ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1870 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 37381 - 37400 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37381 | ร่างแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหพันธรัฐรัสเซีย สำหรับปี พ.ศ. 2553 - 2557 | กต | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหพันธ รัฐรัสเซีย สำหรับปี พ.ศ. 2553-2557 และให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในส่วนที่ไม่ กระทบต่อสาระสำคัญของร่างแผนปฏิบัติการร่วม ฯ ดังกล่าวได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก สำหรับ สาระสำคัญของร่างแผนปฏิบัติการร่วม ฯ เป็นแผนความร่วมมือในกรอบกว้างระหว่างไทยกับรัสเซีย มีระยะเวลา 5 ปี คือ ระหว่างปี พ.ศ. 2553-2557 จัดทำเป็น 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย รัสเซีย และภาษาอังกฤษ โดยยึดถือ ฉบับภาษาอังกฤษเป็นเกณฑ์ในกรณีที่มีความแตกต่างในการตีความ ทั้งนี้ แผนปฏิบัติการร่วม ฯ แบ่งออกเป็น 9 หมวด ดังนี้ 1.1 การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นหุ้นส่วนทางยุทธ ศาสตร์ โดยพัฒนาการเจรจาทางการเมืองและการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงและระดับสูงสุด และพัฒนาความ ร่วมมือในระดับทวิภาคีภายใต้กลไกต่าง ๆ ที่มีอยู่ รวมถึงส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ในเวทีระหว่างประเทศต่าง ๆ 1.2 ความร่วมมือในด้านต่าง ๆ โดยการส่งเสริมความร่วมมือด้านต่าง ๆ ได้แก่ ความมั่นคง การค้า การลงทุน และเศรษฐกิจ พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การทหารและเทคนิคการทหาร การศึกษา การ ท่องเที่ยว และวัฒนธรรม 2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามแผนปฏิบัติการร่วม ฯ ดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||
37382 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่สรวย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่สรวย เป็น
ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บ น้ำแม่สรวย จากศูนย์กลางเขื่อนคอนกรีตอ่างเก็บน้ำแม่สรวย ตำบลแม่สรวย ขึ้นไปด้านเหนือน้ำ ในเขตตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ตามที่กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
37383 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 (กำหนดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ฯ) | มท | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติ
ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมความใน (ค) ของ (7) ในข้อ 2 ของกฎ กระทรวง ฉบับที่ 47 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2479 ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 50 (พ.ศ. 2548) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ ดิน พ.ศ. 2497 เพื่อกำหนดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์เฉพาะในกรณีมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของ สภากาชาดไทยเป็นผู้รับโอนหรือผู้โอนในอัตราร้อยละ 0.001 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
37384 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานและเช่าบ้านพักข้าราชการของหน่วยงานที่ประจำในต่างประเทศ | กษ | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ทำสัญญาเช่าที่ทำการสำนักงานและบ้านพักข้าราชการของหน่วยงานที่ประจำในต่างประเทศ รวม 3 แห่ง ประกอบ ด้วย สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโรม ประเทศอิตาลี สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่าง ประเทศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา และสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุง โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณให้ เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
37385 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การพัฒนาพืชอาหารและพืชพลังงานอย่างยั่งยืนและสมดุล | สสป | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การพัฒนาพืชอาหารและพืชพลังงานอย่างยั่งยืนและสมดุล ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ รวมทั้งความเห็น ผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความมั่นคงด้านอาหาร ๑.๑ ส่งเสริมสนับสนุนและผลักดันอย่างจริงจังต่อเนื่องให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชที่มีอยู่ในท้องถิ่นที่เหมาะสมกับภูมิสังคมให้สามารถพึ่งพา สร้างความเข้มแข็งได้กับตนเองและชุมชนอย่างยั่งยืนทั้งพืชอาหารและพืชพลังงาน ๑.๒ ตรากฎหมายและกำหนดนโยบายที่ชัดเจนเพื่อคุ้มครองพื้นที่การเกษตรทั้งในส่วนที่ปลูกพืชอาหารและพืชพลังงาน รวมถึงมาตรการป้องกันพื้นที่และอาชีพของเกษตรกรโดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย และเร่งรัดการเปิดโอกาสให้ครอบครองสิทธิตลอดจนการถือสิทธิในการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ๑.๓ สนับสนุนและให้ความเป็นธรรมพร้อมอำนวยสะดวกและรวดเร็วในการจดสิทธิบัตรสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ให้กับผู้คิดค้นและค้นพบตามถิ่นกำเนิด พร้อมมีมาตรการป้องกันมิให้ต่างชาติมาจดสิทธิบัตรและฉวยโอกาสเอาประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศไทย ๑.๔ กำหนดมาตรการที่สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรปลูกพืชอาหารและรักษาพื้นที่ปลูก รวมถึงสามารถช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อความมั่นคงทางด้านอาหาร ๑.๕ เร่งรัดในการดำเนินนโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก” เพื่อสนับสนุนให้ผลิตผลและผลิตภัณฑ์จากภาคการเกษตรของไทยกระจายไปสู่ตลาดทุกระดับทั่วโลก ๑.๖ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคเอกชนสามารถลงทุนในภาคการเกษตรกับประเทศที่มีนโยบายเปิดรับการลงทุนด้านการเกษตร ๒. ความมั่นคงด้านพลังงาน ๒.๑ ดำเนินนโยบายอย่างจริงจังในการส่งเสริมและสนับสนุนพลังงานทดแทนในระดับชุมชนตามความเหมาะสมและศักยภาพของพื้นที่ ๒.๒ คงไว้ซึ่งนโยบายการพัฒนาพลังงานเพื่อการพึ่งตนเอง และนำแผนแม่บทการพึ่งตนเองด้านพลังงานมาใช้อย่างจริงจังเป็นรูปธรรมที่ปฏิบัติได้ กำหนดอัตราส่วนของพลังงานแต่ละชนิดเพื่อทดแทนการใช้น้ำมัน กำหนดกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนแน่นอนในการลดการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลและการเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน จัดสรรงบประมาณในการสนับสนุนและผลักดันโครงการพลังงานทดแทนแต่ละชนิด และมีวิธีการคิดผลตอบแทนและมาตรการสนับสนุน ๒.๓ เพิ่มพื้นที่ปลูกพืชพลังงานและเร่งรัดการพัฒนาการเพิ่มปริมาณผลผลิตต่อไร่ของพืชพลังงานที่อยู่ในเป้าหมายพลังงานทดแทน ๒ ระดับ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมด้านศักยภาพของพื้นที่ต่อการให้ผลผลิตของพืชนั้น ๆ โดยไม่ทับซ้อนหรือแย่งพื้นที่ที่มีศักยภาพในการผลิตพืชอาหาร และกำหนดพื้นที่ที่มีศักยภาพเป็นพื้นที่โรงงานในการรวบรวมผลผลิต ๒.๔ ผลักดันนโยบายพลังงานชุมชนให้เดินหน้าควบคู่กันไปกับนโยบายพลังงานแห่งชาติ โดยเน้นการรณรงค์ส่งเสริมให้เกษตรกรทุกครัวเรือนต้องมีพืชพลังงานชนิดใดชนิดหนึ่งที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่ทุกครัวเรือนเกษตรกร การสร้างระบบรวบรวมผลผลิต สร้างโรงงานผลิตพลังงานชุมชน และการบริหารจัดการด้านตลาดที่เหมาะสมกับผลผลิตในพื้นที่ ๒.๕ กำหนดมาตรการลดใช้พลังงานเพื่อลดความต้องการพลังงานและพลังงานที่ผลิตได้ รวมถึงดำเนินมาตรการแรงจูงใจให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้วัตถุดิบที่ใช้เพื่อการผลิตที่ประหยัดพลังงาน การเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน สร้างกลไกที่เปิดช่องทางให้มีการพัฒนาเครื่องจักร เครื่องยนต์ เตรียมพร้อมในการเข้าสู่การใช้พลังงานกลุ่มต่าง ๆ ที่อยู่ในเป้าหมายได้โดยเต็มประสิทธิภาพ ๒.๖ แก้ไขเพิ่มเติมข้อกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เอื้อต่อการผูกขาด และอุปสรรคในการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาคเอกชน รวมถึงองค์กรธุรกิจต่าง ๆ สามารถดำเนินการตามแผนงานโครงการที่เป็นประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง ๓. นโยบายความมั่นคงด้านอาหารและพลังงานอย่างยั่งยืนและสมดุล ๓.๑ สนับสนุนการวิจัยเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ลดต้นทุนการผลิตและลดความเสี่ยงทั้งพืชอาหารและพืชพลังงาน พัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน รวมถึงการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ๓.๒ สนับสนุนการศึกษาการเรียนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มากขึ้น เพื่อรองรับการประดิษฐ์คิดค้นพัฒนาด้านอาหารและพลังงานในการพัฒนาประเทศ การสร้างวัฒนธรรมท้องถิ่น การมีนวัตกรรมเป็นของเราเอง ลดการพึ่งพิงต่างชาติ ๓.๓ มีนโยบาย แผนปฏิบัติการ และคณะกรรมการเพื่อความสมดุลและความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน กำหนดมาตรการจัดการผลผลิตอย่างสมดุลระหว่างพืชอาหารและพืชพลังงาน รวมทั้งกระจายผลประโยชน์ไปยังกลุ่มต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ๓.๔ ส่งเสริมและสนับสนุนผลักดันให้ระบบพลังงานแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Energy System) ให้สามารถดำเนินการได้อย่างจริงจังเหมาะสมกับสภาพภูมิสังคมเพื่อลดการกระจายความเสี่ยง สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน ๓.๕ เร่งรัดการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งน้ำ การสร้างระบบการชลประทานให้กระจายครอบคลุมพื้นที่ผลิตพืชอาหารและพืชพลังงาน โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเห็นคุณค่าของน้ำ รวมทั้งเพื่อป้องกันภัยจากน้ำ ๓.๖ พัฒนาระบบขนส่งโดยลงทุนครอบคลุมทุกภาคของประเทศทั้งระบบขนส่งมวลชน ขนส่งและกระจายสินค้าด้วยระบบรางและทางน้ำ ๓.๗ ปรับเปลี่ยนทิศทางการพัฒนาประเทศ จากความพยายามจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมมาเป็นประเทศเกษตรกรรมสมบูรณ์แบบต่อเนื่องสู่เกษตรอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และบริการ เพื่อทำให้นโยบายพัฒนาและดำเนินความมั่นคงทางอาหารและพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๓.๘ เปิดเผยข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านพลังงานของประเทศต่อสาธารณะ ๓.๙ จัดให้มีพื้นที่เป็นโครงการนำร่องในการจัดการพืชอาหารและพืชพลังงานอย่างยั่งยืน |
||||||||||||||||||||||||
37386 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งแป้งมันสำปะหลังออกไปสหภาพยุโรป พ.ศ. .... (การบริหารโควตาการส่งออกแป้งมันสำปะหลังไปสหภาพยุโรป) | พณ | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งแป้งมันสำปะหลังออก
ไปสหภาพยุโรป พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่าง อนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 74) พ.ศ. 2539 ลงวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2539 2. ให้แป้งมันสำปะหลังที่ส่งออกไปสหภาพยุโรปเพื่อขอรับสิทธิชำระภาษีเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือ รับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศ ไปแสดงต่อสหภาพยุโรป ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กำหนด 3. ให้ประกาศนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
37387 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 8/2552 | นร | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ กรอ. ครั้งที่ 8/2552 เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552 โดย ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องต่าง ๆ และมีมติ ดังนี้ 1.1 เรื่อง ยุทธศาสตร์ยางและไม้ยางพารา ที่ประชุมมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลง ทุนจัดเวทีสำหรับผู้ประกอบการเพื่อทำ Business Matching และพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมใน การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการลงทุน เพื่อสร้างอุตสาหกรรมแปรรูปยางในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ โดยมีกรอบ ระยะเวลาทำงาน 1 เดือน รวมทั้งให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเร่งรัดและติดตามการดำเนินการตามขั้นตอน การเพิ่มผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ และ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมยางในขั้นกลางน้ำและปลายน้ำ โดยให้เชื่อม โยงกับการพัฒนายางต้นน้ำตามยุทธศาสตร์การพัฒนายาง พ.ศ. 2552-2556 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งรับหลักการให้มีการจัดตั้งสถาบันพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพารา 1.2 เรื่อง การขอปรับลดค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนความเป็นไปได้ในการปรับปรุงอัตราค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยให้มีการศึกษาในรายละเอียดเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องอัตราการสูบน้ำ แบบปลอดภัย (Safe Yield) อัตราการทรุดตัวของแผ่นดิน และปัญหาการปนเปื้อนของสารเคมีในน้ำบาดาลซึ่ง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์จากเงินกองทุนอนุรักษ์น้ำดาบาลเพื่อช่วยเหลือ และพัฒนาขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรม และจัดทำแผนพัฒนาน้ำเพื่อภาคอุตสาหกรรม 1.3 เรื่อง การพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศไทย ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสถาบันพัฒนา การขนส่งทางราง และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องของประเทศไทย และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาห กิจ กระทรวงการคลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการศึกษาแนวทางการกำหนดเงื่อนไขการจัดหาระบบรถ ไฟฟ้าและรถไฟ โดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีทั้งในด้านการผลิต การเดินรถและซ่อมบำรุง ตลอดจนการพัฒนา บุคลากรไว้ในขอบเขตการดำเนินงาน (Term of Reference : TOR) นอกจากนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำรวจศักยภาพและขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมไทยในการรองรับ การพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศไทย เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลประกอบการ จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาต่อไป 1.4 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 เรื่อง การทำสัญญาระหว่าง รัฐกับเอกชน (อนุญาโตตุลาการ) ที่ประชุมมีมติรับทราบความเห็นชอบของที่ประชุมถึงข้อจำกัดในการใช้วิธีการ อนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และชี้แจงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจถึงมติคณะ รัฐมนตรีดังกล่าวไม่ได้เป็นข้อห้ามต่อหน่วยงานภาครัฐในการใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาท และ ให้ประธานผู้แทนการค้าไทยประมวลเรื่องการใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาท และให้นำเสนอคณะ รัฐมนตรีต่อไป 1.5 เรื่อง นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (กากถั่วเหลือง) ที่ประชุมมีมติเห็นควร ให้กระทรวงพาณิชย์หาข้อสรุปอัตราอากรขาเข้ากากถั่วเหลือง และให้เสนอนโยบายและมาตรการนำเข้ากากถั่ว เหลืองปี 2553 ต่อคณะรัฐมนตรี ก่อนการประชุมคณะกรรมการ กรอ. ครั้งต่อไปในวันที่ 23 ธันวาคม 2552 1.6 เรื่อง ความคืบหน้าข้อเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ที่ประชุมมีมติให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการทบทวนและหาแนวทางปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าว ให้สอด คล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและมีประสิทธิภาพมากขึ้นภายในกรอบระยะเวลา 2 เดือน และรายงานต่อคณะ กรรมการ กรอ. ต่อไป 2. เห็นชอบมติคณะกรรมการ กรอ. และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการ กรอ. ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ แล้วรายงานให้คณะกรรมการ กรอ. และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37388 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 3 ราย 1. นายวิทยา สุริยะวงค์ ฯลฯ) | ยธ | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 3 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวง ยุติธรรมเสนอ ดังนี้ 1. นายวิทยา สุริยะวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน สำนักงานกิจการ ยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม 2. นางสาวกัญญานุช สอทิพย์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม 3. พ.ต.อ. ดุษฎี อารยวุฒิ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัด กระทรวง กระทรวงยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||
37389 | พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ในเขตพื้นที่เขตดุสิต แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร) | นร | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างประกาศ และร่างข้อกำหนด จำนวน 3 ฉบับ ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาย ในราชอาณาจักรเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อ ไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยให้ แก้ไขเขตพื้นที่ในข้อ 1 จาก "... เขตพื้นที่เขตดุสิต แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบ ศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ..." เป็น "... เขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ..." 1.2 ร่างประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่น คงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย โดยให้แก้ไขวันมีผล บังคับใช้ จาก "ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552" เป็น "ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552" 1.3 ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราช อาณาจักร พ.ศ. 2551 โดยให้แก้ไขวันมีผลบังคับใช้ จาก "ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552" เป็น "ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552" 2. เมื่อเหตุการณ์สิ้นสุดลงแล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานผลส่งให้กองอำนวยการรักษาความ มั่นคงภายในราชอาณาจักรเพื่อรวบรวมเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบโดย เร็ว ตามมาตรา 15 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37390 | พื้นที่ปรากฏเหตุการณฺ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ในเขตพื้นที่อำเภอจะนะ อำเภอนาทวี อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา) | นร | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างประกาศ และร่างข้อกำหนด รวม 3 ฉบับ ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ราชอาณาจักรเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไป ได้ ดังนี้ 1.1 ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดย ให้เขตพื้นที่อำเภอจะนะ อำเภอนาทวี อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย ของจังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุ การณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 และมอบหมายให้ กอ.รมน. รับผิดชอบในการดำเนินการตามมาตรา 15 1.2 ร่างประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่น คงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย จำนวน 33 ฉบับ ตาม มาตรา 16 วรรคสี่ 1.3 ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราช อาณาจักร พ.ศ. 2551 จำนวน 6 ข้อ 2. เมื่อเหตุการณ์สิ้นสุดลงแล้วให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานผลส่งให้กองอำนวยการรักษาความ มั่นคงภายในราชอาณาจักรเพื่อรวบรวมเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบโดย เร็ว ตามมาตรา 15 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37391 | การขออนุมัติเปลี่ยนแปลงการดำเนินการและหลักเกณฑ์ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 1.1 อนุมัติการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานดำเนินโครงการและแนวทางการปรับปรุงเพิ่มเติมโครงการใหม่ ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติ การไทยเข้มแข็ง 2555 (คณะกรรมการ ฯ) 1.2 อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ โครงการศูนย์ 3 วัยสาน สายใยรักแห่งครอบครัว ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 1.3 รับทราบแนวทางการดำเนินงานกรณีหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินกู้ภายใต้แผน ปฏิบัติการ ฯ ไม่สามารถดำเนินการเองได้ต้องมอบหมายให้หน่วยงานอื่นดำเนินการและเบิกเงินกู้แทน 1.4 รับทราบหลักเกณฑ์ข้อกำหนดการใช้จ่ายเงินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ และหลักเกณฑ์ และวิธีปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำหรับโครงการที่ได้รับอนุมัติภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ 2. กรณีของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว) และกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ (กรมชลประทาน) ซึ่งเป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินกู้ภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ แต่ไม่ สามารถดำเนินการเองได้ และมีความประสงค์จะมอบหมายให้หน่วยงานอื่นเข้ามาดำเนินการและเบิกเงินกู้แทน นั้น โดยที่คณะรัฐมนตรีมีนโยบายให้โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์โดยรวด เร็ว ประกอบกับโครงการดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงเฉพาะหน่วยงานที่จะเข้ามาดำเนินโครงการเท่านั้น จึงให้ดำเนิน การต่อไปได้ 3. ให้คณะกรรมการ ฯ ถือเป็นหลักการว่าหากมีโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ ในลักษณะดังกล่าว ตามข้อ 2. ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้เช่นเดียวกัน แล้วให้นำผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เสนอคณะ รัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
37392 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนา
คุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณา หากเห็นว่าคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ฯ ที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ ก็ให้ดำเนินการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง และ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดให้ คณะกรรมการหรืออนุกรรมการมีสิทธิได้รับค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์ หรือค่าใช้จ่ายอื่น นั้น ควรพิจารณาถึง ความเหมาะสมโดยประหยัด เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและไม่เป็นภาระงบประมาณมากนั้น ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37393 | ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบบริหารหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบบริหารหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกัน
ตนเอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อมอบหมายให้กรมการปกครองพิจารณาทบทวนตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการกำหนดให้คณะกรรมการกลางประชุมกันไม่น้อยกว่าเดือนละครั้ง และการกำหนดค่าใช้จ่ายในการจัด ประชุม แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
37394 | ขอความเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทร | พม | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้การเคหะแห่งชาติ (คกช.) ดำเนินการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร ให้แล้วเสร็จครบตาม จำนวน 281,556 หน่วย ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2552 รวมทั้งมาตรการสนับสนุนการ แก้ไขปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทร ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ 2. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติที่เห็นควรให้ กคช. ดำเนินมาตรการด้านการตลาด มาตรการด้านราคา และมาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขกฎ ระเบียบ เพื่อให้สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายและผ่อนปรนเงื่อนไขให้กว้างขวางมากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการขยาย อาคารคงเหลือให้มากขึ้นและมีอาคารคงเหลือน้อยที่สุดโดยเฉพาะบ้านที่อยู่ในกลุ่มขายยาก จำนวน 70,000 หน่วย และเร่งจัดทำแผนกลยุทธ์ แผนการตลาดเชิงรุก เพื่อเพิ่มมูลค่าโครงการ ฯ และสร้างแรงจูงใจให้เกิดความต้องการที่ จะซื้อที่อยู่อาศัยให้มากขึ้น รวมทั้งเร่งศึกษาความเหมาะสมมาตรการแก้ไขปัญหาระยะยาวในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อรับ โอนธุรกรรมโครงการบ้านเอื้ออาทรออกจาก กคช. รวมทั้งเร่งจัดทำแผนจัดหาแหล่งเงินสนับสนุนฉุกเฉิน (Working Capital Management) แผนเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร และแผนลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานกรณีที่ไม่สามารถแก้ ไขปัญหาโครงการ ฯ ได้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2552 สำหรับมาตรการการขายในลักษณะยกอาคารหรือขายทั้ง โครงการให้แก่ภาคเอกชน ให้ กคช. ดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อพิจารณาดำเนินการ แก้ไขปัญหาบ้านเอื้ออาทร เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2552 ที่ให้นำไปพิจารณารวมกับการแก้ไขปัญหาระยะยาว ไป พิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37395 | การให้สัมปทานปิโตรเลียมตามประกาศเชิญชวนให้ยื่นคำขอสัมปทานปิโตรเลียม ครั้งที่ 20 | พน | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ออกสัมปทานปิโตรเลียมตามมาตรา 22 (1) แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม
พ.ศ. 2514 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2550 แก่ผู้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม รวม 6 สัมปทาน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นควรพิจารณา ทบทวนความเหมาะสมและความสะดวกในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ผู้รับสัมปทานเป็นนิติบุคคลไทย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37396 | การจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของพนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของพนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนหรือค่า จ้างไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท ให้ได้รับในอัตราเดือนละ 2,000 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับเงินเดือนหรือค่าจ้างแล้วต้อง ได้รับไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน และให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (24 พฤศจิกา ยน 2552) เป็นต้นไป โดยให้ใช้เงินงบประมาณของรัฐวิสาหกิจ และให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจแต่ ละแห่งในการพิจารณาภายใต้กรอบดังกล่าว ที่กำหนดตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจ สัมพันธ์ พ.ศ. 2543 โดยการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวดังกล่าวมีลักษณะการจ่ายเป็นการชั่วคราว ไม่ถือเป็น ค่าจ้าง และไม่เป็นฐานในการคำนวณสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่พนักงานและลูกจ้าง ตามมติคณะกรรมการแรงงงาน รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ในการประชุม ครั้งที่ 7/2552 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2552 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ การจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเดือนละ 2,000 บาท ไม่รวมเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวที่ได้รับอยู่เดิมเดือน ละ 1,500 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2551 (เรื่อง การจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของ ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ) 2. ส่วนข้อหารือมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 (เรื่อง ขอความเห็นชอบการจ่ายเงินเพิ่ม การครองชีพชั่วคราวให้กับพนักงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง) ของกระทรวงแรงงาน นั้น เนื่องจากเป็นเรื่อง ทำนองเดียวกัน จึงให้ถือปฏิบัติตามแนวทางเดียวกันกับมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น |
||||||||||||||||||||||||
37397 | ขอความเห็นชอบเพื่อขอใช้งบกลางปีงบประมาณ 2553 โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ จังหวัดตราด | คค | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลอง
ใหญ่จังหวัดตราด โดยให้ใช้จ่ายจากเงินภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมเสนอ รายละเอียดของโครงการ ฯ ต่อคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ เพื่อพิจารณา ตามระเบียบและขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงคมนาคมประสานกับกระทรวง การคลังซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักเรื่องการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในรูปแบบ Public Private Partnership (PPP) เพื่อ พิจารณาความเป็นไปได้ รวมทั้งทางเลือกรูปแบบการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนที่เหมาะสมสำหรับโครงการ หรืออาจ พิจารณาความเป็นไปได้ในการระดมทุนผ่านกลไกกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) โดยดำเนินการ ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และให้นำเสนอตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
37398 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่องการเปลี่ยนแปลงการกู้เงินเป็นขอใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2553 (โครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปี 2551/52) | พณ | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 (เรื่อง ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการรับ จำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/2552) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้โอนเปลี่ยนแปลงงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) แผนงานปรับโครงสร้างเศรษฐ กิจภาคเกษตร จากงบรายจ่ายอื่น รายการชำระหนี้ต้นเงินกู้ของ อคส. ที่กู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพื่อเป็นค่าใช้ จ่ายในการรับฝากและเก็บรักษาสินค้า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551-มีนาคม 2552 ตามโครงการ ฯ จำนวน 4,318.94 ล้านบาท ไปเป็นงบเงินอุดหนุนประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ รายการค่าใช้จ่ายในการรับฝากและเก็บ รักษาสินค้า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551-มีนาคม 2552 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลการดำเนินงานโครงการ ฯ และการใช้จ่ายงบประมาณโครงการ รับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปี 2551/2552 ในภาพรวม รวมทั้งการศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับมาตรการ รักษาเสถียรภาพและช่วยเหลือเกษตรกรในปี 2552/2553 เช่น โครงการประกันรายได้เกษตรกร โครงการรับ ฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกร และโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกนาปี เป็นต้น เพื่อใช้เป็นแนวทาง ในการปรับปรุงการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น |
||||||||||||||||||||||||
37399 | การให้การยอมรับ The Plant Protection Agreement for Asia and Pacific Region ฉบับแก้ไขปี 1983 | กษ | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้การยอมรับ The Plant Protection Agreement for Asia and Pacific Region ฉบับแก้ไขปี 1983 โดยสาระสำคัญของความตกลง ฯ ฉบับแก้ไขนี้มุ่งที่จะกำหนดรายละเอียดและเงื่อน ไขการสนับสนุนด้านการเงินของประเทศภาคีคณะกรรมาธิการอารักขาพืชระดับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกที่ไม่ได้เป็น การเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย หรือมีเขตอำนาจตามหนัง สือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือมีผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือสังคมของประเทศอย่างกว้าง ขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (full power) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการให้การรับยอมรับความตกลง ฯ ฉบับแก้ไขดังกล่าว 3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของประเทศ ตามเงื่อนไขที่จะมีการตกลง กันระหว่างประเทศภาคี ภายหลังเมื่อความตกลง ฯ ฉบับแก้ไขดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว |
||||||||||||||||||||||||
37400 | การประชุมทบทวนอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ครั้งที่ 2 | กต | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างเอกสารผลการประชุมต่าง ๆ รวม 4 ฉบับ คือ 1.1 ร่างปฏิญญาคาร์ตาเฮนา ค.ศ. 2009 (The 2009 Cartagena Declaration) เป็นคำประกาศท่าที ร่วมกันของรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ของอนุสัญญา ฯ ทั้งในฐานะความ เป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ รวมทั้งรับทราบที่จะต้องปฏิบัติตามอนุสัญญา ฯ และยืนยันที่จะขจัดความทุกข์ทรมาน ที่เกิดจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทั้งนี้ ผู้แทนระดับสูงของรัฐภาคีอนุสัญญา ฯ จะพิจารณาให้การรับรองและร่วมลง นามในปฏิญญาคาร์ตาเฮนา ในช่วงการประชุมระดับสูงระหว่างวันที่ 3-4 ธันวาคม 2552 1.2 ร่างแผนปฏิบัติการคาร์ตาเฮนา ค.ศ. 2010-2014 (Cartagena Action Plan 2010-2014) เป็น เอกสารแนะนำแนวทางการดำเนินการตามพันธกรณีของอนุสัญญา ฯ ในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี พ.ศ. 2553-2557) ที่รัฐภาคีอาจนำไปปรับใช้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของอนุสัญญา ฯ 1.3 ร่างเอกสารทบทวนการดำเนินการและสถานะของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Review of the Operation and Status of the Convention, 2005-2009 ) เป็นรายงานพัฒนาการการปฏิบัติตามอนุ สัญญา ฯ ในรอบ 5 ปี (ปี พ.ศ. 2548-2552) นับตั้งแต่การประชุมทบทวนอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ครั้งที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2547 ณ กรุงไนโรบี จนถึงปัจจุบัน 1.4 ร่างข้อตัดสินใจเรื่องการประชุมในอนาคต (Draft Decisions on Future Meetings) เป็นเอกสาร แผนงานกำหนดการจัดประชุมที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญา ฯ 2. อนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยร่วมลงนามในร่างปฏิญญาคาร์ตาเฮนา |
.....