ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1793 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 35841 - 35860 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
35841 | การขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชายแดนระหว่างประเทศ) | มท | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไข มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) 2. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณซึ่งประมาณราคากลางสูงกว่างบประมาณรวมวงเงินเผื่อ เหลือเผื่อขาดที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันเพิ่มขึ้นเกินร้อยละ 5 โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำ ชายแดนระหว่างประเทศ จำนวน 7 รายการ ดังนี้ 2.1 รายการที่ 1 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านคกงิ้ว หมู่ที่ 5 ตำบลปากตม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ความยาว 400 เมตร จากเดิมวงเงิน 44,000,000 บาท เป็นวงเงิน 58,900,000 บาท 2.2 รายการที่ 2 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านไชยบุรี หมู่ที่ 3 ตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ความยาว 800 เมตร จากเดิมวงเงิน 66,000,000 บาท เป็นวงเงิน 93,400,000 บาท 2.3 รายการที่ 3 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านกุดข้าวปุ้น หมู่ที่ 3, 1 ตำบลขามเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ความยาว 500 เมตร จากเดิมวงเงิน 41,000,000 บาท เป็นวงเงิน 69,500,000 บาท 2.4 รายการที่ 4 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านห้วยเซือมเหนือ ตำบลไคสี อำเภอบึงกาฬ จังหวัด หนองคาย ความยาว 682 เมตร จากเดิมวงเงิน 62,000,000 บาท เป็นวงเงิน 83,450,000 บาท 2.5 รายการที่ 5 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านหาดแฮ่ ตำบลโคกกว้าง อำเภอบุ่งคล้า จังหวัด หนองคาย ความยาว 500 เมตร จากเดิมวงเงิน 50,000,000 บาท เป็นวงเงิน 74,450,000 บาท 2.6 รายการที่ 6 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านถิ่นดุง ตำบลวัดหลวง อำเภอโพนพิสัย จังหวัด หนองคาย ความยาว 600 เมตร จากเดิมวงเงิน 60,000,000 บาท เป็นวงเงิน 95,000,000 บาท 2.7 รายการที่ 7 เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านเมืองหมีใหญ่ หมู่ที่ 7 ตำบลเมืองหมี อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ความยาว 700 เมตร จากเดิมวงเงิน 88,000,000 บาท เป็นวงเงิน 99,330,000 บาท 3. อนุมัติให้เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชายแดน ระหว่างประเทศ จำนวน 1 รายการ คือ รายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านโพนสา ตำบลโพนสา อำเภอท่า บ่อ จังหวัดหนองคาย ความยาว 650 เมตร จากเดิมวงเงิน 93,000,000 บาท เป็นวงเงิน 98,200,000 บาท
|
|||||||||||||||||||||
35842 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายกุลิศ สมบัติศิริ) | กค | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกุลิศ สมบัติศิริ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ
(นักวิเคราะห์รัฐวิสาหกิจทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2553 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
35843 | รายงานผลการลงนามในสัญญากู้เงินจากธนาคารโลก สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) | กค | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการลงนามในสัญญากู้เงินระหว่างรัฐบาลไทย
กับธนาคารโลก สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง โดยรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) เป็นผู้ลง นามในนามรัฐบาลไทย และ Ms. Annette Dixon, Country Director, Thailand, East Asia and Pacific Region ธนาคาร โลก เป็นผู้ลงนามในนามธนาคารโลก เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2553 ตามสัญญากู้เงินเลขที่ 7775-TH วงเงิน 79.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติทุกประการ
|
|||||||||||||||||||||
35844 | รายงานผลการลงนามในสัญญากู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียสำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) | กค | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการลงนามในสัญญากู้เงินจากธนาคารพัฒนา
เอเชีย สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง โดยรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) เป็นผู้ลงนาม ในสัญญากู้เงินในนามรัฐบาลไทย และ Mr. Kunio Senga, Director General, Southeast Asia Department เป็นผู้ลง นามในนามธนาคารพัฒนาเอเชีย เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2553 ตามสัญญากู้เงินเลขที่ 2608-THA วงเงิน 77.10 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติทุกประการ
|
|||||||||||||||||||||
35845 | รายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ สหพันธรัฐรัสเซีย (ระหว่างวันที่ 19 - 23 พฤษภาคม 2553) | นร | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการ
ณ สหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างวันที่ 19-23 พฤษภาคม 2553 ของผู้แทนการค้าไทย (นายวัชระ พรรณเชษฐ์) พร้อม คณะ ประกอบด้วย ผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ผู้แทนภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ มีวัตถุ ประสงค์เพื่อเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการชาวรัสเซีย และหาโอกาสทางการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับรัสเซีย ซึ่ง ผลจากการหารือได้ข้อสรุปดังนี้ 1. ไทยยังมีโอกาสทางการค้าการลงทุนในรัสเซียได้อีกมาก โดยเฉพาะสาขาก่อสร้าง อาหาร ยานยนต์ สปา สมุนไพร อาหารเสริม และอัญมณี ประกอบกับรัสเซียกำลังส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของภาคตะวันออก ไกลของรัสเซีย และจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APEC 2010 ณ เมืองวลาดิวอสต็อก จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับ ภาคเอกชนไทยในการขยายตลาดไปยังรัสเซีย 2. ตลาดรถยนต์ของรัสเซียมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และค่านิยม การใช้รถเพื่อแสดงฐานะของชาวรัสเซีย ดังนั้น สินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยจึงยังมีโอกาสสูงที่จะส่งออกไปยังรัส เซีย และจากการหารือกับภาคเอกชนของรัสเซียเห็นว่า สินค้าประเภทชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยมีคุณภาพดี และ ราคาเหมาะสม 3. ผู้ประกอบการรัสเซียสนใจผลิตภัณฑ์สมุนไพรของไทยอย่างมาก โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่รัสเซียสนใจเป็น พิเศษ ได้แก่ กลุ่มอาหารสมุนไพร เช่น ชาสมุนไพร กาแฟลดน้ำหลัก กลุ่มเครื่องสำอาง กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับสปา เช่น ลูกประคบสมุนไพร สมุนไพรแช่ตัว เกลือแช่ตัว เกลือแช่เท้า เกลือขัดผิว มาสก์หน้า มาสก์ตัว ครีมบำรุงผิว ครีม นวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ครีมนวดกระชับสัดส่วน และกลุ่มยาสมุนไพร เช่น ยาหม่องสมุนไพร พิมเสนน้ำสมุนไพร และในส่วนของการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ กลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยได้พบกับกลุ่มบริษัทผู้ผลิตยารัสเซีย ซึ่ง สนใจผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร กลุ่มยาสมุนไพร และอาหารเสริมจากสมุนไพร 4. สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) จำนวน 2 ฉบับ ร่วมกับ สมาคมผู้ค้าเพชรพลอย “Golden Fing of Russia” และบริษัท RESTEC โดยบันทึกความเข้าใจทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว จะเป็นกรอบความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนผู้ประกอบการด้านอัญมณีฯ ในการเดินทางไปร่วมงานแสดงสินค้า ระหว่างไทยกับรัสเซีย การแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลเทคโนโลยีการผลิต นวัตกรรมใหม่ ๆ การบริหารจัดการ และ ประสบการณ์เกี่ยวกับรูปแบบการจัดงานแสดงสินค้า รวมทั้งสิทธิประโยชน์ด้านราคาและสถานที่จัดตั้งบูธแสดง สินค้าในแต่ละประเทศ 5. เพื่อให้ผลการหารือในประเด็นสำคัญต่าง ๆ มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม จึงเห็นควรให้หน่วย งานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรมศุลกากร สสปน. สภาธุรกิจไทย-รัสเซีย และ สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ดำเนินการติดตามผลในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
35846 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลท่ามะเดื่อ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลท่ามะเดื่อ อำเภอ
บางแก้ว จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลท่ามะเดื่อ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
35847 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (มกราคม - มีนาคม 2553) | กค | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ไตรมาสที่ 2 (มกราคม-มีนาคม 2553) ดังนี้ 1. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณในภาพรวมทั้งประเทศ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน 829,175.58 ล้านบาท หรือร้อยละ 48.78 ของวงเงินงบประมาณ (1,700,000.00 ล้านบาท) จำแนกเป็น รายจ่ายประจำ จำนวน 718,725.48 ล้านบาท หรือร้อยละ 48.57 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอน เปลี่ยนแปลง (1,479,842.55 ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุน จำนวน 110,450.09 ล้านบาท หรือร้อยละ 50.17 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง (220,157.45 ล้านบาท) 2. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของหน่วยงานที่มีอัตราการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายภาพรวมต่ำกว่า เป้าหมาย (ร้อยละ 43.00) มีจำนวน 13 กระทรวง ซึ่งหน่วยงานที่มีผลการเบิกจ่ายต่ำสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ จังหวัด และกลุ่มจังหวัด กระทรวงคมนาคม และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 3. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานที่มีอัตราการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่าย ลงทุนต่ำกว่าเป้าหมาย (ร้อยละ 33.00) มีจำนวน 18 กระทรวง ซึ่งหน่วยงานที่มีผลการเบิกจ่ายต่ำสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงยุติธรรม และสำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
35848 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ เมืองเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย และกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เสนอรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ เมืองเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย และกรุงโตเกียว ประเทศ ญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ 12-18 พฤษภาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. การเดินทางไปราชการ ณ เมืองเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย เพื่อร่วมงาน Amazing Thailand Road Show Australia 2010 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้กล่าวเปิดงานและให้ข้อมูลเรื่องสถาน การณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในปัจจุบัน และสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในตลาดออสเตร เลียว่าประเทศไทยยังคงมีความปลอดภัยและมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร ในส่วนของกิจกรรมภายในงาน ได้มีการนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยไปยังบริษัทนำเที่ยวทั้งที่ เป็น Wholesaler และ Retailer รวมทั้งสื่อมวลชนท้องถิ่นที่เข้าร่วมงาน ภายใต้แนวคิด Amazing Thailand Amazing Value จำนวน 7 ประเภท ได้แก่ Thainess, Treasures, Beaches, Nature, Health & Wellness, Trends และ Festivities เพื่อเสนอภาพลักษณ์ประเทศไทยเรื่องความคุ้มค่าในการเดินทาง และการนำเสนอขายสินค้าทางการ ท่องเที่ยวของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย (Table Top Sales) จำนวน 53 แห่ง ประกอบด้วยโรงแรม 43 แห่ง สายการบิน 3 แห่ง บริษัทนำเที่ยว 6 แห่ง และ Entertainment 1 แห่ง 2. การเดินทางไปราชการ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมงาน Thai Festival 2010 โดย ททท. สำนักงานโตเกียว ได้เข้าร่วมออกคูหาประเทศไทย โดยออกแบบคูหา Theme ภาคกลาง มีกิจกรรมการแสดง เช่น การสาธิตทำหัวโขน การสาธิตและสอนการสานปลาตะเพียน การติดสติกเกอร์ลายศิลปะไทย การแสดงนาฎศิลป์ ไทย รวมทั้งการให้ข้อมูลข่าวสารแนะนำแหล่งท่องเที่ยวประเทศไทย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่อง เที่ยวและกีฬาได้ให้สัมภาษณ์สถานีข่าวโทรทัศน์ช่อง NHK WORLD เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศ ไทยในปัจจุบัน
|
|||||||||||||||||||||
35849 | รายงานผลการดำเนินการของศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบด้านการจ้างงานจากการชุมนุมทางการเมือง | รง | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการดำเนินการของศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผล
กระทบด้านการจ้างงานจากการชุมนุมทางการเมือง โดยผลการดำเนินการตั้งแต่เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2553 และปิดรับเรื่องร้องเรียนเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ปรากฏว่ามีผู้ได้รับความเดือดร้อน/ได้รับผลกระทบ แจ้งขอรับความช่วยเหลือรวม 12,355 ราย แยกเป็น 1. นายจ้างแจ้งขอความช่วยเหลือ 764 ราย ในจำนวนนี้มีลูกจ้างอยู่ในความรับผิดชอบ 16,217 คน 2. ผู้ประกอบอาชีพอิสระแจ้งขอความช่วยเหลือ 3,753 คน 3. ลูกจ้างแจ้งขอความช่วยเหลือ 7,838 คน ซึ่งเป็นลูกจ้างที่ไม่ได้รับค่าจ้างและได้รับค่าจ้างบางส่วน 4,375 คน ถูกเลิกจ้าง 272 คน และปรึกษาปัญหาอื่น ๆ 3,191 คน
|
|||||||||||||||||||||
35850 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายวีระชัย วีระเมธีกุล) | ทส | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมอบหมายให้นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่ไม่มีผู้ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตาม มาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (13 กรกฎาคม 2553) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
35851 | การรับโอนข้าราชการ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (พลโท ภราดร พัฒนถาบุตร) | นร | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพลโท ภราดร พัฒนถาบุตร ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
ฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
35852 | รายงานสรุปผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ (Road Show) และการเข้าร่วมงานมหกรรมโลก Shanghai World Expo 2020 ณ นครเซี่ยงไฮ้ (ระหว่างวันที่ 17 - 23 มิถุนายน 2553) | นร | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานสรุปผลการเดินทางเยือนสาธารณ
รัฐประชาชนจีน ของรองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เพื่อเป็นประธานในงานส่งเสริมอุตสาหกรรม ไมซ์ หรือ TCEB Road Show 2010 และเข้าร่วมงาน Shanghai World Expo 2020 ณ นครเซี่ยงไฮ้ และนครกวาง โจว ระหว่างวันที่ 17-23 มิถุนายน 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. การจัดงาน TCEB China Road Show 2010 สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์ การมหาชน) (สสปน.) ได้จัดให้มีกิจกรรมทางการตลาดเพื่อส่งเสริมการขาย และนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นการ สนับสนุนการจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Meeting and Incentives) สำหรับกลุ่มผู้เดินทางธุรกิจใน ประเทศ และได้จัดประชุมหารือกับผู้แทนของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ณ นครเซี่ยงไฮ้ และเมืองฮ่อง กง โดยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มด้านการตลาดในภาคตะวันออกของจีนโดยเฉพาะนครเซี่ยงไฮ้และกวาง โจว ผลการหารือทั้งสองหน่วยงานได้เห็นชอบที่จะร่วมมือกันในการดำเนินการส่งเสริมการขายให้ประเทศไทยเป็น ประเทศปลายทางของกลุ่มเป้าหมายในด้าน MICE รวมกับผู้แทนการตลาดของ สสปน. (TCEB Representative) ในสาธารณรัฐประชาชนจีนและภูมิภาคเอเชียตะวันออก 2. รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนจีนเกี่ยวกับสถานการณ์ ในประเทศไทยที่กลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว พร้อมกับกล่าวย้ำให้ความมั่นใจต่อสื่อมวลชนและเรียกร้องให้นักเดินทาง กลุ่มไมซ์ชาวจีนเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย และได้หารือกับรองผู้ว่าการมณฑลกวางโจวและนายกเทศมนตรี นครกวางตุ้ง โดยชี้แจงว่า ขณะนี้เหตุการณ์ในประเทศไทยได้กลับสู่ภาวะปกติแล้วและหลาย ๆ ประเทศได้มีการผ่อน คลายมาตรการการออกประกาศเดือน ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนที่จะเดินทางมายังประเทศไทยได้อีกครั้ง พร้อมทั้งขอบคุณรัฐบาลจีนที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยได้ ทั้งนี้ ประเทศ ไทยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องดังกล่าว จึงมีแผนที่จะจัดส่งเจ้าหน้าทีด้านการท่องเที่ยวไทยไปประจำ ณ นคร กวางโจว เพื่อทำหน้าที่ประสานงานด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทย-จีน
|
|||||||||||||||||||||
35853 | รายงานผลการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง (ครั้งที่ 6) | นร | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์
สินได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง (คชส.) รายงานผลการช่วยเหลือผู้ ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายฯ สรุปได้ดังนี้ 1. คชส. ได้เห็นชอบให้มีการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ประกอบรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้ รับความเสียหายฯ ไปแล้ว 5 ครั้ง และได้กำหนดจ่ายเงินช่วยเหลือครั้งที่ 6 ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2553 รวมจ่าย เงินช่วยเหลือทั้งสิ้นจำนวน 2,970 ราย เป็นเงิน 148,500,000 บาท และในการประชุม คชส. ครั้งที่ 7/2553 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2553 ที่ประชุมได้มีมติให้ผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสีย หายฯ ที่ไม่ได้ติดต่อขอรับเงินหลังจากวันกำหนดจ่ายเงินแล้ว ให้มารับเงินภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2553 หากพ้น กำหนด คชส. จะส่งเงินคืนคลังต่อไป 2. ในส่วนของการลงทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือ มีผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์ สินได้รับความเสียหายฯ ลงทะเบียนกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กรมทหารราบที่ 11 และศูนย์ราช การเฉลิมพระเกียรติถนนแจ้งวัฒนะ ระหว่างวันที่ 12-23 พฤษภาคม 2553 จำนวน 2,961 ราย และที่ลงทะเบียน กับกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม-3 มิถุนายน 2553 จำนวน 61,828 ราย รวมมีผู้ลงทะเบียนทั้ง สิ้น 64,789 ราย นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายฯ ยื่น ร้องเรียนเพิ่มเติม ได้แก่ ผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายฯ บริเวณย่านสะพาน ผ่านฟ้า จำนวน 861 ราย ประชาชนชุมชนเพชรบุรี ซอย 7 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ซึ่ง ทรัพย์สินได้รับความเสียหายฯ ช่วงเดือนเมษายน 2552 (เกิดเหตุนอกเวลาตามหลักเกณฑ์ฯ ของ คสช. ที่กำหนด เฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 12 มีนาคม-20 พฤษภาคม 2553) ที่ยื่นเรื่องร้องเรียนผ่านคุณหญิง สุพัตรา มาศดิตถ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จำนวน 8 ราย และผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้ รับความเสียหายฯ ที่ยื่นร้องเรียนใหม่และร้องขออุทธรณ์ ณ ศูนย์บริการประชาชน (๑๑๑๑) สำนักงานปลัดสำนัก นายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล จำนวน 40 ราย
|
|||||||||||||||||||||
35854 | แนวทางการดำเนินงานตามแผนปรองดองแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ | ศธ | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอแนวทางการดำเนินงานตามแผนปรองดอง
แห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ ในระยะเร่งด่วน 3 เดือน (กรกฎาคม-กันยายน 2553) ซึ่งจะมีการเปิดตัวโครงการ "ศธ. รวมพลังสร้างความปรองดอง เพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย" ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2553 โดยมีการถ่าย ทอดสดเชื่อมโยงสัญญาณไปทุกภูมิภาค สำหรับสาระสำคัญของแนวทางการดำเนินงานตามแผนฯ มีดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง ประกอบด้วย 1.1 ยุทธศาสตร์ที่ 1 การสร้างเสริมให้สถาบันการศึกษาทุกระดับเสริมทักษะและสำนึกของความเป็น พลเมืองเพื่อเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมือง อาทิ ปลูกผังความรู้ความเข้าใจ เสริมทักษะความเป็นพลเมืองให้กับกลุ่ม เป้าหมาย ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรความเป็นพลเมืองจากภาคทฤษฎีสู่การปฏิบัติจริง รวมทั้งพัฒนาผู้เรียนให้ มีทักษะในการฟังและการเจรจาในเชิงสันติวัฒนธรรมอันเป็นพื้นฐานของความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นต้น 1.2 ยุทธศาสตร์ที่ 2 สร้างเครือข่ายและช่องทางเพื่อการขับเคลื่อน และขยายผลอย่างยั่งยืน โดยการ กำหนดให้มีช่องโทรทัศน์สำหรับเยาวชน (Youth channel) ในวัยต่าง ๆ ทุกระดับ เพื่อเป็นเวทีเตรียมเยาวชนรุ่น ใหม่ให้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น มีทักษะ เจตคติในการเป็นพลเมืองดีของสังคม และสร้างเครือข่ายเพื่อเชื่อมโยงและผลักดันการ ทำงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินงานเรื่องการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง 1.3 ยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างความตระหนักและระดมทรัพยากรจากทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการ พัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง โดยยกย่องบุคคล/สถานศึกษา/องค์กร เพื่อเป็นต้นแบบความเป็นพล เมืองที่พึงประสงค์สำหรับสังคมไทย และระดมทรัพยากรทั้งความชำนาญและงบประมาณจากทุกหน่วยงานทั้งภาค รัฐและเอกชนเพื่อสร้างอนาคตประเทศร่วมกัน 2. การดำเนินงาน แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ 2.1 ระยะเร่งด่วน เป็นการดำเนินกิจกรรมระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2553 2.2 ระยะกลาง เป็นการดำเนินกิจกรรมระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2553 2.3 ระยะยาว เป็นการดำเนินกิจกรรมระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน 2554
|
|||||||||||||||||||||
35855 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2553 | กค | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 41,812 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 4,151 โครงการ วงเงิน 36,369.63 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 37,661 โครงการ วงเงิน 307,417.42 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 8,110 โครงการ วงเงิน 30,666.47 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 283 โครงการ วงเงิน 10,503.38 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 7,827 โครงการ วงเงิน 20,163.09 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 29,551 โครงการ วงเงิน 276,750.95 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 29,551 โครงการ วงเงิน 252,146.74 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 2,258 โครงการ วงเงิน 14,339.89 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 25,968 โครงการ วงเงิน 159,636.39 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 1,325 โครงการ วงเงิน 26,764.77 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 27,293 โครงการ วงเงิน 186,401.16 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
35856 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวจิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี) | ทก | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนางสาวจิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (13 กรกฎาคม 2553) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
35857 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (เพิ่มเติม) (พลตำรวจตรี ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ และนายอภิชัย ชวเจริญพันธ์) | ทส | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรม
ป่าไม้ เพิ่มเติม จำนวน 2 คน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1. พลตำรวจตรี ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ 2. นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์
|
|||||||||||||||||||||
35858 | ผลการดำเนินงานสำคัญ ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ของรัฐบาล | พณ | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานสำคัญ ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ของรัฐบาล
(Creative Economy) ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) กรรมการและเลขานุ การคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชา ติ และประธานคณะอนุกรรมการบริหารนโยบายเศรษฐกิจ สร้างสรรค์ เสนอ โดยการดำเนินงานสำคัญ ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ประกอบด้วย 1. การจัดสรรงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 2. การแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนพันธสัญญาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของรัฐบาล 3. การจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ 4. การจัดตั้งสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Center of Excellence : COE) 5. การผลักดันหลักสูตรทรัพย์สินทางปัญญาและหลักสูตรเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในสถาบันการศึกษา 6. การเตรียมการจัดงานมหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์โลก (World Creative Economy Forum : WCEF)
|
|||||||||||||||||||||
35859 | การเยียวยาภาคธุรกิจต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ | พณ | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
35860 | รายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ตั้งแต่ 12 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป | พม | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานความคืบ
หน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ตั้งแต่ 12 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป ซึ่งมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ 1. ระยะเร่งด่วน 1.1 ให้คำปรึกษาแนะนำ จำนวน 1,094 ราย 1.2 มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้ที่ได้รับความเสียหายฯ เบื้องต้นรายละ 2,000 บาท และมอบ กระเช้าของขวัญมูลค่า 1,000 บาท แก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ 1.3 มอบอาหารพร้อมรับประทาน จำนวน 17,900 กล่อง 1.4 มอบเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 3,750 ชุด 1.5 ส่งผู้เสียหายกับภูมิลำเนา จำนวน 1,312 ราย พร้อมมอบเงินเป็นค่าอาหารรายละ 200 บาท 1.6 การช่วยเหลือเยียวยา มีผู้มายื่นคำร้อง จำนวน 1,722 ราย ได้ให้การช่วยเหลือไปแล้ว จำนวน 1,477 ราย เป็นเงิน 81,083,209 บาท 2. ระยะยาว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม จัดทำโครงการสำรวจความเดือดร้อนของประชาชนผู้ร่วมชุมนุมทางการเมือง โดยสำรวจ จัดเก็บและประมวลข้อมูล สภาพปัญหาความเดือดร้อนของผู้ร่วมชุมนุมทางการเมืองเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนทั้งใน ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายใน 1 เดือน
|
.....