ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1899 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 37961 - 37980 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37961 | ผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 22/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชา
ชนจีน ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 3-5 กันยายน 2552 โดยวัตถุประสงค์ของการ เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนครั้งนี้เพื่อเป็นประธานเปิดงานนิทรรศการสร้างความเชื่อมั่นในการบริโภคผลไม้ไทย และเข้าพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแสดงความขอบคุณที่ได้สนับสนุน โครงการแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางด้านวิชาการภายใต้คณะกรรมการความร่วมมือด้านการเกษตรไทย-จีน (Sino -Thai Agricultural Cooperation Committee) รวมทั้งการสนับสนุนโครงการให้พัฒนาระบบสำรองข้าวในภูมิภาค อาเซียน+3 และการจัดตั้งองค์กรถาวรเพื่อสำรองข้าวในภูมิภาคเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาค และ ได้หารือกับรัฐมนตรีกระทรวงควบคุมคุณภาพและตรวจสอบกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (AQSIQ) ซึ่งผล การหารือ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงการขยายความร่วมมือด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกันในทุก ๆ เรื่องให้มากขึ้น เพื่อให้การค้าสินค้าเกษตรและอาหารของทั้งสองประเทศได้เปรียบประเทศอื่นในภาวะการค้าสินค้า เกษตรและอาหารในปัจจุบัน โดย AQSIQ เสนอให้มีการทำความร่วมมือในด้านการขนส่งสินค้าทางบก เพิ่มขึ้นอีก 1 เส้นทาง คือ เส้นทางสาย R3 ที่เชื่อมระหว่างจังหวัดเชียงรายของประเทศไทย ไปยังมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐ ประชาชนจีน นอกจากนี้ ได้หารือถึงกำหนดการในการประชุม JTC-SPS ไทย-จีน ครั้งที่ 3 ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพ ภายในปีนี้ ที่จังหวัดภูเก็ต โดยจะได้มีการกำหนดวัน เวลา ที่เหมาะสมร่วมกัน
|
||||||||||||||||||||||||
37962 | ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา 154 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 (ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553) | สผ | 22/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบดังนี้
1. ประธานรัฐสภาแจ้งเรื่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ส่ง คำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ยืนยันมติของรัฐสภาพร้อมด้วยร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 มาเพื่อดำเนินการตามมาตรา 154 และมาตรา 150 ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย
|
||||||||||||||||||||||||
37963 | แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายยรรยง พวงราช) | พณ | 22/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายยรรยง พวงราช ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
37964 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดนครสวรรค์ แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... | ลต | 22/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดนคร
สวรรค์ แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดนครสวรรค์ แทน ตำแหน่งที่ว่าง โดยกำหนดให้วันที่ 11 ตุลาคม 2552 เป็นวันเลือกตั้ง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือก ตั้งเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาโดยด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
37965 | การดำเนินโครงการการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2552/53 | พณ | 22/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2552 เกี่ยว
กับการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2552/53 ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ ดังนี้ 1. เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2552 /53 เพิ่มเติม โดยประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลือกหอมมะลิ (รวมข้าวเปลือกพันธุ์ กข. 15) ข้าวเปลือก หอมจังหวัด ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ รวมทั้ง กำหนดปริมาณและราคาประกันรายได้เกษตรกรต่อครัวเรือน ณ ความชื้นไม่เกิน 15% ดังนี้ ข้าวเปลือกหอม มะลิ (รวม กข. 15) ราคาประกันรายได้ 15,300 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ราคาประกันรายได้ 14,300 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันรายได้ 10,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกปทุมธานี ราคาประกันรายได้ 10,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละ ไม่เกิน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันรายได้ 9,500 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน 2. เห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลโดยอิงกลไกตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า โดยให้ นำข้าวขาวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ที่คงเหลือทั้งหมดประมาณ 44,000 ตัน จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนา ปี 2551/52 และข้าวขาว 5% จำนวน 200,000 ตัน จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ที่คง เหลือในสต็อกของรัฐบาลมาจำหน่าย และให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) นำวงเงินค่าขายข้าวสารทั้ง 2 โครง การ รวมทั้งเงินจ่ายขาดจากเงินงบกลางที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วมาเป็นหลักประกันการซื้อขายล่วงหน้าในตลาดสิน ค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) หากวงเงินที่ได้รับอนุมัติไม่เพียงพอ ให้ อคส. เสนอขออนุมัติวงเงิน เพิ่มเติมจากคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ดำเนินการต่อไปได้ และให้ขยายระยะเวลาการจำหน่ายข้าวสารดังกล่าว จาก เดิมสิ้นสุด "เดือนธันวาคม 2552" เป็นสิ้นสุด "เดือนมีนาคม 2553"
|
||||||||||||||||||||||||
37966 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | นร | 22/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 14 และ 21
กันยายน 2552 ซึ่งพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ. .... (คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ) และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 2 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วัน พุธที่ 23 กันยายน 2552 และครั้งที่ 12 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน 2552 รวมทั้งเห็น ชอบให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ. .... ตามสรุปผลการประชุม ฯ ก่อนเสนอสภาผู้ แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37967 | ขออนุมัติจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล (การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล) | กษ | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติการจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ตามความเห็น ของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ในการประชุม ครั้งที่ 2/2552 (7) เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2552 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบ จากโครงการฝายราษีไศลเสนอ ดังนี้ 1.1 จ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 226 แปลง เนื้อที่ 294-0-33.20 ไร่ เป็นเงิน 9,410,656 บาท โดยใช้จ่ายจากเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 1.2 ให้มีคณะกรรมการกำกับดูแลการจ่ายเงิน ทำหน้าที่กำกับดูแลการจ่ายเงินและจำนวนเงินค่าชด เชยให้ถูกต้องครบถ้วนตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิและจำนวนเงินค่าชดเชยเพื่อให้เป็นไปตามบัญชีรายละเอียดผลการ ตรวจสอบ ฯ ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ และกรรมการอีก 7 คน โดยให้หัวหน้าโครง การส่งน้ำและบำรุงรักษามูลล่าง เป็นกรรมการและเลขานุการ 2. ในการจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศลในครั้งนี้ต้องมีการ ตรวจสอบเพื่อไม่ให้มีการจ่ายเงินค่าชดเชยซ้ำซ้อนกับรายที่ได้รับความช่วยเหลือไปแล้ว และให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยว กับการดำเนินการตรวจพิสูจน์สิทธิเพื่อการจ่ายเงินค่าชดเชย โดยให้มีการลงลายมือชื่อเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา การจ่ายค่าชดเชยซ้ำซ้อน สำหรับที่ดินของราษฎรที่ได้รับผลกระทบอีก 6,554 แปลง ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ สิทธิและพิจารณาของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหา ฯ ระดับจังหวัด ควรมีการจัดลำดับการจ่ายเงินค่าชดเชย โดย ทยอยแบ่งจ่ายตามจำนวนผลการพิสูจน์สิทธิและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงภาระด้านงบประมาณของรัฐที่ ต้องจ่ายเงินจำนวนมากในครั้งเดียว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
37968 | การขออนุมัติร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อต่ออายุและแก้ไขบันทึกความเข้าใจ โครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาด้านการสาธารณสุข (มาลาเรีย) และผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฝ่ายไทย | กต | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อต่ออายุและแก้ไขบันทึกความเข้าใจโครงการ
พระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาด้านการสาธารณสุข (มาลาเรีย) และให้พลเอก วาภิรมย์ มนัสรังษี รองสมุหราชองครักษ์ เป็นผู้ลงนามต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการ ต่างประเทศและกรมราชองครักษ์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการต่ออายุบันทึกความเข้าใจ ฯ ครั้งนี้ ได้ขยายความช่วยเหลือให้ครอบคลุมถึงโรคอื่น ๆ ที่มียุงเป็นพาหะ อาจทำให้งบประมาณในการดำเนิน การเพิ่มมากขึ้น จึงควรกำหนดขอบเขตในเรื่องพื้นที่และระยะเวลาในการดำเนินงาน รวมทั้งชื่อโรคในพื้นที่ให้ชัด เจน เพื่อความสะดวกต่อการประมาณการค่าใช้จ่ายในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ส่วนงบประมาณที่ จะใช้ในการดำเนินโครงการ ฯ ช่วงขยายระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2552-30 กันยายน 2554 ให้เป็นไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
37969 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ปัญหาเขาพระวิหารกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก | สสป | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง ปัญหาเขาพระวิหารกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ 3. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติมขอปรับแก้ ไขถ้อยคำในรายงานผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อสภาที่ปรึกษา ฯ เพื่อเปิดเผยให้ สาธารณชนทราบในส่วนของความเห็น/ผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องข้อ 6 (หน้า 3 และ 4) ให้เกิดความชัดเจนและรัดกุมมากยิ่งขึ้น เป็นดังนี้ 3.1 บรรทัดที่ 12 "..ประเทศแคนาดาไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักการ เจตนารมณ์ และเงื่อน ไข ." 3.2 บรรทัดที่ 18 "..ซึ่งกำหนดเงื่อนไขไว้อย่างชัดเจน อาทิ การที่ต้องกำหนดขอบเขตของพื้นที่การ ขึ้นทะเบียนที่แน่นอน.." 3.3 บรรทัดที่ 20 "..และมีเงื่อนไขในเอกสารต่าง ๆ ที่จะต้องส่งตามเวลาและสมบูรณ์ จึงจะพิจารณา ดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งหากไม่ปฏิบัติ.." 3.4 บรรทัดที่ 22 "..ไปก่อน นอกจากนี้ในการเข้าพบเพื่อยื่นหนังสือดังกล่าวแล้ว ยังได้ยื่นหนังสือ ให้ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ส่งเอกสารการขอขึ้นทะเบียนที่ WHC ขอให้กัมพูชาส่งรายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขต พื้นที่ที่ขึ้นทะเบียนและพื้นที่กันชนใหม่ รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ไทยได้พิจารณาด้วย เพื่อไม่ให้เกิดผล กระทบในเรื่องเขตแดนและอำนาจอธิปไตยต่อประเทศไทย ทั้งนี้ ได้ทำหนังสือขอเอกสารอย่างเป็นทางการไป ด้วยแล้ว"
|
||||||||||||||||||||||||
37970 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย | สสป | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศ ไทย และรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความ เห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. สร้างความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบให้เกิดความชัดเจนทั้งในการสื่อสารและหลักฐานที่ต้อง ใช้ในการดำเนินการด้านสถานะบุคคล และเร่งรัดการออกหนังสือรับรองการเกิด 2. บูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ให้เกิด ความคล่องตัวและสามารถแก้ไขปัญหาในทางปฏิบัติ 3. ปรับปรุงระบบฐานข้อมูลของชนเผ่าเป็นกรณีพิเศษ รวมถึงการพิมพ์ลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐานเพื่อ ทราบจำนวน ทราบการเคลื่อนย้าย เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคล ฯลฯ เป็นต้น 4. สร้างหลักประกันการเข้าถึงระบบบริการด้านสาธารณสุขให้ประชาชนที่อยู่ระหว่างการรอพิสูจน์ สิทธิ์ 5. จัดตั้งกองทุนรักษาพยาบาลสำหรับกลุ่มคนที่มีปัญหาในการเข้าถึงสิทธิตามระบบหลักประกันสุข ภาพ และดำเนินการจัดทำรายละเอียดจำนวนประชากรกลุ่มดังกล่าว เพื่อเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติ งบประมาณเหมาจ่ายรายหัวตามจำนวนประชากรที่เป็นจริง 6. สนับสนุนการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งในและนอกระบบ รวมตลอด ถึงการศึกษาตามอัธยาศัย 7. ส่งเสริม สนับสนุน และชักจูงให้ชนเผ่าสามารถรักษาและสืบทอดศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีของชนเผ่าเพื่อการอนุรักษ์ และเผยแพร่ต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางและเป็นประโยชน์ในด้านอื่น ๆ 8. ส่งเสริม สนับสนุน และยอมรับความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ประเพณีและวัฒนธรรม รวมทั้ง การยอมรับข้อกฎหมายระหว่างประเทศตามที่ประเทศไทยได้ลงนามไว้ให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง 9. ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อยุติการค้าชนเผ่าทุกรูปแบบที่จะนำสู่การละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสิทธิมนุษยชน
|
||||||||||||||||||||||||
37971 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาโปลกหล่น ป่าเขาปางก่อ และป่าวังชมภู ในท้องที่ตำบลหินฮาว ตำบลวังบาล ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า ตำบลน้ำก้อ ตำบลน้ำชุน ตำบลบุ่งน้ำเต้า ตำบลบุ่งคล้า อำเภอหล่มสัก ตำบลแค้มป์สน ตำบลทุ่งสมอ ตำบลเขาค้อ ตำบลริมสีม่วง ตำบลสะเดาะพง ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ และตำบลท่าพล ตำบลป่าเลา อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติเขาค้อ) | ทส | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาโปลกหล่น ป่าเขาปาง
ก่อ และป่าวังชมภู ในท้องที่ตำบลหินฮาว ตำบลวังบาล ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า ตำบลน้ำก้อ ตำบลน้ำชุน ตำบลบุ่งน้ำเต้า ตำบลบุ่งคล้า อำเภอหล่มสัก ตำบลแค้มป์สน ตำบลทุ่งสมอ ตำบลเขาค้อ ตำบลริมสีม่วง ตำบล สะเดาะพง ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ และตำบลท่าพล ตำบลป่าเลา อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชร บูรณ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาโปลกหล่น ป่าเขาปางก่อ และ ป่าวังชมภู ในท้องที่ตำบลหินฮาว ตำบลวังบาล ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า ตำบลน้ำก้อ ตำบลน้ำชุน ตำบลบุ่ง น้ำเต้า ตำบลบุ่งคล้า อำเภอหล่มสัก ตำบลแค้มป์สน ตำบลทุ่งสมอ ตำบลเขาค้อ ตำบลริมสีม่วง ตำบลสะเดาะ พง ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ และตำบลท่าพล ตำบลป่าเลา อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้ เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติเขาค้อ) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
37972 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายของอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่ง
ซ้าย ของอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง จากกิโลเมตรที่ 0.000 ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ในท้องที่ตำบลน้ำพุ ถึงกิโลเมตรที่ 11.710 ในท้องที่ตำบลน้ำพุ อำเภอเมืองราช บุรี จังหวัดราชบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
37973 | การโอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ และงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปเป็นของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) | กษ | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการโอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ และงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ไปเป็นของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ 1. สิทธิการใช้ประโยชน์บนที่ดิน จำนวน 3 แปลง รวมเนื้อที่ 468 ไร่ 3 งาน 10 ตารางวา พร้อมอาคาร และสิ่งปลูกสร้าง 2. สัญญาจ้างดูแลรักษา ทำความสะอาด รักษาความปลอดภัยสวนเฉลิมพระเกียรติ ฯ ราชพฤกษ์ 2549 และบุคลากร รวม 4 สัญญา จำนวนเงิน 5,102,546 บาท 3. วัสดุ ครุภัณฑ์ และสิ่งก่อสร้าง 4. ลิขสิทธิ์ตราสัญลักษณ์ราชพฤกษ์
|
||||||||||||||||||||||||
37974 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (จำนวน 6 คน 1. พลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพฯ) | คค | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก
จำนวน 6 คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (15 กันยายน 2552) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ 1. พลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวางแผนจราจร 2. นายอร่าม ก้อนสมบัติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมจราจร 3. นายสุธา ขาวเธียร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม 4. นายวีริศ อัมระปาล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ 5. นายชำนิ บูชาสุข ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจการคลัง 6. นายอุดม พัวสกุล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการผังเมือง
|
||||||||||||||||||||||||
37975 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าสะเมิง ในท้องที่ตำบลแม่สาบ ตำบลบ่อแก้ว ตำบลสะเมิงเหนือ ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติขุนขาน) | ทส | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าสะเมิง ในท้องที่ตำบลแม่
สาบ ตำบลบ่อแก้ว ตำบลสะเมิงเหนือ ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าสะเมิง ในท้องที่ตำบลแม่สาบ ตำบลบ่อแก้ว ตำบลสะเมิงเหนือ ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติขุนขาน) ตามที่กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
37976 | มาตรการให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ที่ประสบอุทกภัยปี 2551 | กษ | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์/กลุ่ม
เกษตรกรที่ประสบอุทกภัย ปี 2551 โดยกรณีสมาชิกเสียชีวิตให้จำหน่ายหนี้ออกจากบัญชีของสหกรณ์/กลุ่มเกษตร กรเป็นสูญ รัฐบาลรับภาระชำระหนี้ให้แทน และกรณีสมาชิกรายที่ประสบภัยอย่างร้ายแรงจนทำให้พื้นที่ทำกินและ ผลผลิตเสียหาย ขาดรายได้ที่จะนำส่งชะรำหนี้ได้ สำหรับหนี้เงินกู้เดิมที่มีอยู่ก่อนประสบภัยให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตร กรขยายเวลาการชำระหนี้เงินกู้เป็นเวลา 3 ปี และงดเก็บดอกเบี้ยจากสมาชิก โดยรัฐบาลจ่ายชดเชยดอกเบี้ยให้ สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยงบประมาณที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับสหกรณ์/ กลุ่มเกษตรกรนั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการนำผลการศึกษาระบบประกันภัยพืชผลอันเนื่องมา จากภัยธรรมชาติเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2552 (เรื่อง การดำเนิน งานโครงการนำร่องการประกันภัยพืชผลโดยใช้ดัชนีภูมิอากาศ) โดยเร็วด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37977 | การจัดตั้งสำนักงานสาขาขององค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ประเทศไทย | กษ | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้จัดตั้งสำนักงานสาขาขององค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศประจำภูมิภาคเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ ณ ประเทศไทย (OIE Sub-Regional Representation for South East Asia in Bangkok, Thailand) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยการจัดตั้ง สำนักงานสาขาขององค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ประเทศไทย (Exchange Letters on Establishment of OIE Sub-Regional Representation for South East Asia in Bankok, Thailand) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการแก้ไขหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยการจัดตั้งสำนักงานสาขา OIE ฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศก่อนการลงนามด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37978 | งบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้อง | นร | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม
สำหรับการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้องที่ประเทศไทยต้องเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นจนถึง เดือนธันวาคม 2552 จากงบกลาง รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 439,373,400 บาท ดังนี้ 1. จำนวน 152,273,100 บาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2. จำนวน 287,100,300 บาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
|
||||||||||||||||||||||||
37979 | ขอสนับสนุนงบประมาณโครงการศึกษาและพัฒนาท่าเทียบเรือกันตัง (ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555) | นร | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับโครงการศึกษาและพัฒนาท่าเทียบเรือกันตังไปดำเนินการตาม ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไปแล้ว 2. เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกันเงินงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ วงเงิน 5 ล้านบาท ไว้เบิกเหลื่อมปีสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ โดย มีกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37980 | ขออนุมัติลงนามหนังสือแก้ไขบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนสิทธิจราจร สำหรับการขนส่งข้ามพรมแดน ณ จุดผ่านแดนอรัญประเทศ - ปอยเปต | คค | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการลงนามเอกสารเพื่อแก้ไข (Addendum) บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณา จักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนสิทธิจราจราสำหรับการขนส่งข้ามพรมแดน ณ จุดผ่านแดนอรัญประเทศ-ปอยเปต (MOU 2) ในระหว่างการประชุมเวทีหารือเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาแนวพื้น ที่พัฒนาเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2 (Economic Corridor Forum-ECF) ระหว่างวันที่ 16-17 กันยายน 2552 ณ กรุงพนม เปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา 2. อนุมัติให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือผู้ที่ได้รับมอบ หมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในฐานะผู้แทนผู้มีอำนาจของคณะกรรมการอำนวยความสะดวกในการขนส่งระดับชาติ ของไทย และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลงาน ความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย สำหรับการลงนามดังกล่าว
|
.....