ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1896 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 37901 - 37920 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37901 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายอุทัย มิ่งขวัญ) | พน | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายอุทัย มิ่งขวัญ เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งที่ปรึกษา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (29 กันยายน 2552) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
37902 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) (ศาสตราจารย์ยงยุทธ ยุทธวงศ์) | วท | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งศาสตราจารย์ยงยุทธ ยุทธวงศ์ เป็นประธานกรรมการในคณะกรรม
การบริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (29 กันยายน 2552) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
37903 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ (จำนวน 7 คน 1. นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ฯ) | วท | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนวัตกรรม
แห่งชาติ จำนวน 7 คน ประกอบด้วย นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ เป็นประธานกรรมการ พลโท เจริญศักดิ์ เที่ยงธรรม นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล นายวิเชียร เชิดชูตระกูลทอง นายสุชาติ เตชจักรเสมา และนาง สุมลมาลย์ กัลยาศิริ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่ วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (29 กันยายน 2552) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
37904 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่อง การพัฒนาระบบราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน : ศึกษาเฉพาะกรณีการให้บริการประชาชน ของคณะกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา | สว | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอผลการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามข้อ
เสนอแนะของคณะกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน : ศึกษาเฉพาะกรณีการให้บริการประชาชน ที่เห็นว่า ในการปรับปรุงการให้บริการประชาชนของหน่วยงานภาครัฐให้ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรยึดแนวคิดเรื่องการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good Governance) เป็นหลักในการ บริการประชาชน การใช้เทคโนโลยีเป็นพลังขับเคลื่อนในการพัฒนาไปสู่รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) การ วิเคราะห์หารูปแบบให้บริการที่เหมาะสมกับพื้นที่และลักษณะงาน และการบริหารจัดการเพื่อพัฒนาไปสู่รัฐบาลอิเล็ก ทรอนิกส์ (e-Government) และให้ส่งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
37905 | ขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐชุดใหม่ | ยธ | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตภาครัฐ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลให้องค์กรในภาครัฐจัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการให้สอดรับกับ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ รวมทั้งดำเนินการจัดสรรทรัพยากรสนับสนุน การปฏิบัติงานตามแผนงาน โครงการตามแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการที่สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ ฯ โดย มีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ และเลขาธิการคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็นกรรมการและเลขานุการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ 2. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2553 ของหน่วยงานมาดำเนินการในโครงการ/กิจกรรม ตามแผนมาตรการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริตของส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐ โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และรายงานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ฯ ทราบด้วย ตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ 3. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเร่งรัดดำเนินการ กำหนดระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำแผน แนวทางการดำเนินงาน และการรายงานผลการดำเนินงานด้านการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐใช้เป็นกรอบและทิศทางการดำเนินงานต่อไป ตามความ เห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
37906 | ร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ไปหารือร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้แนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับการมีคณะกรรมการพัฒนาและส่ง เสริมองค์การมหาชน ตลอดจนอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ฯ และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง หนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
37907 | ผลการศึกษาวิจัยและแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง (2552 - 2556) | นร | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
1. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ ดังนี้ 1.1 รับทราบผลการศึกษาวิจัยเรื่อง แนวทางการส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจในพื้นที่สูง 1.2 เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2552 -พ.ศ. 2556 ซึ่งมีเป้าหมายในการสนับสนุนการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูงเพื่อการส่งเสริมการปลูกเฮมพ์ เชิงการค้าเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้เกษตรกร ประกอบด้วยยุทธศาสตร์รวม 4 ด้านหลัก ได้แก่ ยุทธศาสตร์การ ศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกและการสร้างมูลค่าเพิ่ม ยุทธศาสตร์การสร้างความ ร่วมมือระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์การบริหารจัดการ สำหรับกลไกการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ ได้แก่ การจัดทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์เชิงบูรณาการเพื่อนำยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและ สนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดให้ และแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อปฏิบัติ หน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย และติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ปรับ ปรุงยุทธศาสตร์และแนวทางให้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งกำหนดแนวทางการควบคุม การอนุญาต เพื่อการปลูก การครอบครอง การเคลื่อนย้าย และการแปรรูปเฮมพ์ โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการ ดำเนินงานอย่างเป็นระบบและเอื้อต่อการสนับสนุนเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจในบริบทพื้นที่สูง 1.3 ให้ สศช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข มูล นิธิโครงการหลวง สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการการส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้น ที่สูง และแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย 2. ให้ สศช. รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกี่ยวกับการกำหนดยุทธศาสตร์การศึกษา วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี นั้น ควรเน้นด้านการพัฒนาและทดสอบพันธุ์ที่เหมาะสม ศึกษาเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะ สม พัฒนากระบวนการแปรรูปเส้นใยเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม ตลอดจนพัฒนาการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ไป พิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
37908 | นายจาดุร อภิชาตบุตร ฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวก ต่อศาลปกครองกลางขอให้เพิกถอนคำสั่งให้โอนผู้ฟ้องคดีไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 และให้ผู้ฟ้องคดีกลับไปดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีตามเดิม | อส | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางในคดีนายจาดุร อภิชาตบุตร ฟ้อง
นายกรัฐมนตรี กับพวก ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้โอนผู้ฟ้องคดีไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราช การกระทรวงมหาดไทย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 และให้ผู้ฟ้องคดีกลับไปดำรงตำแหน่ง รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีตามเดิม และมอบให้พนักงานอัยการดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
37909 | แผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2552 - 2556) | ทส | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
1. เห็นชอบในหลักการของแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2552 -2556) เพื่อใช้เป็นกรอบการจัดทำแผนและแผนปฏิบัติการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ อันควรอนุรักษ์ ของประเทศให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์ 19 มาตรการ ได้แก่ กลยุทธ์ ที่ 1 สงวนและอนุรักษ์การใช้ประโยชน์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติอันควรอนุรักษ์โดยประชาชนมีส่วนร่วม กลยุทธ์ที่ 2 กำกับ ดูแล ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ และกลยุทธ์ที่ 3 บริหารจัดการแบบบูรณาการเชิงรุก ตาม ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนา คม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดแผนงานโครงการให้สอดคล้องกับกลยุทธ์และ มาตรการในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติตามที่ได้นำเสนอไว้ในแผนแม่บท ฯ และกำหนดเป้าหมายโดยระบุ ผลผลิตหรือผลลัพธ์ที่คาดหวัง และเพิ่มเติมรายละเอียดของมาตรการแต่ละด้าน รวมทั้งกำหนดลำดับความสำคัญ ประเด็นเร่งด่วนที่ควรดำเนินการ เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติให้เกิดความชัดเจนเป็นรูปธรรม และกำหนดตัวชี้วัดเพื่อให้สามารถประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานตามกลยุทธ์และมาตรการที่กำหนดไว้ใน แผนแม่บท ฯ ได้ ไปปรับปรุงแก้ไขแผนแม่บท ฯ แล้วแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
37910 | การรายงานผลการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัยของนางเกศมณี สนั่นเครื่อง | นร | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลั่นกรอง เรื่อง การดำเนินการทางวินัยและการพิจารณา
อุทธรณ์เสนอผลการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัยของนางเกศมณี สนั่นเครื่อง ดังนี้ 1. กรณีนางเกศมณี สนั่นเครื่อง เป็นการกระทำความผิดทางวินัยร้ายแรงให้ปลดออกจากราชการ 2. กรณีนายนิรัตน์ ทะมีพันธ์ ให้กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงาน ก.พ. ร่วมกันจัดประชุมพร้อมเชิญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติในกระบวนการพิจารณาการลงโทษข้าราชการให้ เหมาะสมและเป็นธรรมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
37911 | แนวทางการบูรณาการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลของประเทศ | ทส | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการของแนวทางการบูรณาการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ของประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ส่วนการจัดตั้งหน่วยงานระดับสำนักในกรม ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อรับผิดชอบในเรื่องการกัดเซาะชายฝั่ง (Coastal Erosion) และการเปลี่ยนแปลง ระดับของน้ำทะเลชายฝั่ง (Sea Level Rise-SLR) นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมาย ให้หน่วยงานที่มีอยู่ปัจจุบันรับผิดชอบเพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่และภารกิจที่ต้องดำเนินการแก้ไขปัญหา ผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในอดีต รวมทั้งการใช้ประสบการณ์ในการทำงานอย่างต่อเนื่อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) รับความเห็น ของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานระดับสำนักในกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ควรมอบหมายให้หน่วยงานที่มีอยู่ ปัจจุบันรับผิดชอบเพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่และภารกิจที่ต้องดำเนินการ ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อ การนี้ ซึ่งประมาณการกรอบวงเงินไว้เบื้องต้นจำนวน 10,000 ล้านบาท นั้น ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดทำแผน ปฏิบัติการตามขั้นตอนต่าง ๆ ให้ครบถ้วนโดยกำหนดเวลาที่ชัดเจน โดยผ่านการพิจารณาร่วมกันของทุกฝ่ายที่ เกี่ยวข้องและเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในโอกาสต่อไป นอกจากนี้ ให้นำข้อเสนอแนวทางการ บูรณาจัดการป้องกัน ฯ ไปพิจารณาเพื่อประกอบการจัดทำแผนปฏิบัติการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหากัดเซาะ ชายฝั่งทะเลเชิงบูรณาการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2556) ที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อใช้แนวทางที่กำหนด ในแผนปฏิบัติการดังกล่าวเป็นพื้นฐานสำคัญในการบูรณาการการดำเนินการในเรื่องนี้ และทบทวนอำนาจหน้า ที่ของคณะกรรมการ ฯ คณะอนุกรรมการ ฯ และคณะทำงานที่เกี่ยวข้องและมีการดำเนินงานอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้ง จัดทำข้อเสนอเพื่อให้มีกลไกเชิงนโยบายในการบูรณาการด้านการบริหารจัดการงบประมาณและวิชาการ เพื่อแก้ ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศให้สอดคล้อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไปพิจารณาเพื่อประสานการ ดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
37912 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2553 | กค | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 วงเงิน 1,637,896.68 ล้าน บาท ซึ่งประกอบด้วย 6 แผนงานย่อย และกรอบวงเงินเพื่อรองรับการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ฯ ในส่วนของการกู้เงินเพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น ๆ ภายใต้แผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐ วิสาหกิจ จำนวน 50,000 ล้านบาท รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ฯ และให้กระทรวงการคลังเป็น ผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้ง ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมภายในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ฯ แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการ กู้เงินได้เอง ก็สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ รวมทั้งให้กระทรวงการ คลัง โดยสำนักงานบริหารนี้สาธารณะดำเนินธุรกรรมเพื่อการบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาล และให้รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงิน และ หรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ที่ให้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสภาพคล่องของระบบ การเงินในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว รวมทั้งจัดทำแผนและเผยแพร่แผนป้องกันความเสี่ยงจากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ ที่จะเริ่มปรับตัวสูงขึ้นในปี พ.ศ. 2553 และอาจเป็นผลให้ธนาคาร ฯ มีการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นซึ่งจะมี ผลทำให้อัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยมีความผันผวนมากขึ้นและส่งผลกระทบต่อการบริหารหนี้สาธารณะ ของประเทศได้ ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
37913 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทุ่งช้าง จังหวัดน่าน พ.ศ. .... | มท | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทุ่งช้าง จังหวัดน่าน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลและ และตำบลทุ่งช้าง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัด น่าน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
37914 | ขออนุมัติวงเงินค่าทดแทนที่ดิน โครงการก่อสร้างทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนรัตนโกสินทร์สมโภชกับถนนนิมิตรใหม่ | มท | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการค่าทดแทนที่ดินโครงการก่อสร้างทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่าง
ถนนรัตนโกสินทร์สมโภชกับถนนนิมิตรใหม่ ซึ่งได้กำหนดค่าทดแทนที่ดินและอาคาร วงเงิน 1,318,264,398.77 บาท โดยมีสัดส่วนเงินอุดหนุนรัฐบาลร้อยละ 50 และสัดส่วนเงินรายได้กรุงเทพมหานครร้อยละ 50 และเมื่อพระ ราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในการก่อสร้างดังกล่าวประกาศใช้แล้ว ให้กรุงเทพมหานครขอ ทำความตกลงในรายละเอียดและวงเงินงบประมาณกับสำนักงบประมาณอีกครั้งต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบ ประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
37915 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 24 มกราคม 2549 มอบหมายหน่วยงานดำเนินการโครงการออกแบบ ก่อสร้างลานเฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช | นร | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการบริหารการ
พัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนินเสนอ ดังนี้ 1. เห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2549 เพื่อให้คณะกรรมการบริหารการ พัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) ดำเนินโครงการออกแบบ ก่อสร้างลานเฉลิมพระเกียรติ ฯ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช แทนกระทรวงวัฒนธรรม 2. เห็นชอบในหลักการโครงการประกวดแบบลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น จำนวน 16 ล้านบาท ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อจ้างที่ ปรึกษาดำเนินโครงการประกวดแบบลานเฉลิมพระเกียรติ ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ให้เป็น ไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
37916 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (สำนักราชเลขาธิการ) | รล | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน
28,320,000 บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 60,000,000 บาท เพื่อ เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารสำนักราชเลขาธิการ ตามที่สำนักราชเลขาธิการเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
37917 | ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ | กค | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ เฉพาะการเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการ รัฐวิสาหกิจ โดยให้คณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อ ฯ สามารถพิจารณาทบทวนการคงสถานะหรือการพ้นสภาพ การเป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อ ฯ สำหรับการแก้ไขเพิ่มเติมให้บุคคลในบัญชีรายชื่อ ฯ พ้นจากบัญชีรายชื่อ ฯ เมื่อ ครบระยะเวลา 3 ปีนับจากวันสิ้นสุดของปีปฏิทินที่ประกาศบัญชีรายชื่อ ฯ ของบุคคลนั้น ๆ มีผลบังคับใช้ โดย ให้คณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อ ฯ สามารถพิจารณาคัดสรรให้บุคคลดังกล่าวขึ้นบัญชีรายชื่อ ฯ ในครั้งต่อไปได้ นั้น ไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไข ส่วนการกำหนดให้กรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจที่แต่งตั้งจากบัญชีรายชื่อ กรรมการรัฐวิสาหกิจดำรงตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ จนครบวาระการดำรงตำแหน่ง นั้น ให้เป็นไปตาม บทบัญญัติของกฎหมายตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 2. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2552 ที่ให้ทบทวนการกำหนดสัดส่วนกรรมการรัฐวิสาหกิจจากบุคคลในบัญชีรายชื่อ ฯ ให้มากกว่า 1 ใน 3 ซึ่งจะทำให้ การสรรหาเกิดความโปร่งใส และได้ผู้มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และมีคุณธรรม จริยธรรม เข้าสู่การบริหารองค์กรรัฐวิสาหกิจได้มากขึ้น ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||||||||
37918 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านหลวง อำเภอแม่อาย และตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านหลวง อำเภอแม่อาย
และตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้อง ที่ตำบลบ้านหลวง อำเภอแม่อาย และตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ที่สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
37919 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสอบสวนคดีอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสอบสวนคดีอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจาก กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีการออกกฎกระทรวงเพื่อให้การดำเนินคดีอาญาตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นไปอย่างเหมาะสมกับภารกิจของการปฏิรูประบบราชการ โดยให้พนักงาน สอบสวนฝ่ายปกครองมีหน้าที่รับผิดชอบการสอบสวนคดีอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหา นครเพิ่มเติมจากเดิมคือ การสอบสวนดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รักษาการ หรือส่วนราชการ หรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ ปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายให้สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ตามที่กระทรวง มหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนัก งานอัยการสูงสุด เกี่ยวกับการกำหนดพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองมีอำนาจในการสอบสวนดำเนินคดีความ ผิดตามกฎหมายซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการหรือส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาห กิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมาย นั้น เห็นว่ากระทรวงมหาดไทยมีเจตนา ที่ต้องการจะขยายอำนาจสอบสวนคดีอาญาเพิ่มขึ้นมากกว่ากฎหมาย 20 ฉบับ และในการกำหนดให้พนักงาน สอบสวนฝ่ายปกครองมีอำนาจการสอบสวนความผิดอาญาอื่นที่เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎ หมายหลายบท หรือการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดตามกฎหมาย 20 ฉบับ ควรให้พนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจทำการสอบสวนด้วย ส่วนการกันตัวผู้ต้องหาเป็นพยานในกรณีที่เป็น คดีที่มีเหตุพิเศษหรือยุ่งยากซับซ้อน หรือร้ายแรง หรือคดีที่พนักงานสอบสวนได้พยายามสืบสวนสอบสวนหา พยานหลักฐานเต็มความสามารถแล้ว แต่ไม่อาจหาพยานหลักฐานในคดีได้ นั้น ควรกำหนดให้ในกรณีที่พนัก งานสอบสวนฝ่ายปกครองต้องการกันผู้ต้องหาคนใดไว้เป็นพยาน ให้พนักงานสอบสวนทำการปรึกษาเพื่อขอ ความเห็นชอบจากพนักงานอัยการก่อนว่า สมควรที่จะกันตัวผู้ต้องหาคนหนึ่งคนใดนั้นไว้เป็นพยานหรือไม่ เป็น ต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
37920 | ขออนุมัติกู้เงินระยะยาวเพื่อใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินระยะยาวเพื่อใช้ในการดำเนินงาน ชำระหนี้ และดอก เบี้ยเงินกู้ รวมถึงจ่ายลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของ รฟท. จำนวน 4,210 ล้านบาท โดยให้กระทรวง การคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม ตามที่กระทรวง คมนาคมเสนอ 2. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ รฟท. ดำเนินการเจรจากับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ รฟท. ให้สามารถดำเนินการตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 เพื่อให้แบ่งแยกผลขาดทุนต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และสร้างรายได้เพิ่ม เติมจากทรัพย์สินของ รฟท. รวมทั้งให้บริหารรายรับ-รายจ่าย โดยหาแนวทางในการเพิ่มรายได้จากธุรกิจหลักและ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและควบคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงานในส่วนที่สามารถควบคุมได้เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่าง ต่อเนื่องกรณีที่ต้นทุนการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการไว้ โดยเฉพาะต้นทุนด้านน้ำมันเชื้อเพลิง และ จัดทำเแผนการจัดหาเงินลงทุนเพื่อการพัฒนาโครงการและการดำเนินกิจการในระยะยาว และให้เสนอคณะรัฐมนตรี ทราบ ไปดำเนินการด้วย |
.....