ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1796 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 35901 - 35920 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
35901 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนตอบตกลงกับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ในการจัดทำข้อตกลงโครงการความร่วมมือทางวิชาการไทย - ญี่ปุ่น | กต | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. ให้สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.) กระทรวงการต่างประเทศ ลงนามใน หนังสือแลกเปลี่ยนตอบรับข้อตกลงในการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือทางวิชาการไทย-ญี่ปุ่น ประจำปีงบประมาณ ญี่ปุ่น 2010 (1 เมษายน 2553 ถึง 31 มีนาคม 2554) โดยระบุกิจกรรมความร่วมมือทางวิชาการไทย-ญี่ปุ่นที่ รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนในปีงบประมาณญี่ปุ่น 2010 (ตรงกับปีงบประมาณไทย 2554) ประกอบด้วย 1.1 โครงการความร่วมมือทางวิชาการ (Technical Cooperation Projects) จำนวน 27 โครงการ 1.2 ผู้เชี่ยวชาญนอกโครงการ (Individual Expert) จำนวน 3 สาขา 1.3 ทุนฝึกอบรม ณ ประเทศญี่ปุ่น (Training Programme in Japan) จำนวน 92 หลักสูตร 1.4 ทุนฝึกอบรมในประเทศไทยประเภท Third Country Training จำนวน 12 หลักสูตร 1.5 ทุนสำหรับฝึกผู้นำเยาวชน (Young Leaders) ภายใต้โครงการมิตรภาพเยาวชนไทย-ญี่ปุ่น (Youth Invitation) จำนวน 5 หลักสูตร 1.6 โครงการ Technical Cooperation for Development Planning จำนวน 2 โครงการ 2. ให้ สพร. และหน่วยงานผู้ดำเนินโครงการฯ ลงนามในเอกสารย่อยสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้โครง การที่ระบุในหนังสือแลกเปลี่ยนได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
35902 | การขอความเห็นชอบและอนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการอุดมศึกษาไทย - มาเลเซีย | ศธ | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding-MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้าน การอุดมศึกษาระหว่างไทย-มาเลเซีย โดยบันทึกความเข้าใจ ฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางการ ศึกษา นักวิจัย ครู และนักศึกษา รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร สื่อการเรียนการสอน และวัสดุการสาธิต เพื่อการศึกษา รวมทั้งการจัดนิทรรศการและสัมมนาทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาดูงาน การฝึกอบรมผู้บริหาร การศึกษาและอาจารย์ การจัดทำหลักสูตรลักษณะทวิภาคีร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษาขั้นสูงในระดับโรงเรียนเทค นิค วิทยาลัยอาชีวศึกษา และสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการรับรองวิทยฐานะ การศึกษาความเป็นไปได้ในการถ่ายโอน หน่วยกิต และความเป็นไปได้ในการยอมรับคุณวุฒิทางการศึกษาและการวิจัยในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน เป็นต้น 2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย 3. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผล ประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||
35903 | มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการพนันทายผลฟุตบอลโลก | ตช | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการพนันทายผลฟุตบอลโลก ตามที่สำนัก
งานตำรวจแห่งชาติเสนอ ซึ่งได้กำหนดแนวทางการดำเนินการดังนี้ 1. มาตรการด้านการป้องกัน 1.1 จัดกำลังตำรวจออกตรวจตราสถานบริการ สถานบันเทิง โรงแรม ร้านอาหารทั่วไป และสถานที่ อื่นใดที่เปิดให้บริการรับชมการแข่งขันฟุตบอล ซึ่งอาจมีการแอบแฝงจัดให้มีการพนันทายผลฟุตบอลขึ้น หากพบ การกระทำความผิดให้ดำเนินการจับกุมโดยเด็ดขาด และทำการสืบสวนเพื่อขยายผลให้ถึงแหล่งนายทุนและเจ้ามือ หรือเครือข่ายรับพนันทายผลฟุตบอล (โต๊ะบอล) 1.2 ประสานขอความร่วมมือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแก่บุคคลทั่วไปโดย งดบริการเว็บไซต์ที่จัดให้มีการเล่นพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอล 1.3 ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่รับผิดชอบทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้ง ธนาคารต่าง ๆ เพื่อขอความร่วมมือในการแจ้งข้อมูลเพื่อป้องกันการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอล 2. มาตรการด้านการปราบปราม 2.1 เร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอล หากพบว่ามีการกระทำ ความผิดให้จับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย 2.2 เมื่อมีการจับกุมและสอบสวนขยายผลทราบถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เจ้าของกิจการ หรือผู้ที่จัดให้มี การชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันปล่อยปละละเลยให้มีการเล่นพนันในสถานบริการของตนเอง ให้เสนอใช้มาตร การพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตแก่สถานบริการนั้น ๆ 2.3 ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นควบคุมกำกับดูแลและดำเนินการทางวินัยหรืออาญากับข้าราชการ ตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้อง มีส่วนได้เสีย ได้รับผลประโยชน์ หรือปล่อยปละละเลยจนทำให้หน่วยงานอื่นเข้ามาทำการ จับกุมในพื้นที่รับผิดชอบ 2.4 ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1-9 ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดน ภาคใต้ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จัดชุดเฉพาะกิจทำหน้าที่ปราบปราม จับกุม และตรวจสอบ หรือ สนับสนุนการปฏิบัติของสถานีตำรวจที่อาจปล่อยปละละเลย มีส่วนได้เสีย หรือที่ร้องขอการสนับสนุนกำลังในการ ปฏิบัติการ 3. มาตรการด้านการประชาสัมพันธ์ 3.1 ประสานความร่วมมือกับสถานศึกษา เจ้าของหอพัก บ้านเช่า สถานบริการ สถานประกอบการ ต่าง ๆ ในพื้นที่ให้ช่วยสอดส่องดูแลมิให้มีการเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอล 3.2 เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทางสถานีวิทยุในเครือข่ายเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทั่วไปรับทราบถึงโทษ ของการเล่นการพนัน ตลอดจนการขอความร่วมมือจากผู้ปกครองของเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และสารวัตรนัก เรียนสอดส่องดูแลเอาใจใส่ต่อบุตรหลาน เยาวชน ในปกครองอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการ ลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอล
|
|||||||||||||||||||||||||||
35904 | รายงานการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 15 (CITES CoP15) | ทส | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอรายงานการประชุม
ภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Conference of the Parties to the CITES Convention) ครั้งที่ 15 (CoP15) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-25 มีนาคม 2553 ณ เมืองโดฮา รัฐกาตาร์ โดยมีนายภิมุข สิมะโรจน์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้า คณะผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุม โดยมีสาระสำคัญของการประชุมสรุปได้ดังนี้ 1. ที่ประชุมรับทราบบทบาทการเป็นผู้นำของประเทศไทยในการอนุรักษ์เสือโคร่ง โดยการเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชียด้านการอนุรักษ์เสือโคร่ง ครั้งที่ 1 (The 1st Asia Ministerial Conference on Tiger Conservation : The 1st AMC) ระหว่างวันที่ 27-30 มกราคม 2553 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งผลจากการ ประชุมได้บรรลุข้อตกลงและประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในการอนุรักษ์เสือโคร่ง (Hua Hin Declaration) และรับ ทราบถึงมาตรการของประเทศไทยในการควบคุมการค้างาช้างภายในประเทศและการรณรงค์หยุดการลักลอบนำ งาช้างและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงาช้างออกนอกประเทศ 2. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการเพิ่มมาตรการในการอนุรักษ์เสือโคร่งและสัตว์อื่น ๆ ในกลุ่ม Asian Big Cat โดยเพิ่มมาตรการการรายงานการค้าเสือ และควบคุมการเพาะพันธุ์เสือในปริมาณที่เหมาะสมต่อการอนุรักษ์ เสือในธรรมชาติเท่านั้น 3. ที่ประชุมลงมติไม่รับข้อเสนอของประเทศแทนซาเนียและแซมเบียในการขอลดบัญชีช้างแอฟริกา จาก บัญชี 1 ลงมาเป็นบัญชี 2 เพื่อสามารถค้าช้างและงาช้างระหว่างประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย 4. ที่ประชุมลงมติไม่รับข้อเสนอในการขอขึ้นบัญชี Blue Fin Tuna ในบัญชี 1 ตามที่กลุ่มประเทศยุโรป และอเมริกาสนับสนุน เนื่องจากเห็นว่ามีประชากรลดลงอย่างรวดเร็วและใกล้สูญพันธุ์ 5. ที่ประชุมลงมติไม่รับข้อเสนอในการขอขึ้นทะเบียนปลาฉลาม จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ ฉลามหัวค้อน หยัก (Sphyrna lewini) ฉลามหัวค้อนยักษ์ (Sphyrna mokarran) ฉลามหัวค้อนดำ (Sphyrna zygaena) และ ฉลามครีบด่าง (Carcharhinus longimanus) ในบัญชี 2 ของอนุสัญญาไซเตส 6. ที่ประชุมมีมติไม่รับการขอขึ้นทะเบียนสัตว์บัญชี 1 ที่ได้จากการเพาะพันธุ์เพื่อการค้าเชิงพาณิชย์ (นก กระตั้วและนกแก้วมาคอว์) 7. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการแก้ไขแนวทางการยื่นคำขอขึ้นทะเบียนสัตว์บัญชี 1 ที่ได้จากการเพาะพันธุ์ เพื่อการค้าเชิงพาณิชย์ ตามที่เลขาธิการ CITES เสนอ 8. ที่ประชุมพิจารณาข้อเสนอของคณะกรรมการด้านพืช ที่ให้ทบทวนคำอธิบายแนบท้ายของพืชตระกูล Cactaceae และ Orchidaceae ที่มีอยู่เดิมว่า สามารถควบคุมการค้าชนิดพันธุ์พืชตามรูปแบบที่มีในตลาดได้หรือไม่ โดยพิจารณาการค้าผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของ Cibotium barometz, Cistanche deserticola, Dionea muscipula และ Euphorbia spp. ซึ่งผลการประชุมเห็นชอบให้แก้ไขคำอธิบายแนบท้ายโดยยกเว้นผลิตภัณฑ์สำเร็จ รูปที่มีส่วนผสมของ Euphobia antisyphylitica (Candellilar wax) ออกจากการควบคุมของอนุสัญญา 9. ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม CoP 16 ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นใน ปี พ.ศ. 2556
|
|||||||||||||||||||||||||||
35905 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค ครั้งที่ 9 | พน | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค ครั้งที่
9 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 มิถุนายน 2553 ณ เมืองฟุคุอิ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีรัฐมนตรีและตัวแทนรัฐมนตรี จากเขตเศรษฐกิจเอเปค จำนวน 20 ประเทศ และ 2 องค์การระหว่างประเทศ และคณะผู้แทนเขตเศรษฐกิจเอเปค เข้าร่วมการประชุม สรุปได้ดังนี้ ที่ประชุมรับทราบความร่วมมือด้านพลังงานในกลุ่มประเทศเขตเศรษฐกิจเอเปคจาก รัฐมนตรีพลังงาน/หัวหน้าคณะผู้แทนเขตเศรษฐกิจที่ได้รับเชิญให้กล่าวสุนทรพจน์ภายใต้หัวข้อที่สนับสนุนสาระหลัก ของการประชุมว่าด้วย Low Carboon Paths to Energy Security : วิถีคาร์บอนต่ำนำสู่ความมั่นคงด้านพลังงาน โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทยได้กล่าวสุนทรพจน์ภายใต้หัวข้อความมั่นคงด้านพลังงาน เรื่อง Thailand''s Low Carboon Society Vision and Energy Security อธิบายถึงแนวทางการพัฒนาของประเทศไทยในการเสริมสร้าง ความมั่นคงทางพลังงาน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องการลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ รัฐมนตรีพลังงาน/หัวหน้าคณะผู้แทนเขตเศรษฐกิจเอเปคร่วมกันอภิปรายถึงความสำคัญของการพัฒนา พลังงานควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และให้ปฏิญญาความร่วมมือในเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยกล่าวถึงโครงการ ที่สำคัญ อาทิ การส่งเสริมมาตรฐานประสิทธิภาพและการทดสอบ (Collaborative Assessment of Standards and Testing) การส่งเสริม Carbon Capture Storage Technology และพลังงานถ่านหินสะอาด เป็นต้น และมีมติเห็นชอบ ให้จัดการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค ครั้งที่ 10 ในปี พ.ศ. 2555 โดยสหพันธรัฐรัสเซียรับเป็นเจ้าภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||
35906 | สรุปข้อมูลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ประสบปัญหาภัยแล้ง | วท | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รายงานสรุปข้อมูลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ประสบปัญหาภัยแล้ง สรุป ได้ดังนี้ 1. การปรับปรุงพันธุ์ข้าวทนแล้ง คณะนักวิจัยได้ทำการพัฒนาข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 และพันธุ์ กข6 ให้ทนแล้ง โดยยังคงคุณภาพเหมือน กข6 และพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 เดิม โดยใช้วิธีปรับปรุงพันธุ์แบบมาตรฐาน (Conventional breeding) โดยคณะนักวิจัยได้ทำการสืบหาตำแหน่งของยีน และพัฒนาเป็นดีเอ็นเอเครื่องหมาย เพื่อ นำมาใช้ในการคัดเลือกพันธ์ข้าวทนแล้ง ปัจจุบันสามารถพัฒนาสายพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ทนแล้ง ที่ยังคงคุณภาพ การหุงต้มใกล้เคียงกับพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 เดิม รวมทั้งได้พัฒนาสายพันธุ์ กข6 ทนแล้ง ที่ยังคงคุณภาพการหุงต้ม ใกล้เคียงกับพันธุ์ กข6 เดิม 2. การปรับปรุงพันธุ์ข้าวต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล คณะนักวิจัยได้รวบรวมและศึกษาถึงความหลาก หลายในทางพันธุกรรมของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการสืบหาพันธุกรรมข้าวที่ต้านทานเพลี้ย กระโดดสีน้ำตาล และใช้เทคโนโลยีดีเอ็นเอในการสืบหาตำแหน่งของยีน และพัฒนาเป็นดีเอ็นเอเครื่องหมาย เพื่อ นำมาใช้ในการคัดเลือกพันธุ์ข้าวดอกมะลิ 105 และพันธุ์ กข6 ให้ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โดยยังคงคุณภาพ เหมือนพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 และพันธุ์ กข6 เดิมร่วมกับวิธีปรับปรุงพันธุ์แบบมาตรฐาน (Conventional breeding) ปัจจุบันได้สายพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ที่ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ส่วนการปรับปรุงพันธุ์ข้าวสายพันธุ์ กข6 ให้ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล อยู่ในกระบวนการคัดเลือกและทดสอบความต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล 3. ทั้งนี้ ในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวทานแล้ง และพันธุ์ข้าวต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลดังกล่าว เป็นการ พัฒนาพันธุ์โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพร่วมกับการปรับปรุงพันธุ์แบบมาตรฐาน (Conventional breeding) พันธุ์ข้าว ดังกล่าวที่ได้ไม่ใช่ข้าวดัดแปลงพันธุกรรมหรือ GMO
|
|||||||||||||||||||||||||||
35907 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2553 | กค | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 41,789 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 4,165 โครงการ วงเงิน 38,713.93 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 37,624 โครงการ วงเงิน 305,430.62 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 8,934 โครงการ วงเงิน 33,625.70 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 395 โครงการ วงเงิน 12,614.41 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 8,539 โครงการ วงเงิน 21,011.29 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 28,690 โครงการ วงเงิน 271,804.92 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 28,690 โครงการ วงเงิน 249,238.71 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 2,490 โครงการ วงเงิน 68,223.44 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 24,875 โครงการ วงเงิน 154,250.50 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 1,325 โครงการ วงเงิน 26,764.77 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 26,200 โครงการ วงเงิน 181,015.27 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
35908 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และนายถาวร เสนเนียม) | รง | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมอบหมายผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในกรณีที่ไม่มีผู้
ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (6 กรกฎาคม 2553) เป็นต้น ไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ตามลำดับ ดังนี้ 1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ) 2. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายถาวร เสนเนียม)
|
|||||||||||||||||||||||||||
35909 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์) | วธ | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมอบหมายผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในกรณีที่ไม่
มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ตามมาตรา 42 แห่งพระราช บัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (6 กรกฎาคม 2553) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ตามลำดับ ดังนี้ 1. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 2. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
35910 | การเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมย่านราชประสงค์ กรณีค่าเช่า | นร | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการและ
ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมเสนอ ดังนี้ 1. การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 และวันที่ 8 มิถุนายน 2553 ให้กระทรวง แรงงานจัดสรรค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเช่าและค่าบริการให้แก่ผู้ให้เช่าโดยตรง แทนการจัดสรรผ่านสมาคมผู้ประกอบวิสาห กิจในย่านราชประสงค์ 2. มอบหมายสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นหน่วยงานขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป วง เงิน 311 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมเป็นค่าใช้จ่าย เรื่องค่าเช่าและค่าบริการแก่ร้านค้าย่อย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553 และให้สำนักงบประมาณ จัดสรรงบประมาณจำนวนดังกล่าวให้สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานโดยตรงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
35911 | การปรับปรุงข้อมูลลูกจ้างตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553 เรื่อง มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม กรณีค่าจ้าง | นร | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่
ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมเสนอ ดังนี้ 1. เห็นชอบการปรับปรุงข้อมูลลูกจ้างตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553 เรื่อง มาตรการช่วย เหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม กรณีค่าจ้าง ดังนี้ 1.1 ลูกจ้างในระบบ จากเดิมจำนวน 2,242 คน จำนวนเงิน 24,502,935 บาท เป็นลูกจ้างในระบบ 2,458 คน จำนวนเงิน 26,046,204.38 บาท 1.2 ลูกจ้างนอกระบบ จากเดิมจำนวน 1,325 คน จำนวนเงิน 9,937,500 บาท เป็นลูกจ้างนอกระบบ จำนวน 1,090 คน จำนวนเงิน 8,175,000 บาท 2. อนุมัติเป็นหลักการในโอกาสต่อไปหากมีข้อมูลลูกจ้างที่จำเป็นต้องปรับปรุงภายในวงเงินที่คณะรัฐมนตรี อนุมัติไว้แล้ว เมื่อเสนอนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว ให้แจ้งส่วนราชการโดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน สำนักงาน ประกันสังคม ดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||
35912 | มาตรการแก้ไขปัญหาไก่ไข่ | กษ | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายไก่ไข่
และผลิตภัณฑ์ ครั้งที่ 4/2553 เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2553 ที่เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่สูง ดังนี้ 1. มาตรการระยะสั้น 1.1 ให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่ขยายเวลาการปลดแม่ไก่ไข่ยืนกรงออกไปอีกอย่างน้อย 4 สัปดาห์ จากเดิมที่กำหนด ปลดแม่ไก่ไข่ยืนกรงที่อายุ 78 สัปดาห์ เป็น 82 สัปดาห์ หรือจนกว่าสถานการณ์ตลาดไข่ไก่จะเข้าสู่ภาวะปกติ 1.2 ให้ผู้ส่งออกไข่ไก่ชะลอการส่งออกเป็นการชั่วคราว ยกเว้นกรณีที่มีสัญญาผูกพัน 1.3 ให้กรมปศุสัตว์บริหารจัดการกระจายลูกไก่ไข่ จำนวน 50,000 ตัวต่อเดือน ให้แก่เกษตรกรที่ขาด แคลนลูกไก่ไข่ โดยประสานแผนการผลิตและการกระจายลูกไก่ไข่ร่วมกับภาคเอกชนผู้ผลิตลูกไก่ไข่ 1.4 ให้กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะเลขาคณะกรรมการ ฯ เฝ้าระวังและติดตามภาวะ ราคาลูกไก่ และไก่สาว อย่างต่อเนื่อง และเสนอคณะกรรมการฯ ให้กำหนดแนวทางในการปรับราคาจำหน่ายให้สอด คล้องกับต้นทุนการผลิตที่เหมาะสม 1.5 ให้กรมปศุสัตว์รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการฯ ภายใน 30 วัน 2. มาตรการระยะกลาง ให้กรมปศุสัตว์ประสานมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ดำเนินการศึกษาปรับปรุง โครง สร้าง อำนาจหน้าที่และการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน 3. มาตรการระยะยาว ให้มีพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ไว้เป็นส่วนกลางที่กรมปศุสัตว์เพื่อการบริหารจัดการดุลยภาพใน การผลิตและการตลาดในอุตสาหกรรมไก่ไข่ และแก้ไขปัญหาเกษตรกรในกรณีที่ไม่มีลูกไก่ไข่เลี้ยง โดยเกษตรกรที่รวม ตัวกันเป็นสหกรณ์ หรือสมาคมต้องเสนอแผนการผลิต แผนการตลาด ประกอบการพิจารณาปริมาณการนำเข้าพ่อแม่ พันธุ์ไก่ไข่ ทั้งนี้ มอบให้กรมปศุสัตว์ตรวจสอบข้อเท็จจริงและร่วมกับสมาคมผู้ผลิตไก่ไข่พันธุ์กำหนดปริมาณพ่อแม่พันธุ์ ไก่ไข่ที่จะให้กรมปศุสัตว์ถือสิทธิในปริมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
35913 | การแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ [จำนวน 9 ราย ดร. กิตติพงษ์ ฯลฯ] | ยธ | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการอิสระตรวจ
สอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า "คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ" ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่ คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกินแปดคนที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากบุคคล ที่มีประสบการณ์ บทบาทและความรู้ ความเข้าใจหลักการและแนวทางเกี่ยวกับการตรวจสอบและค้นหาความจริง และการปรองดอง โดยให้คำนึงถึงความหลากหลายของสาขาวิชา เป็นกรรมการ รวมทั้งกำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรม การ ตามที่ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติเสนอ และให้ส่ง คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับ ความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ควรกำหนดให้ประธานกรรมการเป็นผู้แต่งตั้ง 2. ในการจัดทำรายงานและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา และสาธารณชน เห็นว่า การจัดทำ รายงานต่อคณะรัฐมนตรีและสาธารณชนก็น่าจะเพียงพอต่อการรับทราบโดยทั่วกันโดยไม่ต้องรายงานไปยังรัฐสภา และเพื่อให้มีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ เป็นระยะ สมควรกำหนดให้มีการจัดทำ รายงานต่อคณะรัฐมนตรีและสาธารณชนทุกรอบ 6 เดือน ไว้ในร่างระเบียบฯ ด้วย 3. สำนักงานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้น มิ ได้จัดตั้งเป็นหน่วยงานของรัฐหรือส่วนราชการ ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 การจัดสรรงบ ประมาณจึงอาจทำให้มีปัญหาในเรื่องการเสนอและจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรม การฯ สมควรกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการอิสระฯ อยู่ภายในสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม 4. กำหนดให้สำนักงานกิจการยุติธรรมเป็นผู้จัดทำงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรม การฯ เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
35914 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2553 | นร | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (กรรมการและเลขานุการ รศก.) เสนอมติคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7 /2553 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2553 โดยที่ประชุมคณะกรรมการ รศก. ได้พิจารณาเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ 1.1 รายงานสถานการณ์การส่งออกของประเทศ 1.2 รายงานสถานการณ์น้ำเพื่อการเกษตร 1.3 รายงานผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองต่ออุตสาหกรรมไมซ์ 1.4 การพิจารณาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการก่อสร้าง 2. ให้แก้ไขมติคณะกรรมการ รศก. ข้อ 2.3.3.2 จากเดิม "2.3.3.2 เห็นชอบในหลักการให้สำนักงานส่งเสริม การจัดประชุมและนิทรรศการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟูและเยียวยาอุตสาหกรรมไมซ์ ภายใต้กรอบวงเงิน 40 ล้าน บาท จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 โดยให้จัดทำ แผนการเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 และหารือรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ต่อไป" เป็น "2.3.3.2 เห็นชอบในหลักการให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการดำเนินโครงการตามแผน ฟื้นฟูและเยียวยาอุตสาหกรรมไมซ์ ภายในวงเงินไม่เกิน 40 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและ นิทรรศการเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 และให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุม และนิทรรศการขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป"
|
|||||||||||||||||||||||||||
35915 | ร่างพระราชกำหนดยกเว้นความผิดทางแพ่งและทางอาญาให้แก่ผู้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือที่กฎหมายห้ามออกใบอนุญาตมามอบให้แก่ทางราชการ พ.ศ. .... | มท | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชกำหนดยกเว้นความผิดทางแพ่ง
และทางอาญาให้แก่ผู้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่กฎหมายห้ามออกใบ อนุญาตมามอบให้แก่ทางราชการ พ.ศ. .... ไปตรวจพิจารณา และจัดทำเป็นร่างพระราชบัญญัติโดยเร่งด่วน แล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีความเห็นประกอบร่างพระราชกำหนดฯ ดังนี้ 1. บทบัญญัติในร่างพระราชกำหนดฯ เป็นการยกเว้นความผิดทางอาญาตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน และกฎหมายว่าด้วยการควบคุมยุทธภัณฑ์ และ ยกเว้นความผิดทางแพ่งต่อหน่วยงานของรัฐ จะสามารถจูงใจให้ผู้กระทำความผิดนำอาวุธหรือยุทธภัณฑ์มามอบ ให้แก่ทางราชการเพียงพอหรือไม่ 2. โดยที่มาตรา 184 ของรัฐธรรมนูญบัญญัติให้การตราพระราชกำหนดเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษา ความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ฯลฯ ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่า เป็นกรณี ฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น การตราพระราชกำหนดเรื่องนี้อาจมีผู้ยื่นฟ้องต่อศาล รัฐธรรมนูญว่าไม่เป็นไปตามมาตรา 184 ดังกล่าว ซึ่งคณะรัฐมนตรีจะต้องชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุแห่งความ จำเป็นเร่งด่วนที่ชัดเจนในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบกับในวันที่ 1 สิงหาคม 2553 นี้จะมีการเปิด ประชุมรัฐสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติแล้ว 3. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 185 หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า พระราชกำหนดเรื่องนี้ไม่เป็นไป ตามมาตรา 184 ของรัฐธรรมนูญจะมีผลให้พระราชกำหนดไม่มีผลบังคับมาแต่ต้น การออกพระราชกำหนดเรื่อง นี้จะไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด อีกทั้งอาจจะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีก ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเรื่องนี้มีผล บังคับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ควรดำเนินการในรูปแบบพระราชบัญญัติ โดยเร็วที่สุด |
|||||||||||||||||||||||||||
35916 | ขอความเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีปฏิบัติ ตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม กรณีค่าจ้าง | นร | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีปฏิบัติในการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจาก การชุมนุม กรณีค่าจ้าง ตามข้อเสนอของสำนักงานประกันสังคม รวมทั้งเอกสารประกอบหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติในการ จ่ายเงินฯ ตามข้อเสนอของผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ 2. เห็นชอบเป็นหลักการให้ใช้เป็นหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติในการจ่ายเงินฯ กรณีค่าจ้างในโอกาสต่อไป ตาม ที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
35917 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 5/2553 | นร | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผล
การประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 5/ 2553 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2553 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเรื่อง ความก้าวหน้าการดำเนินโครงการประกันราย ได้เกษตรกรปี 2552/2553 และมีมติมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการรับข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ เรื่อง การเปรียบ เทียบผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกร และโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร และ การจัดทำรายงานประเมินผลโครงการประกันรายได้เกษตรกรที่ให้ความสำคัญกับการประเมินความสำเร็จในการเพิ่ม รายได้และลดภาระหนี้สินของเกษตรกรเพื่อประกอบการดำเนินการต่อไป โดยพิจารณาแนวทางการจัดหาแหล่งเงินที่ เหมาะสมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการในระยะต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
35918 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ประจำครึ่งแรกของปี 2552 | กค | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
35919 | รายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม - ธันวาคม 2551) ธนาคารแห่งประเทศไทย และรายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน 2552) ธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
35920 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (นายสันติ สาทิพย์พงษ์) | วท | 29/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสันติ สาทิพย์พงษ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การ
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ แทนนายชัชวาล ชาติสุทธิชัย ที่ลาออก ตามนัยมาตรา 11 และมาตรา 13 แห่งพระ ราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ พ.ศ. 2538 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2547 ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (29 มิถุนายน 2553) เป็นต้นไป
|
.....