คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทาง
ปัญญาตามที่ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 1-31 กรกฎาคม 2552 จับกุมได้ 101
คดี ยึดของกลางได้ 57,024 ชิ้น

               คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานสรุปผลการเดินทางไปราช
การ  ณ  สหพันธรัฐรัสเซีย ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะ ระหว่างวันที่ 3-9
กรกฎาคม 2552  เพื่อพบปะหารือหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสหพันธรัฐรัสเซีย  สรุปได้ดังนี้
               1. การพบปะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ รัสเซีย  ทั้งสองฝ่ายเห็น
ชอบร่วมกันให้มีการปรับเอกสารโครงการความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ซึ่งเคยมีการหารือไว้เมื่อ
ปี พ.ศ. 2547  ให้เป็นทางการและกระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินโครงการให้เกิดผลอย่างจริงจัง และจะ
ได้ใช้เอกสารดังกล่าวเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา และจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีระหว่างสองหน่วยงานต่อไป
               2. การพบปะหารือกับ Mr. Alexander Losyukov กรรมการบริหาร  Russian  Corporation  of  Nano
technologies (RCNT) ผลการหารือ  RCNT จะประสานเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อมูลด้านอุตสาหกรรมเกี่ยวกับนาโนเทค
โนโลยี  พร้อมทั้งเชิญเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมอสโก  ไปดูงานอุตสาหกรรมสิ่งทอของรัสเซียเพื่อใช้เป็นข้อมูล
ประกอบการพิจารณาดำเนินความร่วมมือกันในอนาคต
               3. การพบปะหารือกับ Mr. Vadim Tikhonovich Ivanov ผู้อำนวยการสถาบัน  Russian  Academy  of
Science  (RAS)  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เสนอให้มีความร่วมมือด้านเทคโนโลยี
ชีวภาพทั้งในรูปแบบของการวิจัยร่วม การศึกษาดูงาน หรือการใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และการแลกเปลี่ยน
ความเชี่ยวชาญระหว่างสถาบันดังกล่าวกับองค์กรด้านเทคโนโลยีชีวภาพของไทย 
                4. การพบปะหารือกับ Ms. Lida Vladimirovna Ivanitskaya, Fist Vice-President/Senior  Academic
Secretary ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย และ
สถาบันภายใต้ RANS  ในสาขาต่าง ๆ  ได้แก่  (1) Biotechnologise  (2) Medicine and pharmaceuticals  (3)
Nanotechnologies  (4) Ecology and waste processing  (5) Agriculture and food  industry  (6) Renewable
power (7) Earth monitoring space technologies (8) Metallurgy, new materials and technologies  และ (9)
Modern building materials and techonologies 
                5. การพบปะหารือกับ Mr. Anatoly Nikolaevich Perminov, Head of ROSCOSMOS ทั้งสองฝ่ายเห็น
ชอบให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อพิจารณาความร่วมมือ และจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านเทค
โนโลยีอวกาศระหว่างไทยกับรัสเซีย  โดยรัสเซียขอให้ไทยจัดส่งนักวิจัยเพื่อไปปฏิบัติงานกับสิ่งแวดล้อมจริง ด้าน
เทคโนโลยีอวกาศกับรัสเซีย

              คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม  ประจำ
เดือนสิงหาคม 2552 สรุปได้ดังนี้
              1. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การผลิตและการจำหน่ายคาดว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นเนื่อง
จากคำสั่งซื้อที่ปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งการส่งออกในผลิตภัณฑ์หลัก ๆ ขยายตัวดีขึ้น
              2. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า เหล็กทรงยาวจะยังคงทรงตัว ในขณะที่เหล็กทรงแบนคาดว่าจะเริ่มมี
การปรับตัวดีขึ้น  ซึ่งเป็นผลจากอุตสาหกรรมต่อเนื่องเริ่มมียอดการสั่งซื้อจากต่างประเทศกลับมาบ้างแล้ว  สำหรับ
ราคาเหล็กคาดว่าจะยังคงผันผวนอยู่เนื่องจากการผันผวนของราคาน้ำมัน
              3. อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศมีแนวโน้มทรงตัวเนื่องจากยัง
อยู่ในช่วงฤดูฝน  ประกอบกับเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว  สำหรับการส่งออกคาดว่า ความต้องการใช้ปูน
ซีเมนต์ของประเทศในแถบอาเซียนยังคงมีโอกาสที่จะขยายตัวได้

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพลตำรวจตรี ขรรค์ชัย  อนันตสมบูรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ
ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ แทนนายเดช  บุลสุข ซึ่งขอลาออกจาก
ตำแหน่งตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมี
มติ (29 กันยายน 2552) เป็นต้นไป

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ  สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ  ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 14 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนผู้เกษียณ
อายุราชการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ

                 คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่
41 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 12-16 สิงหาคม 2552  ณ โรงแรมมิลเลเนียม ฮิลตัน กรุงเทพ ฯ
สรุปผลการประชุมได้ดังนี้  ที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับทิศทางการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนภายหลังจาก
ปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) โดยเห็นชอบให้มีการศึกษาแนวทาง/ทางเลือกในการรวมกลุ่มของอาเซียนในเชิงลึกและ
กว้างขวางมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านการส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของอาเซียน
(Competitive  Economic   Region)  เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน  กับเห็นชอบรูปแบบรายงาน AEC
Scorecard ที่จะนำเสนอโดยประธาน  AEC  Council  ให้ผู้นำอาเซียนทราบในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนปลาย
ปีนี้ นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้คณะเจ้าหน้าที่ภาครัฐ (track 1/Official Track) พิจารณาและจัดทำข้อเสนอแนะ
เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการต่อไปว่า อาเซียนควรขยาย FTA ไปในกรอบ +3 หรือ +6  ซึ่งต้องพิจารณาบริบทที่
รอบด้านทั้งด้านเศรษฐกิจและแง่มุมในด้านการเมืองควบคู่กันไปด้วย และเห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณา
แนวทางการรวมกลุ่มในระดับภูมิภาค โดยเริ่มพิจารณาใน  4  ประเด็นหลักก่อน คือ (1) ความสอดคล้องของกฎถิ่น
กำเนิดสินค้า  (2) การปรับประสานการจำแนกพิกัดศุลกากร  (3) ความสอดคล้องของพิธีการศุลกากร  และ  (4) 
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการส่งเสริมขีดความสามารถ  ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญและอำนวยความสะดวกในการ
รวมกลุ่มในภาพใหญ่ต่อไป  ส่วนการรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง  (Self Certification)  ที่ประชุมให้การรับ
รองแผนงานการรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง  (Self Certification)  เพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถส่งสินค้าไปยัง
ประเทศอาเซียนอื่นโดยให้การรับรองด้วยตนเอง ซึ่งตั้งเป้าหมายดำเนินการในวันที่ 1 มกราคม 2555

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา
การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  สำนักนายกรัฐมนตรี  ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 2
ราย  ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552  เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนา
การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
                 1. นายสุวัฒน์ วาณีสุบุตร     ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
                                                       และสังคมแห่งชาติ
                 2. นายปรเมธี วิมลศิริ         ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
                                                       และสังคมแห่งชาติ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่ง
ชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ
ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)  เสนอ
ดังนี้
              1. รับทราบการดำเนินการเกี่ยวกับแนวทางการจัดทำแผนดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง (Business Continuity
Plan : BCP) ของประเทศ ดังนี้
                  1.1 ศึกษา วิเคราะห์แผนดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง ทั้งแผนระดับชาติ และระดับองค์กรธุรกิจ ในด้านการ
เตรียมการและมาตรการดำเนินการภายใต้ภาวะฉุกเฉินจากภัยพิบัติต่าง ๆ กฎหมาย ระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
การจัดองค์กรและกลไก ประเด็นปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นในการเตรียมการหรือดำเนินการ
                  1.2 ศึกษาแผนดำเนินธุรกิจต่อเนื่องขององค์กรธุรกิจในต่างประเทศทั้งในด้านนิยามของแผนดำเนิน
ธุรกิจต่อเนื่อง แนวคิดในการจัดทำแผน รูปแบบ และมาตรฐาน วิธีการจัดทำแผน การจัดองค์กร และกลไกในการ
กำกับดูแล รวมทั้งกฎระเบียบและเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง  เพื่อกำหนดกรอบแนวคิด หลักการ และแนวทางในการจัด
ทำแผนดำเนินธุรกิจต่อเนื่องของประเทศ
                  1.3 จัดทำข้อเสนอแนวทางการบริหารจัดการ และการกำกับดูแลแผนดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง ทั้งแผน
ระดับชาติที่มีการจัดทำแล้ว และข้อเสนอในการจัดทำแผนระดับองค์กรธุรกิจให้มีบูรณาการและเอกภาพเชื่อมโยง
กับแผนระดับชาติ  เพื่อให้การป้องกันและลดผลกระทบความเสียหายที่จะเกิดต่อภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจโดยรวม
ของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
                  1.4 จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชนเกี่ยวกับแผน
ดำเนินธุรกิจต่อเนื่องและการบริหารจัดการแผน และการจำลองสถานการณ์  เพื่อนำมาปรับปรุงแนวทางในการ
จัดทำและบริหารจัดการแผนดำเนินธุรกิจต่อเนื่องระดับองค์กรธุรกิจ ให้สามารถเชื่อมโยงกับแผนการป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2553-2557 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
              2. เห็นชอบให้ สศช. กันเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552  วงเงิน 10 ล้านบาท
ไว้เบิกเหลื่อมปีสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการศึกษาแผนดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง ต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายวิทย์  ประทักษ์ใจ  เป็นผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสง
เคราะห์การทำสวนยาง โดยให้ได้รับเงินเดือน 108,810 บาท ทั้งนี้ การแต่งตั้งให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี
ให้ความเห็นชอบ (29 กันยายน 2552) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรง
ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
              1. นายสิงห์ทอง ชินวรรังสี          ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
                                                           เกษตรและสหกรณ์
              2. นายจิรากร โกศัยเสวี             ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
                                                           เกษตรและสหกรณ์

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน
15 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวง
มหาดไทยเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายก
รัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง  จำนวน 2 ราย  ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552  เพื่อทดแทนผู้
เกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ ดังนี้
              1. นายวิชญะ ตาปสนันทน์     ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
              2. นายประเสริฐ กุลรัตน์       ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงิน
สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน 165,430,000 บาท  เพื่อเป็นค่าตอบแทนกำลังคนด้าน
สาธารณสุข สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2552  ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขขอทำความตกลง
กับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. เห็นชอบหลักการการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยผ่อนผันให้เกษตรกรที่จดทะเบียนเกษตร
กรแล้ว  ต่อมามีการขายผลผลิตไป ให้สามารถทำสัญญาประกันรายได้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้  ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ  โดยให้ใช้สิทธิตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง
ปี 2552 และให้ขยายเวลารับจำนำจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 เป็นสิ้นสุดวันที่ 15 ตุลาคม 2552
               2. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการแก้ไขระยะเวลาการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้
ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2552  และการออกหนังสือรับรองเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2552  ซึ่งสิ้นสุดวันที่  31
กรกฎาคม 2552  เพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2552  สามารถใช้สิทธิในการจำนำข้าวเปลือกนาปรัง
ปี 2552  ได้  ทั้งนี้  ให้  ธ.ก.ส.  ตรวจสอบรายชื่อเกษตรกรที่ใช้สิทธิจำนำแล้วไม่ให้ได้รับสิทธิในการทำสัญญา
ประกันรายได้ข้าวนาปี ปี 2552/53 อีก

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
              1. ระงับการจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนและบุคลากรภาครัฐตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน
และบุคลากรภาครัฐ
              2. สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับสิทธิรับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ตามพระ
ราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552  และตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17
มีนาคม 2552 ซึ่งมีรายชื่อตกหล่น ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ ฯ 2,000 บาท  เมื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ
กลุ่มเป้าหมายที่มีรายชื่อตกหล่นดังกล่าวได้รับจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณแล้วให้สามารถดำเนินการโอนเงิน
เข้าบัญชีของผู้มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐได้โดยตรงต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาของกรรมการ
ผู้ทรงคุณวุฒิ และกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน ก.ค.ศ.  (ฉบับที่ 2)  พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญคือ  แก้ไขเพิ่มเติมความในข้อ  15  แห่งกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาของกรรม
การผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน ก.ค.ศ. พ.ศ. 2552  กรณี
ที่กรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาว่างลงก่อนครบวาระ ให้ดำเนินการเลือกตั้งใหม่
เฉพาะตำแหน่งที่ว่าง  ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 (เรื่อง การส่งกองพัน
ทหารราบเข้าร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพผสมระหว่างสหภาพแอฟริกา และสหประชาชาติในดาร์ฟูร์) โดยให้แก้ไข
ข้อความจาก  "ส่วนค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติภารกิจของกองกำลังทหารไทย  ในกรอบวงเงิน 350 ล้านบาทต่อวงรอบ
6 เดือน ซึ่งสหประชาชาติจะเป็นผู้ให้การสนับสนุน โดยประเทศไทยจะต้องสำรองค่าใช้จ่ายไปก่อนนั้น  ให้กระทรวง
กลาโหมขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป และเมื่อส่วนราชการได้รับเงินช่วยเหลือจากสห
ประชาชาติแล้วให้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป  ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง"  เป็น  "ส่วนค่าใช้จ่ายในการ
ปฏิบัติภารกิจของกองกำลังทหารไทย  ในกรอบวงเงิน 350 ล้านบาทต่อวงรอบ 6 เดือน  ซึ่งสหประชาชาติจะเป็นผู้
ให้การสนับสนุน โดยประเทศไทยจะต้องสำรองค่าใช้จ่ายไปก่อนนั้น  เนื่องจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ
กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นมีจำนวนไม่เพียงพอที่จะนำไปใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าว  จึงขอให้กระทรวงกลาโหมขอทำความ
ตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อใช้จ่ายจากเงินทดรองราชการ   และเมื่อกระทรวงกลาโหมได้รับเงินช่วยเหลือจากสห
ประชาชาติแล้วให้นำส่งคืนเงินทดรองราชการโดยเร็วต่อไป"

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 28 กันยายน
2552 ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 2  ครั้งที่ 13  (สมัยสามัญนิติบัญญัติ)
วันพุธที่ 30 กันยายน 2552 และครั้งที่ 14 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2552

                คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศ  กระทรวงพาณิชย์  และกระทรวงสาธารณสุข
ร่วมกันพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งประสบอุทกภัยอันเนื่องมาจากพายุไต้ฝุ่นกิสนาโดยด่วน
ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ