ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1799 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 35961 - 35980 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
35961 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณกรณีการเช่าบ้านพักข้าราชการของหน่วยงานที่ประจำในต่างประเทศ | กษ | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
รายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553-2554 รายการค่าเช่าบ้านพักข้าราชการของหน่วยงานที่ประจำในต่างประเทศ รวม เป็นเงินจำนวน 838,240 บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ให้ใช้ จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว ส่วนปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปีของ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
35962 | การจัดทำโครงการ Linking communities in Southeast Asia to forestry-related voluntary carbon markets | ทส | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 การจัดทำเอกสารโครงการ Linking communities in Southeast Asia to forestry-related voluntary carbon markets ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือทางวิชาการของ Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO ภายใต้โครงการ TCP/RAS/3210 (D) จัดทำขึ้นโดย FAO สำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก มีวัตถุ ประสงค์ เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการพัฒนาศักยภาพของประเทศทั้งใน ระดับชาติและระดับภูมิภาคในด้านตลาดคาร์บอน (carbon markets) และจัดทำแนวทางและระบบสารสนเทศเพื่อช่วย ให้ชุมชนสามารถพัฒนาโครงการด้านป่าไม้สำหรับการเข้าสู่ตลาดคาร์บอน 1.2 ให้อธิบดีกรมป่าไม้เป็นผู้ลงนามเอกสารโครงการฯ ดังกล่าว และเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว ให้ กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) เพื่อให้อธิบดีกรมป่าไม้เป็นผู้แทนรัฐบาลลงนามใน ความตกลงดังกล่าวต่อไป 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นควรให้ กรมป่าไม้เชื่อมโยงองค์ความรู้รวมถึงประสบการณ์ที่จะได้รับภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการกับ FAO ภายใต้โครงการ Linking communities in Southeast Asia to forestry-related voluntary carbon markets กับมาตรการลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่า และการเสื่อมสภาพของป่าในประเทศกำลังพัฒนา (Reducing Emissions from Deforestation and Degradation in Developing Countries : REDD+) ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียดภายใต้ กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ด้วย โดยกรมป่าไม้อาจศึกษาแนว ทางความเป็นไปได้ติดตามพัฒนาการ และร่วมมือ/แลกเปลี่ยนข้อมูลกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุพืช เพื่อ ประโยชน์ในการประมวลท่าทีสำหรับผลักดันและรักษาผลประโยชน์ของไทยในเวทีการประชุมระหว่างประเทศดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
35963 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง รายงานผลงานก้าวหน้างานก่อสร้างโครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2553 | กษ | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รายงานผลการดำเนิน
การตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง รายงานผลงานก้าวหน้างานก่อสร้างโครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. งานจ้างก่อสร้างคลองระบายน้ำและถนน พร้อมอาคารประกอบ ส่วนที่ 1 ได้ผลการดำเนินงานสะสม ร้อยละ 91.38 จากแผนงานสะสมที่วางไว้ร้อยละ 89.54 เร็วกว่าแผนร้อยละ 1.84 2. งานจ้างก่อสร้างคลองระบายน้ำและถนน พร้อมอาคารประกอบ ส่วนที่ 2 ได้ผลการดำเนินงานสะสม ร้อยละ 100 จากแผนงานสะสมที่วางไว้ร้อยละ 100 (ผู้รับจ้างได้ส่งมอบงานทั้งสัญญาแล้ว) 3. งานจ้างก่อสร้างคลองระบายน้ำ สถานีสูบน้ำ สะพานน้ำยกระดับ พร้อมอาคารประกอบ ส่วนที่ 3 ได้ ดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนงานที่วางไว้ 4. ผลการดำเนินงานจ้างก่อสร้างทั้ง 3 สัญญา ได้ผลการดำเนินงานร้อยละ 97.17 จากแผนงานที่วางไว้ ร้อยละ 96.57 เร็วกว่าแผนร้อยละ 0.60 ทั้งนี้ เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2553 จะสามารถระบายน้ำ ได้สูงสุด 100 ลบ.ม./วินาที 5. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งสิ้น จำนวน 9,680,104,978.36 บาท โดยใช้งบประมาณจากเงินงบ ประมาณปกติ 6. ผลกระทบจากการดำเนินงาน ราษฎรเจ้าของที่ดินบริเวณพื้นที่ก่อสร้างที่คลองระบายน้ำตัดผ่านต้อง สูญเสียที่ดินในความครอบครอง โดยมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 1,290 ไร่ 3 งาน 18 ตารางวา
|
|||||||||||||||||||||||||||
35964 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2553 | ทส | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่
22 มกราคม 2553 จำนวน 2 เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1. คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2552 และมอบหมาย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำข้อเสนอของคณะกรรมการฯ ไปปรับปรุงแก้ไขรายงานดังกล่าวให้มีความถูกต้องและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และนำเสนอ คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป รวมทั้งให้สำนักงานนโยบายฯ รับข้อเสนอของคณะกรรมการฯ เพื่อใช้เป็นแนวทางใน การจัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2553 ต่อไป 2. คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการทางด่วนสายทาง พิเศษศรีรัช-ดาวคะนอง ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณา รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคม ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ในการประชุมครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2552 และให้การทางพิเศษฯ นำความเห็นของคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
35965 | รายงานผลการประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านมรดกโลก (Expert Working Group Meeting) | ทส | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุมผู้
เชี่ยวชาญด้านมรดกโลก (Expert Working Group Meeting) ระหว่างวันที่ 26-29 เมษายน 2553 ณ กรุงเทพมหา นคร โดยที่ประชุมได้ให้ข้อคิดเห็นต่อการปรับปรุงกระบวนการ "upstream processes" ดังนี้ 1. จุดมุ่งหมายของการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก (Strong focus upon World Heritage) ควรให้ ประเทศภาคีสมาชิกได้เข้าถึงกลไกทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติในการตระหนักและปก ป้องแหล่งมรดกและทางเลือกเบื้องต้นในการให้ประเทศภาคีสมาชิกเข้าร่วมโดยความสมัครใจเพื่อเข้ารับคำปรึกษา ในกระบวนการขึ้นทะเบียนมรดกโลก 2. ควรอธิบายขั้นตอนที่จำเป็นต่อการส่งบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Role of Tentative Lists) และรวบรวม เอกสารที่จะใช้ในการอธิบายไว้ในกระบวนการฝึกอบรมพัฒนาชุดเครื่องมือในการทำบัญชีรายชื่อเบื้องต้นและร่าง เอกสารการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพื่อรับการประเมินและผลตอบรับจากศูนย์มรดกโลกและองค์กรที่ปรึกษา 3. ควรทำการแนะแนวแก่ประเทศภาคีสมาชิกในเรื่องการวิเคราะห์เปรียบเทียบและการศึกษาความเชื่อม โยง (Comparative analysis and thematic studies) ที่ชัดเจน และให้องค์กรที่ปรึกษามาช่วยเหลือประเทศภาคี สมาชิกในการพัฒนาการวิคราะห์เปรียบเทียบระหว่างกระบวนการเตรียมเอกสารการขึ้นทะเบียนมรดกโลก 4. ความชัดเจนและความซับซ้อน (Clarity and complexity) ควรพัฒนาวิธีการและคำอธิบายที่เข้าใจง่าย และคงความต่อเนื่องในการสร้างความเข้าใจแก่ประเทศภาคีสมาชิก โดยให้มีส่วนร่วมในการประชุมคณะกรรมการ มรดกโลก 5. ควรให้ความสำคัญต่อกระบวนการเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capacity building) และควรพัฒนา กระบวนการให้ง่ายขึ้นเพื่ออนุสัญญาฯ สามารถเป็นที่เข้าใจแก่ประเทศภาคีสมาชิกได้ง่ายขึ้น รวมทั้งมีสื่อเพื่อการ อธิบายกระบวนการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลก 6. การจัดการในอนาคต (Managing expectation) ควรมีเครื่องมือใช้สำหรับสื่อสาร และกระตุ้นเตือน อย่างต่อเนื่องและชัดเจนต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกระดับบรรจุไว้ในแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น ในเว็บไซต์ของศูนย์มรดกโลก ในเอสารต่าง ๆ หรือโดยผู้เชี่ยวชาญ
|
|||||||||||||||||||||||||||
35966 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการจัดระเบียบสังคม พ.ศ. 2553 | ทก | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการจัดระเบียบสังคม พ.ศ. 2553 ตามที่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ 2. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) รับไปพิจารณาเพื่อกำหนดแนวทางให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาตามผลการสำรวจความคิดเห็นฯ ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการ เปิด-ปิดเกินเวลาของสถานบันเทิง/สถานบริการ และการส่งเสียงดังรบกวนของสถาบันเทิง/สถานบริการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
35967 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีด้านแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 21 | รง | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีด้านแรงงานอาเซียน
ครั้งที่ 21 (21st ASEAN Labour Ministers Meeting : ALMM) ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่ง จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-24 พฤษภาคม 2553 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเข้าร่วมในการประชุม ฯ สรุป สาระสำคัญของการประชุมฯ ได้ดังนี้ 1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้รายงานภาพรวมความคืบหน้าการดำเนินงานด้านแรงงานของอา เซียน ซึ่งเน้นประเด็นแนวปฏิบัติด้านแรงงานก้าวหน้า ความปลอดภัยและอนามัยในการทำงานและแรงงานอพยพ แผนงาน ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Blueprint 2. ที่ประชุมฯ ได้มีการคัดเลือก ALMM Chairperson และ ALMM Vice Chairperson คนใหม่ โดยเห็นชอบ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็น ALMM Chairperson และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงแรงงานกัมพูชาเป็น ALMM Vice Chairperson 3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้กล่าวรายงานถึงความพยายามของรัฐบาลไทยในการฟื้นฟูเศรษฐ กิจ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของไทยปี พ.ศ. 2550-2554 การน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสม เด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเรื่อง เศรษฐกิจแบบพึ่งพาตนเองและการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาดำเนินการ รวมทั้ง การดำเนินงานของกระทรวงแรงงานเพื่อให้แรงงานได้รับสิทธิประโยชน์และความมั่นคงในการทำงาน การเพิ่มผลิต ภาพของกำลังแรงงาน การพัฒนากรอบมาตรฐานสมรรถนะรายสาขาอาชีพ การขยายความคุ้มครองทางสังคมไป ยังแรงงานนอกระบบ และการพัฒนาร่างแผนงานที่มีคุณค่า 4. ที่ประชุมได้รับรองแผนงานรัฐมนตรีแรงงานปี พ.ศ. 2553-2558 (ASEAN Labour Ministers'' Work Programme 2010-2015) เนื่องจากเป็นแผนงานที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินงานของประเทศสมาชิก กิจ กรรม ผู้รับผิดชอบ ปฏิบัติการดำเนินงานฯ ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งประเทศไทยจำเป็นจะต้องรายงานความคืบหน้าการ ดำเนินงานในเวทีการประชุมต่าง ๆ ของอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
35968 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลป่าแมต ตำบลนาจักร และตำบลกาญจนา อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... | คค | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่
ตำบลป่าแมต ตำบลนาจักร และตำบลกาญจนา อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขต ที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลป่าแมต ตำบลนาจักร และตำบลกาญจนา อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 (ตอนเลี่ยงเมือง) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
35969 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพะตง - พังลา จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | มท | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพะตง-พังลา จังหวัด
สงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพะตง-พังลา จังหวัดสงขลา ในท้องที่ ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ และตำบลพังงา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและ การดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและ การขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
35970 | การดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. .... | สว | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
35971 | แต่งตั้งข้าราชการตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี) (นายศิริ เลิศธรรมเทวี) | นร | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายศิริ เลิศธรรมเทวี ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการ
คณะรัฐมนตรี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ วันที่ 29 กันยายน 2552 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
35972 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) (นายอภินันท์ โปษยานนท์) | วธ | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอเรื่อง การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและ
รัฐสภา (ปคร.) โดยได้แต่งตั้งให้นายอภินันท์ โปษยานนท์ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเป็น ปคร. ของกระทรวงวัฒน ธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||
35973 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) (นายศิริชัย เขียนมีสุข) | วท | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอเรื่อง การแต่งตั้งผู้ประสาน
งานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) โดยแจ้งยืนยันให้นายศิริชัย เขียนมีสุข รองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี เป็น ปคร. ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
|
|||||||||||||||||||||||||||
35974 | การดำเนินการเกี่ยวกับการแต่งตั้ง สับเปลี่ยนหน้าที่ ย้าย หรือโอนข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | นร | 22/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการดำเนินการแต่งตั้ง สับเปลี่ยนหน้าที่ ย้าย
หรือโอนข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง โดยคาดว่าในช่วงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 นี้ จะมีตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงที่อยู่ในข่ายที่จะต้องพิจารณาทั้งหมดประมาณ 150 ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้ที่ดำรง ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงสามารถปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่องเมื่อเริ่มปีงบประมาณใหม่ จึงขอให้รัฐมนตรีทุก ท่านเตรียมข้อมูลเพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนี้ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย หลักเกณฑ์ และวิธีการที่ ก.พ. กำหนด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะหารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
35975 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเข้าถึงและการได้รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... | ทส | 22/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ แห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเข้าถึงและได้รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 ร่างระเบียบฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเข้าถึงและได้รับ ประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพในราชอาณาจักรไทย ให้มีแนวทางการปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ระหว่างหน่วยงานของรัฐและบุคลากรของรัฐที่เกี่ยวข้อง และสอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทาง ชีวภาพ 1.2 ร่างระเบียบฯ แบ่งออเป็น 2 ส่วน คือ 1.2.1 ส่วนที่ 1 หลักเกณฑ์การเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพ 1.2.2 ส่วนที่ 2 การทำข้อตกลงการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพ 1.2.3 ส่วนที่ 3 สิทธิและประโยชน์ตอบแทนกรณีขอเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพ 1.2.4 ส่วนที่ 4 การตรวจสอบ ติดตาม กำกับดูแล และการรายงานผล 1.2.5 ส่วนที่ 5 อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ 1.2.6 ส่วนที่ 6 บทลงโทษ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับร่างระเบียบฯ ไปพิจารณาทบทวนแล้วนำเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
35976 | การขออนุมัติกำหนดให้วันที่ 18 มีนาคม ของทุกปีเป็น "วันท้องถิ่นไทย" | มท | 22/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกำหนดให้วันที่ 18 มีนาคม ของทุกปีเป็น "วันท้องถิ่นไทย" เพื่อเป็นการน้อม
รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อการปกครองท้องถิ่นไทยและ เพื่อให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักถึงความสำคัญของการปกครองท้องถิ่น ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
35977 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่างๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 | นร | 22/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเอง ของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และเห็น ชอบตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) ที่ให้ส่วนราชการที่เกี่ยว ข้องดำเนินการต่อไป ตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการ ค.ต.ป. เสนอ 2. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และ ค.ต.ป. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมอบหมายให้ ค.ต.ป. กำหนดแนวทางการสอบทาน โดยให้ความสำคัญกับการสอบทาน ระดับผลลัพธ์และผลกระทบจากการปฏิบัติราชการที่มีความเชื่อมโยงกับนโยบายสำคัญของรัฐบาล มากกว่าการ สอบทานในระดับกระบวนการ เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ว่าการปฏิบัติภารกิจของภาคราชการ นั้น ก่อให้เกิด ประโยชน์ต่อประชาชนหรือไม่ เพียงใด และความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ควรเร่งสำรวจ และประมวลสภาพปัจจุบันของการติดตามตรวจสอบประเมินผลภาครัฐที่ดำเนินการอยู่ในแต่ละระดับ และศึกษา แนวทางเพื่อสร้างระบบกลางที่สามารถใช้ร่วมกันได้ของทุกหน่วยงานกลาง โดยมุ่งเน้นการลดด้านภาระงานของ ส่วนราชการและจังหวัดเป็นหลัก รวมทั้งกำหนดตัวชี้วัดร่วมกันเพื่อความเป็นมาตรฐานและการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งกันและกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการปฏิบัติงาน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อ ไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
35978 | การพิจารณาทบทวนโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า น้ำหนักกดเพลาสูงสุด 15 ตัน/เพลา จำนวน 7 คัน และการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า น้ำหนักกดเพลาสูงสุด 20 ตัน/เพลา จำนวน 13 คัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 22/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าน้ำหนักกดเพลาสูงสุด 15 ตัน/เพลา จำนวน 7 คัน วงเงิน 757.680 ล้านบาท พร้อมอะไหล่วงเงิน 75.768 ล้านบาท วงเงินรวม 833.448 ล้านบาท โดย เปลี่ยนวิธีการจัดหาจากวิธีแลกเปลี่ยนสินค้าที่มีมูลค่าเท่ากัน (Barter Trade) ระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณ รัฐประชาชนจีน เป็นการจัดหาด้วยวิธีปกติ โดย รฟท. จะเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายจากเงินกู้ และให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ 1.2 อนุมัติให้ รฟท. จัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าน้ำหนักกดเพลาสูงสุด 20 ตัน/เพลา จำนวน 13 คัน ใน ราคาคันละ 165 ล้านบาท วงเงินรวม 2,145 ล้านบาท โดย รฟท. รับภาระค่าใช้จ่ายจากเงินกู้ และให้กระทรวงการ คลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ 2. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดมาตรการในการเร่งรัดการบริหารโครงการให้มีประสิทธิ ภาพยิ่งขึ้น และให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้ กำหนดไว้ รวมทั้งเร่งพิจารณาหาแนวทางการเพิ่มบทบาทให้ภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนในส่วนการขนส่งสินค้าเพื่อลด ภาระการลงทุนในส่วนที่ รฟท. ต้องเป็นผู้รับภาระเองและเพื่อเร่งรัดการพัฒนาการให้บริการด้านการขนส่งทางราง ให้สามารถรองรับความต้องการขนส่งสินค้าที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการเสนอขออนุมัติเพื่อ ดำเนินโครงการปรับปรุงทางระยะที่ 5 และ 6 จากแก่งคอยถึงหนองคาย ระยะทางประมาณ 586 กิโลเมตร รวมทั้ง การก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางคู่ส่วนต่อจากฉะเชิงเทราถึงแหลมฉบัง ระยะทาง 78 กิโลเมตร ซึ่งจะเพิ่มขีดความ สามารถของทางให้รองรับน้ำหนักได้มากกว่า 15-18 ตันต่อเพลา นั้น ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. เร่งรัดการขอ อนุมัติและดำเนินโครงการให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
35979 | ขออนุมัติดำเนินโครงการปรับปรุงทางระยะที่ 5 และ 6 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 22/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการปรับปรุงทางระยะที่ 5 ในเส้นทางรถไฟ สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงสถานีชุมทางแก่งคอย-แก่งเสือเต้น ช่วงสถานีสุรนารายณ์-ชุมทางบัวใหญ่ และช่วง สถานีชุมทางถนนจิระ-ชุมทางบัวใหญ่ รวมระยะทางประมาณ 308 กม. ภายในกรอบวงเงิน 8,508 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี 1.2 ให้ รฟท. ดำเนินโครงการปรับปรุงทางระยะที่ 6 ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือช่วง สถานีชุมทางบัวใหญ่-หนองคาย รวมระยะทางประมาณ 278 กม. ภายในกรอบวงเงิน 6,779 ล้านบาท ระยะ เวลาดำเนินการ 4 ปี 2. ส่วนงบประมาณที่จะใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ให้ใช้จากเงินกู้ โดยให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้ พิจารณาจัดหาแหล่งเงินกู้ เงื่อนไขการกู้ และค้ำประกันเงินกู้ และให้ รฟท. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีเพื่อชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการกู้เงินตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความ เห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (รฟท.) เร่งจัดทำรายละเอียดของแผนปรับโครงสร้างองค์ กรและการบริหารกิจการรถไฟให้แล้วเสร็จ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
35980 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 22/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมให้สามารถนำเงินเหลือจ่ายมาจัดสรรใหม่ได้โดยไม่ต้องส่งคืนคลัง (ระเบียบฯ ข้อ 28) และให้สามารถจัดสรรเงินคงเหลือและเงินเหลือจ่ายให้แก่กระทรวงหรือหน่วยงานอื่นซึ่งมิใช่เจ้าของโครงการเดิมได้ด้วย (ร่างระเบียบฯ ข้อ 14/1 ควรแก้ไขจากคำว่า "หน่วยงานเจ้าของโครงการ" เป็น "หน่วยงานผู้เสนอโครงการ") และให้พิจารณาแก้ไขความในข้ออื่น ๆ ให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมในครั้งนี้ด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ 2. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยให้หน่วยงานส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ และให้สำนักงบประมาณดำเนินการอนุมัติภายใน 15 วันทำการ โดยหลังจากที่ได้รับอนุมัติแล้ว ให้หน่วยงานลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ 3. รับทราบการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่เป็นลักษณะแก้ไขข้อมูลคลาดเคลื่อน เช่น พิมพ์ผิดตกหล่น ปรับปรุงชื่อพื้นที่ให้ถูกต้องตามเขตปกครองที่สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติและรายงานคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ทราบแล้ว
|
.....