คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (ราย
โครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2552 สรุปได้ดังนี้
              1. อนุมัติแล้วจำนวน 21,897 โครงการ วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท
              2. การจัดสรร
                  2.1 รอจัดสรร 12,208 โครงการ วงเงิน 115,332.92 ล้านบาท
                  2.2 จัดสรรแล้ว 9,689 โครงการ วงเงิน 84,272.56 ล้านบาท
              3. การจัดซื้อจัดจ้าง
                  3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 7,199 โครงการ วงเงิน 36,297.01 ล้านบาท
                  3.2 ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว 2,490 โครงการ วงเงิน 47,975.55 ล้านบาท
                  3.3 มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา 2,490 โครงการ วงเงิน 47,845.77 ล้านบาท
              4. การดำเนินการ
                  4.1 ยังไม่ได้เบิกจ่าย 1,271 โครงการ วงเงิน 26,975.28 ล้านบาท
                  4.2 เบิกจ่ายบางส่วนแล้ว (ยังไม่เสร็จ) 1,065 โครงการ วงเงิน 5,411.53 ล้านบาท
                  4.3 เบิกจ่ายเสร็จสมบูรณ์แล้ว 154 โครงการ วงเงิน 15,458.96 ล้านบาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ  สังกัดกระทรวงการคลัง  ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 4 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวง
การคลังเสนอ ดังนี้
               1. นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์          ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
                                                               กระทรวงการคลัง
               2. นายสมชาย พูลสวัสดิ์                ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
                                                               กระทรวงการคลัง
               3. นายประสงค์ พูนธเนศ               ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
                                                               กระทรวงการคลัง
               4. นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล      ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 5 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป  ตามที่กระทรวงการ
ต่างประเทศเสนอ ดังนี้
             1. นายสมศักดิ์ สุริยวงศ์              ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต  สถานเอกอัครราชทูต  ณ  กรุงโรม
                                                          สาธารณรัฐอิตาลี สืบแทนนายประดาป พิบูลสงคราม  ซึ่งเกษียณ
                                                          อายุราชการ
             2. นายบรรสาน บุนนาค            ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมพิธีการทูต สืบแทนนายสมศักดิ์ สุริยวงศ์
             3. นายอภิรัฐ เหวียนระวี             ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง
                                                          สหภาพพม่า สืบแทนนายบรรสาน บุนนาค
             4. นางรัชฎา ถาวรเวช                ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง  สำนักงานปลัด
                                                          กระทรวงการต่างประเทศ   สืบแทนนางสาวสิรี  บุนนาค  ที่ขอ
                                                          ลาออกจากราชการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วน
                                                          ราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด)
             5. นางสาวจันทร์ทิพา ภู่ตระกูล    ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคา
                                                          เรสต์ โรมาเนีย สืบแทนนางรัชฎา ถาวรเวช

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การส่งเสริมกิจการโคนม
แห่งประเทศไทย จำนวน 4 ราย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (8 ธันวาคม 2552) เป็นต้นไป ตามที่
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
                1. นายธวัชชัย สำโรงวัฒนา
                2. พันเอก นาฬิกอติภัค แสงสนิท
                3. นายสุรินทร์ ประสิทธิ์หิรัญ
                4. นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
จำนวน 11 คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (8 ธันวาคม 2552) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์เสนอ ดังนี้
              1. ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ
                  1.1 นายธวัชชัย สำโรงวัฒนา
                  1.2 นายชวลิต ชูขจร
                  1.3 นายปฤหัส วงศ์ชัยภูมิ
                  1.4 นายธนู สรเสนีย์
                  1.5 นายสมหมาย คชนูด 
              2. ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน
                  2.1 นางจินดารัตน์ ถวิลเติมทรัพย์
                  2.2 นายเกริ่น มิ่งใย
                  2.3 นายไพบูลย์ วันเมฆ
                  2.4 นายสุพัฒน์ มุลเมฆ
                  2.5 นายจุล ชัยพินิจนรชาติ
                  2.6 นายพรชัย มณีนิล

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายสุทธิชัย  จันทร์อารักษ์  เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งผู้ช่วย
เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวนริศรา ชวาลตัน
พิพัทธ์) แทนนายวิชัย ศิริประเสริฐโชค ที่ลาออกจากตำแหน่ง  ทั้งนี้  ให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(8 ธันวาคม 2552) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
              1. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ 6/2552 เมื่อวันที่
26 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งได้มีการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ จำนวน 7 เรื่อง ได้แก่
                  1.1 ร่างบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้าโครงการมาย-กก
                  1.2 ร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการหงสาลิกไนต์
                  1.3 แนวทางการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
                  1.4 แนวทางการขอใช้พื้นที่ดำเนินโครงการพลังงานลมสำหรับภาคเอกชน
                  1.5 แนวทางการแก้ไขปัญหาสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้าบางคล้า
                  1.6 การพิจารณาชดเชยเงินให้แก่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อสิ้นสุดเวลาดำเนินการตามนโยบาย 6
                        มาตรการ 6 เดือน
                  1.7 การขอความร่วมมือในการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์พลังงานในอาคารควบคุมภาครัฐ
              2. อนุมัติให้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการหงสาลิกไนต์ ใช้เงื่อนไขในการระงับข้อพิพาทโดยวิธีการอนุญา
โตตุลาการและภาษาที่ใช้ในกระบวนการพิจารณาอนุญาโตตุลาการให้เป็นภาษาอังกฤษ และดำเนินการที่ประเทศ
สิงคโปร์
              3. ให้ทุกกระทรวงให้ความร่วมมือในการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์พลังงานในอาคารควบคุมภาครัฐ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษ
หมายเลข 7  และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9  ภายในระยะเวลาที่กำหนด  พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  ยกเว้นค่าธรรม
เนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7  และทางหลวงพิเศษหมายเลข  9  ตั้งแต่เวลา  16.00  นาฬิกา
ของวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ถึงเวลา 16.00 นาฬิกา ของวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553 ตามที่กระทรวงคมนาคม
เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
               1. เห็นชอบให้ใช้ผลผลิตต่อไร่ระดับจังหวัดของข้าวเปลือกนาปีจำแนกตามพันธุ์ในพื้นที่ในเขตชลประทาน
และนอกเขตชลประทาน ปีเพาะปลูก 2552/53  ใน 5 จังหวัด  ประกอบด้วย  จังหวัดเพชรบุรี  อุดรธานี  หนองคาย
นครพนม และยโสธร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
               2. ให้กระทรวงการคลัง  โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  และกระทรวงเกษตรและสห
กรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีแนวทางการดำเนิน
งานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการออกใบรับรองใหม่และการทำสัญญา   และเร่งเตรียมการรองรับการดำเนินการประกันราย
ได้เกษตรกรให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงในสภาพการผลิตของเกษตรกร  โดยให้มีการตรวจสอบความถูกต้องกับ
ระดับพื้นที่ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี  ทั้งนี้ เพื่อลดปัญหาข้อร้องเรียนให้มีการทบทวนผลผลิตต่อไร่ของข้าวใหม่เช่น
การดำเนินการในรอบที่ 1 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชัยสิทธิ์ แสงทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. (ด้านเวชกรรม
สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์  กลุ่มภารกิจวิชาการ  สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี  กรม
การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในการเสด็จออกมหาสมาคมในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช 2552  ณ  พระที่นั่งอมรินทร
วินิจฉัย เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม 2552 และให้ส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงานอื่นของรัฐเผยแพร่พระ
ราชดำรัสดังกล่าวให้แก่ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ตลอดจนประชาชนทั่วไปด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคาร
ที่ 15 ธันวาคม 2552 ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ดังนี้
              1. ให้กระทรวงการคลังประสานกับสำนักงบประมาณรายงานข้อมูลโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการ
ไทยเข้มแข็ง 2555 ที่ไม่สามารถขอรับการจัดสรรเงินได้ทันภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 ตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2552 (เรื่อง มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินโครงการลงทุนภายใต้แผน
ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555)
              2. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการเร่งรัดติดตามกรณีเงินขาดบัญชี  หรือเจ้าหน้าที่
ของรัฐทุจริต ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552
              3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความเสียหายที่เกิดจากเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมเพื่อป้อง
กันและระงับอัคคีภัย โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนระมัดระวัง และเพิ่มมาตรการป้อง
กันอัคคีภัย  โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการดับเพลิง ขอให้ตรวจสอบและจัดเตรียมเครื่องมือเครื่องใช้  ตลอดจน
อุปกรณ์ในการดับเพลิง และกู้ภัยให้มีสภาพพร้อมใช้งานได้ทันที

               คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เสนอ ดังนี้
               1. รับทราบรายงานเหตุสารเคมี (Butene-1) รั่วไหลจากเรือขนถ่ายสินค้าชื่อ Global Hime ซึ่งจอดอยู่
บริเวณท่าเรือบริษัท มาบตาพุดแทงค์ เทอร์มินอล สาเหตุคาดว่าเกิดจาก safety-valve บนเรือชำรุด  ทำให้ประชา
ชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงมีอาการป่วยจากการสูดดมสารเคมีดังกล่าวเข้าไป  และได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
ต่าง ๆ ซึ่งในส่วนของการดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น กระทรวงสาธารณสุขแจ้งว่า
ไม่ได้รับการสนับสนุนข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับสารเคมีต่าง ๆ  ที่แต่ละโรงงานในพื้นที่ผลิตหรือมีไว้ใช้  โดยชี้แจงว่า
เป็นความลับทางการค้า
               2. เห็นชอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและผู้ประกอบ
การในพื้นที่ เพื่อให้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีที่อยู่ในความครอบครองและดำเนินการของแต่ละโรงงานในพื้นที่แก่
กระทรวงสาธารณสุขเพื่อประโยชน์ในการเตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือ อุปกรณ์  ตลอดจนการฝึกอบรมบุคลา
กรให้สามารถป้องกันและดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสารเคมีได้อย่างถูกต้อง  เหมาะสม   ทันเหตุการณ์
ต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
                1. เห็นชอบตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอรับเรื่อง ขอผ่อนผัน
การใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี  เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด  ชุติวรรณ  ที่จังหวัดนครศรี
ธรรมราช  (เรื่องที่ 1)  เรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของบริษัท
ศิลาอารี จำกัด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช (เรื่องที่ 2) และเรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่  1  บีเอ็ม  เพื่อทำ
เหมืองแร่ของบริษัท หินอ่อน  จำกัด  ที่จังหวัดสระบุรี  (เรื่องที่ 3)  ไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาห
กรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
                 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยว
กับพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี และพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่  1  บีเอ็ม  ซึ่งจัดเป็นต้นน้ำในการดำเนินการต้องระมัดระวังในเรื่องคุณ
ภาพน้ำ  โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด  และให้นำมาตรการป้องกัน
และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดในรายงานการวิเคราะห์
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน  (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง)  ของบริษัท ศิลา
อารี จำกัด คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ 2/2548  (ประทานบัตรที่ 26189/15255)  ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตก  อำเภอ
ร่อนพิบูลย์  จังหวัดนครศรีธรรมราช   ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมแนบท้ายใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ด้วย
ไปประกอบการพิจารณาด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
                1. เห็นชอบตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอรับเรื่อง ขอผ่อนผัน
การใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี  เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด  ชุติวรรณ  ที่จังหวัดนครศรี
ธรรมราช  (เรื่องที่ 1)  เรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของบริษัท
ศิลาอารี จำกัด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช (เรื่องที่ 2) และเรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่  1  บีเอ็ม  เพื่อทำ
เหมืองแร่ของบริษัท หินอ่อน  จำกัด  ที่จังหวัดสระบุรี  (เรื่องที่ 3)  ไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาห
กรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
                 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยว
กับพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี และพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่  1  บีเอ็ม  ซึ่งจัดเป็นต้นน้ำในการดำเนินการต้องระมัดระวังในเรื่องคุณ
ภาพน้ำ  โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด  และให้นำมาตรการป้องกัน
และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดในรายงานการวิเคราะห์
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน  (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง)  ของบริษัท ศิลา
อารี จำกัด คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ 2/2548  (ประทานบัตรที่ 26189/15255)  ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตก  อำเภอ
ร่อนพิบูลย์  จังหวัดนครศรีธรรมราช   ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมแนบท้ายใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ด้วย
ไปประกอบการพิจารณาด้วย

                คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
                1. เห็นชอบตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอรับเรื่อง ขอผ่อนผัน
การใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี  เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด  ชุติวรรณ  ที่จังหวัดนครศรี
ธรรมราช  (เรื่องที่ 1)  เรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของบริษัท
ศิลาอารี จำกัด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช (เรื่องที่ 2) และเรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่  1  บีเอ็ม  เพื่อทำ
เหมืองแร่ของบริษัท หินอ่อน  จำกัด  ที่จังหวัดสระบุรี  (เรื่องที่ 3)  ไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาห
กรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
                 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยว
กับพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี และพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่  1  บีเอ็ม  ซึ่งจัดเป็นต้นน้ำในการดำเนินการต้องระมัดระวังในเรื่องคุณ
ภาพน้ำ  โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด  และให้นำมาตรการป้องกัน
และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดในรายงานการวิเคราะห์
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน  (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง)  ของบริษัท ศิลา
อารี จำกัด คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ 2/2548  (ประทานบัตรที่ 26189/15255)  ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตก  อำเภอ
ร่อนพิบูลย์  จังหวัดนครศรีธรรมราช   ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมแนบท้ายใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ด้วย
ไปประกอบการพิจารณาด้วย

                คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
                1. เห็นชอบตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอรับเรื่อง ขอผ่อนผัน
การใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี  เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด  ชุติวรรณ  ที่จังหวัดนครศรี
ธรรมราช  (เรื่องที่ 1)  เรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของบริษัท
ศิลาอารี จำกัด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช (เรื่องที่ 2) และเรื่อง ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่  1  บีเอ็ม  เพื่อทำ
เหมืองแร่ของบริษัท หินอ่อน  จำกัด  ที่จังหวัดสระบุรี  (เรื่องที่ 3)  ไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาห
กรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
                 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยว
กับพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี และพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่  1  บีเอ็ม  ซึ่งจัดเป็นต้นน้ำในการดำเนินการต้องระมัดระวังในเรื่องคุณ
ภาพน้ำ  โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด  และให้นำมาตรการป้องกัน
และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดในรายงานการวิเคราะห์
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน  (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง)  ของบริษัท ศิลา
อารี จำกัด คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ 2/2548  (ประทานบัตรที่ 26189/15255)  ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตก  อำเภอ
ร่อนพิบูลย์  จังหวัดนครศรีธรรมราช   ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมแนบท้ายใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ด้วย
ไปประกอบการพิจารณาด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
               1. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี  (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ)  รายงานเกี่ยวกับปัญหาโครงการลง
ทุนในพื้นที่เขตอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง สรุปได้ดังนี้
                   1.1 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งให้ดำเนินการระงับโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุด และบริเวณ
ใกล้เคียง จำนวน 65 โครงการ ไว้เป็นการชั่วคราว  เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ยังไม่ได้ดำเนินการ
ให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 67 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                   1.2 ในร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการหรือกิจการ
ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม  ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ
ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ  และอยู่ระหว่างการดำเนินการนำลงประกาศในราช
กิจจานุเบกษานั้น ยังมีประเด็นที่ภาคประชาชนไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับองค์การอิสระทางด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
ซึ่งจะทำหน้าที่พิจารณาให้ความเห็นประกอบก่อนมีการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบหรือในการ
อนุญาต โดยภาคประชาชนเห็นควรให้มีองค์การอิสระภายใต้ร่างประกาศดังกล่าวเพียงองค์การเดียว
               2. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่างประกาศ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้ตัดประเด็นเกี่ยวกับองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องรอ
ข้อเสนอของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามมาตรา  67  วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
ไทยก่อน
               3. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมตรวจสอบสถานะปัจจุบันของการดำเนินโครงการทั้ง  65  โครงการ เพื่อ
กำหนดแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมของแต่ละโครงการ และดำเนินการให้ถูกต้องตามกระบวนการของกฎ
หมายต่อไป และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. อนุมัติในหลักการและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
                  1.1 อนุมัติในหลักการโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทย เพื่อสนับสนุน
สภาพคล่องและลดต้นทุนทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ รวมทั้ง
เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทยสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มความสามารถในการดำเนิน
ธุรกิจเพื่อรองรับการแข่งขันในธุรกิจโลจิสติกส์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
                  1.2 เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิส
ติกส์ไทย
              2. อนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการ ฯ วงเงินทั้งสิ้น  170,000,000  บาท  จากงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 วงเงิน 85,000,000 บาท  และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2554 วงเงิน  85,000,000  บาท  และให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ  ทั้งนี้  ให้ธนาคาร
พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) ดำเนินการด้วยความมีประสิทธิภาพ โปร่งใสตรวจสอบได้  โดยมี
การบริหารความเสี่ยงที่ดีเพื่อป้องกันปัญหา Moral Hazard ที่อาจเกิดขึ้นโดยตรงต่อโครงการ ฯ และการดำเนินการ
ตามแผนธุรกิจของ ธพว.  และหากการดำเนินงานมีความเสียหายเกิดขึ้น  กระทรวงการคลังจะดูแลในเรื่องความมั่น
คงให้อยู่ในมาตรฐานที่เหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง