารถชี้ชัดได้ว่า ในระยะเวลาประมาณ ๔ ปี ระดับ EI ของประเทศได้เพิ่มขึ้นเกือบ ๒ เท่า กล่าวคือ เมื่อไทยได้รับธงแดงในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ค่า EI ของไทยคิดเป็นร้อยละ ๓๔.๒๐ หลังจากนั้นสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้ใช้ระยะเวลา ๒ ปี ๓ เดือน ในการปลดธงแดงและเพิ่มค่า EI เป็นร้อยละ ๔๑.๔๖ และใน ๑ ปี ๗ เดือนต่อมาค่า EI ได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๖๕.๐๗ ซึ่งทัดเทียมกับค่าเฉลี่ยของประเทศสมาชิก ICAO ทั้งหมด ๑๙๑ ประเทศ จึงถือได้ว่ามาตรฐานด้านความปลอดภัยด้านการบินของไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับเดียวกันกับมาตรฐานโลกแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12962 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (ขอส่งรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และกองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดิน) | สตง | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ และของกองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า งบการเงินแสดงฐานะการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ และของกองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12963 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านสังคม ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมถนน บาทวิถี และเส้นทางเดินเท้าทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและในจังหวัดต่าง ๆ ที่ชำรุดทรุดโทรมและอาจมีน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวกและปลอดภัย รวมทั้งให้ดูแลกำจัดขยะมูลฝอยและวัสดุเหลือใช้ต่าง ๆ ที่จะเป็นอุปสรรคกีดขวางทางระบายน้ำในจุดต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นชุมชนแออัดด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพัฒนาคูคลองและพื้นที่บริเวณริมคลองที่มีศักยภาพที่สามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจได้ให้มีภูมิทัศน์ที่สะอาดและสวยงาม โดยการปลูกไม้ดอกและ/หรือไม้ประดับที่มีสีสันสวยงามตามสภาพพื้นที่ รวมทั้งให้มีการจัดกิจกรรมล่องเรือชมทัศนียภาพ และจัดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวให้เหมาะสมด้วย และต่อมาได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการพัฒนาคูคลองเพิ่มเติมในทุกจังหวัดอย่างน้อย ๑ คลอง ๑ จังหวัด ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว/พักผ่อนที่สะดวกและสะอาด ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการและรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบแล้ว เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งขยายผลการดำเนินการพัฒนาคูคลองตามข้อสั่งการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้มีการเพาะปลูกพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับที่มีสีสันสวยงามในพื้นที่แปลงใหญ่ตามสวนสาธารณะหรือพื้นที่อื่น ๆ ที่มีความเหมาะสม เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีไม้ดอกไม้ประดับเป็นแปลงใหญ่หลากหลายสีสันตามฤดูกาล ดึงดูดใจแก่นักท่องเที่ยวและเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแก่ประชาชนโดยทั่วไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12964 | การสนับสนุนการปรับเปลี่ยนรถสามล้อสาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เป็นรถสามล้อที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า | นร04 | 28/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง กำหนดให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ) เห็นชอบให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ (เรื่อง รายงานผลการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การส่งเสริมสนับสนุนผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการประกอบหรือดัดแปลงรถยนต์) ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านการเงิน การคลัง และแหล่งเงินทุน เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรถสามล้อสาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไปเป็นรถสามล้อที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า นั้น
นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เห็นควรให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม และกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งรัดการดำเนินการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่รถสามล้อสาธารณะ (รถตุ๊กตุ๊ก) ปรับเปลี่ยนรถสามล้อสาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไปเป็นรถสามล้อที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าโดยเร็ว รวมทั้งพิจารณาจัดให้มีสถานที่หรือสถานีชาร์จไฟฟ้าให้เหมาะสมและเพียงพอด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12965 | ขออนุมัติขายที่ราชพัสดุ | กค | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่ดำเนินการประมูลได้ผู้มีสิทธิซื้อแล้ว ตามนัยกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๓ จำนวน ๒ แปลง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. ๕๐๕๔ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ ๐-๐-๑๘ ไร่ พร้อมอาคารราชพัสดุทาวน์เฮ้าส์ ๒ ชั้น เลขที่ ๙๙๘/๒๘๔ จำนวน ๑ หลัง ให้กับนางนันท์ธยาน์ วงษ์ไชโย ตามผลการประมูล ๒. แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. ๕๐๖๕ ตำบลคลองสองต้นนุ่น อำเภอลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ ๐-๐-๒๐ ไร่ พร้อมอาคารราชพัสดุทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว เลขที่ ๒๐๑/๑๐๘๓ จำนวน ๑ หลัง ให้กับนางสาวพิกุล อุรุวงศ์วณิช ตามผลการประมูล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12966 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำฝั่งขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำฝั่งขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำฝั่งขวา ในท้องที่ตำบลท่าช้าง อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก และในท้องที่ตำบลบางปลากด อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน โดยเรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นที่มิใช่การเกษตรกรรม เพื่อควบคุมดูแลปริมาณของน้ำ และเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12967 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่ต๊าก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่ต๊าก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่ต๊าก ในท้องที่ตำบลดอนศิลา อำเภอเวียงชัย และตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12968 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยแย้ ตำบลวังตะเฆ่ ตำบลโคกสะอาด อำเภอหนองบัวระเหว และตำบลภูแลนคา ตำบลชีบน อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... | กษ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยแย้ ตำบลวังตะเฆ่ ตำบลโคกสะอาด อำเภอหนองบัวระเหว และตำบลภูแลนคา ตำบลชีบน อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปดำเนินการสำรวจที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12969 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะมาย และตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | คค | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะมาย และตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะมาย และตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๑๑๐ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๓ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับแนวทางการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวง โดยเฉพาะการก่อสร้างที่กีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ และให้คำนึงถึงผลกระทบจากการระบายน้ำภายหลังการก่อสร้าง และให้กรมทางหลวงชนบทประสานกับกรมโยธาธิการและผังเมืองเพื่อให้การดำเนินการตามโครงการมีความสอดคล้องกับผังเมืองรวมเมืองทุ่งสงฉบับใหม่ รวมทั้งพิจารณาออกแบบโครงสร้างถนนของโครงการในบริเวณจุดตัดทางรถไฟกับถนนเสมอระดับภายใต้รูปแบบโครงสร้างทางรถไฟที่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ออกแบบไว้ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12970 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 วันที่ 30 กันยายน 2560 และวันที่ 30 กันยายน 2561 (ขอส่งรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560) | ปช | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12971 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ กรุงลูบลิยานา สาธารณรัฐสโลวีเนีย (นางซิโมนา โวไล ราคุชเชก) | กต | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางซิโมนา โวไล ราคุชเชก (Mrs. Simona Volaj Rakuscek) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ กรุงลูบลิยานา สาธารณรัฐสโลวีเนีย โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมสาธารณรัฐสโลวีเนีย สืบแทนนายซวองโก โวไล (Mr. Zvonko Volaj) ซึ่งถึงแก่กรรม ทั้งนี้ โดยคงสถานะสถานที่ทำการกงสุล เป็น สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ไว้เช่นเดิม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12972 | ภาพรวมวันหยุดราชการประจำปีและการกำหนดให้วันที่ 4 พฤษภาคม เป็นวันฉัตรมงคล | นร05 | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. กำหนดให้วันที่ ๔ พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันฉัตรมงคล และวันหยุดราชการประจำปี ๒. รับทราบภาพรวมวันหยุดราชการประจำปี รวม ๑๙ วัน ส่วนการกำหนดให้เป็นวันหยุดประจำปีของธนาคารและวันหยุดของภาคแรงงาน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12973 | รายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2562 และการจัดทำรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูง ในประเทศคู่ค้า (Notorious Markets) | พณ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ (Special 301) ประจำปี ๒๕๖๒ และการจัดทำรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงในประเทศคู่ค้า (Notorious Markets) โดยเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative : USTR) ได้จัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทย โดยปรับสถานะจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List : PWL) มาอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List : WL) และเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๒ USTR ได้ประกาศสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้าฯ ประจำปี ๒๕๖๒ โดยประเทศไทยยังคงสถานะอยู่ในบัญชี WL สำหรับรายงาน Notorious Markets เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๑ USTR ได้ประกาศรายชื่อ Notorious Markets ประจำปี ๒๕๖๐ ไม่ปรากฏชื่อย่านการค้าหรือศูนย์การค้าในประเทศไทยเป็น Notorious Markets แต่รายงาน Notorious Markets ประจำปี ๒๕๖๑ ได้มีการระบุช่อตลาดในประเทศไทย ๒ แห่ง เป็นการละเมิดในท้องตลาด ๑ แห่ง คือ ย่านพัฒน์พงษ์ และตลาดออนไลน์ ๑ แห่ง คือ www.shopee.co.th ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงพาณิชย์ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อเร่งรัดการแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์และกฎหมายสิทธิบัตรให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒.๒ ให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานพิจารณากลั่นกรองการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานด้วยความรอบคอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ ๒.๓ ในส่วนของรายงาน Notorious Markets ประจำปี ๒๕๖๑ ที่ได้มีการระบุชื่อตลาดในประเทศไทย ๒ แห่ง คือ ย่านพัฒน์พงษ์ และ www.shopee.co.th ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในตลาดดังกล่าวต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางการป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในการจัดซื้อคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ของหน่วยงานภาครัฐที่มีความรัดกุมและได้มาตรฐานเดียวกัน การผลักดันให้มีการดำเนินการอย่างจริงจังและมีความต่อเนื่องเพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่ภาคเอกชนและประชาชน การแสดงออกถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการแก้ปัญหาดังกล่าว การจัดทำรายงาน Notorious Markets ควรมีการติดตามและสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการและดำเนินการตรวจสอบตลาดและช่องทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12974 | รายงานผลการปฏิบัติงาน กสทช. ประจำปี 2561 | กสทช | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ประจำปี ๒๕๖๑ ประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานสำคัญของ กสทช. ในปี ๒๕๖๑ (๒) แผนการดำเนินงานและงบประมาณรายจ่าย ประจำปี ๒๕๖๒ (๓) งบการเงินและรายงานของผู้สอบบัญชี รายงานการตรวจสอบภายในของสำนักงาน กสทช. (๔) ปัญหาและอุปสรรคในการประกอบกิจการ (๕) คุณภาพและอัตราค่าบริการโทรคมนาคมประเภทต่าง ๆ (๖) ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้บริโภค ในกรณีกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (๗) ประสิทธิภาพของกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม และ (๘) รายงานสภาพตลาดและการแข่งขัน โดยในส่วนของรายงานการตรวจสอบภายในของ กสทช. คณะกรรมการตรวจสอบภายในมีความเห็นว่า สำนักงาน กสทช. ควรพิจารณาทบทวน พร้อมกับปรับปรุงพัฒนาและบูรณาการระบบการบริหารที่เป็นอยู่ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน โดยนำเอาระบบ Automation และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาเสริมสร้างความมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพขององค์กร ตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12975 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน-สหภาพยุโรป ครั้งที่ 22 | กต | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน-สหภาพยุโรป [ASEAN-The European Union (EU) Ministerial Meeting : AEMM] ครั้งที่ ๒๒ เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมฯ และผลการหารือทวิภาคีในช่วงการประชุมฯ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการติดตามประเด็นความร่วมมืออาเซียน-EU เช่น การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์การนำเสนอแนวคิดหลักของการเป็นประธานอาเซียนของไทยและประเด็นที่ไทยต้องการผลักดันให้เป็นรูปธรรม การรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-EU และความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่างอาเซียน-EU เป็นต้น สำหรับการหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฮังการี บัลแกเรีย โปแลนด์ ลักเซมเบิร์ก และมอลตา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกรีซ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนของประเทศดังกล่าวมาลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของไทย รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐยะไข่ในการสนับสนุนบทบาทที่ชัดเจนมากขึ้นของอาเซียนที่จะดำเนินความพยายามร่วมกันผ่านศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติในรัฐยะไข่ เป็นต้น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผลการประชุมฯ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับการให้ประเทศสมาชิกอาเซียนควรพิจารณาท่าทีร่วมกันสำหรับการเจรจาหารือกับสหภาพยุโรปเรื่องข้อกีดกันทางการค้าผลผลิตทางการเกษตร โดยมุ่งสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย ซึ่งปาล์มน้ำมันนับเป็นพืชเกษตรที่เป็นรายได้หลักและสร้างรายได้ให้กับอาเซียนหลายประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12976 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรสามารถช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรและขึ้นทะเบียนหนี้ในการชำระหนี้แทนสำหรับหนี้ที่มีบุคคลเป็นผู้ค้ำประกันได้ ซึ่งแต่เดิมช่วยเหลือชำระหนี้แทนเฉพาะหนี้ที่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกันเท่านั้น รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขในการจัดตั้งสำนักงานสาขา ตลอดจนแก้ไขวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนเกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขให้มูลค่าทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันต้องครอบคลุมความเสี่ยงของหนี้ในสัญญาที่ใช้บุคคลค้ำประกันด้วย การให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการดำเนินงานทั้งการจัดการหนี้เกษตรกรที่มีวัตถุประสงค์การกู้ยืมเพื่อเกษตรกรรม การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดการหนี้ให้ครอบคลุมถึงหนี้บุคคลค้ำประกัน การสนับสนุนเกษตรกรให้มีรายได้เพียงพอ การเร่งปรับปรุงระบบด้านการบัญชี การเงิน และควบคุมกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรให้เป็นไปตามมาตรฐานการเงิน รวมทั้งการพิจารณาดำเนินการจัดการหนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดการหนี้ของเกษตรกรเฉพาะกรณีที่เกิดผลกระทบและมีความจำเป็นเร่งด่วนเป็นอันดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12977 | การรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | วธ | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates : UAE) ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้พบปะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการพัฒนาความรู้ของ UAE ในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การปรับเปลี่ยนร่างความตกลง (Memorandum of Agreement : MOA) โดยฝ่ายไทยได้แจ้งขั้นตอนการดำเนินการพิจารณาร่าง MOU ฉบับใหม่ของฝ่ายไทยให้ UAE ทราบ ซึ่ง UAE ได้ตอบรับที่จะเดินทางมาลงนาม MOU ที่ไทยด้วยแล้ว (๒) การหารือถึงแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับนานาประเทศ โดยการนำมิติศิลปะและวัฒนธรรมมาใช้เพื่อเสริมสร้างสัมพันธไมตรี ตลอดจนการเผยแพร่และส่งเสริมการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม และ (๓) การหารือเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนการจัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ การแลกเปลี่ยนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ องค์ความรู้ และประสบการณ์การบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม เช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ กรุงอาบูดาบี (The Louvre Abu Dhabi) เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้เป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลไทย ประจำปี ๒๕๖๒ (Thai Festival 2019) ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี โดยมีกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยและการจัดนิทรรศการโดยใช้ผ้าไทยเป็นแนวคิดหลัก เพื่อสร้างความเข้าใจในวิถีชีวิตและความเป็นเลิศในศิลปวัฒนธรรมให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12978 | รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่ของกระทรวงมหาดไทยเพื่อมอบให้ประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2562 | มท | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่ของกระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบให้ประชาชน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการ “คืนคลองสวยทั่วไทย สุขใจเที่ยวท้องถิ่น” ได้ดำเนินการตามเป้าหมายแล้ว จำนวน ๗๖ จังหวัด มีคูคลองที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นคลองต้นแบบระดับจังหวัด จำนวน ๑๐๔ แห่ง เช่น คลองบางกล่ำ จังหวัดสงขลา คลองแม่มอก จังหวัดสุโขทัย และคลองรังสิตประยูรศักดิ์ จังหวัดปทุมธานี เป็นต้น ๒. โครงการ “ห้องน้ำท้องถิ่นสะอาดและปลอดภัย” ได้ดำเนินการตามเป้าหมายแล้ว จำนวน ๗๖ จังหวัด มีห้องน้ำสาธารณะที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่พัฒนา/ปรับปรุงแล้ว จำนวน ๓๓,๒๗๖ แห่ง จากจำนวน ๔๐,๙๙๑ แห่ง เช่น ห้องน้ำศูนย์บริการร่วมแบบเบ็ดเสร็จเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ห้องน้ำสวนสาธารณะเกาะลำพู จังหวัดสุราษฎร์ธานี และห้องน้ำภายในสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลวังโมกข์ จังหวัดพิจิตร เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12979 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 วันที่ 30 กันยายน 2560 และวันที่ 30 กันยายน 2561(ขอส่งรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559) | ปช | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12980 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 23 และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 5 | กค | 21/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ Meeting AFMM) ครั้งที่ ๒๓ การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Finance Ministers’ Retreat) การหารือทวิภาคีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และการประชุมร่วมกับภาคธุรกิจ ระหว่างวันที่ ๒-๕ เมษายน ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงราย ซึ่งสาระสำคัญของการประชุมดังกล่าว ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมกันผลักดันให้เกิดความคืบหน้าของความร่วมมือทางการเงินของอาเซียน และส่งเสริมการรวมตัวของภาคการเงิน (Financial Integration) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕ (AEC Blueprint 2025) โดยในส่วนของกระทรวงการคลังประสบความสำเร็จนการผลักดันประเด็นที่ช่วยส่งเสริมการค้าการลงทุนและความร่วมมือด้านการเงินการคลัง เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลสดในการแลกเปลี่ยนใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าอาเซียนแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ATIGA e-Form D) ผ่านระบบ ASEAN Single Window (ASW) ได้ภายในปี ๒๕๖๒ การเชื่อมโยงระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน การส่งเสริมการใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพื่อชำระสินค้าและบริการ และการส่งเสริมการเงินที่ยั่งยืน เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืนต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
.....