ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 643 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 12841 - 12860 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12841 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิด หรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฏกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ....) | มท | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิด หรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร และในพื้นที่บางส่วน ในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เพื่อควบคุมสีของผนังอาคาร และสีของหลังคาอาคาร ให้เป็นโทนสีเดียวกัน รวมทั้งความสูงของอาคาร เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสวยงาม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้ภาคส่วนต่าง ๆ ได้รับทราบ และกำชับให้กรุงเทพมหานครในฐานะราชการส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของกรุงเทพมหานครควบคุมการขออนุญาตก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12842 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เลขที่ มอก. ๒๙๑๕-๒๕๖๑ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๕๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๒๖) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ/มาตรฐานความปลอดภัย รวมทั้งเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในการผลิตรถจักรยานยนต์ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12843 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในท้องที่ตำบลเกาะจันทร์ และตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี และในท้องที่ตำบลวัดสุวรรณ และตำบลธาตุทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน โดยเรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นที่มิใช่การเกษตรกรรม เพื่อควบคุมดูแลปริมาณของน้ำและเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12844 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หรือคณะบุคคล พ.ศ. .... | รง | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หรือคณะบุคคล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หรือคณะบุคคล เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรเพิ่มเติมหมวดวิชา “การจัดบริหารอาชีวเวชกรรมในสถานประกอบการ” ในหลักสูตรผู้บริหารหน่วยงานความปลอดภัย สำหรับลูกจ้างที่เป็นหรือเคยเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน หรือระดับบริหาร และหลักสูตรผู้บริหารหน่วยงานความปลอดภัย สำหรับลูกจ้างที่เป็นหรือเคยเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับเทคนิค หรือระดับเทคนิคชั้นสูง ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12845 | รายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแรงงานไทย-ลาว | รง | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแรงงานไทย-ลาว ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร มีสาระสำคัญเป็นการสรุปผลการดำเนินงานของทั้งสองฝ่ายภายใต้กรอบทวิภาคีภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ที่ได้ลงนามแล้วเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับความร่วมมือด้านแรงงาน ๔ ด้าน ได้แก่ การพัฒนาฝีมือแรงงาน การจ้างงาน การคุ้มครองแรงงาน และการประกันสังคม รวมทั้งการจัดทำแผนปฏิบัติงานในอนาคตของทั้งสองฝ่าย ซึ่งได้ระบุถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่ดำเนินการร่วมกัน เช่น การจัดอบรมบุคลากรของ สปป.ลาว โดยฝ่ายไทย และการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาว เป็นต้น สำหรับกำหนดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านแรงงานและระดับรัฐมนตรีแรงงานลาว-ไทย ครั้งต่อไป สปป.ลาวรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ณ สปป.ลาว โดยจะได้มีการประสานงานในรายละเอียด กำหนดวัน เวลา และสถานที่จัดการประชุมต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12846 | แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2561-2565 ฉบับทบทวน แผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาภาค พ.ศ. 2560-2565 ฉบับทบทวน และคำของบประมาณของส่วนราชการตามแผนปฏิบัติการภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร11 | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายการพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ก.บ.ภ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนพัฒนาภาค พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕ ฉบับทบทวน ทั้ง ๖ ภาค ประกอบด้วย แผนพัฒนาภาคเหนือ แผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แผนพัฒนาภาคกลาง แผนพัฒนาภาคตะวันออก แผนพัฒนาภาคใต้ และแผนพัฒนาภาคใต้ชายแดน ซึ่งได้ปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติแล้ว ๒. เห็นชอบคำของบประมาณของส่วนราชการตามแผนปฏิบัติการภาคประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๑,๔๒๔ โครงการ งบประมาณรวม ๖๖,๕๓๘,๑๑๐,๐๐๐ บาท ๓. เห็นชอบแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ ฉบับทบทวน จำนวน ๗๖ จังหวัด และ ๑๘ กลุ่มจังหวัด โดยเห็นว่าได้ปรับเพิ่มให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติแล้ว ๔. เห็นชอบแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด จำนวน ๗๖ จังหวัด และ ๑๘ กลุ่มจังหวัด ประกอบด้วย (๑) เห็นควรสนับสนุนภายในกรอบวงเงิน จำนวน ๑,๕๐๐ โครงการ งบประมาณ ๒๗,๘๖๐,๓๘๒,๑๕๓ บาท และ(๒) เห็นควรสนับสนุนเกินกรอบวงเงิน จำนวน ๖๒๕ โครงการ งบประมาณ ๑๙,๘๑๘,๕๐๔,๕๖๓ บาท รวมทั้งสิ้น ๒,๑๒๕ โครงการ งบประมาณรวม ๔๗,๖๗๘,๘๘๖,๗๑๖ บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12847 | รายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี 2561 | พม | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการสืบสวน การดำเนินคดี และผลจากการดำเนินงานในด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมถึงการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12848 | รายงานการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี สมัยที่ 63 (CSW 63) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะ | พม | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี สมัยที่ ๖๓ (The 63rd Session of the Commission on the Status of Women : CSW 63) และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และคณะ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพบปะและประชุมหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุม CSW 63 (๒) การเข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี (๓) กิจกรรมคู่ขนาน (โดยความร่วมมือระหว่างประเทศไทย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ UN WOMEN และสำนักเลขาธิการอาเซียน) (๔) การประชุมร่วมกับกงสุลใหญ่ในนครนิวยอร์กและเยี่ยมเยือนคณะผู้แทนหญิงไทยในนครนิวยอร์ก (๕) การหารือระดับสูง และ (๖) การประชุมร่วมกับเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว และเยี่ยมเยือนคณะผู้แทนหญิงไทยในประเทศญี่ปุ่น ๒. ผลที่ได้รับจากการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ (๑) ภาพลักษณ์ที่ดีของกลุ่มประเทศอาเซียนในการส่งเสริมศักยภาพสตรีให้เป็นที่ยอมรับในเวทีโลก (๒) ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในการแสดงบทบาทนำและร่วมกำหนดทิศทางการดำเนินการด้านสตรีของประชาคมระหว่างประเทศ และ (๓) เป็นโอกาสที่ดีในการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อประเด็นด้านสตรี โดยการส่งคณะผู้แทนระดับสูงเข้าร่วมการประชุมและมีส่วนร่วมในกิจกรรมคู่ขนาน ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนงานด้านสตรีของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต่อไป ๓. ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานต่อไปของประเทศไทย ได้แก่ (๑) ข้อเสนอแนะในการส่งเสริมระบบการคุ้มครองทางสังคม การเข้าถึงบริการสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนเพื่อความเท่าเทียมระหว่างเพศ และการเสริมพลังสตรีและเด็กหญิงตามหัวข้อหลักการประชุม และ (๒) ข้อเสนอแนะเพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมครั้งต่อไป (CSW สมัยที่ ๖๔)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12849 | การจัดเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนพระประแดง - บางแค ช่วงพระประแดง - ต่างระดับบางขุนเทียน | คค | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินงานของกรมทางหลวง เรื่อง การจัดเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน เพื่อให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเริ่มทำการจัดเก็บเงินค่าธรรมเนียมสำหรับทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน แทนกรมทางหลวงได้ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ซึ่งกระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณากำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลง ระเบียบ หลักเกณฑ์ต่าง ๆ และได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงเรื่อง การบริหารจัดการงานจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง งานบำรุงรักษา งานกู้ภัย งานจัดการจราจรบนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ถนนสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก)ฯ แล้ว เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงและการทางพิเศษแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกันบริหารจัดการงานจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง งานบำรุงรักษา งานกู้ภัย งานจัดการจราจร บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ให้เป็นไปตามบันทึกข้อตกลงที่ได้ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ เพื่อส่งเสริมการทำงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12850 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ โดยเพิ่มเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และเปลี่ยนชื่อตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อให้การกำหนดนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศครอบคลุมในมิติสาขาการจัดการน้ำ และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนไปตามกฎหมายว่าด้วยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12851 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เสนอแนวทางกรณีสัญญาจ้างเหมาบริการหรือสัญญาจ้างทำของสำหรับลูกจ้างในส่วนราชการเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้ เห็นควรส่งเสริมให้สมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์สถานะของกองทุนเงินทดแทนเพื่อเป็นแนวทางเพิ่มค่าทดแทนให้แก่ลูกจ้าง ตลอดจนการรวบรวมข้อมูลการประเมินผลการปฏิบัติการของกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเพื่อทบทวนวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการดังกล่าว และเห็นชอบตามข้อสังเกตในการแต่งตั้งแพทย์สาขาเวชศาสตร์ป้องกันเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทนและการเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรอง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12852 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำร่างพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๐ ก วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒ ๒. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการพิจารณาร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเกี่ยวกับการกำหนดอายุขั้นสูงของผู้สูงอายุที่ขอรับบริการสินเชื่อควรกำหนดให้เหมาะสมสอดคล้องกับข้อเท็จจริงและความจำเป็น โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจแต่ละแห่งจะพิจารณาเป็นรายกรณี การกำหนด LTV และอัตราดอกเบี้ยควรกำหนดในระดับที่ใกล้เคียงกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่นที่ให้บริการสินเชื่อในลักษณะเดียวกัน และไม่นำประวัติการชำระหนี้จากบริษัทข้อมูลเครดิตฯ มากำหนดเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาให้สินเชื่อ รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้บริการสินเชื่อจะพิจารณากำหนดมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เหมาะสม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12853 | (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2561 - 2565) | นร08 | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบ (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้ปรับปรุงตามความเห็นของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ โดยปรับห้วง (ร่าง) นโยบายและแผนฯ จาก พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ เป็น พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นความมั่นคง ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) และปรับรายละเอียดโดยปรับปรุงข้อมูลให้ทันต่อสถานการณ์และบริบทความมั่นคงในปัจจุบัน เช่น เพิ่มเติมประเด็นการแข่งขันกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ ความท้าทายของอาเซียน และความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน รูปแบบการก่อการร้ายรูปแบบต่าง ๆ หรือแก้ไขประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์ ความเสี่ยงทางการเมือง สถานการณ์ยาเสพติด ความเสี่ยงภัยพิบัติทางธรรมชาติให้ทันต่อสถานการณ์มากขึ้น เป็นต้น ตลอดจนนำข้อมูลเกี่ยวกับยุทธศาสตร์หรือแผนหลักของหน่วยงานที่จัดทำขึ้นเพื่อรองรับ (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ที่จะมีผลบังคับใช้ในห้วง พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ มาประกอบการปรับปรุงด้วย โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงาน การจัดทำยุทธศาสตร์หรือแผนงานด้านความมั่นคงเฉพาะเรื่อง หรือการกำหนดแผนงานหรือโครงการที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับ (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่ขอแก้ไขหน่วยรับผิดชอบหลัก ลำดับที่ ๑๘ ประเด็นความมั่นคง การรักษาความมั่นคงด้านอาหารและน้ำ จากกระทรวงสาธารณสุข เป็น สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ/กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามแผนแม่บภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ประเด็นความมั่นคง (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ใน (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถเตรียมความพร้อมในการจัดทำยุทธศาสตร์หรือแผนงานด้านความมั่นคงเฉพาะเรื่องหรือการกำหนดแผนงานหรือโครงการที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับ (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12854 | ขอความเห็นชอบการเสียภาษีสลากบำรุงกาชาดไทย | กช | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สภากาชาดไทย หรือเหล่ากาชาดจังหวัด หรือกิ่งกาชาดอำเภอซึ่งเป็นตัวแทนของสภากาชาดไทย ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินแบ่ง หรือสลากกาชาดประจำปี ๒๕๖๒ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้มอบให้สภากาชาดไทย เสียภาษีในอัตราร้อยละ ๐.๕ แห่งยอดราคาสลาก ซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่าย ตามข้อ ๑๒ (๔) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๐๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ได้ ตามที่สภากาชาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12855 | ร่างข้อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลงทุนหาผลประโยชน์จากเงินและทรัพย์สินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา | กสศ | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างข้อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลงทุนหาผลประโยชน์จากเงินและทรัพย์สินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลงทุนหาผลประโยชน์จากเงินและทรัพย์สินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อให้การลงทุนหาผลประโยชน์จากเงินและทรัพย์สินของ กสศ. เป็นไปด้วยความรอบคอบ รัดกุม มีประสิทธิภาพ และป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน ตามที่ กสศ. เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลงทุนหาผลประโยชน์ของเรื่องที่กำหนดในรูปแบบของข้อกำหนด นั้น คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ ได้เคยมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้แล้ว คือ ร่างหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสวัสดิการแก่ครอบครัวของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ถึงแก่ความตายอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ว่าการวางหลักเกณฑ์ในรูปแบบของคำสั่ง หรือระเบียบ หรือข้อบังคับของคณะกรรมการ จะมีสภาพบังคับเหมาะสมกว่าการออกเป็นร่างหลักเกณฑ์ ซึ่งเรื่องนี้พระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๐ วรรคสอง บัญญัติให้การลงทุนหาผลประโยชน์จากเงินและทรัพย์สินของ กสศ. ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหาร กสศ. กำหนด โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวมิได้กำหนดให้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลงทุนหาผลประโยชน์ดังกล่าวต้องกระทำในรูปแบบใด แต่อย่างไรก็ตาม มาตรา ๒๓ (๙) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจออกระเบียบและประกาศเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ดังนั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงอาจสมควรกำหนดร่างข้อกำหนดในเรื่องนี้ในรูปแบบของระเบียบหรือประกาศของคณะกรรมการ ตามนัยมาตรา ๒๓ (๙) แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้มีสภาพบังคับจะเหมาะสมกว่า ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้ กสศ. รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า เพื่อให้การลงทุนเกิดประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ ควรมีการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง และหากมีการลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน กองทุนรวม และวิธีการอื่น ๆ ตามข้อ ๓ (๘)-(๙) ของร่างกำหนดฯ ควรมีการกำหนดสัดส่วนจำนวนเงินและทรัพย์สินที่จะนำไปลงทุนในสินทรัพย์สินแต่ละประเภทที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้กระทบต่อฐานะทางการเงินและการดำเนินการตามภารกิจหลักของ กสศ. ในระยะยาวต่อไป และควรกำหนดกรอบการบริหารความเสี่ยงให้ชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายของ กสศ. ทั้งในด้านสภาพคล่อง เครดิต และความเสี่ยงด้านราคาตลาด รวมทั้งอาจกำหนดดัชนีอ้างอิงผลการดำเนินงานเพื่อให้ผู้จัดการกองทุนสามารถเทียบเคียงและจัดสัดส่วนการลงทุนอย่างเหมาะสมได้ นอกจากนี้ ควรมีการประเมินและวิเคราะห์ความเสี่ยงควบคู่ไปกับผลตอบแทนจากการลงทุนและมีการทบทวนแนวทางการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12856 | ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและยูเนสโกเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยชีวจริยธรรม ครั้งที่ 26 การประชุมคณะกรรมาธิการโลกว่าด้วยจริยธรรมในความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้งที่ 11 และการประชุมเชิงวิชาการว่าด้วยนัยทางจริยธรรม กฎหมาย และสังคม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน | วท | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างประเทศเจ้าภาพและยูเนสโกเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยชีวจริยธรรม ครั้งที่ ๒๖ (26th Session of the International Bioethics Committee of UNESCO : IBC) การประชุมคณะกรรมาธิการโลกว่าด้วยจริยธรรมในความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้งที่ ๑๑ (11th Session of the World Commission on Ethics of Scientific Knowledge and Technology : COMEST) และการประชุมเชิงวิชาการว่าด้วยนัยทางจริยธรรม กฎหมาย และสังคม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งอนุมัติให้ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางและรายละเอียดเพื่อจัดการประชุมฯ ในระหว่างวันที่ ๒-๗ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร เช่น กำหนดขอบเขตการประชุม เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน การรักษาความปลอดภัย และหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย เป็นต้น ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12857 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารเรียนรวมและปฏิบัติการศึกษาวิจัย พัฒนา บัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี | ศธ | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณไว้เดิม จำนวน ๓๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นจำนวน ๓๙๗,๑๐๒,๐๐๐ บาท โดยมีค่างานก่อสร้างอาคารเรียนรวมและปฏิบัติการศึกษาวิจัย พัฒนา บัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้เบิกจ่ายตามสัญญาเดิมไปแล้ว จำนวน ๑๒๘,๖๒๒,๐๐๐ บาท สำหรับในส่วนที่ยังขาดให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๒๑๘,๔๘๐,๐๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นกรณีเฉพาะราย โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีเบิกจ่ายจากเงินนอกงบประมาณ และให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตามความสามารถในการใช้จ่ายและก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับรายการก่อสร้างอาคารเรียนรวมดังกล่าว จำนวน ๖๓,๑๔๖,๗๐๐ บาท ที่ถูกพับไป โดยผลของกฎหมายตามนัยมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการขอรับจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อการดังกล่าวในส่วนที่ขาด ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. การดำเนินการแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในครั้งต่อไป ให้กระทรวงศึกษาธิการกำชับให้หน่วยงานในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ และการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) ที่กำหนดให้ในขั้นการริเริ่มแผนงาน/โครงการ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเจ้าของแผนงาน/โครงการพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า ตลอดจนตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการนั้น ๆ อย่างละเอียดรอบคอบให้ถูกต้อง ครบถ้วนในทุกมิติก่อน อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12858 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างคันกั้นน้ำฝั่งซ้าย คลองระบายใหญ่สองพี่น้อง พร้อมอาคารประกอบ จังหวัดสุพรรณบุรี | กษ | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างคันกั้นน้ำฝั่งซ้าย คลองระบายใหญ่สองพี่น้อง พร้อมอาคารประกอบ จังหวัดสุพรรณบุรี จากวงเงินเดิม ๒๙๙,๒๕๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๔๑๔,๘๐๖,๖๖๐.๖๗ บาท โดยให้นำวงเงินค่าก่อสร้างส่วนที่เหลือ จำนวน ๓๘๔,๗๐๔,๘๘๑.๘๘ บาท เป็นกรอบในการประกวดราคาจ้างก่อสร้างรายการดังกล่าว และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๖๔ สำหรับงบประมาณที่จะใช้จ่ายหากกรมชลประทานมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้กรมชลประทานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อไปดำเนินการ ส่วนที่เหลือขอให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามความสามารถในการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานเร่งตรวจสอบและดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องในกรณีที่บอกเลิกสัญญาและแจ้งให้ผู้รับจ้างรายเดิมเป็นผู้ทิ้งงานทำให้ค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้เร่งดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในการริเริ่มแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในอนาคต ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12859 | การจ่ายค่าชดเชย เยียวยา ค่าที่ดิน ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้างในที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิในพื้นที่บ้านเมาะหลวง ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับการอพยพของราษฎรบ้านห้วยคิง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง | พน | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้จ่ายค่าชดเชย เยียวยา ค่าที่ดิน ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้างในที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิในพื้นที่บ้านเมาะหลวง ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับการอพยพของราษฎรบ้านห้วยคิง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง โดยใช้งบประมาณ จำนน ๗๒,๘๐๐,๕๖๑ บาท จากวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติหลักการไว้แล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๒,๙๗๐,๕๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง จำนวน ๒,๔๕๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท คงเหลือ ๕๑๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งวงเงินที่เหลือดังกล่าวสามารถนำมาจ่ายเป็นค่าชดเชยได้ และในกรณีที่ในอนาคต หากราษฎรในพื้นที่ตำบลบ้านดง นาสัก จางเหนือ แม่เมาะ และสบป้าด อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ประกาศกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เกิดปัญหาหรือความเดือดร้อนที่เกี่ยวข้องกับการอพยพราษฎรจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เห็นควรให้ กฟผ. ใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อนำมาใช้แก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงบประมาณ เช่น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการพิสูจน์ความถูกต้องจากภาพถ่ายทางอากาศและแผนที่ดาวเทียม และให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานพิจารณาใช้เงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเป็นทางเลือกในการดูแลผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นในอนาคต ตามลำดับ รวมทั้งให้ กฟผ. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดมาตรการและแผนการป้องกันการบุกรุก ตรวจสอบข้อมูลของราษฎรที่จะได้รับการชดเชย เยียวยา ให้ชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในส่วนของการใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อแก้ไขปัญหาหรือความเดือดร้อนที่เกี่ยวข้องกับการอพยพราษฎรจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะในอนาคตนั้น ให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณอย่างเคร่งครัด โดยให้ใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนอันเป็นการคืนทรัพยากรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ตลอดจนเป็นการสร้างความยอมรับให้กับประชาคมและไม่เป็นภาระงบประมาณในอนาคต
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12860 | ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ตามข้อ 7 (2) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. 2558 เพื่อการสำรวจปิโตรเลียม การผลิตปิโตรเลียม การเก็บรักษา การขนส่ง หรือกิจการอันเกี่ยวเนื่องกับการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม | พน | 30/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ตามข้อ ๗ (๒) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘ แก่บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๓/๒๕๔๖/๖๐ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเป็นผู้ยื่นขออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าเพื่อการสำรวจ ผลิต เก็บรักษา ขนส่ง หรือกิจการอันเกี่ยวเนื่องกับการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมต่อกรมป่าไม้ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นว่า (๑) การผลิตปิโตรเลียมบนพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินจะดำเนินการผลิตได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการพิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ (๒) พื้นที่ขออนุญาตดังกล่าวต้องดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ จัดทำแผนที่และเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรับฟังความเห็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจึงจะทราบได้ว่าสามารถพิจารณาอนุญาตได้ตามกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งการพัฒนาปิโตรเลียมจะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการหรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ด้วย และ (๓) พื้นที่ที่จะพิจารณาอนุญาตจะต้องไม่เป็นพื้นที่ป่าที่มีสภาพป่าไม้สมบูรณ์ พื้นที่ที่ควรรักษาไว้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า หรือพื้นที่ที่มติคณะรัฐมนตรีกำหนดหลักเกณฑ์ห้ามใช้ประโยชน์ไว้เป็นการเฉพาะตามข้อ ๑๒ ของกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงพลังงานกำกับดูแลให้ผู้รับสัมปทานในเรื่องนี้ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอนตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมในการอนุมัติ/อนุญาต ตลอดจนกำกับดูแลการดำเนินการของผู้รับสัมปทานในเรื่องนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หรือแนวทางปฏิบัติที่แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบต่อไปด้วย
|
.....