ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 650 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 12981 - 13000 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12981 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำเขื่อนแควน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำเขื่อนแควน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12982 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) จะออกประกาศกำหนดเงินตราสกุลอื่นนอกจากเงินตราไทยเพื่อให้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถเลือกใช้เป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานสำหรับการคำนวณภาษีเงินได้ปิโตรเลียม เมื่อพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12983 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานเพื่อบริหารการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อย ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อบริหารการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อบริหารการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานเพื่อบริหารการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อย ซึ่งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว สรุปผลการพิจารณาได้ว่า ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้วบางส่วน เช่น การกำหนดนิยามของ MSMEs เป็นนิยามกลางใช้เหมือนกันทั้งประเทศ และควรระบุว่าภาครัฐและภาคเอกชนส่วนงานใดให้รับภารกิจในการส่งเสริม MSMEs ทางด้านใดบ้างเพื่อแต่ละองค์กรจะได้เตรียมดำเนินการได้ตรงเป้าหมาย พร้อมทั้งในกรณีการเข้าถึงแหล่งเงินทุนควรกำหนดให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่ในการสนับสนุนการลงทุนต่าง ๆ เป็นผู้ดำเนินการให้กู้ยืม รวมทั้งผลักดันให้มีการรวมกลุ่มและมีกิจกรรมที่เชื่อมโยงระหว่างธุรกิจในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Development) และเห็นด้วยกับการออกร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อย พ.ศ. .... เป็นต้น ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12984 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... | สว | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการประกาศใช้กฎหมายลำดับรองกรณีที่เป็นการเพิ่มภาระจะต้องกำหนดวันใช้บังคับให้มีความเหมาะสม กำหนดกรอบแนวทางการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการให้มีจำนวนเท่าที่จำเป็น และกรณีการกำหนดข้อยกเว้นการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลควรพิจารณาให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลควรคำนึงถึงผลกระทบต่อข้อมูลในส่วนอื่น ๆ หรือของบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและไม่สร้างภาระจนเกินสมควร ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12985 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการคลังได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยได้เริ่มดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา เพื่อให้ประชาชนและนักลงทุนได้ทราบและเข้าใจถึงระบบดังกล่าว และเข้ามาใช้ประโยชน์มากขึ้น รวมทั้งได้ดำเนินการเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรอง และจัดทำกรอบแนวทางการดำเนินงานเพื่อผลักดันให้มีการทำธุรกรรมดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาปัญหาที่อาจเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากการใช้บังคับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12986 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี พ.ศ. ๒๕๕๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดให้เพิ่มปริญญาในสาขาวิชาศิลปกรรมศาสตร์ และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาวิชาดังกล่าว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12987 | กรอบความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศไทยกับกลุ่มธนาคารโลก พ.ศ. 2562 - 2565 | กค | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรอบความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศไทยกับกลุ่มธนาคารโลก พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕ (Country Partnership Framework : CPF) เพื่อกำหนดแนวความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับกลุ่มธนาคารโลกเป็นระยะเวลา ๔ ปี ซึ่งได้กำหนดขอบเขตการพัฒนาไว้ ๒ ประการ ได้แก่ (๑) การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจและการเติบโตที่ยั่งยืน (Promoting Resilient and Sustainable Growth) มุ่งเน้นการสร้างภาคีความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกลุ่มธนาคารโลกกับประเทศไทยในการส่งเสริมการพัฒนาขีดความสามารถทางเศรษฐกิจเพื่อดึงดูดการลงทุนของภาคเอกชนและเพิ่มเงินทุนสำหรับการพัฒนาและการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และ (๒) การพัฒนาอย่างทั่วถึง (Strengthening Inclusion) มุ่งเน้นการสร้างภาคีความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกลุ่มธนาคารโลกกับประเทศไทยในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างทั่วถึง โดยการขับเคลื่อนเป้าหมายตาม CPF จะอยู่ในรูปแบบของการจ้างกลุ่มธนาคารโลกเป็นที่ปรึกษาแบบมีค่าใช้จ่าย (Reimbursable Advisory Service : RAS) เป็นหลัก ทั้งนี้ กลุ่มธนาคารโลกเชื่อว่าหากสามารถดำเนินการตามแผนการพัฒนาได้เต็มประสิทธิภาพจะสามารถช่วยยกระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เหนือกว่าการเติบโตในปัจจุบันที่ร้อยละ ๔ และสามารถขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวสู่ประเทศรายได้สูงและทั่วถึง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12988 | รายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | กค | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งแสดงผลการประเมินความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากผลกระทบของเศรษฐกิจมหภาค ระบบการเงิน นโยบายของรัฐบาล และผลการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐที่อาจก่อให้เกิดภาระทางการคลังของรัฐบาล และแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยแบ่งออกเป็น ๖ ภาคส่วนที่สำคัญ ได้แก่ ภาครัฐบาล ภาคกองทุนนอกงบประมาณ ภาครัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ภาคสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคการเงิน โดยมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อภาระทางการคลังของรัฐบาลใน ๔ มิติ ได้แก่ ภาระแบบชัดเจนโดยตรง ภาระแบบชัดเจนที่เป็นภาระผูกพัน ภาระโดยนัยแบบโดยตรง และภาระโดยนัยที่เป็นภาระผูกพัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12989 | การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2563 | ดศ | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการสำมะโนประชากรและเคหะ รวม ๔๓ คน และมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับคณะกรรมการบริหารโครงการสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น ควรมีผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง และผู้แทนจากภาคเอกชนด้านวิชาการร่วมเป็นกรรมการด้วย เพื่อร่วมกันวางแผนสำมะโนด้านข้อมูลประชากรผู้มีรายได้น้อยอย่างเป็นระบบ การพิจารณาเก็บรวมรวมข้อมูลสำมะโนประชากรฯ ควรคำนึงถึงบริบทการเปลี่ยนแปลงของสังคม อาทิ รูปแบบการอยู่อาศัยของประชากรโดยเฉพาะในเขตเมือง การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้ข้อมูล เพื่อให้การจัดทำสำมะโนประชากรฯ ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งการจัดทำประมาณการรายจ่าย แหล่งเงินที่ใช้ตลอดระยะเวลาดำเนินการ และประโยชน์ที่จะได้รับ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12990 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางศิริวัลย์ แก้วมูลเนียม) | กค | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางศิริวัลย์ แก้วมูลเนียม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12991 | การขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของสำนักเลขาธิการอาเซียนในการต่ออายุ ครั้งที่ 2 ของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลียกับอาเซียนว่าด้วยโครงการความร่วมมือ ด้านการพัฒนาระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลีย ระยะที่ 2 และการแก้ไขข้อความในบันทึกความเข้าใจฯ | กต | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของสำนักเลขาธิการอาเซียนในการต่ออายุ ครั้งที่ ๒ ของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลียกับอาเซียนว่าด้วยโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลีย ระยะที่ ๒ (Memorandum of Understanding between the Association of Southeast Asian Nations and the Government of Australia on the Second Phase of the ASEAN Australia Development Cooperation Program : AADCP III) และการแก้ไขข้อความในบันทึกความเข้าใจฯเนื่องจากบันทึกความเข้าใจฯ โครงการ AADCP I จะหมดอายุในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งโครงการดังกล่าวยังมีงบประมาณในกองทุนคงเหลือและสามารถนำไปใช้ดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนได้ ดังนั้น ฝ่ายออสเตรเลียจึงได้เสนอให้มีการต่ออายุบันทึกความเข้าใจฯ ออกไปอีก ๒ ปี เป็นครั้งที่ ๒ โดยสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ และได้เสนอขอแก้ไขข้อความในบันทึกความเข้าใจฯ เกี่ยวกับสาระของโครงการ AADCP II และวันที่มีผลบังคับใช้ เพื่อให้สอดคล้องกับการต่ออายุดังกล่าว ๑.๒ ให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ว่า รัฐบาลไทยให้ความยินยอมให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามในเอกสารดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12992 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 5 | กค | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ ๕ (Joint Statement of the 5th ASEAN Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและความท้าทายด้านนโยบาย การรวมตัวและการเปิดเสรีบริการด้านการเงิน การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน ความเชื่อมโยงระบบการชำระเงินและบริการทางการเงิน การระดมทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเงินที่ยั่งยืน การเข้าถึงบริการทางการเงิน การระดมทุนเพื่อการบริหารจัดการภัยพิบัติ การสร้างภูมิคุ้มกันทางไซเบอร์ และความร่วมมือด้านการกำกับดูแลทรัพย์สินดิจิทัล โดยจะมีการรับรองในที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ ๒-๕ เมษายน ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงราย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการค้าการลงทุน การพัฒนากฎระเบียบในภูมิภาคให้เป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน ตลอดจนเพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของรัฐสมาชิกอาเซียน เห็นควรสนับสนุนให้มีการดำเนินการตามร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ให้เป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12993 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2558 เรื่อง ขอทบทวนแหล่งเงินลงทุนสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน | กค | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการชำระคืนเงินกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ที่กระทรวงการคลังได้ยืมเงินจากกองทุนฯ ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จำนวน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท โดยในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระคืนเงินกองทุนฯ จำนวนทั้งสิ้น ๔,๖๐๐.๐๐ ล้านบาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในเบื้องต้นสำนักงบประมาณคาดว่าจะจัดสรรงบประมาณสำหรับการชำระคืนเงินกองทุนฯ จำนวน ๑,๓๐๐.๐๐ ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้คงเหลือยอดคงคงค้างที่ต้องชำระคืนเงินกองทุนฯ อีก จำนวน ๘,๔๐๐.๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ขอทบทวนแหล่งเงินทุนสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน) โดยให้กระทรวงการคลังขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกองทุนฯ ออกไปอีก ๕ ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ และให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12994 | การเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การทำประกันสุขภาพสำหรับคนต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว Non-Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ 1 ปี) | สธ | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์การทำประกันสุขภาพสำหรับคนต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว Non-Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ ๑ ปี) โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตให้คนต่างด้าวที่ขอรับการตรวจลงตรา กรณีใช้ชีวิตบั้นปลาย ครั้งละไม่เกิน ๑ ปี Non-Immigrant Visa รหัส O-A ให้มีการประกันสุขภาพของไทยคุ้มครองตลอดระยะเวลาที่พำนักในราชอาณาจักร โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยสำหรับค่ารักษาพยาบาลในกรณีผู้ป่วยนอกไม่น้อยกว่า ๔๐,๐๐๐ บาท กรณีผู้ป่วยในไม่น้อยกว่า ๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยซื้อกรมธรรม์แบบออนไลน์ผ่าน www.longstay.tgia.org สำหรบผู้ซื้อประกันสุขภาพของบริษัทต่างประเทศจะต้องมีจำนวนเงินเอาประกันภัยไม่น้อยกว่าการทำประกันสุขภาพของไทยตามที่กำหนดด้วยเช่นกัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจที่เห็นควรพิจารณากำหนดแนวทางการติดตามและประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน และควรพิจารณาอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับหลักเกณฑ์กรณีที่สามารถใช้การประกันสุขภาพของต่างประเทศเพื่อขอรับการตรวจลงตราประเภทนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลการประกันได้ เพราะไม่มีระบบการตรวจสอบรองรับ และภาษาที่ใช้ในกรมธรรม์มีความหลากหลาย อีกทั้งโรงพยาบาลในไทยไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยตรงกับบริษัทประกันภัยในต่างประเทศได้ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับจำนวนคนต่างด้าวที่เข้ารับการรักษาและหนี้สูญค่ารักษาพยาบาลคนต่างด้าวที่ไม่สามารถจัดเก็บได้อาจครอบคลุมทั้งการเข้ารักษาด้วยปัญหาสุขภาพหรือเจ็บป่วยจากอุบัติเหตุ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแหงชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งต่าง ๆ ในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานเพื่อรองรับการดำเนินการในเรื่องนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติทราบถึงการเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ฯ ในเรื่องนี้อย่างทั่วถึง และให้ขอความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการจัดเตรียมช่องทางสำหรับซื้อประกันสุขภาพในรูปแบบออนไลน์ให้มีความพร้อมต่อไป ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาศึกษาความเหมาะสมในการจัดทำประกันสุขภาพภาคบังคับให้ครอบคลุมนักท่องเที่ยวและคนต่างด้าวทุกกลุ่มให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อมิให้เป็นภาระค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12995 | การออกเอกสารหลักฐานของทางราชการผ่านระบบดิจิทัล | นร12 | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการออกเอกสารหลักฐานของทางราชการผ่านระบบดิจิทัล โดยอาจพิจารณาให้มีการนำร่องดำเนินการในภารกิจของหน่วยงานที่มีผลกระทบต่อประชาชน ผู้ประกอบการ และนักลงทุนเป็นสำคัญก่อน ตามความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความจำเป็นต้องออก/ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับการดำเนินการดังกล่าว ก็ให้ดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และร่างพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. .... ตามความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมด้วย ๒. ในกรณีที่หน่วยงานใดไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบเพื่อรองรับการดำเนินการผ่านระบบดิจิทัลได้ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือไม่สามารถพัฒนางานบริการให้เป็นระบบการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) หรือยกเลิกการใช้กระดาษได้ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ตลอดจนในกรณีที่มีปัญหาในทางปฏิบัติ ให้หน่วยงานดังกล่าวเร่งประสานงานกับสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาการดำเนินการเป็นรายกรณี โดยจัดลำดับความสำคัญ เร่งด่วน และความพร้อมของหน่วยงาน รวมถึงระยะเวลาที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็น (๑) ความพร้อมของหน่วยงานในการออกเอกสารผ่านระบบดิจิทัล เช่น ความพร้อมของระบบอินเทอร์เน็ต เป็นต้น (๒) การบูรณาการร่วมกันเพื่อการพัฒนาระบบและการเชื่อมโยงข้อมูล และ (๓) ความปลอดภัยทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ไปพิจารณาให้ได้ข้อยุติและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแนวปฏิบัติที่ชัดเจนและซักซ้อมความเข้าใจกับบุคลากรของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนผู้รับบริการ เพื่อให้การพัฒนางานบริการภาครัฐให้เป็นระบบการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์และการออกเอกสารของทางราชการผ่านระบบดิจิทัลมีมาตรฐานในการดำเนินงานในแนวทางเดียวกันและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12996 | ร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับรัฐบาลมณฑลเหอหนานและคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษอากาศยานเจิ้งโจว | นร63 | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจที่จะมีการลงนามในระหว่างการเข้าร่วมงาน the 13th China Henan International Investment & Trade Fair ระหว่างวันที่ ๘-๑๑ เมษายน ๒๕๖๒ ณ เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ดังนี้ ๑.๑.๑ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับรัฐบาลมณฑลเหอหนาน มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการพัฒนาโครงการศูนย์การบินคู่ขนาน (Aviation Dual Hub Project) ระหว่างจีนตอนกลางและภูมิภาคอาเซียน เสริมสร้างความร่วมมือในการวางแผนพัฒนาพื้นที่สนามบิน และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการบิน เช่น โลจิสติกส์การบิน การซ่อมบำรุงอากาศยาน หลักสูตรอบรมบุคลากร การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เป็นต้น ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันภายใต้กรอบข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ๑.๑.๒ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษอากาศยานเจิ้งโจว มีสาระสำคัญเป็นความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลการวางแผนและการบริหารจัดการมหานครการบินระหว่างกัน โดยจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความร่วมมือในกิจกรรมการพัฒนาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น เที่ยวบิน การค้า และการลงทุน ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับรัฐบาลมณฑลเหอหนาน ๑.๓ อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษอากาศยานเจิ้งโจว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ทั้ง ๒ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12997 | การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ (จำนวน 26 คน) | ทส | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ โดยมีองค์ประกอบรวม ๒๖ คน ประกอบด้วย คณะที่ปรึกษา จำนวน ๔ คน คณะกรรมการ จำนวน ๒๒ คน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ และอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ แนวทางในการใช้ประโยชน์ การบริหารจัดการถ้ำ และแนวทางในการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของท้องถิ่น และบูรณาการการบริหารจัดการการท่องเที่ยวถ้ำ โดยมีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ (๑) การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ควรพิจารณาถึงความจำเป็น เหมาะสม รวมทั้งรูปแบบการบริหารและดำเนินการในภาพรวม เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการบริหารจัดการงานเรื่องดังกล่าว และไม่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณในภาพรวม (๒) การสำรวจ ศึกษา วิจัย จัดทำข้อมูลและประเมินศักยภาพถ้ำ ควรจะต้องมีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการอนุรักษ์พื้นที่ถ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในการดำเนินการควรคำนึงถึงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕ และ (๓) หากมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายหลังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว เช่น ค่าเบี้ยประชุม ควรกำหนดให้ได้รับเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12998 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (จำนวน 5 คน 1. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ฯลฯ) | พณ | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ แทนตำแหน่งที่ว่างรวม ๕ คน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี (๙ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ประธานกรรมการ ๒. นายชายพงษ์ นิยมกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายเธียรพันธุ์ บุญทรงษีกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายรังสรรค์ ตุลชีวิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ขจีพร วงศ์ปรีดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12999 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (จำนวน 4 คน 1. นายประสาท สืบค้า ฯลฯ) | วท | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. นายประสาท สืบค้า ประธานกรรมการ ๒. นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายสุวิชญ โรจนวานิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายสัญชัย นิลสุวรรณโฆษิต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13000 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (จำนวน 5 คน 1. นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ฯลฯ) | กค | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน รวม ๕ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งจะครบวาระสี่ปีในวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ประธานกรรมการ ๒. นายเสรี นนทสูติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายธงทอง จันทรางศุ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายจักร บุญ-หลง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายวิสุทธิ์ จันมณี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
.....