ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 641 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 12801 - 12820 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12801 | รายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM) | ทส | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการ JCM Model Project รวม ๒๖ โครงการ มูลค่ามากกว่า ๒ พันล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนมากกว่า ๖ พันล้านบาท มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้ ๑๒๙,๙๕๘ ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ๒. การประชุมคณะกรรมการร่วมกลไกเครดิตร่วม จำนวน ๔ ครั้ง โดยที่ประชุมได้มีมติรับรองกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ และแบบฟอร์มต่าง ๆ ที่ใช้ในการดำเนินงานภายใต้กลไกเครดิตร่วม การรับรองระเบียบวิธีการคำนวณปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก ๗ วิธี ขึ้นทะเบียนโครงการ ๔ โครงการ และการรับรองคาร์บอนเครดิต ๑ โครงการ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ คณะกรรมการร่วมกลไกเครดิตร่วมได้มีมติเห็นชอบการขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจประเมินโครงการทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มอีก ๑ ราย ๓. การจัดงานอบรม/สัมมนาร่วมกับหน่วยงานของประเทศญี่ปุ่น รวม ๑๓ ครั้ง มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด ๙๙๓ คน และมีการเข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงการที่จะขอขึ้นทะเบียนโครงการ JCM จำนวน ๑๕ โครงการ รวมทั้งเยี่ยมชมโครงการซึ่งเริ่มดำเนินการแล้ว จำนวน ๑๖ โครงการ ๔. แผนการดำเนินการในระยะต่อไป ได้แก่ (๑) การเสนอคณะกรรมการร่วมกลไกเครดิตร่วมพิจารณาคำขอทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย การรับรองร่างระเบียบวิธีการลดก๊าซเรือนกระจก ๓ วิธี และการขึ้นทะเบียนโครงการ ๑ โครงการ คือ Introduction of 3.4 MW Rooftop Solar Power System to Air-conditioning Parts Factories (๒) การให้ความเห็นร่างระเบียบวิธีการคำนวณปริมาณก๊าซเรือนกระจก ๓ วิธี และ (๓) การให้ความเห็นเอกสารประกอบการขอขึ้นทะเบียนโครงการ ๖ โครงการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12802 | รายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร01 | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ของคณะกรรมการข่าวสารของราชการ (กขร.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วย (๑) ภารกิจของ กขร. ในปี ๒๕๖๑ (๒) ภารกิจของคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ของ กขร. (๓) ภารกิจของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่าง ๆ (๔) ภารกิจของสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (สขร.) และ (๕) แผนงาน/โครงการในการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ของ สขร. ตามที่ กขร. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12803 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Digital Ministers" Retreat) | ดศ | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Digital Ministers’ Retreat) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นประธาน ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมเห็นชอบการพิจารณาปรับชื่อการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ASEAN Telecommunications and Information Technology Minister : TELMIN) เบื้องต้นพิจารณาปรับเปลี่ยนเป็น ASEAN Digital Ministers Meeting และการพิจารณาปรับปรุงคณะทำงานต่าง ๆ เพื่อรองรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาดิจิทัล เช่น คณะทำงานศึกษาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี คณะทำงานรองรับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ๔.๐ คณะทำงานด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นต้น ๒. ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการจัดทำแผนแม่บทไอซีทีอาเซียน (ASEAN ICT Masterplan) ฉบับใหม่ แทนฉบับปัจจุบันที่จะสิ้นสุดลงในปี ๒๕๖๒ โดยจะปรับชื่อเป็น ASEAN Digital Masterplan 2025 เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล รวมทั้งการดำเนินการต่าง ๆ ๓. ที่ประชุมเห็นควรให้ TELMIN ได้มีการประชุมหารือร่วมกับคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) เพื่อหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจดิจิทัล การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ ๔ และกลไกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการประสานงานประเด็นคาบเกี่ยวกันระหว่างสาขาความร่วมมืออื่น ๔. ที่ประชุมยินดีต่อข้อริเริ่มของอินโดนีเซียในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเวทีสาธารณะอาเซียนด้านเศรษฐกิจดิจิทัล (ASEAN Public Private Forum on Digital Economy) ในเดือนกันยายน ๒๕๖๒ และข้อริเริ่มเรื่อง ASEAN Digital Talent Scholarship โดยจะมอบทุนการศึกษาทักษะพิเศษด้านดิจิทัลอาเซียนเพื่อยกระดับ พัฒนาทักษะ และเตรียมบุคลากรให้พร้อมรองรับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ๔.๐ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของไทย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และส่งเสริมการเข้าถึงบริการในทุกระดับอย่างเท่าเทียม ๕. ที่ประชุมได้มอบหมายให้การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศพิจารณาการขยายขอบเขตการทำงานของสภาปฏิบัติการอาเซียนด้านความมั่นคงปลอดภัยบนเครือข่าย (ASEAN Network Security Action Council : ANSAC) ให้ครอบคลุมด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ในหลายมิติ พร้อมรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ทันต่อสถานการณ์ ยกระดับการพัฒนาบุคลากรไซเบอร์ของอาเซียน และสร้างระบบนิเวศด้านดิจิทัลที่มีความมั่นคงและปลอดภัยในอาเซียน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12804 | รายงานผลการประชุมไตรภาคีระดับรัฐมนตรี เรื่องความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระหว่าง สปป.ลาว เมียนมา และประเทศไทย | ยธ | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมไตรภาคีระดับรัฐมนตรี เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันแลปราบปรามยาเสพติดระหว่าง สปป.ลาว เมียนมา และไทย ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข้าวสารระหว่าง สปป.ลาว เมียนมา และไทย ให้มีความแนบแน่นและชัดเจนยิ่งขึ้น โดยให้หน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของแต่ละประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ข่าวกรองยาเสพติด รูปแบบการกระทำความผิดหรือแผนประทุษกรรมข่าวสารจากผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ๒. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการจัดกำลังปฏิบัติการเพื่อเสริมมาตรการสกัดกั้นยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ในพื้นที่เส้นทางบก ในแม่น้ำโขง ตลอดจนพื้นที่เสี่ยงตามแนวชายแดนของแต่ละประเทศให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมถึงให้มีการใช้กำลังปฏิบัติการเข้าเสริมภายในขอบเขตประเทศของตนเอง เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ที่เรียกได้ว่า “เข้าขั้นวิกฤติ” ๓. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีความร่วมมือในด้านการประสานงานเพื่อลดปัญหาในพิ้นที่วิกฤติของทั้งสามประเทศ ได้แก่ (๑) จังหวัดท่าขี้เหล็ก เมียนมา (๒) แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว และ (๓) จังหวัดเชียงราย โดยใช้กลไกการติดต่อสื่อสารในระดับพื้นที่ของสำนักงานประสานงานแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดน (Border Liaison Office : BLO) ของทั้งสามประเทศ ๔. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการกำหนดบุคคลและหน่วยงานภายในของแต่ละประเทศเพื่อเป็นกลไกรับผิดชอบในการประสานงานและร่วมกันพิจารณาดำเนินการต่อกลุ่มเครือข่ายการค้ายาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์รายสำคัญของแต่ละประเทศ โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเกี่ยวกับการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระหว่าง สปป.ลาว เมียนมา และไทย รวมทั้งการฝึกซ้อมแผนปฏิบัติการและสถานการณ์จำลองโดยใช้พื้นที่วิกฤติของทั้งสามประเทศเป็นพื้นที่สมมุติในห้วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ ประเทศไทย ๕. ที่ประชุมเห็นชอบในการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของทั้งสามประเทศในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำผ่านกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เช่น กรอบความร่วมมือทวิภาคี กรอบแผนปฏิบัติการร่วมแม่น้ำโขงปลอดภัย กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติด กรอบการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด และกรอบการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด เป็นต้น ๖. ที่ประชุมเห็นชอบที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับการสืบสวน การปราบปราม และการสกัดกั้นยาเสพติด เคมีภัณฑ์ และสารตั้งต้น ในห้วงเดือนเมษายน ๒๕๖๒ ๗. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการพัฒนาความร่วมมือด้านการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด เคมีภัณฑ์ และสารตั้งต้นของทั้งสามประเทศผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับประเทศอื่น ๆ ทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12805 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 7 | คค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๗ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม (นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ) ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในระยะแรก (Memorandum of Understanding on the “Early Harvest” Implementation of the Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Facilitation Agreement) ของแต่ละประเทศ และเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการสิ้นสุดของการมีผลบังคับใช้การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ “ระยะแรก” ออกไปอีก ๒ ปี เป็นจนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ รวมทั้งเห็นชอบให้เมียนมาร่วมดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ “ระยะแรก” ในรูปแบบของการจัดทำบันทึกความเข้าใจในการเริ่มใช้ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Initial Implementation of the Cross Border Transport Agreement : IICBTA) กับประเทศเพื่อนบ้าน จนถึงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ เห็นชอบให้สถาบันลุ่มน้ำโขง (Mekong Institute) ติดตามและประเมินผลการดำเนินการ “ระยะแรก” โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งและการค้า (Transport and Trade Facilitation) โดยคาดหวังว่ารายงานฉบับสมบูรณ์จะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ ๒. ที่ประชุมฯ ได้ให้การรับรองร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเส้นทางเพิ่มเติมและการข้ามพรมแดนภายใต้พิธีสาร ๑ ของ CBTA (The Draft Memorandum of Understanding on the Opening of Additional Routes and Border Crossings Under Protocol 1 of the CBTA) และรายการแก้ไขผลของรายการเส้นทางและจุดผ่านแดนแนบท้ายบันทึกความเข้าใจฯ โดยที่ประชุมฯ มีมติให้ประเทศสมาชิกดำเนินการตามกระบวนการภายในของตน เพื่อลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในลักษณะการลงนามแบบเวียน (ad referendum) เพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๒ และรวมอยู่ภายใต้การดำเนินงาน “ระยะแรก” ๓. ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคมหัวหน้าคณะผู้แทนไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนาคมและการสื่อสารเมียนมาได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจในการเริ่มใช้ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (IICBTA) ในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างไทย-เมียนมา และบทเพิ่มเติม (Addendum) ซึ่งมีผลบังคับใช้สำหรับจุดผ่านแดนแม่สอด-เมียวดี (รวมถึงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ ๑ และ ๒) และตามเส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก รวมถึงการขยายเส้นทางไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษติลาวาในเมียนมา เมืองย่างกุ้ง กรุงเทพฯ และท่าเรือแหลมฉบังในไทย โดยกำหนดให้แต่ละฝ่ายดำเนินการออกใบอนุญาตการขนส่งทางถนน (Permit) และเอกสารนำเข้าชั่วคราว (TAD) ให้แก่ผู้ประกอบการขนส่งทางถนนของตนฝ่ายละ ๑๐๐ ฉบับ และให้เริ่มการเดินรถได้ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12806 | รายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำหรับปีบัญชี 2561 | อก | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำหรับปีบัญชี ๒๕๖๑ (สิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑) ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบการเงินที่แสดงเงินลงทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้วเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเร่งรัดเสนอรายงานผลการสอบบัญชีในปีต่อ ๆ ไป ต่อคณะรัฐมนตรี ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12807 | รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. 2560 | ยธ | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกอบด้วย ผลการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ รวม ๑๘๑,๘๐๖ คดี ปัญหาอุปสรรคในเรื่องการใช้อำนาจตรวจสถานประกอบการ โดยเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ไม่รายงานการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง การสอบสวนผู้ต้องหาคดียาเสพติดในกรณีเป็นจำเลยที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีชั้นศาลหรือเป็นผู้ต้องโทษแล้ว ไม่สามารถรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ การส่งหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ หรือให้ส่งบัญชีเอกสารให้ตรวจอบไม่ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน และการใช้อำนาจควบคุมตัว โดยเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดเรื่องสถานที่ควบคุมตัวผู้ถูกจับกุม และได้มีข้อเสนอแนะ รวม ๒ ประเด็น ได้แก่ (๑) การใช้อำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เช่น ควรมีมาตรการในการคัดสรรเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. จากบุคคลที่ผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่เลขาธิการ ป.ป.ส. กำหนด และต้องจัดให้มีการทดสอบวัดระดับความรู้ทั้งก่อนและหลังการอบรมเพื่อให้สามารถนำความรู้ไปใช้ปฏิบัติหน้าที่ได้จริง เป็นต้น และ (๒) การกำกับและดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. โดยควรมีมาตรการให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. รายงานผลการปฏิบัติหน้าที่เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบการใช้อำนาจจากองค์กรต่าง ๆ และประชาชน และสำนักงาน ป.ป.ส. หัวหน้าส่วนราชการหรือผู้บังคับบัญชาต้องควบคุม กำกับดูแล และตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ให้ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตอย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. เห็นชอบให้นำข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า รายงานดังกล่าวได้แสดงถึงปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. มาจากการขาดความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และขาดมาตรการในการควบคุม กำกับดูแล และตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ควรดำเนินการตามข้อเสนอแนะในรายงานฯ อย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องต่อไป เป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี และนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12808 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... | สว | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปได้ว่า การออกระเบียบตามพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... เกี่ยวกับการบริหารการจัดการด้านการเงิน การพัสดุ การจัดการทรัพย์สินจะจัดทำให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ส่วนการออกระเบียบเกี่ยวกับการตรวจสอบภายในของสถานศึกษาพระปริยัติธรรมนั้น จะจัดทำให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และหลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการตรวจสอบภายในสำหรับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับการศึกษาหลักวิชาการพระพุทธศาสนา ปัจจุบันสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้ศึกษาหลักวิชาการพระพุทธศาสนาในลักษณะเดียวกันกับหลักสูตรพระปริยัติธรรมอย่างทั่วถึง และอนาคตอาจขยายช่องทางในการศึกษาให้มากยิ่งขึ้น โดยจัดเป็นรูปแบบการศึกษานอกระบบผ่านช่องทางดาวเทียมหรือทางยูทูป ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12809 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๑๖๓,๑๙๘.๒๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๖๘ ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากภาษีอากร ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ และรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๕๘,๓๙๙.๔๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒.๐๓ ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายจากงบอุดหนุน งบรายจ่ายอื่น และงบบุคลากรเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐบาลมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ จำนวน ๓๒๒,๙๑๑.๓๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๔.๕๐ ๒. งบแสดงฐานะการเงิน รัฐบาลมีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน ณ วันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๑,๘๐๔,๖๓๔.๙๙ ล้านบาท สินทรัพย์สุทธิลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๒๕๔,๔๓๕.๔๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๓๖ เป็นผลมาจากรายการส่วนทุนที่เพิ่มขึ้น การดำเนินงานประจำปีที่มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย และการปรับปรุงมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดระยะยาว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12810 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ทำการแทน ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | สว | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ทำการแทน ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า การกำหนดผู้มีอำนาจแต่งตั้งบุคคลผู้ทำหน้าที่แทนผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ เป็นกรณีที่บัญญัติไว้ในกฎหมายจัดตั้งรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง และไม่มีกฎหมายกลางกำหนดไว้เป็นมาตรฐาน และเมื่อพิจารณามาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ จะเห็นได้ว่า การแต่งตั้งกรรมการหรือพนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กำหนดให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประกอบกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไม่ได้ประสบปัญหาในการดำเนินการแต่งตั้งผู้รักษาการแทน ในชั้นนี้อาจยังไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และโดยที่ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นข้อสังเกตเกี่ยวกับรูปแบบการบัญญัติกฎหมาย และปัจจุบันการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างเสนอร่างพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีหลักการเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๙ ดังกล่าวด้วย ดังนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอาจนำข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นข้อมูลประกอบการตรวจพิจารณาขั้นตอนนิติบัญญัติต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12811 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยสำนักงาน กสทช. เห็นชอบตามข้อสังเกตที่ให้เร่งรัดการกำหนดนโยบายและจัดทำแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และแนวนโยบายของรัฐ และการกำหนดหลักเกณฑ์ในการสนับสนุนการดำเนินการของรัฐเพื่อให้มีดาวเทียมหรือให้ได้มาซึ่งสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม โดยสำนักงาน กสทช. ได้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนและหลักเกณฑ์การอนุญาตสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมและการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติเพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว สำหรับข้อสังเกตในการกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการกำกับดูแลความปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์จากการใช้คลื่นความถี่นั้น ได้มีประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์จากการใช้เครื่องวิทยุคมนาคม และจะร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกที่จะมีในอนาคตต่อไป ส่วนข้อสังเกตในการเร่งรัดการออกระเบียบเกี่ยวกับเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษาโครงการ นอกจากนี้ ข้อสังเกตในการปรับปรุงกฎหมายและการตราพระราชกฤษฎีกาหลอมรวมเทคโนโลยี สำนักงาน กสทช. อยู่ระหว่างพิจารณาศึกษาเพื่อปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และในการตราพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการตราพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวด้วย ตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12812 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาการจัดลำดับความเหมาะสมในการรับซื้อไฟฟ้าตามประเภทเชื้อเพลิงพลังงานทดแทน ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดลำดับความเหมาะสมในการรับซื้อไฟฟ้าตามประเภทเชื้อเพลิงพลังงานทดแทน โดยกระทรวงพลังงานได้รวบรวมผลการพิจารณาศึกษาข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปผลการจัดลำดับความเหมาะสมในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนตามประเภทเชื้อเพลิง ดังนี้ (๑) พลังงานแสงอาทิตย์ (๒) พลังงานชีวมวล (๓) พลังงานก๊าซชีวภาพ (๔) พลังงานน้ำขนาดเล็ก และ (๕) พลังงานลม สำหรับการผลิตไฟฟ้าโดยใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิงนั้น เนื่องจากมีต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าสูง จึงจัดลำดับให้พัฒนาเฉพาะที่จำเป็นในการรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีเท่านั้น และในส่วนของการกำจัดขยะอุตสาหกรรม เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่ผู้ประกอบการต้องดำเนินการ ซึ่งไม่ควรรับเป็นภาระของค่าไฟฟ้า จึงไม่นำการผลิตไฟฟ้าจากขยะมาพิจารณาจัดลำดับความเหมาะสมในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12813 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยได้ดำเนินการจัดให้มีระบบการแจ้งเตือนเกี่ยวกับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา โดยมีจดหมายแจ้งไปยังผู้รับอนุญาต และจะได้แจ้งเตือนอีกครั้งก่อนที่ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาสิ้นอายุ ๑ ปี พร้อมกับแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ของสำนักยา เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ทราบข้อมูลในการเตรียมความพร้อมเพื่อขอต่อทะเบียนตำรับยา รวมทั้งจะจัดให้มีการทบทวนแนวทางปฏิบัติ (Guideline) และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการศึกษาวิจัยในมนุษย์ร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ก่อนดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12814 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยสำนักงานศาลยุติธรรมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยในการปรับเพดานโทษที่ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวต้องมีประกันนั้น ขณะนี้สำนักงานศาลยุติธรรมได้ดำเนินการยกร่างข้อบังคับประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเรียกประกันหรือหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๘ ส่วนการใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ได้จัดทำข้อพิจารณาหรือแนวทางเพื่อซักซ้อมความเข้าใจเพื่ออธิบายบทบัญญัติของกฎหมายและเป็นแนวทางในการใช้กฎหมายดังกล่าวแล้ว รวมทั้งจัดทำโครงการพัฒนาระบบบูรณาการข้อมูลคดีศาลยุติธรรม เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนได้ขยายระยะเวลาเปิดทำการศาลในวันหยุดให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ได้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของผู้ถูกปล่อยชั่วคราวมาใช้ในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ด้วย ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12815 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 30/2562 เป็นพิเศษ | นร04 | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๒ เป็นพิเศษ วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12816 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ จำนวน 2 ฉบับ และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร รวม 3 ฉบับ (การปรับปรุงแก้ไขการเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบ) | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๓๔ (พ.ศ. ๒๕๑๖) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ โดยกำหนดให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบทุกทอดที่ซื้อสินค้ายาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ (วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑) จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๕๘ (พ.ศ. ๒๕๒๖) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ โดยกำหนดให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบทุกทอด ซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ซื้อสินค้ายาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ (วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑) จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๓ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้จากการขายสินค้ายาสูบที่การยาสูบแห่งประเทศไทยได้เสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้าดังกล่าวทุกทอดตามมาตรา ๔๘ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร เป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ (วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑) ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายการเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบ ในกรณีที่การยาสูบแห่งประเทศไทยจะยกเลิกการเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบ ภายหลังจากวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรกอย่างทั่วถึง เนื่องจากจะมีผลบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในระยะเวลาอันใกล้ และให้รายงานผลการดำเนินงาน ตลอดจนปัญหาอุปสรรคและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการสินค้ายาสูบที่ผลิตในประเทศและผู้บริโภคสินค้ายาสูบอันเนื่องจากการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าว รวมถึงประมาณการรายได้จากการจัดเก็บภาษีเงินได้ของผู้ขายสินค้ายาสูบ พร้อมทั้งแนวทางแก้ไขให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย นอกจากนี้ การปรับปรุงกฎกระทรวงดังกล่าว อาจทำให้ผู้ขายสินค้ายาสูบผลักภาระภาษีไปให้ผู้บริโภคหรืออาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการจำหน่ายบุหรี่ที่ผลิตในประเทศ จึงเห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการเพื่อรองรับผลกระทบดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12817 | (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา | ศธ | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพของการจัดการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา มุ่งความเป็นเลิศและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และปรับปรุงระบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร เพิ่มความคล่องตัวในการรองรับความหลากหลายของการจัดการศึกษาและสร้างเสริมธรรมาภิบาล โดยในส่วนของการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ตามแผนฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การทบทวนข้อเสนอให้จัดตั้งหน่วยงานของรัฐตามแผนการปฏิรูปประเทศ) อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้มีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแผนฯ ในช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องที่จะต้องนำแผนไปปฏิบัติเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันและสามารถขับเคลื่อนการดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องตามแผนงานฯ ที่กำหนด และเป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา เช่น การผลิตบุคลากรทางการศึกษาทั้งในระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาเพื่อเตรียมเข้าสู่ตลาดแรงงานโดยการเพิ่มประสิทธิภาพการแนะแนวทางการศึกษาโดยเฉพาะการแนะแนวสายอาชีพและการศึกษาต่อเนื่องในระดับที่สูงขึ้น และการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งการกำหนดกลไกการขับเคลื่อนภารกิจตามแผนฯ ที่ชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12818 | การขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ไปสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา "เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต" | นร52 | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ไปสู่เมืองต้นแบบที่ ๔ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการพัฒนา ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา (อำเภอจะนะ นาทวี เทพา และสะบ้าย้อย) และให้อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ยกระดับการพัฒนาเชิงพื้นที่ ทั้งระบบและครบวงจร เพื่อให้มีความเข้มแข็งและเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคใต้ตอนล่างที่สามารถเชื่อมโยงไปยังพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมทั้งเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจไปยังประเทศอื่น ๆ โดยมุ่งเน้นการลงทุนของภาคเอกชนเป็นสำคัญ และเห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารเขตพื้นที่พัฒนาเฉพาะกิจเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน” อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา “เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” ๒. ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น (๑) เรื่องนี้มีการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายหลายฉบับ เป็นรายละเอียดทางเทคนิคที่มีกฎ ระเบียบ ข้อบังคับรองรับจำนวนมาก และมีผู้รับผิดชอบหลายหน่วยงาน จึงควรพิจารณากำหนดกลไกรับผิดชอบทุกระดับอย่างชัดเจน โดยยึดโยงกับกรองภารกิจอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อประสานงานและบูรณาการการปฏิบัติให้ประสานสอดคล้องกัน (๒) ควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์โครงการเมืองต้นแบบฯ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ตั้งแต่ระยะเริ่มโครงการเมืองต้นแบบฯ และ (๓) การพัฒนาพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลานั้น ปัจจุบันได้รับสิทธิและประโยชน์ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้รับสิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ๘ ปี (ไม่จำกัดวงเงิน) และสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ร้อยละ ๕๐ อีก ๕ ปี และในกรณีข้อเสนอการขอขยายผลโครงการเมืองต้นแบบฯ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจะนำเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาต่อไป เป็นต้น พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12819 | มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ | ปช | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแจ้งว่า ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงพบความผิดปกติในการจัดเก็บเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ ซึ่งพบว่า กระบวนการจัดเก็บและการใช้จ่ายเงินรายได้ของอุทยานแห่งชาติมีช่องทางและความเสี่ยงในการทุจริตให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแสวงหาประโยชน์ได้โดยมิชอบ คณะกรรมการฯ จึงได้ศึกษาสาเหตุของปัญหาดังกล่าวและเสนอข้อเสนอแนะมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ โดยข้อเสนอแนะมาตรการดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ (๑) ด้านการจัดเก็บเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ (๒) ด้านการพิจารณาและอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ และ (๓) ด้านการบริหารจัดการ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับประเด็นด้านการจัดเก็บเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ และด้านการบริหารจัดการ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามผลการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติอย่างใกล้ชิด และให้แจ้งผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12820 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท มานะศิลา 2537 จำกัด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช | อก | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างและหินอุตสาหกรรมชนิดหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมอื่น ๆ ตามคำขอประทานบัตรที่ ๓/๒๕๕๗ ของบริษัท มานะศิลา ๒๕๓๗ จำกัด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ [เรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี ๑ เอเอ็ม และ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี] ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งควรให้ความสำคัญและสนับสนุนการเฝ้าระวังด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง ระดับเสียง และแรงสั่นสะเทือนจากการทำเหมืองแร่ รวมถึงสื่อสารข้อมูลแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และในอนาคตควรพิจารณาศึกษาทางเลือกประกอบการตัดสินใจที่เหมาะสมในภาพรวมอย่างเร่งด่วน วางแผนบริหารจัดการแร่ในภาพรวม ทั้งเชิงพื้นที่และรายชนิดแร่ รวมทั้งให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดกำหนดหลักเกณฑ์การจำแนกเขตพื้นที่แหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองให้มีความชัดเจนและเหมาะสมกับสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....